ทหารไทยยึดขีปนาวุธนำวิถียุคใหม่จากกัมพูชาอาวุธหนักจีนรุ่นล่าสุด เปิดตัวปี 2025

ทหารไทยยึดขีปนาวุธนำวิถียุคใหม่จากกัมพูชา พบเป็นอาวุธหนักจีนรุ่นล่าสุด เปิดตัวปี 2025 สะเทือนสมรภูมิรบชายแดนไทย-กัมพูชา

เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2568 รายงานข่าวระบุว่า เพจเฟซบุ๊ก “Army Military Force” ได้เผยแพร่ภาพพร้อมข้อความตั้งข้อสังเกตถึงการปรากฏของอาวุธหนักและอาวุธทันสมัยในพื้นที่การสู้รบ โดยอ้างว่ามีประเทศมหาอำนาจประเทศหนึ่งแอบส่งอาวุธให้กับฝ่ายตรงข้าม ซึ่งเป็นอาวุธรุ่นใหม่ที่มีเทคโนโลยีใกล้เคียงกับระบบอาวุธของสหรัฐอเมริกา พร้อมระบุว่าฝ่ายไทยสามารถตรวจยึดอาวุธดังกล่าวได้เป็นจำนวนมาก และจะมีการเผยแพร่ข้อมูลเพิ่มเติมตามมา

รายงานล่าสุดจากแหล่งข่าวด้านความมั่นคงระบุว่า กำลังทหารไทยสามารถยึดระบบขีปนาวุธต่อต้านรถถังนำวิถียุคที่ 5 รุ่น GAM-102LR สัญชาติจีน จากทหารกัมพูชาในพื้นที่เนิน 677 ได้เป็นจำนวนมาก นับเป็นการค้นพบอาวุธหนักและอาวุธทันสมัยที่มีนัยสำคัญอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ในแนวรบ เนื่องจากขีปนาวุธรุ่นดังกล่าวเพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2025 และยังไม่เคยมีรายงานการใช้งานจริงในสนามรบมาก่อน

ข้อมูลด้านเทคนิคระบุว่า GAM-102LR เป็นขีปนาวุธนำวิถีต่อต้านยานเกราะ หรือ ATGM รุ่นที่ 5 ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากระบบขีปนาวุธ FGM-148 Javelin ของสหรัฐอเมริกา ผลิตโดยบริษัท Poly Defense ในเครือ Poly Technologies ผู้ผลิตอาวุธรายใหญ่ของจีน และถูกเปิดตัวครั้งแรกในงานนิทรรศการอาวุธยุทโธปกรณ์ EDEX ประจำปี 2025

ขีปนาวุธรุ่นนี้ถูกประเมินราคาต่อลูกอยู่ที่ประมาณ 112,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 3.53 ล้านบาท โดยตัวขีปนาวุธมีน้ำหนักประมาณ 52 กิโลกรัม จัดอยู่ในตระกูล GAM-10X และได้รับการออกแบบให้เป็นระบบอาวุธอเนกประสงค์พิสัยไกลพิเศษ มีคุณสมบัติ “ยิงแล้วลืม” (Fire-and-Forget) ควบคู่กับโหมด Man-in-the-Loop ที่ผู้ควบคุมสามารถปรับเปลี่ยนเป้าหมายหรือยกเลิกภารกิจได้ระหว่างการบิน

แหล่งข่าวระบุเพิ่มเติมว่า GAM-102LR สามารถใช้งานได้ทั้งในโหมด Lock-on-Before-Launch และ Lock-on-After-Launch มีหัวนำวิถีขั้นสูง ความแม่นยำสูง รองรับการโจมตีเป้าหมายที่อยู่นอกระยะสายตา และสามารถโจมตีได้หลากหลายเป้าหมาย ไม่จำกัดเฉพาะรถถังเท่านั้น แต่รวมถึงฐานที่มั่นทางทหาร ยานเกราะ สิ่งปลูกสร้าง และเป้าหมายทางเรือ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการยกระดับศักยภาพอาวุธในสนามรบอย่างมีนัยสำคัญ

การตรวจยึดอาวุธดังกล่าวครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นข้อมูลสำคัญด้านการข่าวและยุทธศาสตร์ เนื่องจากแสดงให้เห็นถึงการนำอาวุธล้ำสมัยเข้ามาใช้ในพื้นที่ความขัดแย้ง และอาจมีผลต่อการประเมินสถานการณ์ความมั่นคงในภูมิภาคในระยะต่อไป ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงอยู่ระหว่างการตรวจสอบที่มา เส้นทางการลำเลียง และความเชื่อมโยงของอาวุธดังกล่าวอย่างละเอียด

กัมพูชาระดมยิง BM-21 ถล่มบ้านเรือนกันทรลักษณ์ประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต 1

ทหารกัมพูชาได้ใช้อาวุธจรวด BM-21 โจมตีเข้าใส่พื้นที่เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ใจกลางแหล่งชุมชนและโรงเรียน ประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต 1 ราย

เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.256 เวลา 11.50 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ว่าฝ่ายกัมพูชาได้ใช้อาวุธจรวด BM-21 โจมตีเข้าใส่พื้นที่ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งอยู่บริเวณใจกลางแหล่งชุมชนและโรงเรียนเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ประชาชนเสียชีวิต 1 ราย คือ นายดร ปัจฉาพันธ์ อายุ 63 ปี จากสะเก็ดระเบิด พร้อมส่งผลให้เกิดไฟไหม้บ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงเสียหาย 1 หลัง ส่วนรายละเอียดผู้บาดเจ็บกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ

กองทัพบกขอประณามการกระทำของฝ่ายกัมพูชาต่อเวทีประชาคมระหว่างประเทศ ที่ยังคงใช้อาวุธโจมตีใส่พื้นที่พลเรือนซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการทางทหารเป็นวันที่สอง เป็นเหตุให้พลเรือนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต จากเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นหลักฐานที่ชี้ชัดถึงเจตนาของฝ่ายกัมพูชาที่ละเมิดต่อหลักสิทธิมนุษยชนและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างร้ายแรง

.

ตำรวจบุกรวบหนุ่มวัยคะนอง พรากเด็กอายุ 13 ปีกระทำชำเราหนีกบดานลาดพร้าว

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม สภ.เมืองสุโขทัย และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม สน.โชคชัย ร่วมกันจับกุม นายสมเกียรติฯ อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสุโขทัย ที่ จ.89/2566 ลงวันที่ 11 เมษายน 2566 

โดยกล่าวหาว่า “พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจาร, พาเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่อการอนาจารแม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม, กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม”

สถานที่จับกุม บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง โชคชัย4 ซอย54 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร

พฤติการณ์ เมื่อวันที่ 19 ส.ค.65 ผู้ต้องหา ได้มารับ ด.ญ. อายุ 13 ปี ที่หน้าโรงเรียนแห่งหนึ่งเพื่อพาไปที่บ้านหลังหนึ่ง ม.10 ต.ยางซ้าย อ.เมืองสุโขทัย จ.สุโขทัย ก่อนจะกระทำชำเรา ผู้แจ้งซึ่งเป็นบิดา จึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมสืบทราบ ว่า นายสมเกียรติฯ ได้อยู่บริเวณ โชคชัย4 ซอย 54 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้เดินทางไปตรวจสอบ พบนายสมเกียรติฯ ได้เดินอยู่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง โชคชัย4 ซอย54 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าแสดงตน แสดงความบริสุทธิ์ใจจนเป็นที่พอใจแล้ว จึงได้แสดงหมายจับศาลจังหวัดสุโขทัย ให้ นายสมเกียรติฯ ดูและให้อ่านเองจนเป็นที่เข้าใจดีแล้ว รับว่าตนเองเป็นบุคคลคนเดียวกัน

ตามหมายจับของศาลฯ นี้จริงและยังไม่เคยถูกจับกุมดำเนินคดีตามหมายจับนี้มาก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งให้ นายสมเกียรติฯ ทราบว่าจะต้องถูกจับกุม แจ้งข้อหาและแจ้งสิทธิ์ตามกฎหมาย  ก่อนจะควบคุมตัวมาทำบันทึกจับกุมที่ สน.โชคชัย เพื่อนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุโขทัย ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เมืองสีเขียวต้นแบบ “ธพส”เนรมิตร“City of Green Lifestyles”สวนทางเชื่อมอาคาร B–C ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ

ธพส.เปิดตัว “City of Green Lifestyles” เปิดสวนทางเชื่อมอาคาร B–C ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ เดินหน้าสร้างต้นแบบเมืองสีเขียวที่มีชีวิตมีลมหายใจอย่างยั่งยืน เป็นเมืองต้นแบบที่มีพื้นที่สร้างสุขภาวะทั้งกายและใจอย่างแท้จริง

เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2568 ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดงาน Grand Opening: “City of Green Lifestyles”เปิดสวนทางเชื่อมอาคาร B–C ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 โดยมี ดร.นาฬิกอติภัค แสงสนิท กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด พร้อมด้วยผู้บริหาร ธพส. ให้การต้อนรับ ร่วมด้วยผู้บริหารหน่วยงานภายในศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ สื่อมวลชน และประชาชนที่สนใจเข้าร่วมงานคับคั่ง

ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครกำลังเผชิญความท้าทายจากความหนาแน่นของอาคาร การจราจร และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเพิ่มพื้นที่สีเขียวจึงไม่ใช่เพียงเรื่องความสวยงาม แต่เป็นความจำเป็นต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน พร้อมชื่นชมบทบาทของ ธพส.ที่พัฒนาพื้นที่สีเขียวของศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯอย่างต่อเนื่อง จนมีพื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้นกว่า 47 ไร่ และเมื่อรวมพื้นที่ในศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ทั้งหมดจะเพิ่มเป็นกว่า 138 ไร่เปรียบเสมือน “เมืองสีเขียว” ที่มีสวนกระจายอยู่ทั่วพื้นที่

“พื้นที่สวนทางเชื่อมอาคาร B–C ขนาด 5.1 ไร่ และอุโมงค์ลอดรถยนต์ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ได้เปลี่ยนพื้นที่โครงสร้างแข็งในอดีตให้เป็นพื้นที่สาธารณะที่ประชาชนสามารถใช้งานได้จริง ทั้งเป็นทางเดินเชื่อมต่อ ลานกิจกรรม และพื้นที่พักผ่อน สอดคล้องกับแนวคิดเมืองที่เดินได้ เมืองที่หายใจได้ และเมืองที่ทุกคนเข้าถึงพื้นที่สีเขียวอย่างเท่าเทียม นับเป็นหนึ่งในตัวอย่างสำคัญของการออกแบบระบบนิเวศเมืองภายใต้แนวคิด ESG และ BCG Model ที่สามารถนำไปขยายผลพัฒนาพื้นที่สีเขียวในพื้นที่อื่นๆ ได้ต่อไปได้เป็นอย่างดี และอยากให้ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯแห่งนี้ เป็นต้นแบบ “City of Green Lifestyles” ต้นแบบเมืองราชการยั่งยืนที่มีชีวิตมีลมหายใจ เป็นพื้นที่สร้างสุขภาวะทั้งกายและใจให้แก่ประชาชน” ผู้ว่า กทม.กล่าวย้ำ

ด้าน ดร.นาฬิกอติภัค แสงสนิท กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด กล่าวว่า “City of Green Lifestyles” เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของ ธพส.ในการพัฒนาศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ให้เป็น Healthy & Green City เมืองราชการที่ผสานชีวิตคนเมืองกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน เปิดโอกาสให้ทั้งประชาชนและเจ้าหน้าที่ราชการสามารถใช้พื้นที่สาธารณะร่วมกันได้อย่างเท่าเทียม

ดร.นาฬิกอติภัค กล่าวต่อว่า การออกแบบสวนแห่งนี้ให้ความสำคัญกับการลดความร้อนสะสม เพิ่มพื้นที่ซึมน้ำ เพิ่มร่มเงาไม้ใหญ่ และสร้างลานกิจกรรมที่รองรับการพักผ่อน การออกกำลังกาย และกิจกรรมของชุมชน พร้อมทำหน้าที่เป็น “สะพานสีเขียว” เชื่อมพื้นที่ต่างๆ ของศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ให้ต่อเนื่องกันเป็นเครือข่ายพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ตอบโจทย์ทั้งการทำงาน คุณภาพชีวิต และสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน

“ธพส.ยังคงเดินหน้าพัฒนาอาคารต้นแบบด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม เช่น อาคาร C และอาคารพดด้วง เพื่อยกระดับศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ สู่การเป็น ต้นแบบเมืองราชการยั่งยืน ที่มีชีวิต มีลมหายใจ และเป็นพื้นที่สร้างสุขภาวะทั้งกายและใจให้แก่ประชาชน โดยการเปิดตัวสวนทางเชื่อมอาคาร B–C ในครั้งนี้ จึงนับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของการพัฒนาเมืองที่แสดงให้เห็นว่า การเพิ่มพื้นที่สีเขียวและพื้นที่สาธารณะในเมืองใหญ่สามารถทำได้จริง และสร้างผลลัพธ์เชิงบวกต่อคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม” กรรมการผู้จัดการ ธพส. กล่าวย้ำ

“สุรจนา” คว้าเหรียญทอง รุ่น 53 กิโลกรัม หญิง ซีเกมส์ครั้ง33

รุ่น 53 กิโลกรัม หญิง มีชิงชัย 8 คน ทีมไทยส่ง “ออย” สิบตรีหญิง สุรจนา คำเบ้า เจ้าของเหรียญทองแดงโอลิมปิกเมส์ ”ปารีส 2024“ ลุ้นเหรียญรางวัล โดยท่าสแนทช์ สุรจนา ยกผ่านรวด 84, 87 และ 89 กิโลกรัม/ ท่าคลีนแอนด์เจิร์ก สุรจนา ยกผ่านรวด สถิติ 107, 110, 115 กิโลกรัม ทำให้น้ำหนักรวมมี 204 กิโลกรัม คว้าเหรียญทองที่ 2 ให้ทีมจอมพลังไทย

ส่วน เหรียญเงินเป็นของ ฮอย เฮือง เหงียน จากเวียดนาม 197 กิโลกรัม (ท่าสแนทช์ 88 กิโลกรัม, ท่าคลีนแอนด์เจิร์ก 109 กิโลกรัม) และ เหรียญทองแดง ยาร์ นอว์ ตา โบ จากเมียนมา 191 กิโลกรัม (ท่าสแนทช์ 81 กิโลกรัม, ท่าคลีนแอนด์เจิร์ก 110 กิโลกรัม)

หลังจบการแข่งขัน สุรจนา กล่าวว่า พอใจกับสถิติมาก แม้จะผ่านเวทีโอลิมปิกเกมส์มาแล้ว แต่ยอมรับว่ารู้สึกกดดันเพราะลงแข่งขันในประเทศไทย ต้องพยายามทำให้ดีที่สุด ต้องตั้งสมาธิให้นิ่ง หลังจากนี้จะกลับไปฝึกซ้อมให้แข็งแกร่งมากขึ้น เพื่อเตรียมตัวลงแข่งขันในรายการต่อๆ ไป

ในการนี้ พลตรีหญิง ท่านผู้หญิง อรอนงค์ ปิยนาฏวชิรพัทธ์ ประธานกรรมการที่ปรึกษาโครงการส่งเสริมการกีฬาเพื่อพัฒนาชาติไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นประธานมอบเหรียญรางวัลในรุ่นนี้ด้วย

สรุปผลงานทีมจอมพลังไทยเปิดฉากอย่างสวยงามลงแข่งขัน 3 รุ่น คว้ามาได้ 2 เหรียญทอง และ 1 เหรียญเงิน โดยเป็นการยกผ่านรวดทั้งหมดทุกคน

ดับฝัน “ผู้สมัครอบต.ขอนแก่น”ตำรวจไซเบอร์บุกจับลักลอบขายปืนเถื่อน

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.3 ได้สืบทราบว่ามีผู้ลักลอบจำหน่ายอาวุธปืนผิดกฎหมายผ่านแอปพลิเคชันเฟซบุ๊ก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แฝงตัวเป็นลูกค้าติดต่อขอซื้ออาวุธปืนยาว จนมีการตกลงซื้อขายกันในราคา 12,000 บาท และนัดส่งมอบของกันที่ปั้มน้ำมันแห่งหนึ่งใน อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น

ต่อมา พ.ต.อ.ประเสริฐ หวังบุญสร้าง ผกก.2 บก.สอท.3 ได้ส่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนในสังกัด สนธิกำลังร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชุมแพ ลงพื้นที่เพื่อร่วมกันติดตามจับกุมกรณีดังกล่าว โดยเมื่อถึงเวลานัดหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดกำลังซุ่มรอ แต่ปรากฎว่าผู้ขายได้ขอเปลี่ยนสถานที่เป็นริมถนนสาธารณะซึ่งอยู่ห่างจากปั๊มน้ำมัน (สถานที่นัดกันตอนแรก) ออกไปประมาณ 700 เมตร เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เปลี่ยนไปดักซุ่มอยู่ริมถนนตามที่ผู้ขายแจ้งมา

จากนั้นไม่นานก็พบรถกระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน สีดำ ขับเข้ามา เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปลอมตัวจึงได้มอบเงินล่อซื้อ จำนวน 2,000 บาท ให้ผู้ขายก่อน แล้วขอตรวจดูอาวุธปืนที่นำมาส่งให้ แต่ระหว่างนั้น ผู้ขายมีท่าทีเหมือนจะไหวตัวทันและพยายามจะขับรถหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจที่วางกำลังอยู่จึงได้แสดงตัวและเข้าควบคุมตัวเพื่อตรวจค้นได้ทันเวลา

จากการตรวจค้น พบของกลางเป็น อาวุธปืนยาวขนาดลำกล้อง 12 นิ้ว ไม่มีทะเบียน จำนวน 1 กระบอก ลำกล้องปืนจำนวน 1 ชิ้น ลูกกระสุนปืนลูกซองขนาด 12 เกจ จำนวน 6 นัด กระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 30 นัด โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง และ ธนบัตร (ล่อซื้อ) ฉบับละ 1000 บาท จำนวน 2 ฉบับ ทราบชื่อผู้ต้องหาคือ นายกอล์ฟ (สงวนชื่อ-สกุลจริง) พบทำหน้าที่เป็นชุดรักษาความปลอดภัยของหมู่บ้าน (ชรบ.) แห่งหนึ่ง และยังเป็นผู้สมัคร อบต. ในเขตพื้นที่หนึ่งของ จ.ขอนแก่นอีกด้วย

เบื้องต้น นายกอล์ฟ รับสารภาพว่าตนเองได้โพสต์ขายอาวุธปืนดังกล่าวจริง โดยสั่งซื้อมาจากผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งซึ่งไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว ในราคา 3,500 บาท จากนั้นจึงนำมาขายต่อในราคา 12,000 บาท เพื่อทำกำไร กระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวในที่สุด

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจับกุมในข้อหา “จำหน่ายอาวุธปืนสำหรับการค้าโดยมิได้รับอนุญาต”, “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” และ “พาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรและไม่ได้รับอนุญาต” นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมเร่งขยายผลไปยังที่มาของอาวุธปืนดังกล่าวและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพิ่มเติม เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดต่อไป

‘นาวิกโยธิน’ปะทะเดือด! ยึดคืนพื้นที่บ้าน 3 หลัง จ.ตราด ปักธงชาติไทยยืนยันอธิปไตย

กองทัพเรือเปิดปฏิบัติการปะทะเดือดทหารกัมพูชายึดคืนพื้นที่บ้าน 3 หลัง หนองรี ต.ชำราก จ.ตราด ยืนยันอธิปไตยไทย บริเวณโดยรอบพื้นที่ยังคงมีการปะทะเป็นระยะ

เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.2568  พล.ร.ต.ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ (โฆษก ทร.) กล่าวว่า  กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) และหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด (ฉก,นย.ตราด) ได้เปิดปฏิบัติการทางทหารเพื่อยึดคืนพื้นที่อธิปไตยของไทย บริเวณบ้าน 3 หลัง บ้านหนองรี ต.ชำราก อ.เมือง จ.ตราด ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายตรงข้ามรุกล้ำเข้ามาอยู่ในเขตดินแดนของประเทศไทย

การปฏิบัติการดังกล่าวเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้ามืด โดยมีการปะทะกันอย่างหนักในพื้นที่ ภายใต้หลักการใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล และการรักษาอธิปไตยของชาติเป็นสำคัญ

โดย เมื่อเวลา 07.20 น. ทร.สามารถควบคุมและยึดพื้นที่ดังกล่าวได้แล้ว และขับไล่กองกำลังฝ่ายตรงข้ามออกจากพื้นที่ได้ทั้งหมด พร้อมทั้งได้ดำเนินการปักธงชาติไทยในพื้นที่ เพื่อแสดงถึงการยืนยันอธิปไตยของประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่บ้านหนองรีโดยรอบยังคงมีการปะทะกันเป็นระยะ จากการพยายามตอบโต้ของฝ่ายตรงข้าม กำลังของหน่วยนาวิกโยธินที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ดำเนินการควบคุมสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ภายใต้หลักความจำเป็นและได้สัดส่วน เพื่อรักษาความมั่นคงของพื้นที่ และป้องกันไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามกลับเข้ามารุกล้ำอธิปไตยของประเทศไทยอีก.

ยิ่งใหญ่อลังการ!คาราวานรถคลาสสิค 1,000 คัน “Chang Classic Car Revival 2025″กระหึ่มสนามช้างฯบุรีรัมย์

น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง ร่วมกับ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ สังเวียนความเร็วระดับโลกของไทย สานต่อความสำเร็จปีที่ 6 จัดงาน “ช้าง คลาสสิค คาร์ รีไววัล 2025” สุดยอดเทศกาลรถคลาสสิคและรถสปอร์ตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไทย-อาเซียน ในวันเสาร์และอาทิตย์ที่ 13-14 ธันวาคม 2568 ยกระดับความมันส์ครบวงจร ทั้งการแข่งขัน การจัดแสดง และกิจกรรมเพื่อสังคม พร้อมรถคลาสสิคและรถหายากเข้าร่วมกว่า 1,000 คัน

ความพิเศษในปีนี้ นอกจากจะเป็นเทศกาลสำหรับคนรักรถที่มาพร้อม Vibe ดี ท้าลมหนาว สนามระดับโลกแห่งนี้ยังทำหน้าที่เป็น “ศูนย์อพยพสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต” ซึ่งเป็นศูนย์พักพิงหลักของ จ.บุรีรัมย์ เพื่อรองรับผู้อพยพกว่า 10,000 คน โดยทางผู้จัดประกาศ เปิดให้ผู้อพยพและประชาชนทั่วไป สามารถเข้าชมงานได้ฟรี ตลอด 2 วันเต็ม พร้อมเข้าบริจาคสิ่งของและเยี่ยมเยียนประชาชนในศูนย์อพยพ จากผู้สนับสนุนหลักอย่างน้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง รวมทั้งกลุ่มดารา-คนดัง และคนรักรถคลาสสิคอย่างคับคั่ง

ในปีนี้มี ดารา ศิลปินคนดังที่รักรถคลาสสิคมาร่วมงาน อาทิ ชาช่า- อริต์ตา รามณรงค์, ป๋อง-กพล ทองพลับ, ไต้ฝุ่น-ตากเพชร เลขาวิจิตร, เบนซ์ เรซซิ่ง- อริย์ธัช วรโรจน์เจริญเดช

ผลการแข่งขันอย่างเป็นทางการ ปรากฏว่า  “ชาช่า” อริต์ตา รามณรงค์ ดารานักแสดงที่ชื่นชอบรถคลาสสิค ที่ลงแข่งขันแดร็กทางตรงสุดเดือด ระยะ 201 เมตร ในรายการ Chang Classic Revival Drag 1/8 mile สามารถ คว้าแชมป์ และได้รับถ้วยรางวัลที่สูงที่สุดในประเทศไทยไปครอง ด้วยเวลา 10.197 วินาที โดยกล่าวว่า “ปีนี้เป็นปีแรกที่มาร่วมงานถึง 3 วันเต็ม และตื่นเต้นมากที่ได้นำรถคันโปรดรุ่นคุณปู่มาแข่งขันในสนามระดับโลก”

ขณะที่ ”เบนซ์ เรซซิ่ง“ อริย์ธัช วรโรจน์เจริญเดช ทำผลงานยอดเยี่ยมคว้าอันดับ 2 ในรอบซ้อมของการแข่งขัน ช้าง คลาสสิค แอนด์ เรโทร มอเตอร์ไซเคิล กรุ๊ป 1 คลาส Under 750 (80’s-90’s) โดยใช้รถฮอนด้า NSR250 ทำเวลาต่อรอบ 2 นาที 3.552 วินาที

ด้าน ป๋อง- กพล ทองพลับ ซึ่งร่วมงานเป็นปีที่ 2 เปิดเผยว่า “งานนี้เป็นเทศกาลที่คนรักรถคลาสสิคไม่ควรพลาดจริงๆ ปีนี้ได้ลองนั่งรถไฟจากกรุงเทพฯ มาบุรีรัมย์เป็นครั้งแรก พอถึงสถานีก็มีกลุ่มเพื่อนขับรถคลาสสิคเปิดประทุนมารอรับ เพื่อพาเที่ยวในบุรีรัมย์และเข้าร่วมงาน พร้อมทั้งยืนยันว่าสถานที่จัดงานอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ผู้ที่สนใจสามารถเดินทางมาร่วมชมงานได้ โดยงานจัดอย่างยิ่งใหญ่และมีเพียงปีละครั้งเท่านั้น”

งาน Chang Classic Car Revival 2025 จัดเต็มด้วยกิจกรรมหลักสำหรับชาวสองล้อและรถยนต์สายเก๋าจอมซิ่ง พิสูจน์สมรรถนะคันโปรดในสนามระดับโลก จัดเต็มครบรสที่คนรักรถคลาสสิคไม่ควรพลาด อาทิ ขบวนพาเหรดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไทยทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์, การประกวดรถคลาสสิค และมอเตอร์โชว์ของคลาสสิค ชมรถสะสมหายาก โดยมีกลุ่มรถคลาสสิกชื่อดังร่วมงาน เช่น กลุ่ม American Car Club Thailand, Classic Mini Revival, Veloce, Alfa City, หมู่บ้านเพนกวิน, Faroib Autosport ที่ยกทีมกันมาจากมาเลเซีย, K-Car Classic ฯลฯ

•ขบวนพาเหรดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไทย-อาเซียน ของรถคลาสสิคทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์

•คลาสสิค แทร็กเดย์, มินิ ชาเลนจ์ การแข่งขันรถยนต์ทางเรียบแบบวันเมคเรซของรถมินิคูเปอร์ รถเล็กสเปคจี๊ด, คลาสสิค จิมคาน่า แบทเทิล

เปิดให้ผู้อพยพและประชาชนทั่วไป ร่วมงานฟรี รวมทั้งกิจกรรม Grid Walk วันอาทิตย์ที่ 14 ธ.ค. เวลา 17.00 น. อีกหนึ่งสีสันที่จะได้ชมรถสวยๆนับร้อยคันอย่างใกล้ชิดบริเวณกริดสตาร์ต บนสนามแข่งระดับโลก พร้อมถ่ายรูปสวยๆเป็นที่ระลึก

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีบูธสินค้าของตกแต่งรถ และร้านอาหารชื่อดังชั้นนำของจังหวัดบุรีรัมย์ให้บริการอย่างเต็มที่

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือรับชมทางออนไลน์ได้ทางเพจ Chang Circuit Buriram

.

“เจ้าแข็งแกร่ง-เจ้างาบิด”หิวโซออกจากป่าบุกปล้นพังยุ้งข้าวชาวบ้านพังยับ

ปราจีนบุรี- 2ช้างป่าเขาอ่างฤาไน “เจ้าแข็งแกร่ง-เจ้างาบิด”ออกจากป่าหิวโซบุกพังยุ้งข้าวปล้นข้าวเปลือกกลางดึก ล่าสุดกรมอุทยานฯมีโครงการศึกษาการให้วัคซีนคุมกำเนิดระยะยาวในช้างป่า กลุ่มป่าตะวันออก ที่จะใช้วัคซีนที่คงเหลือจำนวน 18 โดส จากโครงการนำร่องฯ ทดสอบในช้างป่ากลุ่มป่าตะวันออกควบคุมประชากรที่เพิ่มขึ้น

เจ้าหน้าที่ชุดจิตอาสาเฝ้าระวังช้างป่าตำบลลาดตะเคียน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี แจ้งว่า มีช้างป่าจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จังหวัดฉะเชิงเทรา(ป่าลุ่มต่ำผืนสุดท้ายของไทยในพื้นที่ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก จ.ฉะเชิงเทรา จ.สระแก้ว จ.จันทบุรี จ.ระยอง จ.ชลบุรี) บุกข้ามฝั่งจากแปดริ้ว หรือ จ.ฉะเชิงเทราข้ามมาหากินไกลถึง จ.ปราจีนบุรี หิวจัดบุกพังรื้อยุ้งข้าวประชาชนที่บ้านเลขที่ 67/1หมู่ที่ 7 บ้านหนองตลาด ต.ลาดตะเคียน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ช่วงเมื่อกลางดึกวันที่ 12ธ.ค. ที่ผ่านมา หลังรับแจ้งชุดจิตอาสาลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่าช้างป่าได้ออกจากบ้านของประชาชนไปแล้ว

ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านเลขที่หลังดังกล่าว ซึ่งเป็นบ้านของนายบุญเรือง กุลยาอ้น อายุ 69 ปี อยู่บ้านเลขที่ 67/1 หมู่ที่ 7 ข้างบ้านหลังดังกล่าวเป็นยุ้งฉางปลูกติดดินข้าวหลังคามุงกับฝามุงด้วยสังกะสี บริเวณด้านหน้ายุ้งข้าวพังเสียหายและมีถุงปุ๋ยที่ใส่ข้าวเปลือกอยู่ในยุ้งกองอยู่ด้านในซึ่งเป็นข้าวเปลือกเก่า200 กระสอบปุ๋ยข้าวเปลือกใหม่อีกเกือบ200กระสอบปุ๋ยบริเวณด้านหน้าพบถุงปุ๋ยที่ใส่ข้าวเปลือกถูกลากออกมาบริเวณด้านนอกเมล็ดข้าวเปลือกกระจัดกระจายเกลื่อนพื้น

นายบุญเรืองฯกล่าวว่า  ช่วงเมื่อคืนกลางดึกเวลาประมาณ 22:00 น:00 น.วันที่ 13 ธ.ค.เศษขณะที่ตนเองกับภรรยาและหลานกำลังนั่งดูทีวีอยู่บนบ้านและได้ยินเสียงสังกะสีดังโครมใหญ่ จึงเอาไฟฉายมาส่องดูทันใดนั้นหัวใจแทบวายเห็นช้างตัวสูงใหญ่มีงายาวเกือบ 1 ศอกยืนสะบัดหูสะบัดถุงข้าวเปลือก 

จากนั้นวางถุงข้าวเปลือกลงและกินข้าวเปลือกในถุง ซึ่งขณะนั้นช้างมองมายังตนเองและพร้อมกับส่งเสียงขู่เสียงดัง จนตนยืนตัวสั่นอยู่ข้างรถอีแต๋น ห่างจากยุ้งข้าวที่ช้างกำลังยืนกินข้าวเปลือกอยู่20เมตรเศษ ค่อยๆรวบรวมสติไม่ให้มือสั่นจากนั้นจุดประทัดไล่ช้างออกไปให้พ้นจากยุ้งข้าว

และรีบแจ้งชุดจิตอาสาฯกับผู้ใหญ่บ้านให้ทราบ ชุดจิตอาสาได้มาแกะรอยช้างป่าและผลักดันออกจากหมู่บ้าน และมีคนพบเห็นช้างพลายเจ้างาบิด ใช้งวงจับหางเจ้าแข็งแกร่งเดินเข้าป่าอ้อยหายไปรวม2 ตัว

ด้านนายจิรภัทร ท่าข้าม จิตอาสาเฝ้าระวังช้างป่าตำบลลาดตะเคียนกล่าวว่า  ช่วงดึกเมื่อคืนได้รับแจ้งว่าช้างบุกพังยุ้งข้าวของประชาชน จึงรีบออกไปตรวจสอบบริเวณข้างบ้านหลังดังกล่าวและพบช้าง 2 ตัว  สูงใหญ่มากอยู่ห่างจากบ้านประชาชนประมาณ 300 เมตร

จึงใช้โดรนจับความร้อนบินสำรวจดูพบว่าช้าง 2 ตัว อยู่ในป่าอ้อยและพบว่าทั้งคู่ชนกันอยู่ในป่าอ้อย และหนีเข้าป่าไป กระทั่งช่วงเช้าที่ผ่านมาได้นำโดรนบินสำรวจจึงพบช้าง 2-3 ตัวอยู่ในป่าอ้อยข้างฟาร์มหมู  ซึ่งห่างจากบ้านเรือนประชาชนประมาณ 500 เมตร ซึ่งในช่วงเย็นนี้หลังจากโขลงช้างพักผ่อน จะทำการผลักดันโขลงช้างกลุ่มของเจ้าแข็งแกร่งและเจ้างามบิดออกจากพื้นที่ดังกล่าวเพื่อความปลอดภัย

สำหรับปัญหาช้างป่าออกนอกผืนป่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จ.ฉะเชิงเทรา (ป่าลุ่มต่ำผืนสุดท้ายของไทยในพื้นที่ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก จ.ฉะเชิงเทรา จ.สระแก้ว จ.จันทบุรี จ.ระยอง จ.ชลบุรี) พบปัญหาช้างป่าออกนอกผืนป่าตลอดทั้งปี มากที่สุดช่วงหน้าแล้ง ปัญหาจากจำนวนประชากรช้างป่าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สัตว์ป่าขาดแคลนอาหารแหล่งที่อยู่อาศัยจำกัดไม่เพียงพอ โดยออกนอกรอบผืนป่า 5 จังหวัดภาคตะวันออก จ.ฉะเชิงเทรา จ.สระแก้ว จ.จันทบุรี จ.ระยอง จ.ชลบุรี และ จ.ปราจีนบุรีมีผลกระทบระหว่าง คน กับช้างป่าหลากหลายปัญหา ทั้งลำลายที่พักอาศัย กัดกินผลผลิตทางการเกษตร ทำร้ายคน-เจ้าหน้าที่บาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ช้างป่า ถูกยิง ถูกไฟฟ้าช๊อต ถูกรถชนบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ฯลฯ

ล่าสุด กรมอุทยานฯ เตรียมความพร้อม! แผนศึกษาให้วัคซีนคุมกำเนิดช้างป่า พื้นที่ป่าตะวันออก ด้วยการอำนวยการของนายสุขี บุญสร้าง ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า ศูนย์ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสัตว์ป่า โดย นายเจริญชัย โตไธสง ผู้อำนวยการศูนย์ฯ ได้จัดประชุมคณะทำงานให้วัคซีนคุมกำเนิดในช้างป่ากลุ่มป่าตะวันออก ครั้งที่ 2/2568 ร่วมกับ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งเคยดำเนินโครงการนำร่องวัคซีนคุมกำเนิดระยะยาวในช้างป่าเอเชีย หารือเพื่อเตรียมความพร้อมแนวทางและวิธีการสำหรับการให้วัคซีนคุมกำเนิดในช้างป่า

ตามโครงการศึกษาการให้วัคซีนคุมกำเนิดระยะยาวในช้างป่า กลุ่มป่าตะวันออก ที่จะใช้วัคซีนที่คงเหลือจำนวน 18 โดส จากโครงการนำร่องฯ ทดสอบในช้างป่ากลุ่มป่าตะวันออก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากช้างป่า เพื่อรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้านก่อนพิจารณาเลือกวิธีการใดๆ เพื่อควบคุมการเพิ่มขึ้นของประชากรช้างป่าในอนาคตต่อไป โดยช้างป่าที่จะดำเนินการให้วัคซีนคุมกำเนิดจะเป็นช้างป่าเพศเมียเต็มวัย ที่เคยให้ลูกแล้ว หากินและอาศัยอยู่นอกพื้นที่ป่าซึ่งสร้างผลกระทบต่อราษฎรในพื้นที่

ทั้งนี้ที่ประชุมได้มีการหารือในประเด็น การเลือกกลุ่มช้างเป้าหมายและการกำหนดอัตลักษณ์ช้างป่า ซึ่งที่ประชุมได้เสนอฝูงช้างป่าที่มีลักษณะตรงตามคุณสมบัติ จำนวน 3 ฝูง ได้แก่ ฝูงช้างป่าในพื้นที่อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา ฝูงช้างป่าในพื้นที่อำเภอแก่งหางแมว จังหวัดจันทบุรี และฝูงช้างป่าในพื้นที่ อำเภอบ่อไร่ จังหวัดตราดรวมถึงประเด็นการเก็บรักษาและการใช้วัคซีนคุมกำเนิด การเตรียมบุคลากรและอุปกรณ์การพิจารณารูปแบบและวิธีการให้วัคซีนคุมกำเนิด และการเก็บข้อมูลภายหลังการให้วัคซีน

หลังจากนี้ศูนย์ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสัตว์ป่า จะสรุปข้อมูลจากกการประชุมหารือเสนอต่อคณะกรรมการอำนวยการให้วัคซีนคุมกำเนิดในช้างป่ากลุ่มป่าตะวันออก และคณะกรรมการกำหนดแผนงานการให้วัคซีนคุมกำเนิดช้างป่าเพื่อพิจารณาต่อไป ซึ่งคาดว่าจะเริ่มให้วัคซีนได้ภายใน 1 – 2 เดือนหลังจากนี้

โดย…มานิตย์ สนับบุญ-ข่าว/ ทองสุข สิงห์พิมพ์-ภาพ / ปราจีนบุรี ###

กองทัพเรือประกาศเคอร์ฟิว 5 อำเภอจังหวัดตราด ห้ามออกนอกบ้าน เริ่มวันนี้

กองทัพเรือประกาศเคอร์ฟิว ห้ามออกนอกเคหะสถานช่วง 1 ทุ่ม ถึง ตี 5 ในพื้นที่ อ.เมืองตราด คลองใหญ่ บ่อไร่ เขาสมิง แหลมงอบ ตั้งวันที่ 14 ธ.ค.2568 เป็นต้นไป

พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ ชี้แจงว่า กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) ขอเรียนให้ประชาชนทราบว่า จากสถานการณ์ด้านความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนจังหวัดตราด ซึ่งมีความจำเป็นต้องยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัย เพื่อป้องกันการสอดแนม การก่อวินาศกรรม และการกระทำใด ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยของประชาชน และความมั่นคงของประเทศ

กปช.จต. จึงได้ออกประกาศกำหนดเวลาห้ามบุคคลออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) ในช่วงเวลา 19.00 น. ถึง 05.00 น. ในพื้นที่ จังหวัดตราด ครอบคลุมอำเภอคลองใหญ่ อำเภอบ่อไร่ อำเภอแหลมงอบ อำเภอเขาสมิง และอำเภอเมืองตราด เว้นอำเภอเกาะช้าง แงะอำเภอเกาะกูด

ทั้งนี้ เป็นไปตามอำนาจแห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช ๒๔๕๗ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมสถานการณ์ด้านความมั่นคงเชิงป้องกัน และสร้างความปลอดภัยในภาพรวม มิได้มีเป้าหมายจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนโดยไม่จำเป็น

กองทัพเรือยืนยันว่า การบังคับใช้มาตรการดังกล่าวจะดำเนินการอย่างเหมาะสม รอบคอบ และยึดหลักความจำเป็นและได้สัดส่วน โดยคำนึงถึงการดำรงชีวิต การประกอบอาชีพ และความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่เป็นสำคัญ เพื่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด ทั้งนี้ กรณีมีเหตุจำเป็นเร่งด่วน ประชาชนสามารถขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่ายปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายในพื้นที่ได้ตามระเบียบที่กำหนด

กองทัพเรือขอความร่วมมือจากประชาชนในการปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวอย่างเคร่งครัด และขอให้ติดตามข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานราชการเป็นหลัก เพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนหรือข่าวสารที่บิดเบือน โดยมาตรการนี้จะมีการประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และพร้อมปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมตามระดับความจำเป็นของสถานการณ์

กองทัพเรือขอยืนยันความมุ่งมั่นในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อรักษาอธิปไตย ความมั่นคง และความปลอดภัยของประเทศ พร้อมยืนหยัดเคียงข้างและดูแลความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่อย่างเต็มกำลัง

.