“คาราบาวเเดง” ระเบิดศึกทัวร์นาเมนต์ฟุตบอล 7 คน ครั้งประวัติศาสตร์ของไทย พา”เเชมป์ไปดูแชมป์” บินลัดฟ้าชมศึก “คาราบาวคัพ” ถึงอังกฤษแบบยกทีม!!

“คาราบาวแดง” สินค้าระดับโลก แบรนด์ระดับโลก ผู้สนับสนุนการแข่งขันฟุตบอลระดับโลก Carabao Cup ที่ประเทศอังกฤษ อย่างเป็นทางการ จับมือกับ “Siamsport” จัดทัวร์นาเมนต์ฟุตบอล 7 คน Carabao 7-a-Side Cup ครั้งประวัติศาสตร์ ยิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองไทย มอบประสบการณ์ ล้ำค่าพา “ทีมแชมป์” รับรางวัลใหญ่ บินลัดฟ้าสู่เมืองหลวงแห่งลูกหนัง ประเทศอังกฤษ ชมศึก Carabao Cup ฤดูกาล 22/23 รอบชิงชนะเลิศ ติดขอบสนามเวมบลีย์ แบบยกทีม!! พร้อมถ้วยรางวัลอันทรงเกียรติ และรางวัลอื่นๆ รวมรางวัลมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท ประเดิมการแข่งขันสนามแรก โซนกรุงเทพฯ ก่อนออกเดินทางคัดเลือกทั่วประเทศ

กระแสตอบรับอย่างล้นหลาม!! สำหรับการแข่งขันฟุตบอล 7 คนครั้งประวัติศาสตร์ “Carabao 7-a-Side Cup” แชมป์ไปดูแชมป์ โดยเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2565 เวลา 10.30 น. ที่สนามฟุตบอล Grand Soccer Pro (เกษตร-นวมินทร์) ได้มีงานแถลงข่าวเปิดทัวร์นาเมนต์อย่างเป็นทางการ โดยได้รับเกียรติจาก นายกมลดิษฐ สมุทรโคจร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นประธานในงานแถลงข่าว พร้อมตัวแทนทีมร่วมการแข่งขัน ท่ามกลางกองทัพสื่อมวลชนร่วมเป็นสักขีพยานเป็นจำนวนมาก

นายกมลดิษฐ สมุทรโคจร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า คาราบาวแดง มุ่งพัฒนาส่งเสริมศักยภาพนักกีฬา โดยเฉพาะกีฬาฟุตบอลซึ่งมีการเดินหน้าจัดกิจกรรมต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ได้สานต่อเจตนารมณ์จากวิสัยทัศน์ของบริษัท “เครื่องดื่มคาราบาวแดง สินค้าระดับโลก แบรนด์ระดับโลก” ผู้สนับสนุนการแข่งขันฟุตบอล Carabao Cup ที่ประเทศอังกฤษอย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นการต่อยอดกระแสฟุตบอล Carabao Cup บริษัท คาราบาวตะวันแดง จำกัด จึงได้ร่วมมือกับ บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) หรือ สยามกีฬา ผู้เชี่ยวชาญด้านกีฬาในเมืองไทย จัดการแข่งขันฟุตบอล 7 คน Carabao 7-a-Side Cup แชมป์ไปดูแชมป์ ขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อสนับสนุนให้คนไทยทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง มีหัวใจรักการออกกำลังกาย และมีทักษะทางด้านกีฬา ได้มีเวทีในการแสดงความสามารถผ่านการแข่งขันฟุตบอล ประเภท 7 คน ที่ใครๆ ก็สามารถเข้าร่วมแข่งขันได้ ขอเพียงอายุ 18 ปีขึ้นไป โดยการแข่งขันในครั้งนี้ จัดการแข่งขันเป็น 2 รอบ

รอบคัดเลือก จัดแข่งทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน 2565 – 6 พฤศจิกายน 2565 ทั้งหมด 16 ครั้ง( 15 จังหวัด) ที่สนามฟุตบอลชั้นนำ โดยมีทีมเข้าร่วมแข่งขันทั้งหมด 512 ทีม ใช้การจับฉลากประกบคู่แข่งขันแบบแบ่งสาย ระบบการแข่งขันแบบแพ้คัดออก ในแต่ละสนามจะเตะคัดเลือกเพื่อหาตัวแทน 2 ทีม ที่จะได้เข้าสู่รอบชิงแชมป์ 32 ทีมสุดท้ายต่อไป

สำหรับรอบชิงแชมป์ จะจัดขึ้นวันที่ 12 พฤศจิกายน 2565 นี้ ที่สนาม Grand Soccer Pro กรุงเทพฯ (เกษตร-นวมินทร์) เพื่อหาแชมป์ Carabao 7-a-Side Cup ประจำปี 2022 โดยมีรางวัลมากมายที่จะได้รับในการแข่งขันครั้งนี้ รวมมูลค่ารางวัลกว่า 3 ล้านบาท

• ทีมชนะเลิศ อันดับ 1 ได้รับเงินรางวัล 100,000 บาท พร้อมถ้วยเกียรติยศ และเหรียญรางวัล และเดินทางไปดูการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศ Carabao Cup 2023 ที่สนามเวมบลีย์ ประเทศอังกฤษ ทั้งทีม หรือ 16 คน
• ทีมรองชนะเลิศ อันดับ 2 ได้รับเงินรางวัล 50,000 บาท และเหรียญรางวัล
• ทีมรองชนะเลิศ อันดับ 3 (ร่วม) ได้รับเงินรางวัล 30,000 บาทต่อทีม และเหรียญรางวัล
• ทีมอันดับที่ 5 – 32 จะได้รับเงินรางวัลทีมละ 10,000 บาท
• ดาวซัลโว จะได้รับถ้วยเกียรติยศ และเงินรางวัล 10,000 บาท

นายกมลดิษฐ กล่าวว่า นอกจากของรางวัล บริษัทยังได้สนับสนุนเครื่องดื่มให้ทุกทีมที่เข้าแข่งขัน โดยขอเป็นกำลังใจให้ผู้เข้าแข่งขันทุกคนแสดงฝีเท้าอย่างเต็มที่ และสนุกไปกับกิจกรรมด้วยสปิริตของนักสู้ และน้ำใจนักกีฬา และขอให้ทุกทีมประสบความสำเร็จในการแข่งขัน โดยผู้สนใจสามารถติดตามทัวร์นาเมนต์ฟุตบอล 7 คน Carabao 7-a-Side Cup รวมถึงกิจกรรมดีๆ จากคาราบาวกรุ๊ป และสามารถติดตามกิจกรรม จาก Facebook : Carabao Sport หรือ www.carabao.co.th

“เราจะพาแชมป์ ไปดูแชมป์ ด้วยกัน ณ สนามเวมบลีย์ ประเทศอังกฤษ แบบยกทีม เตรียมทีมให้พร้อม ซ้อมทีมให้ดี แล้วออกมาสนุกด้วยกัน” นายกมลดิษฐ กล่าวทิ้งท้าย

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติม และสมัครได้ทาง https://bit.ly/3RbYysb Line ID : @carabao-7-a-side หรือคลิก https://lin.ee/2CZfnlA รวมทั้งติดตามผลการแข่งขันฟุตบอล 7 คน Carabao 7-a-Side Cup แชมป์ไปดูแชมป์ ชิงรางวัลมูลค่ารวมกว่า 3 ล้านบาท นอกจากนี้ยังสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ FB: Carabao Sport หรือ โทร. 0995480884 (วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 10.00 – 19.00 น.)

“อลงกรณ์”ชูนครปฐมเมืองอุตสาหกรรมเกษตร

ไฟเขียวแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์จังหวัดนครปฐม 5 ปี(2566-2570) ย้ำเร่งเดินหน้าพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนระดับตำบลและชุมชนเมือง
       นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะ เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์จังหวัดนครปฐม โดยมี นายรัฐศาสตร์ ชิดชู รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม นายพูลลาภ อุไรงาม เกษตรและสหกรณ์จังหวัดนครปฐม นายศิริชัย เลี้ยงอำนวย เกษตรจังหวัดนครปฐม นายสมคิด เปี่ยมค้า นายณฐกร สุวรรณธาดา คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายจิตติศักดิ์ ศรีปัญญา ผู้อำนวยการกองนโยบายเทคโนโลยีเพื่อการเกษตรและเกษตรกรรมยั่งยืน พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับและเข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมสามัคคีมุขมาตย์ ชั้น 4 (ส่วนต่อขยาย) ศาลากลางจังหวัดนครปฐม
       นายอลงกรณ์ กล่าวว่า นครปฐมเป็นเมืองอุตสาหกรรมเกษตรที่สำคัญของประเทศและเป็นเมืองหลักของจังหวัดปริมณฑล สำหรับการขับเคลื่อนการดำเนินงานภาคการเกษตรในพื้นที่จังหวัดนครปฐม ตามนโยบาย 5 ยุทธศาสตร์ 15 นโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีโครงการสำคัญที่ดำเนินการใน 5 เรื่อง ได้แก่ 1) การขับเคลื่อนการเกษตรระดับหมู่บ้านสู่การผลิตสินค้าเกษตรมูลค่าสูง 2) การพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง 3) การพัฒนาการเกษตรกรรมยั่งยืนระดับตำบล 4) การขับเคลื่อน BCG ด้านการเกษตร และ 5) การขับเคลื่อนการดำเนินงานศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (AIC) และการบริหารจัดการเชิงพื้นที่จังหวัดนครปฐม มีสินค้าสำคัญ ทั้งด้านพืช ประมง และปศุสัตว์ ได้แก่ ข้าว กล้วยไม้ มะพร้าวน้ำหอม กุ้งขาว กุ้งก้ามกราม ปลานิล สุกร โคนม และไก่ไข่
ซึ่งการประชุมในครั้งนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบ (ร่าง) แผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์จังหวัดนครปฐม ฉบับ 5 ปี (พ.ศ. 2566 – 2570) ฉบับทบทวน รอบปี พ.ศ. 2567 ที่จะเป็นกรอบในการขับเคลื่อนงานภาคการเกษตรในพื้นที่ต่อไปแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์จังหวัดนครปฐม 5 ปี(2566-2570)

“กระทรวงเกษตรฯ มุ่งขับเคลื่อนภาคการเกษตรสู่เกษตรมูลค่าสูง (Next Normal) โดยมี 12 คานงัดสำคัญ ได้แก่ 1) ศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (AIC) 2) ศูนย์ข้อมูลเกษตรแห่งชาติ 3) ดิจิตอล ทรานสฟอร์เมชั่น (Digital Transformation) 4) เกษตรอัจฉริยะและตลาดออนไลน์ 5) เกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง-ชนบท 6) เกษตรแห่งอนาคต อาหารแห่งอนาคต7) โลจิสติกส์เกษตรเชื่อมไทย-เชื่อมโลก 8) เกษตรแปลงใหญ่ สตาร์ทอัพเกษตร 9) ยกระดับเกษตรกรก้าวใหม่ 10) เกษตรสร้างสรรค์ สู่เกษตรมูลค่าสูง (The Brand Project) เน้นแปรรูปสร้างมูลค่าและพัฒนาแบรนด์11) การพัฒนาเชิงพื้นที่ (Area base) ไม่มีเหลื่อมล้ำ 12) เปิดกว้างสร้างหุ้นส่วน (Partnership platform) ในประเทศและต่างประเทศ”

นายอลงกรณ์ได้ย้ำให้เดินหน้าพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนระดับตำบลและชุมชนเมืองเป็นโครงการใหม่เสมือนคานงัดการปฏิรูปภาคเกษตรของกระทรวงเกษตรฯ ภายใต้แนวคิด “บริหารโดยชุมชน เป็นของชุมชน และเพื่อชุมชน” โดยมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนทุกตำบลของนครปฐมและทุกจังหวัดแล้ว ซึ่งจะเป็นกลไกพัฒนาหมู่บ้านตำบลแบบบูรณาการทุกภาคส่วน ควบคู่กับการเดินหน้าโครงการเกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมระบบเกษตรกรรมยั่งยืนในรูปแบบต่าง ๆ เช่น เกษตรอินทรีย์ เกษตรทฤษฎีใหม่ วนเกษตร เกษตรธรรมชาติ เกษตรผสมผสาน เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวและพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนครอบคลุม 76จังหวัดและกรุงเทพมหานคร
       จากนั้นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานแปลงใหญ่ข้าวและการบริหารจัดการศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) โดยมี ว่าที่ร้อยโทอรรถชล ทรัพย์ทวี นายอำเภอกำแพงแสน เจ้าหน้าที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านและนายสมคิด เปี่ยมคล้า ทีมงานที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรรวมถึงเกษตรกร ให้การต้อนรับ ณ หมู่1 ตำบลทุ่งขวาง อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ซึ่งแปลงใหญ่ดังกล่าว สามารถลดต้นทุนการผลิต เพิ่มผลผลิต จากเดิม 800 กิโลกรัม/ไร่ เพิ่มเป็น 1,000 กิโลกรัม/ไร่ มีการพัฒนาคุณภาพ โดยสมาชิกผู้ปลูกข้าวแปลงใหญ่ทั้งหมด อยู่ระหว่างการขอการรับรองมาตรฐานการผลิตข้าว GAP แบบกลุ่ม ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการเตรียมความพร้อมเพื่อขอการรับรอง เป้าหมายเกษตรกรแปลงใหญ่ได้รับใบรับรอง GAP ทั้งหมด 32 ราย หรือ 100% รวมถึงมีการสร้างเครือข่ายด้านการตลาด และจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น facebook ฯลฯ

ปัจจุบันกลุ่มแปลงใหญ่ฯ ผลิตข้าวพันธุ์ปทุมธานี 1 มีสมาชิก จำนวน 32 ราย และมีพื้นที่ จำนวน 425 ไร่ เดิมสมาชิกต่างคนต่างขายโดยตรงให้กับโรงสี เมื่อรวมกลุ่มแปลงใหญ่ได้มีการพัฒนาแปรรูปผลผลิตเป็นข้าวสาร โดยกลุ่มมีโรงสีขนาดเล็กสำหรับแปรรูปผลผลิตของสมาชิก ผลิตภัณฑ์ที่ได้เป็นข้าวสารแบ่งบรรจุขนาด 1 กิโลกรัม และ 5 กิโลกรัม จำหน่ายตลาดในชุมชน ออกบูทตามงานต่าง ๆ ตลาดนัดศิลปากร ตลาดเกษตรกร และช่องทางออนไลน์ เป็นต้น ทั้งนี้ กลุ่มแปลงใหญ่ฯ ได้ร่วมกันจัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชนศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) ตำบลทุ่งขวาง และได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานต่าง ๆ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ด้วย.

ROOT TANK ร่วมออกบูธในงานมหกรรมอุตสาหกรรมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม และงาน Thai Water Expo 2022 14 – 16 กันยายน 2565 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

14 กันยายน 2565 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ฮอลล์ 1 – 2 กระทรวงพลังงาน – สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย – อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ พร้อมด้วยภาคีเครือข่าย ร่วมกันจัดงาน ASEAN Sustainable Energy Week (ASEW) และ Electric Vehicle Asia 2022 (EVA) มหกรรมอุตสาหกรรมด้านพลังงานสิ่งแวดล้อม การจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าครอบคลุมที่สุดในภูมิภาคอาเซียน และงาน Thai Water Expo 2022 งานแสดงเทคโนโลยีและการประชุมนานาชาติด้านเทคโนโลยีการจัดการน้ำและน้ำเสียงานเดียวในประเทศไทย ขานรับการเตรียมความพร้อมเพื่อสร้างการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและวางเป้าหมายขับเคลื่อนไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืนด้วยเทคโนโลยีพลังงานสะอาด

ภายในงาน ได้มีการออกบูธของผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ด้านพลังงาน และอุปกรณ์เพื่อส่งเสริมงานด้านการเกษตรภายใต้แบรนด์นำเข้าจากต่างประเทศ และผู้ผลิตด้วยวัสดุที่ผลิตเองภายในประเทศด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ครอบคลุมพลังงานทางเลือกในรูปแบบต่าง ๆ โดยได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้เข้าชมงานเป็นจำนวนมาก

นายมารุต ศรีวรรณบุตร (Managing Director) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีเมฆ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ผลิตถังกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ แบรนด์ “ROOT TANK” หนึ่งในผู้ประกอบการที่ร่วมออกบูธแสดงสินค้าในงาน กล่าวว่า
“บริษัทฯ เราทำธุรกิจจัดจำหน่ายถังประกอบขนาดใหญ่ เป็นการเอาชิ้นส่วนถังกึ่งสำเร็จรูปมาประกอบที่หน้างาน ตามที่วัตถุประสงค์ของผู้ใช้ อย่างเช่น กลุ่มราชการจะใช้สำหรับสูบน้ำเพื่อกระจายน้ำด้วยระบบพลังงานแสงอาทิตย์ส่งตรงถึงชาวบ้านในพื้นที่ หรือ หน่วยงานอบต.จะใช้สำหรับกักเก็บน้ำเพื่อการเกษตร สำหรับด้านอุตสาหกรรมจะกักเก็บน้ำไว้เพื่อกระบวนการด้านอาหารสัตว์ต่าง ๆ และในปัจจุบัน ถังที่กำลังได้รับความนิยมนี้ จะเป็นลักษณะเพื่อใช้ในการบรรเทาสาธารณะภัยเรียกว่าถังดับเพลิง เป็นต้น
สำหรับถังประกอบของเรา รุ่นที่เป็นเรือธง จะเป็นรุ่นที่เรียกว่า ไชโย (Chai Yo) โดยหลักแล้ววัสดุอุปกรณ์ชิ้นส่วนต่าง ๆ ของถังประกอบนี้ จะผลิตในประเทศไทยจึงเป็นที่มาของการตั้งชื่อแบบไทย ๆ นอกจากนั้นยังมีรุ่น สยาม เป็นถังสแตนเลส, รุ่นนาวา จะเป็นถังเคลือบเซรามิค หรือเคลือบแก้ว ส่วนรุ่นไตรรงค์ จะเป็นถังที่เคลือบด้วยสารอีพ็อกซี่ (Epoxy) หรือเคลือบสี สำหรับ รุ่นไชโย (Chai Yo) ลักษณะโครงสร้างจะเป็นเหมือนไซโล ภายในจะปูด้วยผ้าใบเพื่อรองรับน้ำได้อย่างดี ตัวถังเป็นเหล็กเคลือบด้วยแม็กนีเซียม (Magnesium) ซึ่งเป็นเหล็กที่ได้รับลิขสิทธิ์จากประเทศญี่ปุ่น และเป็นเจ้าเดียวที่ใช้ในการผลิตถัง ซึ่งได้รับการรับรองจากสถาบัน SGS ว่าบรรจุน้ำที่สามารถนำไปประกอบอาหารได้ จึงเป็นรุ่นที่มีคุณสมบัติเฉพาะตามความต้องการของหน่วยงานราชการหลาย ๆ ที่ ไม่ว่าจะเป็นเทศบาล , อบต. จังหวัดทางภาคอีสาน อย่าง ขอนแก่น กาฬสินธุ์ รวมถึงหน่วยงานของกรมทรัพยากรน้ำ ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของเราอยู่ในตอนนี้ ถือเป็นภาชนะขนาดใหญ่ที่ช่วยเหลือชาวเกษตรกรได้เป็นอย่างดี เพราะมีความจุได้ถึง 1 – 2 ล้านลิตร

การติดตั้งถังประกอบดังกล่าวนี้ ติดตั้งได้ไว สะดวก รวดเร็ว โดยใช้แรงงานน้อย ยังสามารถใช้ชาวบ้านในพื้นที่มาช่วยประกอบ จึงช่วยกระจายรายได้สู่ชุมชนได้อีกด้วย และสามารรถถอดเคลื่อนย้ายได้ไปตามสถานที่ต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกด้วยเช่นกัน ผลิตภัณฑ์ที่เรานำส่งหน่วยงานราชการ เรารับรองการรับประกันถึง 10 ปี สำหรับการใช้งานโดยปรกติ อย่างใช้บรรจุน้ำ ไม่มีการทำลายโดยเนื้อวัสดุ
บริษัท ศรีเมฆ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ผลิตถังประกอบนี้ ได้ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 ซึ่งเปิดมาแล้วกว่า 8 ปี จึงการันตีความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้ได้ด้วยคุณภาพของผลิตภัณฑ์ และองค์กรที่มีทีมงานผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ด้านการบริหารการจัดการ จากอดีตเป็นผู้นำเข้าวัสดุจากต่างประเทศ มาถึงปัจจุบันที่เป็นผู้ผลิตเองโดยคนไทยจนเป็นที่ได้รับการยอมรับจากผู้ใช้ด้วยดีเสมอมา โดยมียอดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ย 200 ล้านต่อปี ด้วยสภาวะภัยแล้งที่เกิดขึ้นจึงมีความจำเป็นในการใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อการกักเก็บน้ำไว้ใช้ประโยชน์ และภายในปี 2565 นี้ ได้ตั้งเป้ายอดขายไว้เกินกว่า 200 ล้าน ซึ่งคาดว่าจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
ด้านการช่วยเหลือสังคมจากธุรกิจ หรือ CSR ทางบริษัทศรีเมฆฯ ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยการบริจาคถังให้กับเทศบาลขอนแก่น อบจ.ขอนแก่น เพื่อใช้ประโยชน์ในน้ำดื่มชุมชน ซึ่งได้ทำมาอย่างต่อเนื่องถึง 2 ปีแล้ว
เป้าหมายต่อไปของบริษัท ศรีเมฆ ซึ่งเป็นผู้ผลิตถังประกอบ มองไว้ว่า ใน 3 ปีข้างหน้านี้ จะนำผลิตภัณฑ์ส่งออกสู่ต่างประเทศ โดยในปีแรกจะมุ่งไปที่ตลาดในอาเซี่ยน อย่างพม่า สปป.ลาว กัมพูชา ส่วนอีก 2 ปีต่อไปเราจะบุกตลาดไปทางโซนตะวันออกกลาง อเมริกา และยุโรป

ท้ายที่สุดทางคุณมารุต ได้ฝากถึงลูกค้า ผู้บริโภค หน่วยงานต่าง ๆ และผู้ที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์ถังเพื่อใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรม องค์กรของท่านไว้ว่า ถังประกอบภายใต้แบรนด์ ROOT TANK ซึ่งเป็นสินค้าของคนไทย เรายินดีที่จะให้ข้อมูลและร่วมให้ข้อเสนอแนะในการออกแบบ ดีไซน์ ให้ตรงตามวัตถุประสงค์หรืองบประมาณของผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นภาคอุตสาหกรรม ภาคการเกษตร รวมถึงทุกภาคส่วน ขอให้พิจารณา ROOT TANK ที่เป็นผลิตภัณฑ์ของคนไทยในการเลือกซื้อเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมของท่านในโอกาสต่อไป”

ท่านที่สนใจชมผลิตภัณฑ์ ถังน้ำประกอบภายใต้แบรนด์ ROOT TANK ได้ภายในงาน ASEW&EVA 2022 มหกรรมอุตสาหกรรมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม และงาน Thai Water Expo 2022 งานแสดงเทคโนโลยีและการประชุมนานาชาติด้านเทคโนโลยีการจัดการน้ำและน้ำเสียงานเดียวในประเทศไทย เปิดให้ผู้สนใจเข้าชมงานได้ตั้งแต่วันที่ 14 – 16 กันยายน 2565 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ หลังจากนั้นสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม ได้ที่เบอร์ 083-659-9154 คุณมารุต ศรีวรรณบุตร

สาธิตม.ศิลปากร เป็นเจ้าภาพจัดงาน” สาธิตวิชาการ ครั้งที่ 8 “

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 10 ก.ย.65 ที่ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา มหาวิทยาลัยศิลปากรวิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ อ.เมือง จ.นครปฐม ศาสตราจารย์ ดร. คณิต เขียววิชัย
รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ ให้เกียรติมาประธานในพิธีเปิดการประชุมเตรียมงานและแถลงข่าวการจัดงานสาธิตวิชาการ ครั้งที่ 8 “จินตนาการประสานภูมิปัญญา พัฒนานวัตกรรมสร้างสรรค์ ก้าวทันโลกดิจิทัล” (Satit Innovation and Creativity for Education 4.0) โดยในพิธีเปิดงานสาธิตวิชาการ ครั้งที่ 8 จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 8-9 ธ.ค.2565 ที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศิลปากร จ.นครปฐม ในครั้งนี้ได้จัดเป็น
รูปแบบออนไลน์

โดยมี ผศ.ดร.มาเรียม นิลพันธุ์คณบดีคณะศึกษาศาสตร์ กล่าวต้อนรับผู้บริหารโรงเรียนสาธิตทั้ง 22 สถาบัน อาทิ
ผศ.สานิตย์ รัศมี ผู้อำนวยการ โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน, ดร. ผกามาศ นันทจีวรวัฒน์

ผู้อำนวยการ โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา,
รศ.พัชรี วรจรัสรังสี ผู้อำนวยการ โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายประถมศึกษา, ผศ.ดร. นพดล กองศิลป์ ผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (ฝ่ายมัธยม), อ.ณัฐดนัย บุตรพลับ ผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยศิลปากร
(มัธยมศึกษา) และ ผศ.ดร.วิสูตร โพธิ์เงิน ผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยศิลปากร (ปฐมวัยและประถมศึกษา) ฯลฯ
พร้อมกับการแสดงพิธีเปิด ชื่อชุด “เริงอรุณถิ่นทวาสาธิตนิมิตรพรคเณศ” จากนักเรียนโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศิลปากร (มัธยมศึกษาและประถมศึกษา)

ทั้งนี้งานสาธิตวิชาการ นั้นเปรียบเสมือนเวทีการนำเสนอความก้าวหน้าและเผยแพร่ผลงานวิชาการของกลุ่มโรงเรียนสาธิตด้านหลักสูตร การเรียนการสอน การวิจัย ฯลฯ ยังเป็นความร่วมมือกันในงานด้านวิชาการจาก 22 สาธิต เพื่อขับเคลื่อนความก้าวหน้าด้านการศึกษาของประเทศไทยในอนาคต

นอกจากนี้ทางผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยศิลปากรได้พา ผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยทั้ง 22 สถาบันเข้าเยี่ยมชมพระราชวังสนามจันทร์ สักการะองค์พระพิฆเนศ เพื่อความเป็นสิริมงคล

แถลงข่าวยิ่งใหญ่! ONE LUMPINEE เปิดตัวอย่างเป็นทางการ กับดีลประวัติศาสตร์ที่จะสร้างปรากฎการณ์ใหม่สู่วงการมวยไทยทั้งระบบ

“วัน แชมเปียนชิพ (ONE)” องค์กรสื่อกีฬาระดับโลก ผนึกกำลัง “สนามมวยเวทีลุมพินี” เปิดประวัติศาสต์หน้าใหม่ให้กับวงการมวยไทย เตรียมระเบิดศึก ONE LUMPINEE ด้วยมาตรฐานโปรดักชันระดับโลก สร้างคอนเทนต์กีฬาในรูปแบบเวิลด์คลาส ยกระดับวงการมวยไทยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยบิ๊กบอสใหญ่ “ชาตรี ศิษย์ยอดธง” แย้มจัดศึกปฐมฤกษ์มกราคมปีหน้า ในรูปแบบอินเตอร์เนชันแนลไฟต์ ที่รวบรวมศิลปะการต่อสู้อันหลากหลายทั้ง มวยไทย มิกซ์มาเชียลอาร์ต (MMA) คิกบ็อกซิง ฯลฯ ยิงสดมากกว่า 150 ประเทศทั่วโลก ผู้ชมมากกว่า 60 ล้านคนในทุกแพลตฟอร์ม

เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2565 “นายชาตรี ศิษย์ยอดธง” ผู้ก่อตั้ง ประธาน และซีอีโอ ONE พร้อมด้วย “พลเอกสุชาติ แดงประไพ” ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนากีฬากองทัพบก (มวยไทยลุมพินี) แถลงข่าวประกาศความร่วมมือ เตรียมจัดการแข่งขันมวยไทยโปรดักชันระดับโลกในชื่อศึก “ONE LUMPINEE” ณ สนามมวยเวทีลุมพินี รามอินทรา กรุงเทพ โดยมีเหล่าโปรโมเตอร์ หัวหน้าคณะ ค่ายมวย นักมวยไทย บุคลากรในวงการกีฬาทั้งภาครัฐและเอกชน สื่อมวลชน ตลอดจนแฟนคลับ เดินทางมาร่วมงานกว่า 1,000 คน

นายชาตรี ศิษย์ยอดธง เปิดเผยว่า “สนามมวยเวทีลุมพินี ถือเป็นสนามมวยอันทรงเกียรติยศสูงสุดแห่งวงการมวยไทยมาอย่างยาวนาน เป็นสถานที่ให้กำเนิดแชมป์มวยไทย และนักชกระดับตำนานมาแล้วหลายยุคหลายสมัย และนักชกซึ่งเป็นแชมป์โลกของ ONE หลายคนก็มีความหลังกับสนามมวยแห่งนี้ โดยสนามมวยเวทีลุมพินีมีวิสัยทัศน์ที่ต้องการให้กีฬามวยไทยเป็นศิลปะการต่อสู้จริงๆ โดยปลอดการพนัน มีมาตรฐานที่จะก้าวไปสู่ระดับโลกได้ จึงเป็นที่มาของการตอบรับคำเชิญจากกองทัพบกในการรับตำแหน่งโปรโมเตอร์ประจำสนามมวยเวทีลุมพินีในครั้งนี้”

“ลุมพินีได้รับการยกย่องว่าเป็นเมกกะมวยไทยแห่งหนึ่งของโลก ความร่วมมือกับ ONE ซึ่งเป็นโปรโมเตอร์ศิลปะการต่อสู้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผมมั่นใจว่าจะสามารถสร้างปรากฎการณ์ใหม่ และช่วยยกระดับมวยไทยไปสู่ระดับโลกได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยเราจะนำระบบการจัดการแข่งขันมาตรฐานเวิลด์คลาสของ ONE ที่เป็นสปอร์ต เอนเตอร์เทนเมนต์ มีความสนุกสนาน ตื่นเต้น เร้าใจ และมีเกณฑ์การตัดสินที่เที่ยงธรรมได้มาตรฐานสากล มาจัดให้แฟน ๆ ได้รับชมกันอย่างจุใจในชื่อศึก ONE LUMPINEE และยังต่อยอดสู่การเป็นคอนเทนต์ระดับโลกที่ช่วยโปรโมตประเทศไทยไปในตัว ถ่ายทอดสดไปมากกว่า 150 ประเทศทั่วโลก ผู้ชมมากกว่า 60 ล้านคนในทุกแพลตฟอร์ม”

“สำคัญที่สุด เราพร้อมจะให้ค่าตอบแทนที่สูงที่สุดในประเทศไทยแก่นักมวยที่เข้าแข่งขันใน ONE LUMPINEE เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของนักกีฬา พร้อมเปิดกว้างให้ค่ายมวยทุกแห่งทั่วประเทศส่งนักมวยเข้าแข่งขัน หากใครทำผลงานได้ดีก็จะมีโอกาสก้าวเข้ามาเป็นนักกีฬาในสังกัดของ ONE หรือลงแข่งขันชิงแชมป์ในทัวร์นาเมนท์อื่น ๆ ของ ONE ได้ในอนาคต นอกจากนี้ยังจะมีการจัดอินเตอร์เนชันแนลไฟต์ ที่รวบรวมการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ทั้ง มวยไทย มิกซ์มาเชียลอาร์ต (MMA) คิกบ็อกซิง ฯลฯ ทำให้การรับชมกีฬาการต่อสู้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น”

ด้าน พล.อ.สุชาติ แดงประไพ กล่าวว่า “ทางกองทัพบกมีความตั้งใจอย่างมากที่จะยกระดับมวยไทยให้เป็นกีฬาอย่างแท้จริง เราหวังที่จะเห็นมวยไทยซึ่งไม่มีการพนันเข้ามาเกี่ยวข้อง เพื่อที่จะผลักดันมวยไทยให้เป็นซอฟท์พาวเวอร์สู่ระดับโลก เราจึงมองหาโปรโมเตอร์ที่จะช่วยสร้างความสำเร็จนี้ให้เกิดขึ้นได้จริง จึงได้เชิญ ONE ซึ่งเป็นผู้จัดการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับโลกมาเป็นโปรโมเตอร์จัดศึก ONE LUMPINEE ในครั้งนี้”

“แฟนๆ จะได้เห็นโปรดักชันดีไซน์ใหม่ๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในวงการมวยไทย โดยจะมีการจัดแข่งขันเกิดขึ้นทุกสัปดาห์ เพื่อเปิดโอกาสให้นักกีฬาได้ลงแข่งขันอย่างต่อเนื่อง สิ่งเหล่านี้นอกจากจะช่วยสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมมวยไทยแล้ว ยังเป็นเหมือนสะพานที่เชื่อมวงการมวยไทยไปสู่ระดับโลกด้วย”

“ทีมงานของสนามมวยเวทีลุมพินี และ ONE จะทำงานร่วมกัน มีการแลกเปลี่ยนกรรมการ และทีมงาน ซึ่งจะทำให้ช่วยเพิ่มองค์ความรู้ และประสบการณ์ให้กับบุคลากรในวงการมวยไทยบ้านเราได้เป็นอย่างดี ซึ่งเรามีผู้ตัดสินชาวไทยหลายคนที่มีความสามารถและฝีมือดี แต่ยังไม่มีโอกาสได้ทำงานในองค์กรใหญ่ระดับนานาชาติ การเข้ามาของ ONE จึงเป็นการเพิ่มโอกาสให้พวกเขาได้แสดงความสามารถสู่สายตาชาวโลกได้มากขึ้น และหากทำได้ดีก็มีโอกาสที่จะต่อยอดไปเป็นกรรมการในศึก ONE ได้ต่อไปในอนาคต”

ทั้งนี้ ONE LUMPINEE จะระเบิดศึกนัดแรกรับศักราชใหม่ในเดือนมกราคม 2566 โดยจะจัดการแข่งขันทุกสัปดาห์ อย่างน้อย 52 ครั้งตลอดปี ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ สนามมวยเวทีลุมพินี เป็นศูนย์กลางของเมกกะมวยไทย ก้าวสู่การเป็นศูนย์รวมของศิลปะการต่อสู้อันหลากหลายในรูปแบบสปอร์ตเอนเตอร์เทนเมนต์และการท่องเที่ยวเชิงกีฬาที่สำคัญของไทย

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่แฟนเพจเฟซบุ๊ก ONE Championship Thailand และแฟนเพจ Lumpinee Boxing Stadium

เปิดตัว ผจก.ทีมฟุตบอลทนายความพัทยา ซิตี คนใหม่….9 ก.ย.2565

ทีมฟุตบอลทนายความพัทยาซิตี้ จัดงานเลี้ยงต้อนรับผู้จัดการทีมฟุตบอลคนใหม่ ทนายอนิรุจน์ คงทรัพย์ และเลี้ยงส่งขอบคุณผู้จัดการทีมคนเดิมทนายที่ปรึกษากนกอร สวัสดิ์รัมย์ ขณะที่ผู้จัดการทีมคนใหม่ ยืนยันมีความพร้อมในทุกด้านที่จะนำพาทีมฟุตบอลทนายพัทยาซิตี้เพื่อความสมัครสมานสามัคคีขอบทีมต่อไป

“อลงกรณ์”เดินลึกรุกพัฒนาเพชรบุรี คิกออฟโครงการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนทุกตำบลเป็นจังหวัดแรก

พร้อมผนึกศูนย์AICมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรีร่วมขับเคลื่อนเขตส่งเสริมเกษตรอุตสาหกรรมอาหาร
”เพชรบุรีฟู้ดวัลเลย์ “และตั้งคณะกรรมการพัฒนาแบรนด์จังหวัดเพชรบุรีเพื่อส่งเสริมการสร้างแบรนด์ของสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์เกษตรสู่เกษตรมูลค่าสูง

 รายงานข่าวจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แจ้งว่า วันนี้นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะได้ลงพื้นที่ตรวจราชการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี โดยมี นายธรรมนูญ ศรีวรรธนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี  ผศ. พจนารถ บัวเขียว รองอธิการบดีฝ่ายยุทธศาสตร์การพัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน ดร.จุฑามาศ ทะแกล้วพันธุ์ ผู้อำนวยการสถาบันเกลือ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี  นางสาวศิริวรรณ เครือเล็ก เกษตรและสหกรณ์จังหวัดเพชรบุรี ร.ต.อาณัติ หุ่นหลา เกษตรจังหวัดเพชรบุรี และนายสันฑ์ จรเจริญ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเพชรบุรี สำนักงานชลประทานที่ 14 นายณฐกร สุวรรณธาดา คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ.พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆให้การต้อนรับและเข้าร่วมประชุม โดยในภาคเช้าเป็นการประชุมหารือและรับทราบผลการดำเนินงานของศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมจังหวัดเพชรบุรี ศูนย์ความเป็นเลิศเกลือทะเล ศูนย์ความเป็นเลิศเกษตรอินทรีย์ และโครงการฟู้ดวัลเลย์จังหวัดภาคกลางตอนล่างรวมทั้งความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรีในการขับเคลื่อนโครงการเพชรบุรีฟู้ดวัลเลย์(Petchburi Food Valley) ภายใต้ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันตก(Western Economic Corridor)ซึ่งจะมีการนำเสนอโครงการต่อคณะกรรมการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรฯ.และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กรกอ.)เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบในเดือนตุลาคม และยังได้รับฟังรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานตามนโยบายสำคัญของกระทรวงเกษตรฯ.จากเกษตรและสหกรณ์จังหวัดและส่วนราชการต่างๆโดยนายอลงกรณ์ได้แสดงความยินดีที่ศูนย์AICเพชรบุรีได้รับรางวัลศูนย์AICสมรรถสูงเป็นอันดับหนึ่งของประเทศและชื่นชมผลการปฏิบัติงานในปีงบประมาณ2565 ของหน่วยงานในสังกัดตลอดจนการขับเคลื่อนโครงการ”เพชรบุรีโมเดล”เพื่อเป็นต้นแบบตัวอย่างการปฏิรูปภาคเกษตรกรรมแบบครบวงจรตั้งแต่การผลิตการแปรรูปและการตลาดทั้งออนไลน์ออฟไลน์และตลาดกลางสินค้าเกษตร 
ทั้งนี้นายอลงกรณ์ได้ประกาศคิกออฟ โครงการสำคัญที่เป็นอีกคานงัดการปฏิรูปภาคเกษตรของกระทรวงเกษตรฯ.เป็นครั้งแรกในวันนี้ที่จังหวัดเพชรบุรีได้แก่

โครงการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนระดับตำบล ภายใต้แนวคิด”บริหารโดยชุมชน เป็นของชุมชน และเพื่อชุมชน “โดยมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนทุกตำบลของจังหวัดเพชรบุรีเรียบร้อยแล้วจะเป็นกลไกพัฒนาหมู่บ้านตำบลแบบบูรณาการทุกภาคส่วนตามแผนพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนระดับตำบล
ควบคู่กับการเดินหน้าโครงการเกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง “เพชรบุรีสีเขียว”(Green Petchburi) วัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมระบบเกษตรกรรมยั่งยืนในรูปแบบต่างๆ เช่น เกษตรอินทรีย์ เกษตรทฤษฎีใหม่ วนเกษตร เกษตรธรรมชาติ เกษตรผสมผสาน โดยมีการวางโครงสร้างและระบบแบบมีส่วนร่วมในการพัฒนาภาคเกษตรในพื้นที่เมืองและพื้นที่ชุมชนซึ่งทั้ง2โครงการขับเคลื่อนโดยคณะกรรมการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนแห่งชาติ ซึ่งมี ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานและมีที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ.เป็นประธานคณะอนุกรรมการฯ.เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวและพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนครอบคลุม 77 จังหวัด

ที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ.ยังแจ้งให้ทราบถึงการแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาแบรนด์จังหวัดเพชรบุรีเป็นชุดแรกเพื่อส่งเสริมการสร้างแบรนด์ของสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์เกษตรสู่เกษตรมูลค่าสูง
นอกจากนี้ยังได้หารือการเตรียมงาน “สร้างการรับรู้สู่เกษตรกรและการขับเคลื่อนงานแปลงใหญ่จังหวัดเพชรบุรี” และ “โครงการมอบกรรมสิทธิ์และไถ่ชีวิตโคกระบือ เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565” โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ.มาเป็นประธานในวันที่15กันยายนที่จะถึงนี้

สำหรับช่วงบ่ายที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ.และคณะได้ลงพื้นที่ติดตามการบริหารจัดการน้ำของ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเพชรบุรี สำนักงานชลประทานที่ 14 ในการขุดลอกผักตบชวาในคลองระบายน้ำ D25 พื้นที่ ต่อเนื่องตำบลช่องสะแก หมู่ที่ 6 ตำบลบางแก้ว อำเภอบ้านแหลม และพื้นที่ หมู่ที่ 2 ตำบลบางจาน อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี และตลองD.18เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือกับปัญหาน้ำท่วม ต่อจากนั้นได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมความก้าวหน้าการดำเนินงานวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์วิถีพอเพียง ตำบลช่องสะแก อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี มีนายสุพจน์ กลิ่มพ่วง เป็นประธาน ดำเนินกิจกรรมปลูกผักเกษตรอินทรีย์ปลอดสารพิษแบบยกแคร่ (ผักสลัด) และแบบโรงเรือนอัจฉริยะ ซึ่งเป็นต้นแบบงานวิจัยในพื้นที่ ได้รับงบประมาณและการสนับสนุนจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช. ) มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัด มีกิจกรรมการแปรรูปอาหาร ข้าวเกรียบงาน้ำตาลโตนด กิมจิ (การแปรรูปกิมจิ ดำเนินการร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการขอ อย.) การทำผักเคลผง (สำหรับโรยข้าว) และผักเคลคีโต ร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และการทำปุ๋ยชีวภาพ (ปุ๋ยโบกาฉิ ดินปลูกต้นไม้)

และการดำเนินงานของศูนย์บ่มเพาะเกษตรกรรุ่นใหม่จังหวัดเพชรบุรี ( young smart farmer )ซึ่งมีการดำเนินกิจกรรม ไข่ไก่อารมณ์ดี ไข่ไก่ชน การขายทำตลาดออนไลน์ขายสินค้าผ่าน shopee Lazada เช่น ต้นตำแยแมวหรือกัญชาแมว ตู้ฟักไข่ไก่จากลังโฟม (ฟักไก่ชน) โคมไฟจากก้านตาลควบคุมการเปิดปิดด้วยสมาร์ทโฟน ฯลฯ เป็นการดำเนินกิจกรรมโดยใช้หลักตลาดนำการผลิต และมีการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและการมีพัฒนารถโมบายและร้านค้าชุมชน เพื่อจำหน่ายผลผลิตการเกษตร และสินค้าอุปโภคบริโภค
สำหรับกิจกรรมสุดท้ายคือการตรวจเยี่ยมแปลงใหญ่ข้าว (หมู่ 2,8,10 ตำบลหนองขนาน หมู่ที่ 5 ตำบลหาดเจ้าสำราญ)อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี เพื่อติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่โดยการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรทุ่นแรง ซึ่งช่วยในการลดรายจ่าย และเพิ่มรายได้แก่เกษตรกร รวมถึงการแปรรูป และเชื่อมโยงด้านการตลาดอีกด้วย
โดยนายอลงกรณ์ ได้กล่าวชื่นชมและให้กำลังใจในการดำเนินงานของวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์วิถีพอเพียงตำบลช่องสะแก กลุ่มเกษตรกรรุ่นใหม่(young smart farmer) ศูนย์เครือข่ายศพก.และกลุ่มนาแปลงใหญ่เพชรบุรี.

ต่างชาติแห่ซื้อ!! “จุรินทร์” เปิด Bangkok RHVAC 2022 และ Bangkok E&E 2022 “ขายแอร์-เครื่องใช้ไฟฟ้าไทย” 3 วันได้แล้วกว่า 8,500 ล้าน คนแน่นไบเทคบางนา

วันที่ 9 กันยายน 2565 เวลา 14.00 น.
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในพิธีแถลงความสำเร็จของอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศ เครื่องทำความเย็น และเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ “Thai Industry’s Export Achievement Ceremony” ในงานแสดงสินค้าเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น (Bangkok RHVAC 2022) และงานแสดงสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (Bangkok E&E 2022) ที่บริเวณโถงด้านหน้าอาคาร 103 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค (BITEC)

นายจุรินทร์ กล่าวว่า อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์มีความสำคัญอย่างมากต่อเศรษฐกิจไทยเพราะก่อให้เกิดความสร้างงานในประเทศมากกว่า 640,000 คนสร้างรายได้จากการส่งออกมากกว่า 2 ล้านล้านบาท 7 เดือนแรกของปีนี้ สามารถส่งออกได้แล้วถึง 1.4 ล้านล้านบาท ปัจจุบันประเทศไทยถือว่าเป็นฐานการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก การส่งออกเฉพาะเครื่องปรับอากาศเป็นอันดับ 2 ของโลก และส่งออกเครื่องทำความเย็น ทั้งตู้เย็น ห้องแช่ ห้องเย็น เป็นอันดับ 6 ของโลก เพราะเราสามารถได้ผลิตครบวงจร ทางต้นน้ำและปลายน้ำ รวมถึงการคิดค้นนวัตกรรม สำหรับปีนี้งานแสดงสินค้าเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น (Bangkok RHVAC 2022) และงานแสดงสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (Bangkok E&E 2022) ถือว่ากลับมาจัดในรูปแบบปกติในรอบ 3 ปี ภายใต้แนวคิด “ONE STOP SOLUTIONS – New Innovations for New Global Challenges”
มาที่เดียวจะมีครบทุกผลิตภัณฑ์ ปีนี้ถือว่าเป็นปีที่ประสบความสำเร็จ เพราะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 100 บริษัท 400 คูหา

“คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานทั้งจากในประเทศและต่างประเทศไม่ต่ำกว่า 5,000 ราย และตั้งเป้าหมายว่าจะสามารถสร้างมูลค่าไม่ต่ำกว่า 9,000 ล้านบาทภายในหนึ่งปี แต่แค่จัดงานนี้ 3 วันขายได้ไปแล้ว 8,500 ล้านบาท ซึ่งภายในงานมีการมอบรางวัล THE BEST OF RHVAC AND E&E PRODUCT AWARD 2022 ซึ่งจะช่วยส่งเสริมอุตสากรรมให้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อครองความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมได้ในตลาดโลกต่อไป”รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าว

ข้อมูลจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศระบุว่า โดยผู้ที่ได้รับคัดเลือกเข้ารับรางวัล THE BEST OF RHVAC AND E&E PRODUCT AWARD 2022 ซึ่งเป็นที่สุดของผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสินค้าประเภทต่างๆ 5 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ V-MER Smart Vibration Analyzer เครื่องวัดวิเคราะห์การสั่นสะเทือน จากบริษัท อีควิตี้ เซอร์วิสเซส แอนด์ โซลูชั่นส์ จำกัด รับรางวัล New Innovation Product Award แผ่นฉนวนทนไฟ IXL (IXL FR Panel) จากบริษัท ไอเอ็กซ์แอล จำกัด รับรางวัล Environmentally Friendly Product Award เครื่องปรับอากาศโซล่าเซลล์ จากบริษัท สตาร์ (ประเทศไทย) จำกัด รับรางวัล Energy Saving Product Award เครื่องกรองอากาศประสิทธิภาพสูง (Filtreat Filtration Unit) จากบริษัท 3วี เอ็นจิเนียริ่ง โซลูชั่น จำกัด รับรางวัล New Normal Product Award และ WindFree Premium Plus จากบริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด รับรางวัล IoT System Product Award โดยภายในงานมีพร้อมด้วยนายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประธานและกรรมการกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น ประธานและกรรมการกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เข้าร่วมด้วย

นายอำเภอพุทธมณฑล เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการ ภายใต้การพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ(พชอ.)

ดร.กิตวิชัย ไชยพรศิริ นายอำเภอพุทธมณฑล เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการ การพัฒนาคุณภาพชีวิตอำเภอพุทธมณฑล ภายใต้การพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ(พชอ.)เพื่อเตรียมความพร้อมในการพัฒนาครอบคลุม4ด้าน อาทิ ด้านเศรษฐกิจ ด้านชุมชน_สังคม ด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมโดยได้รับเกียรติจากผศ.ดร. อาภา ภัคภิญโญ ผู้ทรงคุณวุฒิ บรรยายพิเศษให้ความรู้ถึงทิศทางและแนวทางในการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุดทั้งนี้ประธานคณะอนุกรรมการทั้ง4คณะก็ได้นำข้อของกลุ่มเพื่อร่วมการขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เปิดโครงการ “รู้ก่อนผิด คิดก่อนหลงทาง” ครั้งที่ 3 ประจำปี 2565

วันที่ 8 กันยายน 2565 เวลา 09.00 น. นายประกอบ ลีนะเปสนันท์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนแลพครอบครัวกลาง มอบหมายให้ นายปริญญา เชาวลิตถวิล รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการรู้ก่อนผิดคิดก่อนหลงทาง ครั้งที่ 3/2565 ของศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง พร้อมด้วย นายธีระ กิ่งแก้ว ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง นางสุวินิต อุบลเลิศ ผู้พิพากษาสมทบ หัวหน้าโครงการฯ พร้อมคณะผู้พิพากษาสมทบ นำโดย ดร. นิลุบล ลิ่มพงศ์พันธุ์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหารผู้พิพากษาสมทบฯ และคณะวิทยากร ผู้อำนวยการโรงเรียนเสนานิคม และคณะครู โดยมีนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเสนานิคม จำนวน 120 คน เข้าร่วมโครงการ ณ ห้องประชุมโรงเรียนเสนานิคม เขตจตุจักรกรุงเทพมหานคร

ทั้งนี้ โครงการรู้ก่อนผิดคิดก่อนหลงทาง เป็นกิจกรรมในเชิงรุก ของศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง มีวัตถุประสงค์ในการป้องกันการกระทำความผิดของเด็กและเยาวชน ที่อาจกระทำความผิดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อันเนื่องมาจาก ปัจจัยแวดล้อมทางสัมคมและกระแสค่านิยมทางวัตถุเป็นสิ่งเร้าชักจูงให้เกิดการกระทำความผิดได้ ในปี พ.ศ 2565 ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ได้จัดกิจกรรมในรูปแบบการบรรยายให้ความรู้กฎหมายใกล้ตัว เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและจัดกิจกรรมแนะแนวการศึกษาในสถานศึกษา โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร จำนวน 4 โรงเรียน ซึ่งในวันนี้ (8 กย.65) ได้จัดขึ้นที่โรงเรียนเสนานิคม เป็นโรงเรียนที่ 3 กับกิจกรรมแนะแนวการศึกษา เป็นฐานอาชีพต่างๆ ตามความสนใจ ของนักเรียนจำนวน 14 ฐานได้แก่ แพทย์/ พยาบาล/ทหารตำรวจ/ วิศวกร สถาปนิก/โปรแกรมเมอร์/ข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ/ครู/วัดแววศิลป์/สานฝันสู่ศิลปิน/fut fit four five ใจกล้าๆหน่อย/ วิทยาลัยเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์/เจ้าของกิจการ นักธุรกิจ/ผู้ประกาศข่าว พิธีกร/บัญชี การเงินและการตลาด โดยมีคณะวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิในสายอาชีพต่างๆ ร่วมให้คำแนะนำซึ่งได้รับความสนใจจากนักเรียนเป็นอย่างมาก