เหล่ากูรูนักปั้นฟันธง ! แกะกล่องดาวรุ่งในวงการบันเทิงยกทีม ในภาพยนตร์”16 ห้าว 19 เดือด”

เหล่ากูรูนักปั้นฟันธง ! แกะกล่องดาวรุ่งในวงการบันเทิงยกทีม ในภาพยนตร์”16 ห้าว 19 เดือด”
“ริว วชิรวิชญ์ – มีย่า ทองเจือ” นำทีมเพื่อนนักแสดงวัยรุ่นหน้าใส ประกาศลั่น เข้ากลางใจแฟนหนังสงกรานต์นี้

เป็นภาพยนตร์ที่มีสีสันความสนุกครบทุกรสชาติ ทั้ง สนุกสนาน เฮฮา และสุดประทับใจในมิตรภาพไม่ว่าจะเป็นแก๊งส์เพื่อน พี่น้อง และครอบครัว ที่สานมิตรภาพแบบลูกผู้ชาย โดยเป็นภาพยนตร์ที่สร้างมาจาก Based of True Story ปฐมบท มึงกู เพื่อนกันจนวันตาย จุดเริ่มต้น “มิตรภาพลูกผู้ชาย” ในยุค 80 ก่อนจะกลายเป็น “ตํานาน” โดย “16 ห้าว 19 เดือด” นี้ ได้นักแสดงชายดาวรุ่ง “วชิรวิชญ์ วัฒนภักดีไพศาล” พระเอกน้องใหม่แกะกล่อง หนุ่มหล่อ ที่พกพาความสามารถมาอย่างมากมาย หนุ่มน้อยหน้าใสคนนี้ ตอนเด็กเขาเป็นคนติดเกมมาก ๆ จนคุณพ่อชี้ทางให้เข้าสู่เส้นทางสายกีฬา ไม่ว่าจะเป็น ว่ายน้ำ, ฟุตบอล, เทควันโด, แบดมินตัน และ ปิงปอง กีฬาที่เจ้าชื่นชอบมากที่สุด เขาฝึกซ้อมทุกวันจนพัฒนาฝีมือเป็น “นักกีฬาปิงปองเยาวชนทีมชาติ” และเริ่มต้นเข้าสู่วงการบันเทิงจากการเป็นพระเอกมิวสิควีดีโอเพลง เขียนไว้ให้เธอ ของวง Scooper และเคยเป็นหนึ่งในสมาชิก 9×9 (Nine By Nine) และพัฒนาตัวเองไม่ว่าจะเป็น การแสดง การร้อง การเต้น จนมาถึงด้านการแสดงละครซีรีส์ที่เจ้าตัวได้ฝากฝีไม้ลายมือไว้ให้ได้เห็น ก่อนจะมาเป็นพระเอกคลื่นลูกใหม่ของช่อง 3 เต็มตัวในเรื่อง “พฤษภา-ธันวา รักแท้แค่เกิดก่อน” นอกจากนี้เจ้าตัวยังอยู่ใน 12 หนุ่มฮอตจากเวที Supernova อีกด้วย ! โดยในช่วงที่ริว เรียนอยู่ปี 1 คณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ริวยังได้เป็นหนึ่งในริ้วขบวนงานฟุตบอลประเพณีจุฬา-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 72 จนกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้นในโลก Social Media สำหรับหนัง “16 ห้าว 19 เดือด” นั้น ริวรับบทเป็น กัน เด็กหนุ่มวัย 17 ปี หัวหน้าแก๊งสเปิร์ม (Sperm) เป็นหนุ่มรูปหล่อ มีเสน่ห์ พูดจาดี ฉลาด รอบคอบ เก่งในเรื่องชกต่อย เพราะมีพื้นฐานเรียนชกมวย เป็นลูกผู้ชายตัวจริง มีน้ำใจ รักเพื่อน ไม่ยอมใคร ไม่ชอบเห็นคนอ่อนแอถูกรังแก ทําอะไรมีหลักการ แต่อ่อนไหวเรื่องความรัก รักความเร็ว และการขับรถ

ฟากฝั่งนางเอก ก็ได้นางเอกหน้าใหม่สดใสปิ๊งปั๊งอย่าง “มิย่า – พิชชา ทองเจือ” ลูกสาวสุดที่รักของพีท ทองเจือ พระเอกดังของเมืองไทย ที่ไม่ว่าจะยุคไหน สมัยไหน เขาก็ยังคงความหล่อไม่เสื่อมคลาย มิย่า ทองเจือ สาวน้อยวัยเพียง 15 ปี ที่พกพาความสวยน่ารักมากพรสวรรค์ ที่เกิดมาเพื่อฉายแสงจนเข้าตาผู้กำกับ บอมบ์ อัศจรรย์ ที่มอบบท ปรินซ์ นางเอกของเรื่องให้ทันที น้องมิย่าเก่งเรื่องการเต้น มีความฝันอยากเป็นนักบัลเล่ต์ จึงเน้นที่การเรียนเต้นเป็นหลัก ผสมผสานกับความชื่นชอบศิลปินเกาหลีเป็นทุน จึงทำให้มีลีลาการเต้นที่หลากหลาย โดยพ่อพีทได้เห็นถึงความสามารถของน้องมิย่า เลยเปิดค่ายเพลงให้กับน้อง ชื่อค่าย Lil’ Brat Records ค่ายที่พ่อพีท-แม่เจ็ง ทุ่มทุนสร้างขึ้นเพื่อส่งลูกสาวได้ทำตามฝัน ในหนัง “16 ห้าว19 เดือด” มิย่า – พิชชา ทองเจือ รับบทเป็นปรินซ์ สาวแรกรุ่นวัย 17 ปี จากครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวย ด้วยความที่พ่อเป็นนายพลตํารวจ ทําให้เป็นคนไม่กลัวใคร รักความยุติธรรม กล้าหาญ ดูเผิน ๆ เหมือนเป็นคนหยิ่ง ถือตัว แต่ถ้าได้สนิทแล้ว จะรู้ว่าปรินซ์เป็นคนจิตใจดี มีความเอื้อเฟื้อ จริงจัง และมั่นคงในความรัก

นอกจากนี้แล้ว หนัง “16 ห้าว 19 เดือด” ยังรวมดาราวัยรุ่นหน้าใสกิ๊กอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โดม – เพชร ธํารงชัย, ใยไหม – ชินารดี อนุพงษ์ภิชาติ, ทิคเกอร์ – ธนวิชญ์ แต้ศิริเวชช์, กัน – เสฐพงษ์ เอวสุข, ซีต้าร์ – ณพสิทธิ์ แต้ศิริเวชช์, โอ๊ก – สีหเดช, ภูร์ เพียงพอ, มาชิ ภูริศ, พี พิเชฐ, ชิน ยอจุน ลี, นน ธนนน, เคนนี่ ชณานิน, คิม ธนาวุฒิ ฯลฯ ซึ่งนักแสดงวัยรุ่นเหล่านี้ได้มาร่วมงานเปิดตัวในรอบกาล่า พรีเมียร์ เมื่อค่ำวันก่อน สร้างความตื่นตะลึงให้แก่เหล่ากูรูนักปั้นที่มาร่วมชมภาพยนตร์กันอย่างถ้วนหน้า ว่าด้วยความหล่อสวยที่เปล่งประกายเตะตา จนทำให้ฟันธงด้วยความมั่นใจว่า วงการบันเทิงตั้งแต่ปี 2565 นี้ กลุ่มนักแสดงวัยรุ่นกลุ่มนี้ จะกลายเป็นคลื่นลูกใหม่ ที่มาบอมบ์วงการบันเทิงไทยครั้งใหญ่อย่างแน่นอน ติดตาม“16 ห้าว 19 เดือด (MY TRUE FRIENDS : THE BEGINNING)” พร้อมฉายแล้ววันนี้ ทุกโรงภาพยนตร์ ทั่วประเทศ ! ย้ำ “ห้าวเดือดทั่วหล้ามหาสงกรานต์” ชัวร์ ! ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของภาพยนตร์ 16 ห้าว 19 เดือด กันได้ที่เพจ www.facebook.com/My-True-Friends-The-Beginning และ www.facebook.com/mpicturesmovies

ณุศาศิริฯ ปฏิวัติวงการนวัตกรรมการเงิน จับมือพันธมิตรเปิด NUSA-CSR นําพาความมั่งคั่งสีเขียว

ณุศาศิริฯ ปฏิวัติวงการนวัตกรรมการเงิน จับมือพันธมิตรเปิด NUSA-CSR นําพาความมั่งคั่งสีเขียว “ต้นไม้มหัศจรรย์” พร้อม “Token Concept” ใช้ก่อนใครใน eco-system ของ ณุศาศิริ ทั้งหมด
เพราะเราเชื่อว่าความมั่งคั่งสีเขียวจะนําพาประเทศไทยให้ไปสู่เศรษฐกิจใหม่ที่ดี รวมถึงประเทศไทยมีพันธุ์ ไม้นานาพันธุ์ที่มีคุณประโยชน์มากมายทางการแพทย์ ศิริญา เทพเจริญ กรรมการบริหาร บริษัท NUSA-CSR จํากัด จึงเกิดแรงบันดาลใจ นํามาสู่การสร้าง NUSA-CSR เพื่อทําให้ฝันที่จะสร้างความร่ํารวยให้กับประเทศไทยจาก พืชสีเขียวเป็นจริง
นางศิริญา เทพเจริญ กล่าวว่า “พอเราเชื่อว่าพืชสีเขียวจะนําพาความมั่งคั่งมาให้ประเทศ ประกอบกับ นวัตกรรมการเงินในรูปแบบใหม่เปิดกว้างให้คนสามารถเป็นเจ้าของผ่าน Digital Token เราเลยคิดว่า ทําไมเราถึง จะทําเรื่องนี้คนเดียว ในเมื่อเราสามารถทําให้คนไทยเกือบทั้งประเทศเป็นเจ้าของธุรกิจที่เติบโตแบบนี้ได้

ล่าสุดบริษัทได้ปรับรูปแบบการพัฒนาเลเจนด์ สยาม พัทยา สู่เมืองท่องเที่ยวสุดมหัศจรรย์ ภายใต้การ บริหารของบริษัท ณุศา-ซีเอสอาร์ จํากัด ด้วยทุนจดทะเบียน 2,000 ล้านบาท ซึ่ง ณุศาฯ และ นายอุดม หวัง พันธมิตรชาวจีน ร่วมถือหุ้นฝ่ายละ 40% และที่เหลืออีก 20% เป็นผู้ถือหุ้นรายย่อย เพื่อรุกธุรกิจท่องเที่ยวเชิง เกษตร รวมถึงผลิตและจําหน่ายผลิตภัณฑ์กัญชง-กัญชา และผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย โดยมีเป้าหมายที่จะนําประเทศ ไทยให้ไปสู่เศรษฐกิจใหม่
เบื้องต้นบริษัทได้เปิดตัว ต้นไม้มหัศจรรย์ (มิราเคิล ทรี) ซึ่งบริษัทได้ลงทุนพื้นที่และปลูกเมล็ดพันธุ์ไปแล้ว พร้อมเครื่องจักรที่มีความสามารถในการสกัดสารที่มีประโยชน์ออกมาจากพืชสีเขียว บริษัทได้ทําการวิจัยและ ออกแบบผลิตภัณฑ์จากกัญชากัญชง และเพื่อให้ทุกคนสามารถร่วมเป็นเจ้าของต้นไม้

โดยในวันที่ 20 เมษายน ซึ่งเป็นวันกัญชาโลก บริษัทเตรียมเปิดให้จองในราคา 10,000 บาทต่อ 1 ต้น จอง ได้ไม่เกินคนละ 10 ต้น จํากัดเพียง 400,000 ต้น ซึ่งใน 10,000 บาทนั้น จะได้สิทธิประโยชน์กลับไปมูลค่ากว่า 75,000 บาท นอกจากจะได้เป็นเจ้าของต้นไม้แล้ว ยังจะได้รับ NMYZ TOKEN จํานวน 10,000 เหรียญ ซึ่งเป็น ยูทิลิตี้ โทเคน สามารถนําไปแลกซื้อผลิตภัณฑ์จากมิราเคิลช้อปได้ 20,000 บาท (มูลค่า 1 โทเคน เท่ากับ 2 บาท) ยัง ได้สิทธิ์ถือ NFT Miracle Club มูลค่า 20,000 บาท นอกจากนี้ยังได้ร่วมเป็นสมาชิก Miracle wealth โดยอัติ โนมัติ โครงการดีๆนี้เรายังอยากให้ทุกๆ คนได้ เป็นเจ้าของความมั่งคั่งสีเขียวอย่างเต็มรูปแบบ เราจึงเสนอให้ทุกคนที่ ซื้อต้นไม้มหัศจรรย์ ซึ่งชื่อของเจ้าของต้นไม้จะถูกบรรจุเข้าในแผนการสร้างรายได้แบบไร้ขีดจํากัดของ ณุศา CSR ด้วยโมเดลทางธุรกิจที่จะทําให้ทุกคนมีรายได้ตลอดชีวิต
โดยเราคาดหวังรายได้ปีแรกของ NUSA-CSR ในปีนี้ที่ 5,000 ล้านบาท ประกอบด้วย รายได้จากการปลูก กัญชง-กัญชา ซึ่งปัจจุบันได้เริ่มดําเนินการปลูกแล้ว, รายได้จากการจําหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพร รวมถึงกัญชง-กัญชา รวมถึงชุดตรวจ ATK นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาส 2 จะเริ่มมีวางจําหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดจากกัญชง-กัญชา ทั้ง ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร สกินแคร์ เป็นต้น รวมถึงยังมีรายได้จากแพลตฟอร์ม Morhello ที่จะเข้ามาเป็นช่อง

ทางการขายผลิตภัณฑ์ของบริษัท และรายได้จากการเข้าชมเมืองมหัศจรรย์ ในโครงการ เลเจนด์ สยาม พัทยา ซึ่ง ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว และในวันที่ 1 เม.ย.นี้ ได้เปิดอย่างเป็นทางการ โดยบริษัทยังตั้งเป้าหมายภายใน 3 ปี จะ แยก บริษัท NUSA-CSR จํากัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ซึ่งเจ้าของต้นไม้ มหัศจรรย์ ยังได้สิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มครั้งแรก (ไอพีโอ) ด้วย

ล่าสุด ณ วันนี้ NUSA-CSR ปรับเลเจนด์สยาม พัทยา ให้เป็นเมืองแห่งพืชมหัศจรรย์ ที่ทั้งปลูก วิจัย และ เป็นศูนย์รวมผลิตภัณฑ์กัญชง กัญชา เราลงทุนเรื่องเมล็ดพันธ์ไปแล้ว สั่งเครื่องจักรที่มีความสามารถในการสกัดสาร ที่มีประโยชน์ออกมาจากพืชสีเขียว เราทําการวิจัยและออกแบบผลิตภัณฑ์จากกัญชากัญชง เราเลยคิดว่า ถ้าเราให้ คนไทยได้ร่วมเป็นเจ้าของต้นไม้มหัศจรรย์ของเรา และมีส่วนร่วมกับธุรกิจที่เราทํา เราน่าจะมีพลังงานขนาดใหญ่เพื่อ ทําให้สิ่งที่เราวาดหวังไว้เป็นความจริงได้ ในสถานะการณ์ของโลกยุคโควิดนี้ เราอยากร่วมนําพาให้ทุกคนมีชีวิตความ เป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีรายได้มากขึ้นกว่าที่เคยรับ ไม่ว่าจะเป็นภาคการท่องเที่ยว ธุรกิจนวดแผนไทย ธุรกิจสปา ร้านเสริม สวย มัคคุเทศน์ พนักงานบริษัท แม่บ้าน หรือในทุกๆอาชีพ คุณสามารถจะมีสินค้ามากมาย ทั้ง ATK และสินค้าที่ ผลิตจากกัญชง กัญชา ที่หลากหลาย แถมยังมีคุณหมอเป็นที่ปรึกษา สามารถทําธุรกิจได้เลยโดยไม่ต้องมีหน้ารา้ น เราดูแลคุณครบทุกฟังชั่น โครงการลงทุนในต้นไม้มหัศจรรย์ของเราสามารถที่จะไปช่วยตอบโจทย์ในเรื่องธุรกิจเสริม อาชีพหลักของคุณได้ผ่านโลกดิจิทัล และที่สําคัญทุกๆ คนสามารถเติบโตไปพร้อมๆ กันกับเรา เพราะเราอยากให้ทุก คนมั่งคั่งไปพร้อมกัน” นางศิริญา กล่าว

ด้าน นางสาวชวนา กีรติยุตอมรกุล ผู้บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท NUSA-CSR จํากัด กล่าวเพิ่มเติมว่า “เนื่องจาก Eco-system ของ ณุศาศิริ ครอบคลุมในทุกเรื่องของไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าเป็นการแพทย์ การท่องเที่ยว และ การพักผ่อนหย่อนใจ ผู้เป็นเจ้าของ NMYZ TOKEN จะสามารถใช้บริการโรงแรม สถานที่ท่องเที่ยว และศูนย์ การแพทย์ ที่อยู่ภายใต้ณุศาศิริ แบบพิเศษกว่าใคร ทั้งราคาพิเศษและเงื่อนไขพิเศษ นอกจากนั้นเรายังออกแบบให้ Nusa token ดูแลไปถึงการมีแพทย์ Morhello ประจําบ้าน เพื่อให้ผู้เป็นเจ้าของต้นไม้มหัศจรรย์ได้มีแพทย์ทางไกล คอยดูแลอีกด้วย นอกจากนี้ยังได้สิทธิ์ถือ NFT Miracle Club มูลค่า 20,000 บาท ซึ่งประสบการณ์แบบมั่งคั่ง ทั้งเรื่องรายได้และสุขภาพถูกออกแบบมา เพื่อให้ทุกๆ คนที่เป็นเจ้าของต้นไม้ได้ใช้” ชวนา กล่าว
ทั้งนี้ โครงการ “ต้นไม้มหัศจรรย์เปิดลงทะเบียนพร้อมกันในวันกัญชาโลก คือวันที่ 20 เมษายน 2565 ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียด และลงทะเบียนรับสิทธิ์ “ต้นไม้มหัศจรรย์” ได้ที่ www.nusacsr.com
หรือ สแกนคิวอาร์โค้ดได้ที่…

ขอขอบคุณที่กรุณาเผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์
อุมา จงสิริวิทยา (น้อง) โทร.081-899-5395 สุรีรัตน์ ปานพรม (รัตน์) โทร.085-058-9777

สาดความสุขสนุกชุ่มฉ่ำ สงกรานต์วิถีใหม่ @ สยามอะเมซิ่งพาร์ค

สาดความสุขสนุกชุ่มฉ่ำ สงกรานต์วิถีใหม่ @ สยามอะเมซิ่งพาร์ค
ซื้อบัตรออนไลน์คุ้มที่สุด ประหยัดเกินครึ่ง

เที่ยวสงกรานต์แบบ New Normalระหว่างวันที่13-17เมษายน 2565สนุกอุ่นใจสะอาดปลอดภัยที่สยามอะเมซิ่งพาร์ค ในเทศกาล Big Holiday 2022 ชุ่มฉ่ำดับร้อนในสวนน้ำมาตรฐานเวิลด์คลาสและเครื่องเล่นสวนสนุกมากมาย ถูกใจทุกคนในครอบครัว อาทิ รถไฟเหาะตีลังกาใหญ่ที่สุด 1 ใน 2 ของโลก ยักษ์ตกตึกสูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ล่องซุงมหาสนุกและผจญภัยแดนไดโนเสาร์ขวัญใจสมาชิกทุกวัย ร่วมสรงน้ำพระและเพลิดเพลินกับกิจกรรมบันเทิงตลอดวัน พลาดไม่ได้!! Hydro Aerobic แอโรบิคเพื่อสุขภาพกลางทะเลเทียมที่ใหญ่ที่สุดในโลก รับรองโดยกินเนสเวิลด์เรคคอร์ดส เมื่อปีพ.ศ.2552

บัตรราคาพิเศษซื้อได้แล้ววันนี้ ประหยัดสุดคุ้มเมื่อซื้อล่วงหน้าผ่าน 

www.siamamazingpark.com/promotion-online รับส่วนลดสูงสุด 56% บัตรผู้ใหญ่ (สูง 131 ซม.ขึ้นไป) เริ่มต้น 400 บาท (แพ็ก 5 คน 2,000 บาท ปกติคนละ 900 บาท) รวมทุกเครื่องเล่นและสวนน้ำ เล่นได้ไม่อั้นทั้งวัน หรือเลือกรับโปรโมชั่นหน้าเคาน์เตอร์จากพันธมิตรชั้นนำมากมาย บัตรเด็ก (100-130 ซม.) เพียง 150 บาท ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปและเด็กสูงไม่ถึง 100 ซม. ผ่านประตูเล่นสวนน้ำฟรี!!

เที่ยวสยามอะเมซิ่งพาร์คสุดสบายใจเพราะเป็นพื้นที่โล่งกว้าง อากาศถ่ายเทสะดวก มั่นใจกับมาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร (Covid Free Setting), มาตรการ UP-DMHTA, มาตรการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention), และได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยเพื่อนักท่องเที่ยว (SHA+) เปิดบริการทุกวัน 10:00-18:00 น. สอบถามเพิ่มเติม line @siamamazingpark โทร.: 02-105-4294

ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.)

ก้าวสู่วิถีใหม่ผู้นำการขนส่งทางถนน

ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) กับการยืนหยัดเป็นผู้นำด้านการขนส่งทางถนน และเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่ให้บริการรถโดยสารสาธารณะ อยู่เคียงค้างประชาชนมายาวนานเกือบหนึ่งศตวรรษ ซึ่งได้เดินมาถึงปีที่ 92 ก้าวเข้าสู่ยุคกระแสโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ในสถานการณ์ ดิจิทัล ดิสรัปชัน (Digital Disruption) การใช้ชีวิตของมวลมนุษย์โลก ได้เปลี่ยนรูปแบบใหม่ วิถีใหม่ (New Normal)

ภายใต้สถานการณ์เฉกเช่นนี้ บขส.ก็ได้วางยุทธศาสตร์ในการพัฒนาองค์กรเพื่อความเป็นเลิศทางด้านการขนส่งทางถนนกันต่อไป ด้วยการนำพาของ ดร.สัญลักข์ ปัญวัฒนลิขิต กรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารยุคใหม่ ที่เริ่มเข้ามาสานต่อภารกิจสำคัญขององค์กรแห่งนี้ เมื่อ มกราคม 2564 หรือกว่า 1 ปีที่ผ่านมา โดยผู้นำองค์กรท่านนี้ เป็นบุคคลที่กล้าคิด กล้าทำ และมีความมุ่งมั่น ในการขับเคลื่อนและนำพา บขส. ก้าวสู่ไปเป้าหมายที่กำหนดไว้ดังกล่าวข้างต้น ควบคู่ไปกับการพัฒนาองค์กรให้มีความทันสมัย รองรับความเปลี่ยนแปลงในโลกยุคดิจิทัล

วางยุทธศาสตร์พัฒนาปรับปรุง 4 ด้าน
ทั้งนี้การพัฒนาและปรับปรุงการดำเนินงานนั้น กรรมการผู้จัดการใหญ่ยุค New Normal ท่านนี้ ได้นำ Smart Digition Technology มาใช้ในการบริหารจัดการ ทั้งหมด 4 ด้าน คือ
1.Smart Station (Modern Bus) การพัฒนาบริการปรับปรุงรถโดยสารและสถานีขนส่งฯ ให้ทันสมัย โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาพื้นที่ต่างๆ
2.Smart Product & Service เพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวก บนรถโดยสารและสถานีขนส่งฯ มีบริการที่ทันสมัย ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน ตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งเป็นรัฐบาลดิจิทัล โดยเน้นวัฒนธรรมเรื่องการบริการ ซึ่งพนักงานของ บขส.ทุกคนต้องให้บริการด้วยความเต็มใจ มีจิตอาสาต่อผู้โดยสารและประชาชน
3.Smart Asset พัฒนาสถานีหลักให้สอดคล้องกันกับสถานีกิจการที่เชื่อมต่อ นำทรัพย์สินที่มีอยู่ เช่น ที่ดิน สิ่งปลูกสร้างมาทำให้เกิดมูลค่าเพื่อชดเชยรายได้ค่าโดยสารที่ลดลงไป
4.Smart Fiem นำระบบเทคโนโลยีดิจิทัลมาบริหารจัดการ เพื่อปรับเปลี่ยนองค์กรให้ทันสมัย เพิ่มทักษะให้กับพนักงานเติมเข้าสู่ “Digital Transport” ในอนาคต องค์กรที่มีคุณภาพต้องมีความทันสมัย บุคลากรต้องทันต่อเทคโนโลยี มีการปรับตัวนำเทคโนโลยีที่ให้ไว้มาใช้กับการทำงาน
“นโยบาย Smart Digital Technology ทั้ง 4 ด้าน จะช่วยขับเคลื่อนและพัฒนาให้ บขส.ก้าวไปอย่างมั่นคง เป็นองค์กรที่มีความเป็นมืออาชีพ ตลอดจนสามารถพัฒนาธุรกิจ ให้มีผลประกอบการที่ดี และเป้าหมายสำคัญ คือ บขส. สามารถให้บริการที่ดีและตอบสนองความต้องการประชาชนได้ ด้วยการพัฒนาและปรับปรุงให้เข้าสู่ Digital Transport คือ การเป็นผู้นำการขนส่งทางถนน โดยนำ Smart Digital Technology มาใช้ควบคู่ไปกับรูปแบบชีวิตวิถีใหม่ New Normal โดยจะพัฒนาการบริการประชาชนทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ ซึ่งองค์กรต้องดำเนินการอยู่บนผลกำไรของตนเอง ไม่เป็นภาระของภาครัฐ เพื่อให้บรรลุตามวิสัยทัศน์ เป็นผู้นำด้านการขนส่งทางถนน วิถีใหม่ เชื่อมโยงทั่วไทยและประเทศเพื่อนบ้าน”

ผลประเมินระดับ AA การันตีผลงาน
จากการพัฒนาและปรับปรุงการดำเนินงานในรอบ 1 ปี ที่ผ่านมา สามารถยืนยันได้ว่า ผลงานที่เกิดขึ้นประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยเป็นการการันตีจาก สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ได้ประกาศผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส ในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment : ITA) ประจำปีงบประมาณ 2564 โดยให้ บขส. อยู่ในระดับ AA ได้คะแนน 95.82 ซึ่งเป็นคะแนนสูงสุดอันดับที่ 1 ของหน่วยงาน ในสังกัดกระทรวงคมนาคม และได้คะแนนสูงกว่าปีที่ 2563 จากคะแนน 77.05 แสดงให้เห็นถึงผลชี้วัดว่า การดำเนินงานของ บขส.มีคุณภาพ และมีมาตรฐานการบริหารจัดการองค์กรที่ดี มีคุณธรรม และความโปร่งใส สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้ เป็นการการันตีว่า บขส.มีความรับผิดชอบต่อสังคมและให้บริการแก่ประชาชนได้เต็มที่ตามหลักการบริการสาธารณะ
สำหรับผลงานที่ทำมาตลอดระยะเวลากว่า 1 ปี และจะดำเนินการต่อไปในอนาคต หลังจากที่ ดร.สัญลักข์ ปัญวัฒนลิขิต ได้เขามารับหน้าที่ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส. นั้น มีผลงานที่สำคัญ อาทิเช่น ทำการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์การใช้รถโดยสารให้มีความทันสมัย โดยพัฒนานำระบบ การจองหรือซื้อตั๋วออนไลน์ ( E-Ticket) และระบบติดตามรถอัจฉริยะ (GPS) ซึ่งเดิมนั้นมีติดเฉพาะรถของ บขส.เอง และเมื่อ กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้ขอความร่วมมือจากกรมขนส่งทางบก ให้ทำการวางระบบมอนิเตอร์ให้กับ รถ บขส. และรถร่วมทุกคันด้วย เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนมากขึ้น รวมทั้งเพิ่มระบบ WiFi บนรถโดยสารและสถานีขนส่งฯ โดยทำการปรับเปลี่ยนให้มีความทันสมัยสามารถติดต่อกันได้ทางออนไลน์สะดวกยิ่งขึ้น
ในส่วนการบริหารจัดการในเรื่องการจัดหาประโยชน์จากที่ดินของ บขส. จะนำที่ดินบ้างแปลงที่มีศักยภาพมาจัดสรรประโยชน์เพื่อชดเชยรายได้ที่หายไปช่วงสถานการณ์ โควิค- 19 ซึ่งได้ทำแผนงานไว้แล้วและจะดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมในปี 2565-2566 ด้วยการเปิดให้ภาคเอกชนเสนอตัวเข้ามาลงทุน โดยมีเป้าหมายในการตอบสนองนโยบายของรัฐบาลขยายการเชื่อมต่อไปถึงตลาดภูมิภาคอาเซียนหรือ AEC สำหรับที่ดินที่มีศักยภาพของ บขส.ก็มีอยู่หลายแปลง อาทิ ที่ชลบุรี ที่ปิ่นเกล้า และที่สามแยกไฟฉาย หากผู้เสนอโครงการให้มีการเชื่อมต่อกับภารกิจของ บขส.ก็อาจจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
อย่างไรก็ตามสำหรับการพัฒนาสถานีขนส่งหมอชิตนั้น ได้มีการลดพื้นที่การใช้งานลงให้เกิดความกระชับตามจำนวนเที่ยวรถ และมีการคืนที่ดินให้กับการรถไฟ เพื่อลดค่าใช้จ่าย และมีการปรับปรุงห้องขายตั๋วให้มีความทันสมัยขึ้น ให้มีความสะอาด ปลอดภัย และมีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังได้ดำเนินการโครงการเออลี่รีไทร์ ปรับขนาดองค์กรลง แต่เพิ่มประสิทธิภาพพนักงาน การขับเคลื่อนตามแผนงานก็ทำได้ในระดับหนึ่งแล้ว ในปี 2564 สามารถตัดค่าใช้จ่ายออกไปรวมกับการลดค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆ ซึ่งเป็นรายได้ที่ยังไม่สมควรต้องจ่าย เช่นการจ่ายค่าล่วงเวลาพนักงานหรือ โอที ก็จะไม่มีการจ่าย แต่จะใช้วิธีสลับกันทำงาน มาตรการเหล่านี้สามารถลดค่าใช้จ่ายได้เกือบ 100 ล้านบาทเลยทีเดียว ดังนั่นในปี 2565 ก็จะทำให้ต้นทุนคงที่ ( fixed cost) ลดลง คาดว่าจะสามารถตัดค่าใช้จ่ายออกไปได้ ประมาณ 60-70 ล้านบาท
นอกจากนโยบายที่กล่าวมาข้างต้น ยังมีนโยบายสำคัญอีกหนึ่งเรื่องที่จะทำการพัฒนาปรุงปรุง คือการรับส่งพัสดุภัณฑ์ ภายใต้แนวคิดไม่ได้ทำการแข่งขันกับเอกชน แต่พยายามเติมเต็มในส่วนที่เอกชนไม่ได้ทำ เช่น การขนส่งพัสดุชิ้นใหญ่ๆ , สินค้าชุมชน เป็นต้น โดยนโยบายของ บขส.คือ “One Day Service ส่งเช้าถึงเย็น ส่งค่ำถึงเช้า ก็จะสะดวก ถือเป็นจุดเด่น และเป็นทางเลือกในการบริการ โดยวางแผนไว้ดำเนินการจัดส่งในรูปแบบ Hup to Hup ด้วยการหาพันธมิตรมาร่วมมือกันในหลายมิติ ให้ครอบคลุมและเข้าถึงผู้ใช้บริการ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย แต่ก็ยังมีจุดอ่อนตรงที่ยังไม่สามารถส่งตรงถึงประตู่บ้านได้ ในอนาคตกำลังมองหาพันธมิตรเข้ามาร่วม เพื่อขนส่งถึงหน้าประตูบ้านได้เลยเช่นกัน ซึ่งทั้งหมดนี้คือ สิ่งที่จะเกิดขึ้นในปี 2565 นี้

ลดรายจ่าย-เพิ่มรายได้แก้ขาดทุน
นอกจากการลดค่าใช้จ่ายและหาช่องทางเพิ่มรายได้ อีกภารกิจหนึ่ง ที่ บขส. ได้ให้ความสำคัญไม่น้อยเลยก็คือ การจัดจัดทริปท่องเที่ยว เป็นการกระตุ้นการส่งเสริมการท่องเที่ยวตามนโยบายของรัฐบาล โดยเปิดให้บริการจัดรถรับส่งบริการไปเช้าเย็นกลับ โดยทำร่วมกับพันธมิตรที่มีประสบการณ์ทำธุรกิจนำเที่ยว อย่างไรก็ตามก็จะเปิดให้บริการท่องเที่ยวแบบค้างคืนด้วยเช่นกัน ตามที่ผู้ใช้บริการเสนอแพ็คเก็จเข้ามา จากที่ได้ดำเนินการในเรื่องทริปท่องเที่ยว ตามรอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฎ และทริปทำบุญไหว้พระ 9 วัดอยุธยา ก็ได้รับความพึ่งพอใจและชื่นชอบอย่างมาก เพราะราคาไม่แพงและมีความมั่นใจในตัวพลขับที่มีมาตรฐานสูง
ไม่เพียงเท่านั้น บขส.ยังหาช่องทางเพิ่มรายได้เพิ่มอีกช่องทาง โดยให้ศูนย์ซ่อมบริการรถ ซึ่งมีศูนย์ใหญ่อยู่ที่รังสิต เปิดให้บริการแก่ภาคเอกชนและประชาชนทั่วไป ทั้งรถส่วนบุคคล และรถขององค์กร โดยให้นโยบายกับศูนย์บริการไว้ว่า กรณีที่ผู้ใช้บริการเป็นพันธมิตรกัน ก็จะมีส่วนลด จากเลตราคาในการให้บริการปกติ ซึ่งภารกิจนี้ได้มีการเจรจากับ ขสมก. ให้ส่งรถมาใช้บริการที่ศูนย์ซ่อม บขส. ซึ่งอยู่ในระหว่างการทำรายละเอียด MOU นอกจากนี้ยังได้มีการพูดคุยเจรจากับอีกหลายองค์กร
“หากสถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติ จากนโยบายลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มรายได้ ก็คาดว่าจะทำให้ บขส.มีรายได้เพิ่ม ซึ่งจากการทำแผนงานไว้ คาดว่าในปี 2566 บขส.จะมีกำไรประมาณ 60 กว่าล้านบาท ซึ่งยังไม่ประเมินสถานการณ์ได้ว่าในปีนั้น สถานการณ์วิกฤตจะเป็นอย่างไร แต่ยืนยันได้ว่าถ้าทำตามแผนที่กำหนดไว้ ก็จะสวิ้งกลับมามีกำไร จากเดิมในปีที่ผ่านมา ที่ขาดทุนในระดับ 1000 ล้านบาท ทำให้ใน 2 ปีที่เกิดวิกฤติโควิค เงินสะสมหายไปเยอะมาก โดยปีที่ 2563 ก่อนผมมาบริหารขาดทุนไป มากกว่า 500 ล้านบาท และในปี 2564 ขาดทุนไปเกือบ 1,000 ล้านบาท ซึ่งมีผลกระทบต่อกระแสเงินสด แต่เราไม่ได้ลดมาตรฐานการบริการ ”
ส่วนเป้าหมายการดำเนินการในปี 2565 นั้น ดร.สัญลักข์ ปัญวัฒนลิขิต มีความตั้งใจจะต่อยอดนำเอาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศหรือระบบดิจิทัล มาใช้พัฒนาและยกระดับคุณภาพการบริการให้ได้มาตรฐานมีประสิทธิภาพ โดยคำนึงถึงความสะดวก รวดเร็ว ทันสมัย ปลอดภัย และจำทำการเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างทางบก ทางน้ำ ทางรางและทางอากาศ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้โดยสารได้มากยิ่งขึ้น และมีเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง คือเรื่องของ Feeder Service ซึ่งเป็นนโยบายของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ) ที่มอบหมายให้ดำเนินการ ตามภารกิจที่ว่า รถไฟความเร็วสูงไปถึงไหน บขส.ก็ต้องพยายามจะขนส่งคนไปเชื่อมต่อ รวมถึงทางอากาศ บขส.ก็ต้องจัดการเดินรถให้เชื่อมต่อกับสนามบินต่าง ๆ ซึ่ง บขส.ก็รับนโยบายตรงนี้มาดำเนินการต่อ รวมทั้งทำการเชื่อมโยงไปยังประเทศเพื่อนบ้าน บขส. ก็พร้อมเปิดให้บริการเดินรถโดยสารระหว่างประเทศ เพราะ บขส.มีเที่ยววิ่งรถไป ส.ป.ป.ลาว และกัมพูชาอยู่แล้ว แต่ต้องรอนโยบายเปิดประเทศ

ปรับสู่โหมดรถพลังงานไฟฟ้า (EV)
สำหรับนโยบายสำคัญ ที่จะทำให้ บขส.เกิดการเปลี่ยนแปลงองค์กรครั้งใหญ่กันเลยทีเดียว ก็คือการนำรถพลังงานทางเลือก เช่นรถพลังงานไฟฟ้า (รถ EV) มาให้บริการ โดยมีการศึกษาในเรื่องจุดคุ้มทุน ซึ่ง บขส.มีแนวทางจะนำรถไฟฟ้ามาใช้แทนรถใช้น้ำมันทั้งหมด คาดว่าภายใน 2-3 เดือน อาจจะได้เห็นรูปร่างของ ทีโออาร์ ออกมาให้เอกชนประมูล และคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในปี 2566 เป็นต้นไป
“ขอฝากถึงผู้ใช้บริการด้วยว่า ทาง บขส. ผมขอยืนยันว่าจะให้บริการประชาชนอย่างเต็มที่ตามความสามารถในการให้บริการ ความปลอดภัย การดูแลพี่น้องประชาชนในการเดินทางต่างๆ ในเรื่องของความ สะอาด สะดวก ปลอดภัย ซึ่งคณะกรรมการบริษัท ได้มีฉันทามติกันว่า หลังจากที่เราได้ทำตามนโยบายที่วางไว้ โดยพยายามทำการลดรายจ่ายกันแล้ว ภายใต้การบริหารต้นทุนที่ดี ก็น่าจะทำให้กิจการ บขส.ดีขึ้นได้ และหากสถานการณ์ โควิคคลี่คลาย ประชาชนกลับมาใช้บริการสู่สภาวะปกติ บขส.ต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน คาดว่าภายในปีที่ 3 ของการทำงานของผม จะมีความสมบูรณ์ทุกระบบและการให้บริการด้วยความเป็นมิตร โดยเฉพาะการให้บริการขนส่งผู้โดยสารด้วยความปลอดภัย ซึ่งเป็น นโยบายในลำดับแรกๆที่ถือเป็นเรื่องสำคัญ”

กองบัญชาการกองทัพไทย โดย กรมกิจการพลเรือนทหาร ได้จัดโครงการ

กองบัญชาการกองทัพไทย โดย กรมกิจการพลเรือนทหาร ได้จัดโครงการเสริมสร้างพัฒนาความสัมพันธ์กับสื่อมวลชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๕ในพื้นที่จังหวัดตราด โครงการ ดังกล่าว ได้นำสื่อมวลชนแขนงต่างๆเดินทางไปเยี่ยมชมการปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันประเทศตามแนวชายเเดน และการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลในพื้นที่ภาคตะวันออก อันเป็นภารกิจหลักของกองทัพไทยในการรักษาความมั่นคงของชาติ ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างการรับรู้ ความเข้าใจก่อให้เกิดความเชื่อมั่น ศรัทธาต่อกองทัพ นำไปสู่ความร่วมมืออันดีระหว่างทหารกับประชาชนโดยการเดินทางในครั้งนี้ สื่อมวลชนได้เยี่ยมชมการปฏิบัติงานของหน่วยทหาร อันได้แก่ ภารกิจของศูนย์ทุ่นระเบิดแห่งชาติ ศูนย์บัญชาการทางทหาร(ศทช.ศบท.)ณ ชุดควบคุมทหารพรานนาวิกโยธินที่๓ ตำบลไม้รูด อำเภอคลองใหญ่ ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ปฏิบัติงาน และได้มีการจัดงานวันรณรงค์การดำเนินงานด้านทุ่นระเบิดสากล ประจำปี ๒๕๖๕ขึ้นเพื่อให้สังคมตระหนักถึงความร้ายแรงของทุ่นระเบิดจากภัยสงคราม เตรียมขยายเวลา๓ปีปลดไทยออกจากพื้นที่ไร้ทุ่นระเบิด เผยชายแดนอีสาน- สระแก้ว ยังติดปัญหาเข้าเก็บกู้ไม่ได้ในพื้นที่ปักปันเขตแดน

ที่อาคารเอนกประสงค์ ชุดควบคุมทหารพรานนาวิกโยธินที่3 บ้านเขาล้าน ต.ไม้รูด อ.คลองใหญ่ จ.ตราด ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่ง หรือ TMACได้จัดงานวันรณรงค์การดำเนินงานด้านทุ่นระเบิดสากล โดยมี ตัวแทนจากกระทรวงการต่างประเทศ, กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ, องค์การความช่วยเหลือจากประชาชนชาวนอร์เวย์ สมาคมเก็บกู้ทุ่นระเบิดพลเรือนไทย, และมูลนิธิเพื่อมนุษยธรรม Golden Westhumanitarian Foundation (GWHF)เข้าร่วมพิธี

ทั้งนี้ พลโท​กนิษฐ ชมะนันท์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ประธานในงาน ได้มอบสิ่งของ ถุงยังชีพ ขาเทียม และรถวิลแชร์ ให้ผู้ที่ที่ได้รับผลกระทบจากทุ่นระเบิดในพื้นที่ใกล้ชายแดน จันทบุรี-ตราด พร้อมระบุว่า สืบเนื่องจากสหประชาชาติตระหนักว่าทุ่นระเบิดสังหารบุคคลและสรรพาวุธระเบิดที่ตกค้างจากสงครามยังคงเป็นภัยคุกคามต่อชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์ในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก จึงกำหนดให้วันที่ ๔เม.ย. ของทุกปีเป็นวันรณรงค์การดำเนินงานด้านทุ่นระเบิดสากล (International Day for Mine Awareness and Assistance in
Mine Action)
เพื่อให้ประเทศต่าง ๆ ร่วมกันสร้างความตระหนักรู้ถึงอันตรายจากทุ่นระเบิดสังหารบุคคล และช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากทุ่นระเบิด

หลังจากนั้นได้นำคณะสื่อมวลชนเดินทางไปเยี่ยมชมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทหารกับภารกิจการปกป้องอธิปไตร การรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลในพื้นที่ตะวันออก ณ หน่วยของฐานส่งกำลังบำรุงทหารเรือตราด(ฐตร.ทรภ.๑)และหมู่เรือ ลาดตระเวนชายแดน ส่วนที่๑(มชด./๑) ณ ห้องประชุมฐานส่งกำลังบำรุงทหารเรือตราด ทัพเรือภาคที่๑ พร้อมทั้งเยี่ยมชมการลาดตระเวนทางทะเล การสาธิตตรวจค้น/ตรวจเยี่ยมเรือในทะเล พร้อมสำรวจภูมิประเทศบริเวณรอบเกาะช้าง อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด ทั้งนี้ การนำคณะสื่อมวลชนเดินทางไปเยี่ยมชมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทหารในครั้งนี้ เป็นการ

เสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างทหารกับสื่อมวลชน เพื่อรับทราบภารกิจของหน่วยทหาร ด้านการรักษาความ
มั่นคงของชาติ รวมทั้งภารกิจของหน่วยต่างๆ

รฟฟท. ให้ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ใช้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ฟรี! 13 เมษายน 2565

รฟฟท. ให้ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ใช้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ฟรี! 13 เมษายน 2565

บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ให้ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ใช้บริการ ฟรี! เนื่องในวันผู้สูงอายุแห่งชาติ 13 เมษายน 2565

นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงเปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสวันผู้สูงอายุแห่งชาติ 13 เมษายน 2565 บริษัทจึงมอบสิทธิพิเศษให้แก่ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ใช้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ฟรี! ตั้งแต่เวลา 05.30 – 24.00 น. ในวันที่ 13 เมษายน 2565 ( ผู้สูงอายุต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชนแก่เจ้าหน้าที่บริเวณห้องจำหน่ายบัตรโดยสาร )

ทั้งนี้บริษัทยังคงเน้นย้ำมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัยในการใช้บริการของผู้โดยสาร โดยมีมาตรการต่างๆ ทั้งตั้งจุดคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิผู้โดยสารก่อนเข้าใช้บริการในทุกสถานี , เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดบริเวณจุดสัมผัสภายในสถานีและภายในขบวนรถไฟฟ้า , เพิ่มความถี่ในการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อภายในขบวนรถไฟฟ้าก่อนให้บริการ รวมถึงขอความร่วมมือผู้โดยสารปฏิบัติตามมาตรการ D-M-H-T-T อย่างเคร่งครัด ได้แก่ เว้นระยะห่างระหว่างบุคคลภายในขบวนรถไฟฟ้า และสถานี , สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ใช้บริการ, ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ทั้งก่อนและหลังเข้าใช้บริการ , ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าใช้บริการ และสแกน QR Code ไทยชนะ บริเวณสถานีทุกครั้งเพื่อเป็นประโยชน์ในการสอบสวนโรค

หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ส่วนบริการลูกค้า 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง รถไฟฟ้าสายสีแดง ยกระดับคุณภาพชีวิตชานเมือง

เป็นปลื้ม…เล็งจัดต่อเนื่อง ศึกมวยมันส์มหากุศล

เป็นปลื้ม…เล็งจัดต่อเนื่อง ศึกมวยมันส์มหากุศล

คุณพงศกรณ์ เสาร์ทน ประธานการจัดงาน “ศึกมวยมันส์มหากุศล” และคุณสุกัญญา บิลภัทร โปรโมเตอร์หญิงผู้จัดการแข่งขัน รู้สึกปลาบปลื้มเป็นอย่างยิ่งที่การจัดงาน “ศึกมวยมันส์มหากุศล” เมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา ได้รับแรงสนับสนุนจากประชาชนทั้งในและนอกพื้นที่ เข้าร่วมชมงานกันอย่างเนื่องแน่นจนเต็มพื้นที่ ตลอด 10 คู่มวยที่ทำการแข่งขัน

ในงานยังได้รับมอบถ้วยรางวัล”ใช้อาวุธศิลปะ มวยไทยยอดเยี่ยม” โดยนายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถ้วยรางวัล”คู่มวยดุเดือด”จากพลตำรวจโท สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถ้วยรางวัล”ไหว้ครูสวยงาม” โดยนายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ให้กับนักมวยที่เข้าร่วมการแข่งขันด้วย ถือเป็นเกียรติสำหรับนักมวยเป็นอย่างยิ่ง

นอกจากนี้ทางโปรโมเตอร์ผู้จัดการแข่งขัน ยังกล่าวต่ออีกว่า “มวยไทยถือเป็นศิลปะการป้องกันตัว ที่สืบทอดกันมายาวนานของคนไทย ซึ่งปัจจุบันได้มีการนำมวยไทยมาใช้เชิงการแข่งขันกีฬาและในการต่อสู้ป้องกันตัว นอกจากนั้นกีฬามวยไทย ยังสามารถใช้ส่งเสริมสุขภาพให้กับบุคคลทั่วไปได้อีกด้วย “
ดังนั้นทางโปรโมเตอร์พร้อมทีมงาน จึงได้คิดโครงการภายใต้ชื่อ “สืบสานอนุรักษ์ศิลปะมวยไทย “ เพื่อหารายได้สมทบสร้างโบสถ์วัดโนนสูงบ้านแห้วให้แล้วเสร็จ และจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ให้กับโรงพยาบาลขอนแก่น 2 จึงเป็นที่มาของโครงการภายใต้ชื่องาน “ศึกมวยมันส์มหากุศล” ในครั้งนี้

โดยได้รับความมือจากหน่วยงานราชการเป็นอย่างดี และการสนับสนุนด้านงบประมาณในการจัดงานทั้งจากภาคประชาชนและหน่วยงานราชการ รวมถึงการสนับสนุนด้านงบประมาณจาก คุณพงศกรณ์ เสาร์ทน ผู้รักบ้านเกิดชาวซำสูง

คุณสุกัญญา โปรโมเตอร์ ยังกล่าวปิดท้ายว่า หากมีหน่วยราชการใดสนใจเข้ามาสนับสนุนเพิ่มเติมในกิจกรรมดังกล่าว เพื่อใช้กีฬา เป็นตัวเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงานราชการและชุมชนก็ยินดีที่จะจับมือร่วมกันสืบทอด อนุรักษ์ ศิลปะแม่ไม้มวยไทย ส่วนแพลนการจัดงานในครั้งต่อไป จะทำโครงการเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างชุมชนอย่างต่อเนื่องแน่นอน ช่วงวันเวลาและสถานที่ในการจัด “ศึกมวยมันส์มหากุศล” ในครั้งต่อไป ต้องรอติดตามรายละเอียดอีกครั้ง เร็วๆ นี้ “

“บุฟเฟต์ข้าวแช่” ที่ดิเอมเมอรัลด์ ค็อฟฟี่ช็อพ

“บุฟเฟต์ข้าวแช่” ที่ดิเอมเมอรัลด์ ค็อฟฟี่ช็อพ
ดิเอมเมอรัลด์ ค็อฟฟี่ช็อพ โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ จัดเมนูรับฤดูร้อนตลอดเดือนเมษายนนี้ด้วย “ข้าวแช่” สำรับอาหารที่มีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน หอมเย็นสดชื่น

ด้วยการนำข้าวสารที่ผ่านการขัดจนหมดยางข้าวก่อนทำให้สุก เวลาทานจึงเติมน้ำเย็นที่มีกลิ่นหอมของดอกมะลิพร้อมน้ำแข็ง ทานคู่กับลูกกะปิ พริกหยวกสอดไส้ หมูฝอย หัวหอมสอดไส้ ปลาแห้งผัดหวาน และเครื่องผัดหวานต่าง ๆ เพียงชุดละ 299 บาท++ และ ข้าวเหนียวมะม่วง เพียงชุดละ 120 บาท++ เท่านั้น

พิเศษสุด!! จัดบริการรวมในบุฟเฟต์นานาชาติเฉพาะมื้อเย็น พร้อมเมนูเด่นทั้ง 3 ห้องอาหารบริการครบจบในที่เดียวทั้ง ซูชิพรีเมียม ฟัวกราส์ วากิว ปลาไหลญี่ปุ่น เทมปุระ ซีฟู้ด แบบร้อน-เย็น อาทิ กั้งกระดาน หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ กุ้งแม่น้ำ หอยหวาน carving station 7 วัน 7 เมนู ติ่มซำ ก๋วยเตี๋ยวเรือเนื้อวากิว ขนมหวาน ช็อคโกแลตฟองดูว์ ผลไม้ ไอศกรีม และเครื่องดื่ม ระหว่างเวลา 18.00 – 22.00 น. เพียงท่านละ 999 บาทถ้วน (จากปกติ 1,400 บาท)
สำรองที่นั่งโทร. 0-2276-4567 ต่อ 8413-4 หรือไลน์ @theemeraldhotel

Amway Creators

แอมเวย์ยืนหนึ่งเรื่อง Health & Wellness ตัวจริง เข้าใจอินไซต์คนรักสุขภาพ
จัดทัพอาหารเสริมคุณภาพสูง ทุ่มงบปั้นแบรนด์นิวทริไลท์ให้ครองใจผู้บริโภคทั่วประเทศ
แอมเวย์ประเทศไทยตอกย้ำความเป็นผู้นำ Health & Wellness ชู ‘นิวทริไลท์’ ตอบโจทย์เทรนด์การดูแลสุขภาพของผู้บริโภค ดึงความเชี่ยวชาญกว่า 80 ปีนิวทริไลท์ เปิดตัวผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคุณภาพเยี่ยมตลอดปี เน้นลุยแผนสร้างแบรนด์ ส่งภาพยนตร์โฆษณาซึ้งกินใจ ทุ่มงบ 5 เท่า กระจายผ่านสื่อออนไลน์และออฟไลน์ พร้อมปั้นนักธุรกิจแอมเวย์ให้เป็น Amway Creators ผ่านกิจกรรม 70 Days Creators Challenge เชื่อมั่นครองใจผู้บริโภคทั่วประเทศ
แอมเวย์เข้าใจอินไซต์ผู้บริโภคในปัจจุบันที่เน้นการดูแลสุขภาพและเชื่อว่าเทรนด์นี้จะยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่อง โดยจากสถิติของ Global Health & Wellness Consumer Landscape 2021 พบว่า 80% ของผู้บริโภคเลือกรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่มาจากธรรมชาติ 72% เลือกรับประทานอาหารและเครื่องดื่มเสริมสารอาหาร และ 44% รับประทานวิตามินและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

นายกิจธวัช ฤทธีราวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในปี 2564 ที่ผ่านมาทั้งแอมเวย์โลกและแอมเวย์ประเทศไทยยังคงครองตำแหน่งยอดขายอันดับหนึ่งในธุรกิจขายตรง โดยสัดส่วนยอดขายมาจากผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนิวทริไลท์ถึง 70% สอดรับกับเทรนด์รักสุขภาพ โดยในปีนี้เราได้เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์นิวทริไลท์มากมายตลอดทั้งปี ล่าสุดเพิ่งปล่อยสินค้าใหม่ในกลุ่ม เอ็น บาย นิวทริไลท์ ที่ตรงใจไลฟ์สไตล์ของคน Young Gen และ Young at Heart และโฟกัสสำคัญของปีนี้คือการเพิ่มงบโฆษณามากกว่าเดิม 5 เท่า เสริมแบรนด์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและครองใจผู้บริโภคในฐานะผู้นำด้าน Health & Wellness อย่างแท้จริง”

สำหรับการเพิ่มงบประมาณด้านการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ในปีนี้ มุ่งเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์นิวทริไลท์ สร้างให้แบรนด์เป็น Top of mind ครองใจผู้บริโภคสายสุขภาพ
“แผนการสร้างแบรนด์นิวทริไลท์ในปีนี้ เริ่มจากภาพยนตร์โฆษณาเนื้อหากินใจ ที่สะท้อนไลฟ์สไตล์ชีวิตของคนที่มีเป้าหมายแตกต่างกัน แต่ก็ต้องการการดูแลสุขภาพและรูปร่างที่เห็นผลได้จริง ซึ่งนิวทริไลท์มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านสุขภาพมากว่า 80 ปีในการคิดค้น วิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร พร้อมโซลูชั่นการดูแลสุขภาพอย่างครบวงจร โดยมีแผนสร้างแบรนด์ผ่านสื่อทีวี บิลบอร์ด และออนไลน์ เชื่อว่าผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายทุกคนจะได้เห็นโฆษณานี้” นายทศพร นิษฐานนท์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริม
นอกจากนี้ แอมเวย์ยังคงเดินหน้าสร้างสกิลเพื่อให้นักธุรกิจแอมเวย์ทั่วประเทศเป็น Health & Wellness Creators ผ่านกิจกรรม ‘70 Days Creators Challenge – 70 วัน เปลี่ยนความชอบเป็นรายได้ด้วยธุรกิจแอมเวย์’ คอร์สอบรมเข้มข้นสอนการสร้างแบรนด์ในแบบของตนเองเพื่อต่อยอดในการทำธุรกิจยุคใหม่ให้น่าสนใจ

“เรามุ่งมั่นให้นักธุรกิจแอมเวย์สามารถปรับตัวให้เข้ากับการทำธุรกิจในยุคดิจิทัล จึงจัดกิจกรรม 70 Days Creators Challenge โดยเปิดรับสมัครทีมเข้าเรียนรู้และแข่งขันทำภารกิจตลอด 70 วันต่อเนื่อง เกี่ยวกับการสร้างคอนเทนต์ออนไลน์เพื่อนำเสนอสินค้าให้กับผู้บริโภค รวมถึงการอัปเดตเทรนด์และแพลตฟอร์มใหม่ๆ จากกูรูด้านต่างๆ มีผู้สมัครร่วม 30,000 คน ซึ่งนับเป็นคอร์สอบรมที่ได้รับความสนใจมากที่สุดที่แอมเวย์เคยจัดมา” นายทศพร กล่าวเพิ่มเติม
“แอมเวย์มีการปรับเปลี่ยนแผนงานและพัฒนานวัตกรรมสินค้าให้ก้าวทันกระแสโลกอยู่เสมอ และด้วยเมกะเทรนด์เรื่องการใส่ใจด้านสุขภาพ ตรงกับจุดแข็งของเรา จึงมั่นใจว่าแอมเวย์จะเป็นแบรนด์ที่อยู่ในใจผู้บริโภคได้อย่างแน่นอน” นายกิจธวัช กล่าวสรุป

กิจกรรมส่งเสริมพัฒนาเศรษฐกิจการค้าจังหวัดลพบุรี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565

“Food Fresh The Best of LOPBURI ” โครงการส่งเสริมการตลาด การบริโภคอาหารปลอดภัย กิจกรรมส่งเสริมพัฒนาเศรษฐกิจการค้าจังหวัดลพบุรี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565
วันศุกร์ที่ 1 เมษายน 2565 ระหว่างเวลา 15.30 – 17.00 น.
ณ ลานโปรโมชั่น ชั้น G ศูนย์การค้าโรบินสัน ศรีสมาน จังหวัดนนทบุรี

“เริ่มแล้ว ลพบุรีเดินหน้าจัดงาน Food Fresh The Best of LOPBURI สร้างรายได้แก่ผู้ผลิตและผู้ประกอบการ เร่งสร้างการรับรู้สินค้าเกษตรอินทรีย์ อาหารปลอดภัยและผลิตภัณฑ์ชุมชน
ของจังหวัดลพบุรี ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย”

สำนักงานพาณิชย์จังหวัดลพบุรี จัดโครงการ ส่งเสริมการตลาด การบริโภคอาหารปลอดภัย กิจกรรมส่งเสริมพัฒนาเศรษฐกิจการค้าจังหวัดลพบุรี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ภายใต้ชื่องาน “Food Fresh The Best of LOPBURI” หวังสร้างรายได้ให้กับผู้ผลิต ผู้ประกอบการสินค้าเกษตรอินทรีย์ อาหารปลอดภัยและผลิตภัณฑ์ชุมชนของจังหวัดลพบุรี รวมถึงประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้สินค้าเกษตรอินทรีย์ อาหารปลอดภัยและผลิตภัณฑ์ชุมชนของจังหวัดลพบุรี ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย

วันที่ 1 เมษายน 2565 ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ได้ทำการเปิดการแสดงและจำหน่ายสินค้าอย่างเป็นทางการ โดยกล่าวถึงงานว่า “การจัดงานครั้งนี้ เป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ให้มีช่องทางการจำหน่ายสินค้า และกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม”
ภายในงานแสดงและจำหน่ายสินค้า Food Fresh The Best of LOPBURI จัดขึ้น ณ ศูนย์การค้า

โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ศรีสมาน จังหวัดนนทบุรี ระหว่างวันที่ 1 – 5 เมษายน 2565 โดยในงาน มีการจัดจำหน่ายสินค้ามากกว่า 50 ร้านค้า หลากหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย เครื่องประดับ กระเป๋าสาน ตะกร้าสาน ของที่ระลึก เช่น พวงกุญแจลิง ของแกะสลัก เครื่องสำอางค์ อาหารต่าง ๆ เช่น น้ำผึ้ง น้ำข้าวโพด ปลาส้มพัก หมูส้ม ปลาร้า ไอศกรีม สมูทตี้ผลไม้ ผักสด ผลไม้ และสินค้าเกษตร รวมถึงสมุนไพรต่างๆ และในงานมีกิจกรรมให้ความบันเทิงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการโชว์ทำอาหารจากเชฟทองเลี่ยม นายกสมาคมเชฟแห่งประเทศไทย และดนตรีจากศิลปินที่มีชื่อเสียง รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการขายเช่น สินค้านาทีทอง และกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย