เหล่าผู้โชคดีที่เปิดเจอ 3 ปลากระป๋อง “กัปตันเรือ”แจกจริง เฮรับเงินแสน!

ปลากระป๋อง”กัปตันเรือ”เปิดบ้านแจกโชค เจอ 3 จ่ายเงินแสน

เหล่าผู้โชคดีที่เปิดเจอ 3 ปลากระป๋อง กัปตันเรือ เฮรับเงินแสน!
ที่บริษัท กัปตันเรือ เมื่อวันที่ 6 ก.พ.2565 ที่ผ่านมา ผู้ผลิตปลากระป๋องพร้อมรับประทาน ได้เปิดบ้านกัปตันเรือจ่ายเช็คแจกโชคให้กับผู้โชคดี

โดยนายอุเทน นุ้ยพิน ประธานกรรมการบริษัทฯ พร้อมด้วยนายรัฐณกรณ์ อมรวีระวัฒน อุปนายกสมาคมช่างภาพสื่อมวลชนดิจิทัล ได้ร่วมแสดงความยินดีแจกเงินแสน ให้กับผู้โชคดี ที่ร่วมสนุกกับทางบริษัท ปลากระป๋อง “กัปตันเรือ” ในการส่งคลิปวีดีโอเข้าร่วมสนุกกับทางบริษัทฯ กับแคมเปญ “เจอ 3 จ่ายแสน”

เมื่อลูกค้าซื้อปลากระป๋อง กัปตันเรือ แล้วเจอปลาในกระป๋อง 3 ตัว รับเงินทันทีหนึ่งแสนบาท โดยบางกระป๋องจะพบเจอ 4 ตัว แล้วแต่ดวงของใครที่จะเป็นผู้โชคดี

นายรัฐณกรณ์ อมรวีระวัฒน ลิ้มรสปลากระป๋อง กัปตันเรือ
โดยในวันนี้ 6 ก.พ.2565 ลูกค้าที่รับประทานปลากระป๋อง “กัปตันเรือ”

ที่ส่งคลิปเข้าร่วมสนุกและเป็นผู้โชคดีได้ทะยอยเดินทางมาที่บริษัท กว่า 100 คน และมีผู้โชคดีรับเงินแสน จำนวน 10 คน และร้านค้าที่จำหน่ายให้กับผู้โชคดี 10,000 บาท ร่วมถึงลูกค้ารายอื่นๆ อีก รวมจำนวน 100 คน ที่เดินทางมารับเงินที่บ้านกัปตันเรือ ที่ซอย 5 ถนนรามอินทรา กรุงเทพฯ รวมมูลค่าที่จ่ายให้กับผู้โชคดี จำนวน 2 ล้านบาท

โดยในวันเดียวกัน “ตี๋อ้วนชวนหิว” พิธีกรรายการชื่อดังได้เข้าร่วมสร้างความสุขสัมภาษณ์ผู้โชคดี และสร้างความสนุกสนาม ที่บ้านกัปตันเรือ พร้อมร่วมแจกโชคเงินแสนให้กับผู้โชคดีในครั้งนี้อีกด้วย

ส่วนกติกา ในการร่วมสนุกลูกค้าต้องถ่ายคลิปวีดีโอ ตั้งแต่ขั้นตอนแรก ก่อนเปิดปลากระป๋อง กัปตันเรือ ไปจนสิ้นสุด เทปลากระป๋องกัปตันเรือ ลงจาน แล้วนำไปชั่งน้ำหนัก จนครบขั้นตอนในการถ่ายคลิปวีดีโอห้ามมีการตัดต่อใดๆ ทั้งสิ้น

ติดตามกติกาและร่วมลุ้นโชคกับปลากระป๋อง กัปตันเรือ ได้ทางช่อง www.capthainruea.com

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร.063-535 6300 แล้วกด 0 ในวันเวลาทำการ จันทร์-เสาร์ เวลา 08.30-17.00 น. จิตรกร บัวปลี รายงานข่าว

วช. เสริมศักยภาพบุคลากรสายอุดมศึกษา ปั้นนักวิจัย-นักประดิษฐ์ขับเคลื่อน BCG

สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้ร่วมเป็นกลไกสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรวิจัยและนวัตกรรม และการสร้างเครือข่ายการวิจัย ได้จัดกิจกรรมการเพิ่มศักยภาพและมาตรฐานบุคลากรอุดมศึกษา

: บ่มเพาะและแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อพัฒนาสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมขึ้น เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพบุคลากรสายอุดมศึกษาให้ได้รับการพัฒนาสู่มาตรฐานด้านการวิจัยและนวัตกรรมที่ตอบสนองยุทธศาสตร์ชาติตามความต้องการของสังคม ชุมชน ภาครัฐและเอกชน รวมถึงการยกระดับคุณภาพชีวิต การสร้างมูลค่าเพิ่ม และขีดความสามารถของประเทศในการแข่งขันระดับนานาชาติ

โดยในปี 2565 วช. ได้กำหนดกลุ่มเรื่องผลงานสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมให้มีความสอดคล้องกับกลุ่มเรื่องของ Thailand 4.0 และ BCG โมเดล 4 กลุ่ม ได้แก่ การเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร, การสาธารณสุข สุขภาพ และเทคโนโลยีทางการแพทย์, การพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ อุปกรณ์อัจฉริยะ พลังงานและสิ่งแวดล้อม, และการพัฒนาคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซึ่งการจัดกิจกรรมมีทั้งในรูปแบบ online และ onsite โดยได้รับความกรุณาจากผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรอบรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการพัฒนาผลงานในการพัฒนาผลงานนวัตกรรมในเวทีระดับชาติและระดับนานาชาติ ที่จะมาให้ความรู้ ความเข้าใจ กับทีมสายอุดมศึกษา เพื่อพัฒนาผลงานนวัตกรรม ซึ่งจะเป็นกลไกหนึ่งในการพัฒนากำลังคน ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัยและนวัตกรรม ในการขับเคลื่อนการพัฒนาและสร้างนวัตกรรมในอนาคต
ทั้งนี้ วช. ยังได้ส่งเสริมและสนับสนุนผลงานนวัตกรรมของสายอุดมศึกษาในหลายรูปแบบ อาทิ การนำเสนอผลงานสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมในเวทีระดับชาติ, การนำเสนอผลงานสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมในเวทีระดับนานาชาติ, การสนับสนุนพัฒนา ต่อยอดขยายผล

กิจกรรมดังกล่าว จัดขึ้นภายในงาน”วันนักประดิษฐ์ ประจำปี 2565 ระหว่างวันที่ 4-6 กุมภาพันธ์ 2565 โดย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีเปิด เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ซึ่งวช.ได้วางเป้าหมายให้กิจกรรมดังกล่าวเป็นกลไกสำคัญ ที่จะพัฒนาสมรรถนะและเทคนิคด้านการประดิษฐ์คิดค้นและนวัตกรรมของคณาจารย์และนิสิตนักศึกษาในระดับอุดมศึกษา ให้สามารถพัฒนาผลงานประดิษฐ์และนวัตกรรม ที่รองรับโจทย์และความต้องการของสังคมและประเทศ โดยจะมีพิธีปิดและมอบรางวัลกิจกรรมติดดาว ให้แก่ผู้ร่วมกิจกรรมบ่มเพาะ ที่นำเสนอผลงานด้านการประดิษฐ์คิดค้นและนวัตกรรมได้อย่างโดดเด่น พร้อมมอบประกาศนียบัตรให้แก่ผู้เข้าร่วมการบ่มเพาะตลอดการจัดกิจกรรม 3 วัน โดยคณะวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2565 โดยมีดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นผู้มอบฯ

เชิญฉลองเดือนแห่งความรักตลอดกุมภาพันธ์นี้ที่ ดิเอมเมอรัลด์ ค็อฟฟี่ช็อพ โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ จัดเต็ม

เชิญฉลองเดือนแห่งความรักตลอดกุมภาพันธ์นี้ที่ ดิเอมเมอรัลด์ ค็อฟฟี่ช็อพ โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ จัดเต็มทั้งกุ้งแม่น้ำ กั้งกระดาน หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ หอยนางรม หอยหวาน carving station มุมข้าวต้มรอบดึก ขาหมูในตำนาน อาหารไทยและเทศ ของหวานสุดอลังการงานสร้าง รวมเครื่องดื่มชา-กาแฟ-น้ำอัดลม แถมได้ฟินกับเมนู “บะหมี่หยกเป็ดย่างฮ่องกง” จากห้องอาหารจีนหยก “ซูชิพรีเมียม ฟัวกราส์ วากิว หอยปีกนก ไข่ตุ๋น กุ้งถัง” จากห้องอาหารญี่ปุ่นไดอิจิ และเมนูสุดฮิตจากเกาหลี “แซลมอนดองซีอิ๊วเกาหลี ปลาหมึกซอสโคซูจัง” ที่อร่อยไม่แพ้ใคร
โปรโมชั่นพิเศษ!! ราคาท่านละ 999 บาทถ้วน (จากปกติ 1,400 บาท)⏰
เปิดบริการเฉพาะมื้อเย็นเวลา 18.00-22.00 น. สำรองที่นั่งโทร.0-2276-4567 ไลน์ @theemeraldhotel หรือ www.facebook.com/theemeraldcoffeeshop

“โดรนแปรอักษร” รับรางวัลผลงานประดิษฐ์คิดค้น ดีเด่น ปี 64 พร้อมโชว์สร้างสีสัน ในวันนักประดิษฐ์ 2-6 ก.พ.นี้

นายพิศิษฐ์ มิตรเกื้อกูล จากสมาคมกีฬาเครื่องบินจำลองและวิทยุบังคับ เจ้าของผลงาน Drone Swarm Software นวัตกรรมการเรียนรู้การพัฒนาระบบซอฟต์แวร์โดรนแปรอักษร เข้ารับรางวัลผลงานประดิษฐ์คิดค้น ระดับดีเด่น ปี 2564 ในงานวันนักประดิษฐ์ ประจำปี 2564 -2565 จัดโดยสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา

นายพิศิษฐ์ มิตรเกื้อกูล กล่าวว่า นวัตกรรมโดรนแปรอักษร (Drone Swarm Software) ที่พัฒนาขึ้นโดยสมาคมกีฬาเครื่องบินจำลองและวิทยุบังคับ เป็นโดรนสัญชาติไทย ที่ผลิตโดยคนไทย ทั้งฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ สำเร็จเป็นรายแรกของประเทศไทย และเป็นรายแรกในเอเชียตะวันออกเชียงใต้ โดยสามารถควบคุมโดรน ให้บินขึ้นพร้อมกันครั้งละหลาย ๆ ลำ และจัดเรียงตำแหน่งตามที่กำหนดโดยการสั่งงานจากคอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียว ซึ่งสมาคมฯ มีทีมเยาวชนนักประดิษฐ์ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านอิเล็กทรอนิกส์ ไฟฟ้า การสร้างและการพัฒนาซอฟต์แวร์ ที่มีประสิทธิภาพการทำงานทัดเทียมกับของต่างประเทศ เช่น อเมริกาและจีนที่เป็นผู้นำในด้านนี้ โดยที่ผ่านมาได้นำไปจัดแสดง ในงานพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ และตอบสนองแนวโน้มการนำโดรนแปรอักษรมาใช้แสดงแทนการจุดพลุไฟมากขึ้น เพื่อลดการก่อเกิดมลภาวะทางอากาศ ให้สามารถลอยอยู่บนท้องฟ้าได้นานกว่า และสามารถแสดงเป็นรูปร่างต่าง ๆ ได้หลากหลาย

นับว่าเป็นการยกระดับการพัฒนาเทคโนโลยีของคนไทยให้ก้าวล้ำนำสมัยไปอีกขั้น มีศักยภาพและความสามารถในการต่อยอดเชิงธุรกิจ เพื่อจัดแสดงโดนแปรอักษรในงานต่าง ๆ สามารถกำหนดรูปแบบการแสดงได้ โดยเสียงไม่ดังเกินไป ลดอัตราการเกิดอัคคีภัยจากการจุดพลุ และสามารถใช้ในภารกิจด้านการขนส่งลำเลียงสิ่งของ ด้านการเกษตรเพื่อจัดการการเพาะปลูก และในภารกิจบรรทุกสารเคมีดับเพลิงเพื่อดับไฟป่า นอกจากนี้ ทางสมาคมยังร่วมกับองค์กรต่าง ๆ อาทิเช่น วช. และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) จัดการอบรมถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับโดรนให้แก่นักเรียน นักศึกษา เพื่อนำความรู้ที่ได้รับไปพัฒนาต่อยอดให้เกิดความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีต่อไป โดยเยาวชนที่สนใจร่วมเรียนรู้ สามารถเข้าร่วมโครงการหนูน้อยเจ้าเวหากับสมาคมฯ ได้

“รู้สึกประทับใจเป็นอย่างยิ่ง ที่เยาวชนทีมวิจัยของเราจะได้นำสิ่งที่พัฒนาขึ้นเพื่อคนไทย มาช่วยสร้างคน สร้างอาชีพ และได้นำมาจัดแสดงในงานวันนักประดิษฐ์ ประจำปี 2564 -2565 ในครั้งนี้ ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นเวทีของเราในการเผยแพร่องค์ความรู้สู่เยาวชนในการนำไปใช้ประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแข่งขัน การกีฬา หรือเพื่อประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งเชื่อมั่นว่าเด็กไทยมีศักยภาพสามารถทำได้อย่างแน่นอน” นายพิศิษฐ์ กล่าว

สำหรับการจัดแสดงโดรนแปรอักษร ในงานวันนักประดิษฐ์ปีนี้ เป็นการจัดแสดงแบบ Indoor ใน 4 ชุดการแสดง มีการออกแบบเป็นรูปภาพต่าง ๆ เช่น พายุ ไวกิ้ง คลื่น ดอกไม้ ลูกโลก โดยประชาชนทั่วไปสามารถร่วมรับชมการแสดงโดรนได้จนถึงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ นี้ ณ Event Hall 102 -104 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค (BITECH) บางนา กรุงเทพฯ โดยทีมนักประดิษฐ์จะคอยต้อนรับและให้ความรู้กันอย่างเต็มที่

ไรมอน แลนด์ และ มิตซูบิชิ เอสเตท (ประเทศไทย) ต้อนรับ สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น ผู้เช่าพื้นที่โครงการ วัน ซิตี้ เซ็นเตอร์ (โอซีซี) รายใหม่ล่าสุด

นายกรณ์ ณรงค์เดช (ขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ RML  มร. โทโมฮิโกะ เอกุชิ (ซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมต้อนรับ นายประกรณ์ เมฆจําเริญ (ที่สองจากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ นายกุศล สังขนันท์ (ที่สองจากซ้าย) กรรมการอิสระ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ผู้ผลิตและให้บริการภาคอุตสาหกรรมอย่างครบครันระดับโลก ในพิธีลงนามเซ็นสัญญาเช่าพื้นที่ ของโครงการ วัน ซิตี้ เซ็นเตอร์ (โอซีซี) ผู้เช่าพื้นที่สำนักงาน 3,000 ตารางเมตร เมื่อเร็วๆ นี้

วัน ซิตี้ เซ็นเตอร์ (โอซีซี) โครงการสำนักงานให้เช่าเกรดเอ ซึ่งเป็นการร่วมทุนกันระหว่าง บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท (ประเทศไทย) จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ระดับโลก  โครงการตั้งอยู่บนทำเลที่ดีที่สุดใจกลางย่านธุรกิจถนนเพลินจิต  ด้วยพื้นที่กว่า 6 ไร่ ตัวอาคารสูง 61 ชั้น โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่ได้รับการออกแบบโดยบริษัทสถาปนิกชื่อดังระดับโลก  เป็นอาคารอัจฉริยะ (smart building) และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (environmental friendly) เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของผู้เช่า พร้อมเติมเต็มไลฟ์สไตล์การทำงานของคนยุคใหม่ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ล้ำสมัย  โดยมีแผนที่จะเปิดตัว อย่างเป็นทางการในไตรมาสที่สี่ของปีนี้

สมาคมช่างภาพสื่อมวลชนดิจิทัล พบปะคณะที่ปรึกษากระทรวงดิจิทัลฯ

นายกิตติพันธ์ ขันติศีลชัย นายกสมาคมช่างภาพสื่อมวลชนดิจิทัล ได้รับเกียรติจากคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) นำโดย นายปรพล อดิเรกสาร คณะที่ปรึกษาประกอบด้วย นายเกริกอิสร์ ลีวงศ์เจริญ ดร.พีรเดช ณ น่าน ดร.พสุ เเก้วปลั่ง และนายมงคล นฤนาทดำรงค์ ที่ปรึกษารมช.ศึกษาธิการ (คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช)

การพบปะหารือในครั้งนี้เพื่อหาแนวทางสร้างพันธกิจร่วมกันในอนาคต ณ ที่ทำการกระทรวงดิจิทัลฯ อาคารรัฐประศาสนภักดี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา

รฟฟท. ครบรอบปีที่ 11 ด้วยมาตรฐานการให้บริการระดับสากล และการเสริมทัพช่องทางติดต่อและติดตามข่าวสารในสื่อสังคมออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการให้บริการ พร้อมจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดออนไลน์ และออฟไลน์ให้แก่ผู้โดยสารเป็นประจำทุกเทศกาลตลอดปี 2565

บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงครบรอบปีที่ 11 ด้วยมาตรฐานการให้บริการระดับสากล และการเสริมทัพช่องทางติดต่อและติดตามข่าวสารในสื่อสังคมออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการให้บริการ พร้อมจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดออนไลน์และออฟไลน์ให้แก่ผู้โดยสารได้ลุ้นรับรางวัลเป็นประจำทุกเทศกาล

นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงเปิดเผยว่า ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 ที่จะถึงนี้ บริษัทจะครบรอบการก่อตั้งเป็นปีที่ 11 แล้ว ซึ่งบริษัทยังคงยึดมั่นแนวทางในการให้บริการด้วยมาตรฐานระดับสากล ตามที่บริษัทได้ผ่านการรับรอง ISO 9001 : 2015 ขอบเขต : วิศวกรรมและซ่อมบำรุงและขอบเขต : งานปฏิบัติการเดินรถไฟฟ้าจาก BV ( Bureau Veritas ) และดำเนินการมาโดยตลอดตั้งแต่การให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ โดยเฉพาะในเรื่องของความตรงต่อเวลา ความน่าเชื่อถือ และความพร้อมของขบวนรถไฟฟ้าในการให้บริการ ซึ่งนับตั้งแต่รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เป็นต้นมาปรากฏว่าสถิติค่าเฉลี่ยของทั้ง 3 ด้านอยู่ในระดับที่สูงมาก โดยในเดือนพฤศจิกายน 2564 ความตรงต่อเวลา ความน่าเชื่อถือ และความพร้อมของขบวนรถไฟฟ้าในการให้บริการ อยู่ที่ 99.34% , 99.16% และ 100% ส่วนในเดือนธันวาคม 2564 ความตรงต่อเวลา ความน่าเชื่อถือ และความพร้อมของขบวนรถไฟฟ้าในการให้บริการ จะอยู่ที่ 99.45% , 99.52% และ 100% ตามลำดับ

นอกจากการให้บริการที่ได้มาตรฐานแล้ว เพื่อเป็นการยกระดับ และเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่ผู้โดยสารให้มากยิ่งขึ้น บริษัทจึงเพิ่มช่องทางติดต่อและติดตามข่าวสารในสื่อสังคมออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้โดยสารมากที่สุด ซึ่งผู้โดยสารสามารถติดต่อ และติดตามข่าวสารของบริษัทได้ทั้งช่องทาง Facebook , Twitter , Instagram Youtube , Tiktok ในชื่อ “RED Line SRTET” และส่วนงานลูกค้าสัมพันธ์ Call Center หมายเลข 1690 โดยจะมีเจ้าหน้าที่รับเรื่องเสนอแนะ และปัญหาในการใช้บริการ รวมทั้งให้ข้อมูลการใช้บริการแก่ผู้โดยสารอย่างรวดเร็วภายใน 24 ชั่วโมงตลอด 24 ชั่วโมง

นอกจากนี้เนื่องในโอกาสสุดพิเศษครบรอบปีที่ 11 นี้ เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณผู้โดยสารที่ให้การสนับสนุนบริษัทมาโดยตลอด บริษัทจึงได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดออนไลน์ เพื่อให้ผู้โดยสารที่ถือบัตรโดยสารทุกประเภทได้ร่วมกิจกรรมแบบ New Normal ลุ้น สนุก ปลอดภัย ได้รางวัล เพียงผู้โดยสารโพสต์ภาพถ่ายตัวท่านคู่กับบัตรโดยสารรถไฟฟ้าสายสีแดงของท่านที่แสดงหมายเลขหลังบัตรโดยสารอย่างชัดเจนในโพสต์กิจกรรมทาง Facebook RED Line SRTET ลุ้นรับรางวัลต่างๆดังนี้

: ผู้โดยสารที่ถือบัตรโดยสารรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ซึ่งมีเลข 1 ติดกันในตำแหน่งสองตัวท้ายของหมายเลขบัตร 20 ท่านแรก รับรางวัลบัตรของขวัญมูลค่า 500 บาท
: ผู้โดยสารที่ถือบัตรโดยสารรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ซึ่งมีเลข 1 ติดกันในตำแหน่งใดของหมายเลขบัตร ก็ได้ 25 ท่านแรก รับรางวัลบัตรของขวัญมูลค่า 200 บาท
: ผู้โดยสารที่ถือบัตรโดยสารรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงหมายเลขใดก็ได้ 50 ท่านแรกรับรางวัลปลอบใจบัตรของขวัญมูลค่า 100 บาท

โดยการตัดสินผู้ได้รับรางวัลในกิจกรรมดังกล่าวของบริษัทถือเป็นที่สิ้นสุด ซึ่งผู้โดยสารสามารถติดตามรายละเอียดและร่วมสนุกได้ที่ Facebook RED Line SRTET ระหว่างวันที่ 4 – 6 กุมภาพันธ์ 2565

สำหรับผู้โดยสารที่พลาดรางวัลจากกิจกรรมการตลาดในครั้งนี้ไม่ต้องเสียใจ เพราะบริษัทเตรียมกิจกรรมส่งเสริมการตลาดสุดพิเศษให้ผู้โดยสารได้ร่วมสนุกลุ้นรับรางวัลกันในทุกเทศกาลตลอดทั้งปี 2565 โดยกิจกรรมหลังจากนี้คือกิจกรรมวันแห่งความรัก “วาเลนไทน์” ซึ่งบริษัทได้เตรียมกิจกรรมส่งเสริมการตลาดทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ไว้ส่งมอบความสุขให้แก่ผู้โดยสาร สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดตามได้ทาง Facebook RED Line SRTET นอกจากนั้นในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 ยังเป็นวันแรกที่บริษัทเปิดจำหน่ายบัตรโดยสารประเภทใหม่ คือบัตรโดยสารรายเดือน 30 วัน 30 เที่ยว ราคา 800 บาท ( ราคานี้รวมค่าธรรมเนียมออกบัตร 50 บาท) อีกด้วย ซึ่งบัตรโดยสารประเภทดังกล่าวถือว่ามีความประหยัด และคุ้มค่า แบ่งเบาภาระของผู้โดยสารจากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน

บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดกิจส่งเสริมการตลาดจะสามารถสร้างรอยยิ้ม และความสุขให้แก่ผู้โดยสารตลอดทั้งปี 2565 นี้ รถไฟฟ้าสายสีแดง ยกระดับคุณภาพชีวิตชานเมือง

จี๊บ เทพอาจ จับมือตำรวจไซเบอร์รับมือเกรียนคีย์บอร์ด จัดอบรม “รู้เท่าทันภัยออนไลน์”

คุณเทพอาจ กวินอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารค่ายเพลงวัยรุ่นชื่อดังอย่าง LOVEiS Entertainment (เลิฟอิส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์) และในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Lido Connect ผู้ซึ่งเล็งเห็นและให้ความสำคัญกับเรื่องภัยออนไลน์ที่เกิดขึ้นได้ทุกวันโดยเฉพาะช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆของศิลปินซึ่งเป็นเรื่องใกล้ตัวอย่างมากในยุคดิจิทัลได้จับมือร่วมกับกลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเตอร์เน็ต กองบัญชาการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี กองบัญชาการตำรวจสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือที่เราคุ้นกันดีในชื่อ “ตำรวจไซเบอร์” เปิดอบรมให้กับตัวแทนจากค่ายเพลงต่างๆ อาทิเช่น SpicyDisc, What The Duck รวมถึงศิลปิน ประชาชนทั่วไปและเยาวชน ในหัวข้อเรื่อง “รู้เท่าทันภัยออนไลน์” ภายใต้วัตถุประสงค์ให้ความรู้ ความเข้าใจ รู้จักการป้องกันก่อนการเกิดเหตุ ในขณะเดียวกันรู้จักการเก็บหลักฐานต่างๆ เพื่อเตรียมดำเนินคดีหากเกิดเหตุขึ้น โดยการอบรมนี้จัดขึ้นที่ Lido Connect

คุณเทพอาจ กวินอนันต์ เผยว่า “ขอขอบคุณกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่เล็งเห็นความสำคัญของการจัดกิจกรรมนี้และให้เกียรติจับมือร่วมกัน เพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและเครือข่ายโซเชียลมีเดียต่างๆ มีบทบาทสูงมากในชีวิตประจำวัน ในทางกลับกันภัยออนไลน์ต่างๆ ก็เติบโตขึ้นสูงมากและสามารถสร้างผลกระทบได้ทุกภาคส่วน ทั้งอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ การละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ศิลปิน เยาวชน แฟนคลับ และบุคคลทั่วไปจึงควรได้เรียนรู้ เพื่อสร้างความตระหนักให้ตนเองปลอดภัยจากภัยคุกคามด้านต่าง ๆ และปฏิบัติได้อย่างถูกต้องเมื่อเผชิญกับภัยทางไซเบอร์ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านที่เข้าร่วมอบรมจะได้รับประโยชน์เพื่อเป็นแนวทางป้องกันตนเอง ไปขยายความรู้นี้ต่อให้คนรอบตัวเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินต่อไป”

แม่โจ้ ใช้เทคโนโลยีดักจับคาร์บอนฯ เพาะเลี้ยงสาหร่ายสไปรูลินา ขึ้นรับรางวัลผลงานประดิษฐ์คิดค้น ปี 2565

นักวิจัย ม.แม่โจ้ พัฒนา “ชุดระบบดักจับและควบคุมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์” ต่อยอดกับอุตสาหกรรมผลิตเอทานอล เพื่อนำก๊าซคาร์บอนฯ มาเลี้ยงสาหร่ายสไปรูลินาในฟาร์มต้นแบบ ช่วยลดต้นทุนสารอาหารได้มากกว่า 30% พร้อมลดภาวะการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากอุตสาหกรรม เตรียมขึ้นรับรางวัลผลงานประดิษฐ์คิดค้น ในงานวันนักประดิษฐ์ ประจำปี 2564 – 2565 วันที่ 2 ก.พ.นี้

รองศาสตราจารย์ ดร.สมเกียรติ จตุรงค์ล้ำเลิศ อาจารย์ประจำสาขาวิศวกรรมศาสตร์และอุตสาหกรรมวิจัย มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เผยว่า โดยปกติแล้ว ในกระบวนการผลิตเอทานอล จะเกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่ปล่อยลอยขึ้นสู่ชั้นอากาศ กระทบต่อภาวะโรคร้อน และ PM 2.5 โดยไม่มีเทคโนโลยีดักจับหรือนำไปใช้ประโยชน์ นักวิจัยจึงได้พัฒนาชุดระบบดักจับและควบคุมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จนสำเร็จ

เป็นที่ต้องการของบริษัท มิตรผล ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายรายใหญ่ของประเทศ เพื่อนำไปต่อยอดกับกับอุตสาหกรรมผลิตเอทานอล ซึ่งเป็นเครือข่ายลูกของอุตสาหกรรมน้ำตาลทราย ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.) และบริษัท มิตรผล ไบโอฟูเอล จำกัด พร้อมได้รับการจดทะเบียนสิทธิบัตรผลงานเรียบร้อยแล้ว

การนำเทคโนโลยีดักจับและควบคุมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากอุตสาหกรรมผลิตเอทานอล มาใช้เพาะเลี้ยงสาหร่ายสไปรูลินาในระบบฟาร์มสาหร่ายอัจฉริยะที่พัฒนาไว้แล้วก่อนหน้า สามารถดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่มีระดับความเข้มข้นและปริมาณปล่อยที่ไม่คงที่ได้ โดยปกติความเข้มข้นจะอยู่ที่ 50- 60% และสามารถโปรแกรมควบคุมความเข้มข้นและปริมาณได้ตามต้องการ เช่น ทั้งในระบบแบบจ่ายตรง (Direct) ในรูปก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 10% 20 ลิตรต่อนาที และในระบบทางอ้อม (Indirect or Carbonator) ในรูปสารละลายเข้มข้น (Stock solution) ที่มีค่าไบคาร์บอเนตเท่ากับ 9,700 mg/L pH 8.45 เป็นต้น อีกทั้ง ความคุ้มค่าในเชิงเศรษฐศาสตร์หากมีการลงทุนขยายการผลิตระบบฟาร์มฯโดยใช้เทคโนโลยีใหม่นี้เพิ่มเป็น 20 เท่า จะมีจุดคุ้มทุนอยู่เพียง 2.59 ปี

ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เหลือทิ้งจากโรงงานผลิตเอทานอลเสมือนเป็นการจ่ายอาหารเสริม ให้สามารถเพิ่มปริมาณผลผลิตสาหร่ายสไปรูลินาได้ 30% และคาดว่าจะเป็นการยกระดับกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมสาหร่ายสไปรูลินาให้มีมาตรฐานระดับสากล ทั้งกระบวนการผลิตอาหาร ระบบอาหารอินทรีย์ และระบบอาหารปลอดภัย รวมทั้งสามารถพัฒนาต่อยอดไปสู่ระบบตรวจสอบย้อนกลับได้ และสามารถลดต้นทุนการผลิตในส่วนของสารอาหารได้มากกว่า 30% จากเดิมที่มีค่ามากกว่า 60% ของกระบวนการผลิตทั้งหมด ด้านภาคอุตสาหกรรม ยังได้มีส่วนสนับสนุนในการลดภาวะโลกร้อนอีกด้วย โดยจากการประเมินผลกระทบภาวะโลกร้อนของระบบฟาร์มสาหร่ายฯ ที่ใช้เทคโนโลยีดังกล่าว มีค่าประสิทธิภาพการนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไปใช้ประโยชน์เท่ากับ 57% โดยมีปริมาณการนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไปใช้เท่ากับ 235.3 ลูกบาศก์เมตรต่อปี หรือ 463.5 x103 kg CO2 ต่อปี เมื่อใช้ขนาดบ่อ 18 ลูกบาศก์เมตร (พื้นที่รวม 200 ตารางเมตร)

ทั้งนี้ ยังสามารถต่อยอดเทคโนโลยีดักจับและควบคุมคาร์บอนฯ ไปยังอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่มีการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ เช่น โรงไฟฟ้า โรงงานอุตสาหกรรมทางการเกษตร เป็นต้น เพื่อรองรับการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพบรรยากาศ โดยผลงานของ รศ.ดร.สมเกียรติ จตุรงค์ล้ำเลิศ ได้รับพิจารณาให้เข้ารับรางวัลการวิจัยแห่งชาติ ผลงานประดิษฐ์คิดค้น ประจำปี 2565 ในงานวันนักประดิษฐ์ 2564 -2565 จัดโดยสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทคบางนา กรุงเทพฯ ในวันที่ 2 ก.พ.นี้ อันเป็นการเชิดชูผลงานที่เป็นประโยชน์และมีคุณค่าต่อประเทศ

พิธีฉลองมงคลสมรสพระราชทาน

พล.ร.อ.มนัสวี บูรณพงศ์ (รองปลัดกระทรวงกลาโหม) และ ภริยา พร้อมด้วย ดร. สาธิต ปิตุเตชะ (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข) ให้เกียรติมาร่วมแสดงความยินดีในงานฉลองสมรสพระราชทาน ระหว่าง พญ.ณัฏฐิญา ศิริธรรม และ พ.ท.ฐิติ ศรีธนสุกาญจน์ ณ เซนต์โทเปส เมื่อเร็วๆ นี้

เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา พ.ท.ฐิติ ศรีธนสุกาญจน์ ได้จูงมือ พญ.ณัฏฐิญา ศิริธรรม เข้าพิธีฉลองมงคลสมรสพระราชทาน สุดอบอุ่น โดยบ่าว-สาว ตั้งใจเนรมิต สถานที่จัดงานเลี้ยงแต่งงาน ให้ราวกับว่าอยู่ในพระราชวังสไตล์วินเทจ ประดับตกแต่งอย่างหรูหรา สวยงาม และ เป็นธรรมชาติ คุมธีมด้วยสีเอิร์ธโทน ทำให้บรรยากาศอบอุ่นมาก

นอกจากนี้ บรรยากาศภายในงาน มีครอบครัว ญาติมิตร เพื่อนพ้อง ครอบครัวทหาร ครอบครัวสาธารณสุข เข้าร่วมงานเพื่อแสดงความยินดีมากมาย เรียกว่าชื่นมื่นสมการรอคอยของทั้งคู่ที่คบกันมานานถึง 11 ปี เลยทีเดียว และหวังว่าอีกไม่นานเราจะได้เห็นทายาทตัวน้อยๆ ของทั้งคู่ ขอแสดงความยินดีกับทั้งคู่มา ณ ที่นี้ด้วย