รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงเพิ่มทางเลือกใหม่ให้แก่ผู้โดยสาร

รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงเพิ่มทางเลือกใหม่ให้แก่ผู้โดยสาร เปิดจำหน่ายบัตรโดยสารประเภทรายเดือน 30 วัน 30 เที่ยว ช่วยแบ่งเบาภาระของผู้โดยสารจากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงเพิ่มทางเลือกใหม่ในการเดินทางให้แก่ผู้โดยสารเปิดจำหน่ายบัตรโดยสารประเภทรายเดือน 30 วัน 30 เที่ยว ที่ถือว่ามีความประหยัด และคุ้มค่า ซึ่งจะช่วยแบ่งเบาภาระของผู้โดยสารจากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันได้ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา

นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมาบริษัทได้เริ่มเปิดจำหน่ายบัตรโดยสารประเภทรายเดือน 30 วัน 30 เที่ยว ที่ถือว่าเป็นทางเลือกใหม่ให้แก่ผู้โดยสาร และเป็นทางเลือกที่มีความประหยัด และคุ้มค่า ซึ่งจะช่วยแบ่งเบาภาระของผู้โดยสารจากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันได้ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เนื่องจากบัตรโดยสารประเภทรายเดือน 30 วัน 30 เที่ยว ราคา 750 บาท (ราคานี้ไม่รวมค่าธรรมเนียมการออกบัตร 50 บาท) หากคำนวณแล้วจะเฉลี่ยเที่ยวละ 25 บาท เดินทางจากรังสิต – ตลิ่งชัน ระยะทาง 41 กิโลเมตร ประหยัดสูงสุดเพียง 0.60 บาทต่อกิโลเมตร สำหรับข้อกำหนดการใช้บัตรโดยสารประเภทรายเดือน 30 วัน 30 เที่ยว มีดังนี้

: ผู้โดยสารจะไม่สามารถขอคืนเงินได้ในทุกกรณี
: ผู้โดยสารสามารถเติมมูลค่าเที่ยวเดินทางได้ที่ห้องจำหน่ายตั๋วโดยสารเท่านั้น
: วันหมดอายุ 30 วันจะเริ่มนับตั้งแต่เข้าใช้งานครั้งแรก
: เมื่อซื้อบัตรโดยสารแล้วจะต้องใช้เดินทางภายใน 45 วัน มิฉะนั้นจำนวนเที่ยวเดินทางจะถูกตัดเหลือ 0 เที่ยว ,
: หากบัตรโดยสารวันหมดอายุหรือเที่ยวเดินทางหมด สามารถเติมเที่ยวใหม่ได้ ตามเงื่อนไขที่บริษัทฯกำหนด
: กรณีเติมเที่ยวเดินทาง จะนับวันหมดอายุของบัตรโดยสารใหม่ทันที
: กรณีเติมเที่ยวเดินทางต้องมีเที่ยวเดินทางคงเหลือน้อยกว่า 50 เที่ยว

โดยหลังจากเปิดจำหน่ายบัตรดังกล่าววันแรกปรากฏว่าได้รับความสนใจจากผู้โดยสารสอบถามเพื่อหาซื้อบัตรดังกล่าว เป็นจำนวนมาก

หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ส่วนบริการลูกค้า 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง รถไฟฟ้าสายสีแดง ยกระดับคุณภาพชีวิตชานเมือง

สมาคมชาวสงขลาจัดกอล์ฟการกุศล

สมาคมชาวสงขลาจัดแข่งขันกอล์ฟการกุศล 24 ก.พ. 65 ณ สนามไพเฮิร์สท

สมาคมชาวสงขลาเตรียมพร้อมจัดการแข่งขันกอล์ฟการกุศล โดยมีวัตถุประสงค์ 1.เพื่อสนับสนุนกิจกรรมของสมาคมฯในการช่วยเหลือชาวสงขลา 2.เพื่อสนับสนุนด้านการศึกษาให้กับลูกหลานชาวสงขลา และ 3.เพื่อสาธารณะกุศลอื่น ๆ ซึ่งมี ดร.กานต์ บุญศิริ นายกสมาคมชาวสงขลา เป็นประธานจัดการแข่งขัน มีนายประพิศ จันทร์มา และ พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ หักพาล  เป็นที่ปรึกษา ส่วนรองประธาน จัดการแข่งขัน เช่น นายสถาพร ฤกษ์พิบูลย์ นายเปลี่ยน แก้วฤทธิ์ ดร.อภิวัฒน์ วังวิวัฒน์ นางปาณิสรา ดวงสอดศรี  นายศุภกิจ ยอดแก้ว นายสหสัก กัญจนปกรณ์  เป็นต้น 
การจัดการแข่งขันครั้งนี้ชิงถ้วยรางวัลใหญ่ จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทปตท.จำกัด(มหาชน) เป็นต้น
ซึ่งการจัดการแข่งขันในครั้งนี้ จะจัดขึ้นในวันพฤหัสบดี ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 ลงทะเบียนเวลา 9.00 น. และ เริ่มการแข่งขันเวลา 10.30 น. ณ สนามไพเฮิร์สท กอล์ฟ คลับ

หากท่านใดสนใจร่วมการแข่งขันจะมีค่าสมัครทีมละ 35,000 บาท โดยสามารถติดต่อได้ที่ นางระวีพร ทรงพันธุ์คชสาร เลขานุการจัดการแข่งขัน โทร. 0896667262

ชาวสงขลาร่วมตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน

ยโสธร …สุดยอด!แหล่งอารยธรรม ทวารวดี

ยโสธร …สุดยอด!แหล่งอารยธรรม ทวารวดี
มาถึงยโสธร ในช่วงนี้ นอกจากงานประเพณีแห่มาลัยข้าวตอกแล้ว ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกหลายแห่งที่น่าศึกษา น่าค้นหา
บ้านสิงห์ท่า สถาปัตยกรรมแบบชิโนโปรตุกีส ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง สำหรับสายวัดแล้ว ไม่ควรพลาด วัดมหาธาตุ ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธบุษยรัตน์ (พระแก้วหยดน้ำค้าง) เป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของชาวยโสธร ภายในวัดก็ยังมีหอไตรโบราณกลางสระน้ำที่เก็บคัมภีร์ใบลานเก่าแก่ไว้มากมาย

พิพิธภัณฑ์พระเพทสังวรญาณ หลวงตาพวง สุขินฺทริโย นักท่องเที่ยวสามารถที่จะเข้าไปสักการะทั้งหลวงพ่อสุกและหลวงตาพวงได้
ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งถ้าไม่ไปแลนด์มาร์คที่นี่ ก็เหมือนมาไม่ถึงยโสธร พิพิธภัณฑ์พญาคันคาก ภายในพิพิธภัณฑ์ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับคางคกของแต่ละประเทศเอาไว้ และก็ยังมีเกร็ดความรู้ของบั้งไฟด้วย งานประเพณีหนึ่งเดียวในประเทศไทย “ประเพณีแห่มาลัยข้าวตอก” ของอำเภอมหาชนะชัย จังหวัดยโสธร สำหรับวันงานฯที่จะจัดขึ้นในปีนี้ จะมีในวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ ณ บริเวณด้านหน้าที่ว่าการอำเภอมหาชนะชัย จ.ยโสธร ท่านใดสนใจและมีเวลาว่าง ออกเดินทางไปเที่ยวชมงาน “ประเพณีแห่มาลัยข้าวตอก”

“มาลัยข้าวตอก” สื่อความหมายแทน”ดอกมณฑารพ”ดอกไม้แห่งสรวงสวรรค์ที่จะบานเฉพาะในวันที่มีเหตุการณ์สำคัญที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้า ได้แก่ วันประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน และวันที่ทรงแสดงธัมมจักกัปปวัตตนสูตร..
การแห่มาลัยข้าวตอกเป็นประเพณีดั้งเดิมของชาวตำบลฟ้าหยาด อำเภอมหาชนะชัย จังหวัดยโสธร ที่ได้สืบทอดศรัทธา ประเพณี ความเชื่อ มาอย่างต่อเนื่องยาวนานในช่วงงานบุญมาฆบูชา(เพ็ญเดือนสาม)..

งานประเพณีแห่มาลัยข้าวตอก ระหว่างวันที่ 11-15 กุมภาพันธ์ 2565 ยังคงจัด ณ บริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอมหาชนะชัย จังหวัดยโสธร ปีนี้มีการประกวดมาลัยข้าวตอกชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี การแสดงแสง สี เสียง การประกวดธิดามาลัยข้าวตอก มัจฉากาชาด ขบวนรถตกแต่งมาลัยข้าวตอกสวยงามทั้งมาลัยแบบสายและมาลัยแบบข้อ..

ททท.สำนักงานอุบลราชธานี ย้ำประเพณีนี้มีหนึ่งเดียวในประเทศไทย หรืออาจจะเป็นหนึ่งเดียวในโลก

องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย เปิดสวนสัตว์ทั่วไทยฉลองวาเลนไทน์ “

ส่งรักจากใจ ส่งใจมาให้ : Happy Valentine Happy Hearts” ร่วมสร้างรักมหัศจรรย์ให้สัตว์ป่า 13 – 28 กุมภา นี้
นายอรรถพร ศรีเหรัญ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึง การจัดกิจกรรม วันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ โดยได้มอบให้สวนสัตว์ในสังกัดทั่วประเทศทั้ง 6 แห่ง และ โครงการคชอาณาจักร จังหวัดสุรินทร์ จัดกิจกรรมมอบความรักให้กับสัตว์ป่า “ส่งรักจากใจ ส่งใจมาให้” โดยเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยว ทุกเพศทุกวัย ได้เข้ามาสัมผัสบรรยากาศภายในสวนสัตว์ ในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งสวนสัตว์แต่ละแห่งได้จัดเตรียมตกแต่งสถานที่ ภายใต้บรรยากาศอันแสนอบอวลไปด้วยความรัก สำหรับคู่รัก ครอบครัว เพื่อนสนิท ได้เก็บภาพความประทับใจภายในสวนสัตว์ในรูปแบบออนไซต์ และ รูปแบบออนไลน์ พร้อมลุ้นรับของรางวัลมากมาย โดย สวนสัตว์แต่ละแห่ง ได้เตรียมจัดกิจกรรม ดังนี้

สวนสัตว์เปิดเขาเขียว กิจกรรม เที่ยว ชิม ช็อป วาเลนไทน์ แจกบัตรส่วนลด 30 เปอร์เซ็น ให้กับผู้แชร์กิจกรรมเพจของสวนสัตว์ 1 ท่าน 1 สิทธ์ 11-28 ก.พ. 65 มีร้าน FoodTruck และสินค้า OTOP ไว้บริการ
​สวนสัตว์เชียงใหม่ กิจกรรมคู่รักวัยเกษียณ มอบของรางวัลให้กับคู่รักที่ครองรักกันได้ยืนยาวที่สุด กิจกรรมคู่รักหนักแน่น มอบของรางวัลให้กับคู่รักที่มีน้ำหนักเยอะที่สุด เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์สวนสัตว์ และสร้างกิจกรรมให้กับผู้สูงอายุ และกลุ่มบุคคลที่มีน้ำหนักเยอะ ให้มาออกกำลังกายในการเที่ยวชมสวนสัตว์​

​สวนสัตว์นครราชสีมา กิจกรรมมหัศจรรย์รัก Love Zoo Love U โดยระหว่างวันที่ 11-14 กุมภาพันธ์ พบกิจกรรมแสนน่ารัก ชมขบวนมาสคอต สุดอลังการ สัตว์น่ารัก,ไดโนเสาร์,สไปเดอร์แมน,พร้อมถ่ายรูปกับ แบทแมน อิ่มอร่อยกับโซนรักโซนอร่อย ร้านอาหารชื่อดังในเมืองโคราช และ พบกับ เชฟรินทร์ เชฟกระทะเหล็ก ที่รังสรรค์ หมูหันสูตรสมุนไพรไทย, เป็ดแซ่ปโคราช ต้นตำหรับความอร่อยระดับตำนาน พร้อมลุ้นรับของรางวัลมากมาย อาทิ ลุ้นรับรางวัลสุดพิเศษห้องพักโรงแรมพร้อมอาหารเช้า 1 คืน จากโรงแรมในเครือโรงแรม KANTARY ฟรี พร้อมทั้งจัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับนกเงือกให้กับผู้เที่ยวชม จัดซุ้มถ่ายรูปสำหรับผู้เที่ยวชม

สวนสัตว์สงขลา พบกิจกรรม แรลลี่คู่รัก โดยให้คู่รักร่วมกันดูแลนกเงือกสัญลักษณ์แห่งรักแท้ อาทิ ให้คู่รักเตรียมอาหาร ให้อาหาร ทำเครื่องเล่นให้นกในกรงเลี้ยง มีจุดแลนด์มาร์ครูปหัวใจไว้ถ่ายภาพสำหรับคู่รัก
มาสคอตเต้นลีลาศชวนขำ แต่งกายเจ้าบ่าว – เจ้าสาว สร้างบรรยากาศในวันแห่งความรัก 12-14 กุมภาพันธ์ 2565 นี้
​สวนสัตว์อุบลราชธานี กิจกรรม 20 คู่รัก ลงทะเบียนร่วมกิจกรรมอุปถัมภ์ให้สัตว์ป่า รับบัตรเที่ยวชม
สวนสัตว์อุบลราชธานีฟรี 1 ครั้ง จำนวน 2 ใบ/คน คู่รักร่วมผจญภัย แสตมป์ครบ 4 จุดรับฟรีของที่ระลึก
โพสปุ๊บรับปั๊บ กิจกรรมสื่อรักฟลามิงโก้ ถ่ายรูปพร้อมเช็คอิน กิจกรรมมอบเค้กเนื้อสัตว์ให้น้องเสือโคร่งขาว และ
แจกบัตรส่วนลด 30 เปอร์เซ็น จำนวน 200 ใบ
​สวนสัตว์ขอนแก่น กิจกรรมวันรักษ์นกเงือก Facebook Live สร้างความตระหนักในการอนุรักษ์ให้กับประชาชน จุดเช็คอิน special valentine day จุด valentine lock love day (กุญแจคล้องรัก) และ พาเหรด
มาสคอตสัตว์ป่าน่ารัก

​โครงการคชอาณาจักร จังหวัดสุรินทร์ เชิญชวนคู่รัก ร่วมสร้างรักมหัศจรรย์ ให้กับช้างในโครงการ กว่า 200 เชือก
​“ตลอดเดือน กุมภาพันธ์ องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ได้เปิดช่องทางให้คู่รักได้ร่วมทำบุญ สร้างรักมหัศจรรย์ ให้กับสัตว์ป่า โดยคู่รักสามารถเลือกรูปแบบส่งความรักให้สัตว์ป่านานาชนิดได้ในแบบที่ใช่ และแบบที่ชอบ จึงขอเชิญชวนคู่รัก นักท่องเที่ยว และพี่น้องประชาชน ได้เข้ามาเที่ยวชมสวนสัตว์ในแบบ ที่ไม่เหมือนใคร เพราะท่านจะได้รับทั้งความรัก และ ได้มอบความรักให้กับสัตว์นานาชนิดที่อยู่ภายในสวนสัตว์ ภายใต้มาตรการความปลอดภัยอย่างสูงสุด” นายอรรถพร กล่าว
​ผู้ที่สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านช่อง
ทาง Page Facebook สวนสัตว์ในสังกัด และwww.zoothailand.org
สำนักพัฒนาธุรกิจ ฝ่ายประชาสัมพันธ์
โทร. 02-587-0051-60 ต่อ 224

“เจริญชัยหม้อแปลงฯจับมืออีโนวา”หนุนจุฬาฯ

นำสายไฟฟ้าลงดินทั้งระบบปรับทัศนียภาพสยามสแควร์

>>> ดัน ก.ท.ม. สู่มหานครแห่งอาเซียน

 “เจริญชัยหม้อแปลงฯ” จับมือ “อีโนวา อินทิเกรชั่น” สนับสนุนพื้นที่ทรัพย์สินจุฬาฯ ส่งมอบหม้อแปลงซับเมอร์ส นวัตกรรม “หม้อแปลงฟ้าระบบจำหน่ายชนิดจมน้ำ”  พร้อมเซ็น MOU นำสายไฟฟ้าลงดินทั้งระบบ เพื่อการสร้างทัศนีย์ภาพใหม่ในพื้นที่ ชูจุดเช็คอินหม้อแปลงไฟไฮเทคฝั่งดินหนึ่งเดียวในโลก พร้อมดันกรุงเทพฯเป็นมหานครแห่งอาเซียน  

เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 ได้มีการลงนามความร่วมมือระหว่าง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บริษัทเจริญชัยหม้อแปลง ไฟฟ้า จํากัด และบริษัท อีโนวา อินทิเกรชั่น จำกัด โดยมี รศ.ดร.วิศณุ ทรัพย์สมพล รองอธิการบดี ด้านการจัดการทรัพย์สินและกายภาพ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายประสิทธิ์ กิตติรัตนวิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทเจริญชัยหม้อแปลง ไฟฟ้า จํากัด นายนพชัย ถิรทิตสกุล ประธานกรรมการเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีโนวา อินทิเกรชั่น จำกัด เป็นผู้ลงนาม มี นายกิตติกร โล่ห์สุนทร ประธานคณะกรรมาธิการการพลังงาน สภาผู้แทนราษฎร นายชัยยันต์ ผลสุวรรณ์ เลขานุการคณะกรรมาธิการพลังงาน ดร.วัชรพงศ์ คูวิจิตรสุวรรณ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นสักขีพยาน

การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ และพิธีรับมอบหม้อแปลงซับเมอร์ส เจริญชัย “Sustainable Energy Management with IoT based Submersible Transformer” ให้กับจุฬาฯ เพื่อสร้างทัศนียภาพอันสวยงามให้กับมหาวิทยาลัย รวมถึงการการจัดการความมั่นคงด้านพลังงาน ตามนโยบายการเพิ่มศักย์ภาพการเมือง SMART CITY ของกรุงเทพมหานคร เพื่อยกระดับเป็นมหานครแห่งอาเซียน เป็นเมืองท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และการปรับปรุงภูมิทัศน์ให้เกิดความสวยงาม มีการนำระบบไฟฟ้าลงดินทั้งระบบ รวมทั้งหม้อแปลงไฟฟ้า เพื่อการสร้างทัศนีย์ภาพอันสมบูรณ์ของแหล่งท่องเที่ยว ระบบไฟฟ้ามีความมั่นคง สร้างความปลอดภัยอัคคีภัย ประชาชน นักท่องเที่ยวมีความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน

รศ.ดร.วิศณุ ทรัพย์สมพล รองอธิการบดี ด้านการจัดการทรัพย์สินและกายภาพ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ทางจุฬาฯได้ร่วมกับบริษัทเจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด และบริษัท อีโนวา อินทิเกรชั่น จำกัด ครั้งนี้เพื่อร่วมกันพัฒนาพื้นที่สยามสแควร์ให้เป็นต้นแบบของ สมาร์ท ซิตี้ สำหรับนำหม้อแปลงไฟฟ้าลงใต้ดินเพื่อตอบสนองนโยบายรัฐบาลให้เป็นเมืองทันสมัยไร้สาย ด้วยการนำสายไฟฟ้าและหม้อแปลงลงดินทั้งระบบ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในกลางปี 2565 ซึ่งจะทำให้พื้นที่แห่งนี้มีภูมิทัศน์สวยงาม และเพื่อความปลอดภัยให้กับประชาชนทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่แห่งนี้

“สยามสแควร์จะเป็นโครงการนำร่องไร้สายครอบคลุมทั้งหมดกว่า 63 ไร่ ถ้ายกะดับเมืองอัจฉริยะเกิดประสิทธิภาพสูงสุด หลังจากนี้ ทางจุฬา จะทำการขยายผลต่อให้ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดที่มีมากกว่า 1 พันไร่ แต่ยังไม่กำหนดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อไหร่ ซึ่งขึ้นอยู่กับงบประมาณที่จุฬาฯ จะได้รับ เพื่อการพัฒนานำสายไฟลงดินทั้งหมด”

อย่างไรก็ตามโครงการนำร่องดังกล่าวนี้ ทั้งบริษัทเอกชนทั้งบริษัท เจริญชัยหม้อแปลง ไฟฟ้า จำกัด และบริษัท อีโนวา อินทิเกรชั่น จำกัด ได้ให้การสนับสนุนงบประมาณส่วนหนึ่ง โดยบริษัทเจริญชัยหม้อแปลงช่วยบริจาคหม้อแปลงซับเมอร์ส ส่วนอีโนวาช่วยด้านดำเนินการก่อสร้าง นำสายไฟฟ้าลงดิน  ซึ่งโครงการนี้คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จไม่เกินเดือนพฤษภาคมนี้

ขณะที่ นายประจักษ์ กิตติรัตนวิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทเจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด กล่าวว่า วัตถุประสงค์ในการส่งมอบหม้อแปลงซับเมอร์ส ครั้งนี้ คือบริษัทจะเข้าไปเสริมสร้างระบบสายไฟฟ้าใต้ดินให้แบบสมบูรณ์ที่สุด หลังจากดำเนินการแล้วเสร็จจะไม่เห็นสายไฟฟ้า สายสื่อสารบนดิน ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงความปลอดภัย ทัศนียภาพ เท่านั้นยังจะเป็นการช่วยเพิ่มความทันสมัยให้กับสยามสแควร์  โดยนำเทคโนโลยี IoT ในการควบคุมแรงดันให้เกิดเสถียรภาพ ทำให้การปล่อยกระแสไฟฟ้าเกิดความมั่นคง เมื่อไฟฟ้ามั่นคงการผลักดันให้เกิดเมืองอัจฉริยะ(สมาร์ทซิติ)ที่ทันสมัยยั่งยืนต่อไปด้วย

“อนาคตแลนด์มาร์คสยามสแควร์จะกลายเป็นจุดเช็คอินนำร่องที่จะดึงดูดประชาชนหรือนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเที่ยวแห่งนี้ว่าเมื่อมาแล้วระบบไฟฟ้าบ้านเรามีความปลอดภัยสูงมากและมีความทันสมัย ตลอดทั้งมีความมั่นคงของระบบไฟฟ้า จากนั้นจะนำระบบคิวอาร์โค้ดในการสื่อสารความปลอดภัยพื้นฐานของระบบสายใต้ดินและองค์ความรู้ของระบบสายใต้ดินเผยแพร่ให้ประชาชนรับทราบ”

        นายประจักษ์ กล่าวอีกว่า หม้อแปลงซับเมอร์ส เป็นตัวช่วยเสริมสร้างให้เมืองอัจฉริยะเกิดความสมบูรณ์แบบที่สุด เมื่อนำหม้อแปลงลงใต้ดินแล้วจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มที่ดินให้กับย่านสยามสแควร์แพงเพิ่มมากยิ่งขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับราคาที่ดินที่ยังไม่ลงสายไฟใต้ดินแล้วมูลค่าไม่สูงมากนัก ดังนั้นเมื่อไม่มีสายไฟฟ้าบนดินแล้วก็สามารถปลูกต้นไม้ริมถนน หรือ รอบข้างให้เกิดความร่มรื่นได้ เนื่องจากจากการบำรุงรักษาได้ง่ายด้วยเทคโนโลยี IoT ที่สามารถตรวจสอบได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือหากเกิดปัญหาขึ้นมาก็สามารถเข้าไปจัดการผ่านเทคโนโลยี IoT ได้ทันที

ด้านนายนพชัย ถิรทิตสกุล ประธานกรรมการเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีโนวา อินทิเกรชั่น จำกัด กล่าวว่า เป้าหมายของโครงการนำร่องนำสายไฟฟ้าลงดินย่านสยามแควร์เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์ให้เกิดความสวยงามเพื่อเป็นโมเดลออกมาสวยงามที่ดีที่สุดซึ่งจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นก้าวสู่อนาคตไปข้างหน้า ในการผลักดันเป็นจุดเช็คอินของในแต่ละจังหวัดที่สามารถนำต้นแบบไปประยุกต์ใช้ให้เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่กลายเป็นหน้าตาของแต่ละจังหวัด ที่สำคัญยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชนให้กลับมาคึกคัก

ส่วนนายกิตติกร โล่ห์สุนทร ประธานคณะกรรมาธิการการพลังงาน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ที่ผ่านมาโครงการสายไฟฟ้าลงดินทั่วประเทศนั้นรัฐบาลยังไม่มีนโยบายผลักดันอย่างเต็มตัว ส่วนใหญ่เป็นนโยบายนำร่องมากกว่า ซึ่งจะเน้นเมืองท่องเที่ยวโดยที่ผ่านมาจะผลักภาระให้กับท้องถิ่น เช่น เทศบาลเมืองต่างๆหากต้องการนำสายไฟฟ้าลงดินต้องใช้งบฯส่วนท้องถิ่น รัฐบาลไม่จัดสรรให้ ในส่วนงบประมาณนั้น จะทำการจัดสรรผ่านไปยังการไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เพื่อดำเนินการในการนำสายไฟลงดิน

 กรณีการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคนั้น รัฐบาลจะนำสายไฟฟ้าลงดิน นำร่อง 1 ถนน 1 จังหวัด ซึ่งส่วนนี้จะใช้งบฯการไฟฟ้าภูมิภาคแทน ทั้งนี้ที่ผ่านมาปัญหาที่ไม่สามารถดำเนินการนำสายไฟฟ้าลงดินได้ทั้งหมดเนื่องจากเกิดจากปัญหาด้านงบประมาณที่ต้องใช้จำนวนมหาศาล ดังนั้นจึงต้องเลือกจุดที่เหมาะสมในการนำสายไฟฟ้าลงดิน เช่น จุดที่ต้องการความปลอดภัยสูง จุดที่ชุมชนหนาแน่น จุดที่ต้องการผลักดันให้เป็นเมืองท่องเที่ยวเที่ยว จุดที่ต้องการภูมิทัศน์ที่สวยงามเพื่อเป็นแลนด์มาร์ค เป็นหน้าเป็นตาของในแต่ละจังหวัด

“การที่จะนำสายไฟฟ้าลงทั้งหมดทั่วประเทศนั้นคงยากเพราะงบฯไม่เพียงพอ และไม่คุ้มค่าการนำงบฯมาใช้ ยกเว้นบางจุดที่เราต้องการโชว์เป็นหน้าต่างของประเทศ โชว์นักท่องเที่ยว อยากปรับปรุงภูมิทัศน์ที่สวยงาม จึงสมควรที่จะทำ หรือบางจุดที่เป็นอันตรายเราก็ควรจะทำ ดังนั้นต้องเริ่มทำเป็นจุดๆไปมากกว่าที่จะเทงบฯมหาศาลเพื่อนำไฟฟ้าลงดินทั้งระบบทั่วประเทศ”นายกิตติกรกล่าว

“เฉลิมชัย”เร่งปฏิรูปพลิกโฉมกระทรวงเกษตรฯ.


พอใจผลการพัฒนาการบริหารและการบริการภาครัฐด้วยระบบดิจิตอลคืบหน้า70%
“อลงกรณ์”ชู641เทคโนโลยีใหม่เมดอินไทยแลนด์(Made In Thailand)ถ่ายทอดสู่เกษตรกรกว่า7.6พันรายพร้อมผนึกสภาอุตสาหกรรมฯ.ขยายเกษตรอัจฉริยะ2ล้านไร่ เตรียมจัดงานเกษตรสร้างสรรค์สู่เกษตรมูลค่าสูงเดือนนี้ตามด้วยงานจุฬาฯ.AIC Expoเดือนมีน
าคม

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเทคโนโลยีเกษตร 4.0 และประธานคณะกรรมการบริหารศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (Agritech and Innovation Center : AIC)เปิดเผยวันนี้(7ก.พ.)ถึงผลงานความคืบหน้าของการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เทคโนโลยีเกษตร4.0ประจำเดือนมกราคม2565ซึ่งเป็น1ใน5ยุทธศาสตร์การปฏิรูปภาคเกษตรกรรมของดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่า จากผลการปฏิรูปการบริการและการบริหารภาครัฐของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่และการดำเนินงานของศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม(AIC : Agritech and Innovation Center)มีความก้าวหน้าอย่างมีนัยยะสำคัญและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ.พอใจต่อผลการทำงานล่าสุดโดยเฉพาะการดำเนินงานด้านระบบบริการภาครัฐด้วยเทคโนโลยีดิจิตอล( Gov Tech )ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีความคืบหน้าถึง70% จากพัฒนาบริการภาครัฐทั้งหมด 176 ระบบเปลี่ยนเป็นการบริการภาครัฐด้วยดิจิตอล( Digital Service )แล้ว 156 ระบบ ซึ่งในส่วนนี้ดำเนินการเสร็จสิ้นและให้บริการแล้ว 109 ระบบหรือคิดเป็น 70%
ส่วนการพัฒนาNSW(National Single Window)54 ระบบ อยู่ระหว่างการพัฒนาปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ 47 ระบบ ในขณะที่ด้านระบบฐานข้อมูลดิจิตอล( Big Data )โดยศูนย์ข้อมูลเกษตรแห่งชาติได้เชื่อมโยงข้อมูลสู่ภูมิภาคกับศูนย์ AIC เช่นศูนย์AICเพชรบุรี(มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี)ในการพัฒนาฐานข้อมูลเพื่อการวิจัยและพัฒนาเกลือทะเลไทยเชิงบูรณาการ การวิจัยและพัฒนาต้นแบบด้าน IT เพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการด้านเกษตรกรรม และศูนย์ AIC จังหวัดเชียงราย ในการดำเนินโครงการ Flagship ร่วมกับ สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดเชียงราย เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมกาแฟอาราบิกา การใช้งานระบบ CKAN เพื่อจัดทำ Data Catalogเป็นต้นทั้งนี้ นายอลงกรณ์ ได้สั่งการให้มีการจัดประชุมเรื่อง NSW เป็นการเฉพาะในเดือนกุมภาพันธ์เพื่อสนับสนุนการค้าระหว่างประเทศและการพยากรณ์ข้อมูลราคาและตลาดสินค้าเกษตรในต่างประเทศ
สำหรับด้านเกษตรอัจฉริยะ ได้มีการรายงานการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการเกษตรอัจฉริยะ ปี พ.ศ. 2565-2566 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และการขับเคลื่อนการบูรณาการด้านเกษตรอัจฉริยะ ร่วมกับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยดำเนินโครงการเกษตรแม่นยำ2ล้านไร่จับคู่เกษตรแปลงใหญ่(Big Farm)กับบริษัทอุตสาหกรรมเกษตรขนาดใหญ่(Big Brother) โครงการความร่วมมือด้านSmart Farming กับบริษัท ล็อกซ์เล่ย์ จำกัด(มหาชน) เพื่อขับเคลื่อนแปลงใหญ่เกษตรอัจฉริยะข้าว และระบบช่วยการตรวจประเมินระยะไกล (Remote Audit) หรือการตรวจผ่านระบบออนไลน์ แปลง GAP และเกษตรอินทรีย์ (Organic) (แอพพลิเคชั่น Kasettrack)
สำหรับด้าน E-Commerce ได้มีการขับเคลื่อนเรื่องแผนการกระจายผลไม้ในประเทศ และความร่วมมือด้านการเกษตรและการค้าไทย-บาห์เรน รวมทั้งโครงการThailand E-Commerce Village
ส่วนงานด้านธุรกิจเกษตร (Agribusiness) มีการนำเสนอผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาแบรนด์ธุรกิจ SMEs ด้วยการสร้างสรรค์คาแรคเตอร์ให้โดนใจกลุ่มผู้บริโภค และการประชาสัมพันธ์การจัดงานตลาดนัด Local CIP Fair และ Character Walking Street โดยความร่วมมือของภาคีเครือข่าย ในระหว่างวันที่ 11-13 กุมภาพันธ์ 2565

นอกจากนี้นายอลงกรณ์ได้มอบนโยบายให้คณะอนุกรรมการด้านธุรกิจเกษตร ศึกษาจุดอ่อนจุดแข็งในเรื่องของระบบธุรกิจเกษตรแบบ Contract Farming ภายใต้กฎหมายปัจจุบันว่ามีจุดอ่อนจุดแข็งที่จะต้องดำเนินการแก้ไขพัฒนาอย่างไร และการขับเคลื่อนการทำงานในพื้นที่ด้วยคณะทำงานของ AIC ในการพัฒนาธุรกิจเกษตร
ทางด้านผลการดำเนินงานการขับเคลื่อนการทำงานของ AIC ที่ผ่านมา มีการนำเสนอความก้าวหน้าในเรื่องของการเชื่อมโยงศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) กับศูนย์ AIC โดย กรมส่งเสริมการเกษตร ซึ่งในปัจจุบันมีการทำโครงการเชื่อมโยงองค์ความรู้ของศูนย์ AIC ผ่าน ศพก. ใน 6 เขตพื้นที่ โดยเกษตรกรสามารถนำความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และเทคโนโลยีการผลิต ที่เป็นองค์ความรู้จาก AIC ไปใช้ในแปลงเกษตรได้เป็นอย่างมาก และมีการสนับสนุนงบประมาณในกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อการพัฒนาเกษตรกรครบรอบด้านผ่านการดำเนินงานของศูนย์ ศพก.และเครือข่าย การนำ (INNOVATION CATALOG) มาใช้ประโยชน์กับเกษตรกร ของศูนย์ AIC จังหวัดระยอง ร่วมกับศูนย์ ศพก. หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และเกษตรกรในพื้นที่
สำหรับผลการดำเนินงานด้านแคตตาล็อกนวัตกรรมAIC (INNOVATION CATALOG) มีจำนวน 641 เทคโนโลยี/นวัตกรรม เกษตรกรได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมจาก AIC ผ่าน ศพก. จำนวน 7,679 ราย ศพก. 882 แห่งมีการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมจาก AIC จำนวน 55 แห่ง และการรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานของคณะทำงานคัดเลือกรางวัล AIC Award และพิจารณาเชิญผู้ทรงคุณวุฒิเฉพาะเรื่อง เข้าร่วมในคณะทำงาน AIC Award อีกทั้งการประชาสัมพันธ์นิทรรศการเสมือนจริง AIC CHULA SARABURI VIRTUAL EXPO 2022 ซึ่งจัดโดย AIC จังหวัดสระบุรี ที่จะมีขึ้นในวันที่ 24-25 มีนาคม 2565

นายอลงกรณ์ได้เน้นย้ำถึงการปฏิรูปภาคเกษตรของภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ และภาคเกษตรกรโดยการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่เมดอินไทยแลนด์ รวมถึงการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น และศาสตร์พระราชาถือเป็นพื้นฐานสำคัญเสมือนคานงัดการพัฒนาไปสู่เกษตรมูลค่าสูงเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรและประเทศชาติ
ทั้งนี้เป็นผลจากการประชุมล่าสุดซึ่งมีนายอลงกรณ์ ทำหน้าที่ประธานพร้อมด้วยนายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรฯ.นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ประธานอนุกรรมการธุรกิจเกษตร นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสศก. ประธานอนุกรรมการGovTechและBig Data ดร.วราภรณ์ พรหมพจน์ ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเกษตรอัจฉริยะ นายกฤชฐา โภคาสถิตย์ ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อน E-Commerce รศ.ดร. อาณัฐชัย รัตตกุล ดร.ดาเรศร์ กิตติโยภาส นายสุวิทย์ รัตนจินดา ประธานสมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทย ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย ผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการ ผู้แทนกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง สถานศึกษา ภาคเอกชน และศูนย์ AIC จากทั่วประเทศ ได้ร่วมประชุมผ่านระบบ Zoom Cloud Meetings ในการขับเคลื่อนคณะอนุกรรมการทั้ง 4 ด้าน ทั้งด้าน Big Data และ Gov Tech ด้านเกษตรอัจฉริยะ ด้าน E-Commerce ด้านธุรกิจเกษตร (Agribusiness) และศูนย์AIC 77 จังหวัดและAICประเภทศูนย์แห่งความเป็นเลิศอีก23ศูนย์.

ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ

ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วย ความร่วมมือโครงการติดตาม แนะนำ
ช่วยเหลือเด็กและเยาวชนเข้าฝึกประสบการณ์ทักษะอาชีพในสถานประกอบการ
ระหว่างศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง กับกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
และ
ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เพื่อแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเด็กและเยาวชน ระหว่างศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กรมคุมประพฤติ และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์

วันนี้( ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ ) เวลา ๑๔.๐๐ นาฬิกา นายประกอบ ลีนะเปสนันท์ อธิบดีผู้พิพากษาภาค ๗ ช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่งอธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ลงนามบันทึกข้อตกลง ความร่วมมือว่าด้วยความร่วมมือโครงการติดตาม แนะนำ ช่วยเหลือเด็กและเยาวชนเข้าฝึกประสบการณ์ทักษะอาชีพในสถานประกอบการ ระหว่างศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง กับกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน โดยมี พันตำรวจโทวรรพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ร่วมลงนามในครั้งนี้ โดยทั้งสองฝ่ายตกลงร่วมมือกันส่งเสริมเด็กและเยาวชนที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทางอาญาของศาลเยาวชนและครอบครัวกับเด็กและเยาวชนที่อยู่ในความควบคุมของสถานพินิจตลอดจนศูนย์ฝึกและอบรม ให้ได้มีโอกาสในการประกอบอาชีพตามความถนัดหรือความสนใจ เพื่อเป็นการพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของเด็กและเยาวชนให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เด็กและเยาวชนสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข สามารถนำความรู้ไปประกอบอาชีพพึ่งพาอาศัยตนเองและเลี้ยงครอบครัวได้ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในทางที่ดีขึ้น โดยได้รับการแก้ไขอย่างครบวงจร เพื่อคืนเด็กและเยาวชนที่มีคุณภาพสู่สังคมและลดอัตราการกระทำความผิดซ้ำ ของเด็กและเยาวชน

ทั้งนี้ นายประกอบ ลีนะเปสนันท์ อธิบดีผู้พิพากษาภาค ๗ ช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่งอธิบดี ผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ยังได้มีการลงนามลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เพื่อแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเด็กและเยาวชน ระหว่างศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กรมคุมประพฤติ และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โดยมีพันตำรวจโท วรรพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ และนายทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ร่วมลงนามความร่วมมือครั้งนี้ เพื่อนำวิธีการทางวิทยาศาสตร์มาปรับใช้กับงานแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเด็กและเยาวชนในการติดตามแก้ไขและกำกับพฤติกรรม เพื่อให้เด็กและเยาวชนปฏิบัติตนอยู่ในกรอบ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดและปรับเปลี่ยนพฤตินิสัยให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างปกติสุขไม่หวนกลับไปกระทำความผิดซ้ำ


ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง

ประกาศผลการแข่งขันเขียนโปรแกรม Scratch ระดับชาติ 2021

เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2565 ณ โรงเรียนสาธิตพัฒนา : ได้มีการจัดการแข่งขันเขียนโปรแกรม Scratch ระดับชาติ 2021 (National Scratch Competition 2021) ซึ่งจัดการแข่งขันโดยสถาบัน Code Genius (สถาบันสอน Coding สำหรับเด็กอันดับหนึ่งในประเทศไทย)

การแข่งขันในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากหลายฝ่าย ได้แก่ B2S Club, Tipco, Black Canyon, Tofusan, Learn Corporation และ Ondemand ประถม โดยได้รับเกียรติจาก ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีมอบรางวัลให้แก่ผู้ชนะเลิศการแข่งขัน ณ โรงเรียนสาธิตพัฒนา

โครงการการแข่งขันเขียนโปรแกรม Scratch ระดับชาติ 2021 (National Scratch Competition 2021) ในครั้งนี้จัดขึ้นเป็นปีแรก การแข่งขันนี้จัดทำขึ้นมาเพื่อส่งเสริมการเขียนโปรแกรมด้วย Scratch ในระดับไม่เกินประถมศึกษาชั้นปีที่ 6 ซึ่งจะสอดคล้องกับสาระการเรียนรู้วิชาวิทยาการคำนวณที่เน้นให้ทักษะ Coding เป็นทักษะที่สำคัญแห่งศตวรรษที่ 21

คุณชนปทิน พลาพิภัทร (ผู้ก่อตั้งสถาบัน Code Genius) กล่าวว่า Coding เป็นวิชาใหม่ในสาขาวิทยาการคำนวณซึ่งถือเป็นวิชาที่สำคัญมากในปัจจุบัน และเป็นวิชาที่เอื้อประโยชน์ให้กับเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่กำลังเติบโตในโลกศตวรรษที่ 21 โลกที่เทคโนโลยีเป็นคำตอบของทุกสิ่ง ผมจึงอยากให้ทุกคนตระหนักและตื่นตัว เกี่ยวกับวิชาการเรียนรู้ด้านเทคโนโลยี เรื่องของทักษะการเขียนโปรแกรม ทักษะการคิดวิเคราะห์ ทักษะการคิดอย่างเป็นระบบ เพราะนี่จะเป็นการช่วยให้น้องๆ เยาวชน สามารถใช้เทคโนโลยีได้อย่างชาญฉลาดและยังสามารถสร้างเทคโนโลยีเป็นของตนเองเพื่อส่วนรวมในอนาคตได้อีกด้วย

สำหรับปีนี้มีผู้สมัครเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมดจำนวน 153 คนจากทั่วประเทศ มีการแข่งขันตั้งแต่รอบคัดเลือกจนถึงรอบชิงชนะเลิศ โดยคัดเลือกผู้เข้าแข่งขันให้เหลือเพียง 50 คน เพื่อร่วมแข่งขันรอบชิงชนะเลิศในวันเสาร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2565 ที่โรงเรียนสาธิตพัฒนา ซึ่งเป็นการแข่งขัน 2 รูปแบบ ได้แก่ Paper Test และ Lab Test

สำหรับผลการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ มีดังนี้

รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ด.ช.ฉัตรดนัย ลิ้มศิริรังสรรค์ จาก Krabi International School (โรงเรียนนานาชาติกระบี่) รับรางวัลเป็นเงินจำนวน 12,000 บาท, iPad Gen 9 และโล่ประกาศเกียรติคุณ ซึ่งเงินรางวัล และ iPad ได้รับการสนับสนุนจาก Learn Corporation

รองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ ด.ช.ศิรวิทย์ ศรีอาริยะเมตตา โรงเรียนอนุบาลตราด รับรางวัลเป็นเงินจำนวน 10,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ

รองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่เด็กชายวัชรวิชญ์ กลิ่นสุคนธ์ โรงเรียนอำนวยศิลป์ รับรางวัลเป็นเงินจำนวน 5,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ

นอกจากนี้ทาง B2S Club ยังได้ให้เกียรติมอบของรางวัลสำหรับผู้ชนะทั้งสามคนอีกด้วย :
1.Giftcard จำนวน 3 รางวัล
รางวัลชนะเลิศ Gift Card มูลค่า 3,000 บาท
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 Gift Card มูลค่า 2,000 บาท
รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 Gift Card มูลค่า 1,000 บาท

2.Gift Set สินค้ามูลค่ารวม 2,000 บาทสำหรับทั้ง 3 คน

เหล่าผู้โชคดีที่เปิดเจอ 3 ปลากระป๋อง “กัปตันเรือ”แจกจริง เฮรับเงินแสน!

ปลากระป๋อง”กัปตันเรือ”เปิดบ้านแจกโชค เจอ 3 จ่ายเงินแสน

เหล่าผู้โชคดีที่เปิดเจอ 3 ปลากระป๋อง กัปตันเรือ เฮรับเงินแสน!
ที่บริษัท กัปตันเรือ เมื่อวันที่ 6 ก.พ.2565 ที่ผ่านมา ผู้ผลิตปลากระป๋องพร้อมรับประทาน ได้เปิดบ้านกัปตันเรือจ่ายเช็คแจกโชคให้กับผู้โชคดี

โดยนายอุเทน นุ้ยพิน ประธานกรรมการบริษัทฯ พร้อมด้วยนายรัฐณกรณ์ อมรวีระวัฒน อุปนายกสมาคมช่างภาพสื่อมวลชนดิจิทัล ได้ร่วมแสดงความยินดีแจกเงินแสน ให้กับผู้โชคดี ที่ร่วมสนุกกับทางบริษัท ปลากระป๋อง “กัปตันเรือ” ในการส่งคลิปวีดีโอเข้าร่วมสนุกกับทางบริษัทฯ กับแคมเปญ “เจอ 3 จ่ายแสน”

เมื่อลูกค้าซื้อปลากระป๋อง กัปตันเรือ แล้วเจอปลาในกระป๋อง 3 ตัว รับเงินทันทีหนึ่งแสนบาท โดยบางกระป๋องจะพบเจอ 4 ตัว แล้วแต่ดวงของใครที่จะเป็นผู้โชคดี

นายรัฐณกรณ์ อมรวีระวัฒน ลิ้มรสปลากระป๋อง กัปตันเรือ
โดยในวันนี้ 6 ก.พ.2565 ลูกค้าที่รับประทานปลากระป๋อง “กัปตันเรือ”

ที่ส่งคลิปเข้าร่วมสนุกและเป็นผู้โชคดีได้ทะยอยเดินทางมาที่บริษัท กว่า 100 คน และมีผู้โชคดีรับเงินแสน จำนวน 10 คน และร้านค้าที่จำหน่ายให้กับผู้โชคดี 10,000 บาท ร่วมถึงลูกค้ารายอื่นๆ อีก รวมจำนวน 100 คน ที่เดินทางมารับเงินที่บ้านกัปตันเรือ ที่ซอย 5 ถนนรามอินทรา กรุงเทพฯ รวมมูลค่าที่จ่ายให้กับผู้โชคดี จำนวน 2 ล้านบาท

โดยในวันเดียวกัน “ตี๋อ้วนชวนหิว” พิธีกรรายการชื่อดังได้เข้าร่วมสร้างความสุขสัมภาษณ์ผู้โชคดี และสร้างความสนุกสนาม ที่บ้านกัปตันเรือ พร้อมร่วมแจกโชคเงินแสนให้กับผู้โชคดีในครั้งนี้อีกด้วย

ส่วนกติกา ในการร่วมสนุกลูกค้าต้องถ่ายคลิปวีดีโอ ตั้งแต่ขั้นตอนแรก ก่อนเปิดปลากระป๋อง กัปตันเรือ ไปจนสิ้นสุด เทปลากระป๋องกัปตันเรือ ลงจาน แล้วนำไปชั่งน้ำหนัก จนครบขั้นตอนในการถ่ายคลิปวีดีโอห้ามมีการตัดต่อใดๆ ทั้งสิ้น

ติดตามกติกาและร่วมลุ้นโชคกับปลากระป๋อง กัปตันเรือ ได้ทางช่อง www.capthainruea.com

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร.063-535 6300 แล้วกด 0 ในวันเวลาทำการ จันทร์-เสาร์ เวลา 08.30-17.00 น. จิตรกร บัวปลี รายงานข่าว

วช. เสริมศักยภาพบุคลากรสายอุดมศึกษา ปั้นนักวิจัย-นักประดิษฐ์ขับเคลื่อน BCG

สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้ร่วมเป็นกลไกสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรวิจัยและนวัตกรรม และการสร้างเครือข่ายการวิจัย ได้จัดกิจกรรมการเพิ่มศักยภาพและมาตรฐานบุคลากรอุดมศึกษา

: บ่มเพาะและแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อพัฒนาสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมขึ้น เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพบุคลากรสายอุดมศึกษาให้ได้รับการพัฒนาสู่มาตรฐานด้านการวิจัยและนวัตกรรมที่ตอบสนองยุทธศาสตร์ชาติตามความต้องการของสังคม ชุมชน ภาครัฐและเอกชน รวมถึงการยกระดับคุณภาพชีวิต การสร้างมูลค่าเพิ่ม และขีดความสามารถของประเทศในการแข่งขันระดับนานาชาติ

โดยในปี 2565 วช. ได้กำหนดกลุ่มเรื่องผลงานสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมให้มีความสอดคล้องกับกลุ่มเรื่องของ Thailand 4.0 และ BCG โมเดล 4 กลุ่ม ได้แก่ การเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร, การสาธารณสุข สุขภาพ และเทคโนโลยีทางการแพทย์, การพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ อุปกรณ์อัจฉริยะ พลังงานและสิ่งแวดล้อม, และการพัฒนาคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซึ่งการจัดกิจกรรมมีทั้งในรูปแบบ online และ onsite โดยได้รับความกรุณาจากผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรอบรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการพัฒนาผลงานในการพัฒนาผลงานนวัตกรรมในเวทีระดับชาติและระดับนานาชาติ ที่จะมาให้ความรู้ ความเข้าใจ กับทีมสายอุดมศึกษา เพื่อพัฒนาผลงานนวัตกรรม ซึ่งจะเป็นกลไกหนึ่งในการพัฒนากำลังคน ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัยและนวัตกรรม ในการขับเคลื่อนการพัฒนาและสร้างนวัตกรรมในอนาคต
ทั้งนี้ วช. ยังได้ส่งเสริมและสนับสนุนผลงานนวัตกรรมของสายอุดมศึกษาในหลายรูปแบบ อาทิ การนำเสนอผลงานสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมในเวทีระดับชาติ, การนำเสนอผลงานสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมในเวทีระดับนานาชาติ, การสนับสนุนพัฒนา ต่อยอดขยายผล

กิจกรรมดังกล่าว จัดขึ้นภายในงาน”วันนักประดิษฐ์ ประจำปี 2565 ระหว่างวันที่ 4-6 กุมภาพันธ์ 2565 โดย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีเปิด เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ซึ่งวช.ได้วางเป้าหมายให้กิจกรรมดังกล่าวเป็นกลไกสำคัญ ที่จะพัฒนาสมรรถนะและเทคนิคด้านการประดิษฐ์คิดค้นและนวัตกรรมของคณาจารย์และนิสิตนักศึกษาในระดับอุดมศึกษา ให้สามารถพัฒนาผลงานประดิษฐ์และนวัตกรรม ที่รองรับโจทย์และความต้องการของสังคมและประเทศ โดยจะมีพิธีปิดและมอบรางวัลกิจกรรมติดดาว ให้แก่ผู้ร่วมกิจกรรมบ่มเพาะ ที่นำเสนอผลงานด้านการประดิษฐ์คิดค้นและนวัตกรรมได้อย่างโดดเด่น พร้อมมอบประกาศนียบัตรให้แก่ผู้เข้าร่วมการบ่มเพาะตลอดการจัดกิจกรรม 3 วัน โดยคณะวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2565 โดยมีดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นผู้มอบฯ