สู้รบเดือด!ไทย-เขมร กระทบชาวสวนยางชายแดนอีสานกว่า5.5หมื่นราย

กยท. เตรียมงบช่วยเหลือชาวสวนยาง 5 จังหวัดชายแดน หลังไม่สามารถกรีดยางได้เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการสู้รบไทย-กัมพูชา กว่า 55,000 ราย คาดปริมาณยางพาราหายจากตลาดกว่า 4.8 แสน กก.

การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) หรือ RAOT เตรียมพร้อมมาตรการช่วยเหลือชาวสวนยางและประชาชนในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชาเต็มกำลังหลังจากาวสวนยางในพื้นที่ 5 จังหวัดอาจได้รับผลกระทบกว่า 55,000 ราย ไม่สามารถออกไปกรีดยางได้ตามปกติ คาดปริมาณยางพาราหายจากตลาดกว่า 4.8 แสน กก.ยางแห้ง/วัน ยืนยันความพร้อมในการช่วยเหลือ-บรรเทาความเดือดร้อนชาวสวนยางอย่างต่อเนื่องทุกสถานการณ์

ดร.เพิก เลิศวังพง รักษาการแทนผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ครอบคลุมจังหวัดบุรีรัมย์ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และตราด ได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน รวมถึงเกษตรกรชาวสวนยางที่ไม่สามารถออกกรีดยางได้ จำนวนกว่า 55,000 ราย (ข้อมูลจากเกษตรกรชาวสวนยางที่ขึ้นทะเบียนกับ กยท. ในพื้นที่ 5 จังหวัด รวม 24 อำเภอ)

รวมพื้นที่สวนยางประมาณ 609,000 ไร่ อาจส่งผลให้มีปริมาณยางพาราหายไปจากตลาดวันละกว่า 487,000 กก. ยางแห้ง ซึ่งจากสถานการณ์ดังกล่าว กยท. มีความห่วงใยต่อพี่น้องชาวสวนยางและประชาชนในพื้นที่ จึงเร่งดำเนินมาตรการบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น เตรียมจัดสรรงบประมาณกว่า 1.8 ล้านบาท เพื่อจัดสรรถุงยังชีพมอบให้แก่ เกษตรกรชาวสวนยางและประชาชนในพื้นที่ เพื่อบรรเทาผลกระทบในระยะเร่งด่วน

นอกจากนี้ กยท. ได้เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว เพื่อรองรับและดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบ พร้อมย้ายที่ทำการ กยท. ในพื้นที่เสี่ยง (กยท. สาขาบ้านกรวด ไปที่ กยท. จังหวัดบุรีรัมย์ และ กยท. สาขากันทรลักษ์ ไปที่ กยท. จังหวัดศรีสะเกษ) เป็นการชั่วคราว เพื่อให้การบริการเกษตรกรชาวสวนยางได้อย่างต่อเนื่องและมีความปลอดภัย

ดร.เพิก กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับเกษตรกรชาวสวนยางที่ขึ้นทะเบียนกับ กยท. หากสวนยางได้รับความเสียหายจนเสียสภาพสวน หรือต้นยางได้รับความเสียหายเกิน 20 ต้น/แปลง จากเหตุการณ์ความไม่สงบดังกล่าว สามารถยื่นขอรับสวัสดิการเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนได้ รายละไม่เกิน 3,000 บาท/แปลง และในกรณีที่เกษตรกรชาวสวนยางที่ขึ้นทะเบียนเสียชีวิต กยท. จะมอบเงินช่วยเหลือแก่ทายาท รายละไม่เกิน 30,000 บาท

“กยท. พร้อมยืนเคียงข้างพี่น้องชาวสวนยางและประชาชนในพื้นที่ทุกสถานการณ์ พร้อมร่วมบูรณาการความร่วมมือกับภาคีที่เกี่ยวข้องในการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทั่วถึง และปลอดภัยสูงสุด” ดร.เพิก กล่าว

นาทีชีวิต!สองผัวเมียถอยรถมือ2ขับกลับบ้านไฟลุกท่วมวอดทั้งคัน

เปิดนาทีชีวิต สองผัวเมีย เพิ่งซื้อรถมือ2 ระหว่างทางยังขับกลับไม่ถึงบ้าน เกิดไฟลุกท่วมไหม้วอดทั้งคัน เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบหาสาเหตุ

พ.ต.ท. ปพนเอก บุญอนันต์ สว.(สอบสวน )สภ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ได้รับแจ้งเมื่อเวลา 19.30 น.วันที่ 11 ธ.ค 2568 มีเหตุไฟไหม้รถยนต์กลางสะพาน กาญจนาภิเษกทิศทางถนนพระราม2 มุ่งหน้าถนนบางนา ได้ประสานขอรถน้ำดับเพลิงจากเทศบาลเมืองลัดหลวงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยทางด่วนและอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๋ง เข้าช่วยเหลือที่เกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุพบรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไฟกำลังลุกไหม้รถน้ำดับเพลิงเทศบาลเมืองลัดหลวงและรถน้ำดับเพลิงกู้ภัยทางด่วนใช้เวลาประมาณ 10 นาที เพลิงสงบ ห่างไปประมาณ 50 เมตร พบนายวิชาญ อายุ 50 ปี เจ้าของรถพร้อมกับภรรยา มาด้วยกัน 2 คน ได้ไปซื้อรถคันดังกล่าวมาจาก จ.สุพรรณบุรี เป็นรถยนต์ 7 ที่นั่ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอแวนซ่า สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน กบ 8061 สุพรรณบุรี ในราคา 75,000 บาท และกำลังขับรถกลับบ้านพัก ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

ระหว่างทางขับมาปกติ พอมาถึง กลางสะพานกาญจนาภิเษกเกิดเหตุมีควันและไฟลุกไหม้ที่ห้องเครื่องหน้ารถ รีบจอดข้างทางและลงจากรถทันทีและมีรถผ่านทางได้จอดรถลงเอาถังดับเพลิงมาช่วยแต่เอาไม่ไหวเพราะลมแรงมากทำให้ไฟยิ่งแรงขึ้น จนมีรถดับเพลิงมา เหตุการณ์นี้ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ทางเจ้าหน้าที่ได้ปิดกั้นที่เกิดเหตุเพื่อ เคลื่อนย้ายรถดังกล่าวออกจากจุดเกิดเหตุ ส่วนเหตุการณ์ในครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

เขมรยิง BM-21 มั่วกระสุนตกหมู่บ้านเดียว 12 ลูกต้นยางหักขาดนับสิบ

สถานการณ์ในพื้นที่แนวชายแดนจังหวัดบุรีรัมย์  ยังมีการยิงปะทะกันอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ล่าสุดมีจรวดหลายลำกล้อง BM21 ตกกระจายรอบชุมชนแนวชายแดน หมู่บ้านเดียวเพิ่มอีก 9 ลูก  จากเมื่อวานนี้ (10 ธันวาคม) มีกระสุนปืนใหญ่ตก 3 ลูก รวม 2 วันจำนวน 12 ลูก  โดยกระสุนปืนใหญ่ที่ตกในพื้นที่ทำให้ต้นยางพาราของเกษตรกรในพื้นที่ได้รับความเสียหายหลายสิบต้น และมีรายงานกระจกบ้านเรือนประชาชนแตกร้าวด้วย แต่อยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหายอีกครั้ง   ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดของชาวบ้านก็สามารถบันทึกเสียงปืนใหญ่ที่ยิงปะทะกันต่อเนื่อง

นายธีระศักดิ์  บุญด้วง นายกเทศมนตรีตำบลจันทบเพชร อำเภอบ้านกรวด พร้อมด้วยนายเจริญชัย วงค์มณฑล รองนายกเทศมนตรีตำบลจันทบเพชร ได้นำคณะเจ้าหน้าที่ทหารจากกองทัพภาคที่ 2 รวมทั้งสื่อมวลชนต่างประเทศ  ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดที่ระเบิดตกในชุมชนและสภาพความเสียหาย ขณะเจ้าหน้าที่และสื่อต่างประเทศลงพื้นที่ตรวจสอบจุดกระสุนปืนใหญ่ตกในชุมชน พบมีกระสุนปืนใหญ่ตกใกล้จุดเดิมเสียงดังสนั่น   ทั้งเจ้าหน้าที่และสื่อต่างประเทศที่กำลังบันทึกภาพความเสียหาต่างวิ่งหลบกันอย่างโกลาหล  อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่มีรายงานพลเรือนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตแต่อย่างใด

นายเจริญชัย  วงค์มณฑล รองนายกเทศมนตรีตำบลจันทบเพชร  บอกว่า  ตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2568  ได้มีการยิงปะทะกันอย่างต่อเนื่อง  และมีกระสุนปืนใหญ่ตกเข้ามาในพื้นที่รอบชุมชนแนวชายแดน 2 วันติดต่อกันรวม 12 ลูก ทำให้ต้นยางพาราของเกษตรกรได้รับความเสียหาย  ส่วนบ้านเรือนยังอยู่ระหว่างการสำรวจ  ซึ่งในพื้นที่ได้มีการอพยพประชาชนออกเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์เหลือเพียงเจ้าหน้าที่  ผู้นำชุมชน และ ชรบ.ที่คอยดูแลความเรียบร้อยในหมู่บ้านเท่านั้น  ส่วนที่มีข่าวว่าผู้นำสหรัฐ และมาเลเซีย จะเจรจากับผู้นำไทยให้หยุดยิงนั้น   ส่วนตัวก็ไม่อยากให้เข้ามาแทรกแซง  เพราะเป็นความขัดแย้งระหว่างสองประเทศควรจะให้แก้ปัญหากันเอง ถึงแม้จะเจรจาก็ไม่เชื่อใจกัมพูชาปัญหาก็จะเรื้อรังไปจนรุ่นลูกหลานอีกก็อยากให้ดำเนินการให้จบๆ ไปเลย

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ที่ทหารไทยและกัมพูชายังปะทะกันอย่างดุเดือด และแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น ล่าสุดก็มีคำสั่งให้อพยพเพิ่มอีก 2 อำเภอ คือ  อำเภอประโคนชัย ประกอบด้วย ตำบลเขาคอก , ตำบลหนองบอน และตำบลละเวี้ย  สำหรับอำเภอเฉลิมพระเกียรติอพยพประชาชนในตำบลยายแย้ม  และตำบลถาวร  แม้ทั้ง 2 อำเภอจะอยู่ห่างจากแนวชายแดนที่มีการสู้รบกัน 40 – 50 กิโลเมตร แต่ก็ได้ยินเสียงปืนใหญ่ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยก็ต้องให้อพยพออกจากพื้นที่

นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าพบผู้ต้องหาสงสัย น่าจะเป็นทหารกัมพูชาปลอมตัวเป็นพระภิกษุแฝงตัวเข้ามาในพื้นที่ชายแดน   อาจจะเข้ามาชี้พิกัดให้กับฝ่ายกัมพูชา   เจ้าหน้าที่ก็กำลังเร่งตรวจสอบและติดตามตัว

ข่าว/ภาพ : สุรชัย  พิรักษา  ผู้สื่อข่าวจังหวัดบุรีรัมย์

.

ด่วน! “อนุทิน” ทูลเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกายุบสภาฯ แล้ว พร้อมโพสต์แจงคืนอำนาจให้ประชาชน

นายกฯ ทูลเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกายุบสภาฯ แล้ว เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ “ภราดร” ยันทำตามข้อตกลงกับ ปชน.เมื่อกระบวนการแก้ไข รธน.ไปต่อไม่ได้ เผย ภท.ไม่สามารถสั่ง สว.ให้ตัดอำนาจตัวเองได้ และถ้าตัดอำนาจ สว.ร่างแก้ไข รธน.ก็จะไม่ผ่านวาระสาม

ค่ำวันนี้ (11 ธ.ค.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้กราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่เป็นการทั่วไปแล้ว

การกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร มีขึ้นหลังจากที่สมาชิกรัฐสภาเสียงข้างมากมีมติให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256/28 ต้องได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกวุฒิสภาไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของสมาชิกวุฒิสภาที่มีอยู่ ซึ่งนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน และเป็นพรรคการเมืองที่สนับสนุนนายอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้นายอนุทินในฐานะนายกรัฐมนตรียุบสภาผู้แทนราษฎร หลังจากที่มีสมาชิกพรรคภูมิใจไทยลงมติเป็นเสียงข้างมาก

ด้านนายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ได้ชี้แจงให้ผู้แทนพรรคประชาชนทราบว่า หากลงมติให้ตัดอำนาจสมาชิกวุฒิสภาตามที่พรรคประชาชนต้องการ ในวาระ 3 สมาชิกวุฒิสภาจะไม่เห็นชอบกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ จะส่งผลให้กระบวนการการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่พยายามทำกันมาต้องล้มเหลว จึงขอให้คงอำนาจสมาชิกวุฒิสภา ไว้ก่อน เพื่อให้กระบวนการเดินหน้าต่อไปได้ แต่ผู้แทนพรรคประชาชนไม่ยอม และแจ้งว่าหากโหวตแพ้ในมาตรา 256/28 จะยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลทั้งคณะทันที ทำให้นายอนุทินต้องตัดสินใจยุบสภาผู้แทนราษฎร เพราะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ที่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคประชาชนให้มาเป็นนายกรัฐมนตรี หากพรรคประชาชนไม่สนับสนุน รัฐบาลก็ต้องสิ้นสุดวาระ

“พวกเราพยายามเจรจากับ สว.เต็มที่แล้ว แต่เราไปสั่ง สว.ให้ตัดอำนาจตัวเองไม่ได้ และพยายามเจรจากับพรรคประชาชนแล้วว่า ถ้าตัดอำนาจ สว. สว.ก็จะไม่เห็นชอบในวาระ 3 ซึ่งกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญก็ไปต่อไม่ได้ และเพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อภารกิจที่ทำไม่ได้ตามที่พรรคประชาชนต้องการ ก็ต้องยุบสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นภารกิจหลักตามข้อตกลงการจัดตั้งรัฐบาล คือให้มายุบสภาผู้แทนราษฎร วันนี้นายอนุทินได้ทำภารกิจนี้ตามข้อตกลงแล้ว” กรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย กล่าว

ด้านนายอนุทิน ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Anutin Carnvirakul ว่า “ผมขอคืนอำนาจกลับไปยังพี่น้องประชาชนครับ”

สมรภูมิรบชายแดนเดือด!F-16 ถล่ม”บ้าน 3 หลัง” ฐานทหารกัมพูชา นาวิกฯ ตราดปะทะยึดพื้นที่ต่อเนื่อง

สถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงเดือด เช่นเดียวกับด้านจังหวัดตราดทวีความตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง โดยกองทัพไทยได้ใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศและภาคพื้นดิน พร้อมสั่งอพยพประชาชน และปิดเส้นทางคมนาคมในพื้นที่เสี่ยงภัย

ล่าสุด วันนี้ (11 ธ.ค.) เวลาประมาณ 15.55 น. กองทัพอากาศได้ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 เข้าปฏิบัติการในพื้นที่ตำบลชำราก อำเภอเมือง จังหวัดตราด โดยทิ้งระเบิดใส่ที่ตั้งของทหารกัมพูชา บริเวณบ้าน 3 หลัง และพื้นที่กาสิโนในบ้านหนองรี ตำบลชำราก เพื่อเปิดทางให้กองกำลังแนวหน้าเข้ายึดพื้นที่

หลังจาก F-16 ปฏิบัติการโจมตีแล้ว นาวาเอกธรรมนูญ วรรณา ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด ได้นำกำลัง ทหารนาวิกโยธินและทหารพราน เข้าสู่พื้นที่เป้าหมายเพื่อเข้ายึดฐานที่มั่น ซึ่งมีการ ปะทะด้วยปืนเล็กบนเขาอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ยังมีการรายงานว่า เมื่อเวลา 16.37 น. เรือหลวงเทพา ได้ยิงปืนใหญ่สนับสนุนการปฏิบัติการของทหารภาคพื้นดินในพื้นที่บ้านสามหลังอย่างต่อเนื่อง

จากสถานการณ์การสู้รบที่ดุเดือด ทางฝ่ายความมั่นคงได้ประกาศ ปิดถนนสุขุมวิท ตั้งแต่ด่านตรวจบ้านเนินสูง ตำบลตะกาง อำเภอเมือง จังหวัดตราด เป็นต้นไป เพื่อกั้นไม่ให้รถยนต์เข้า-ออก ในพื้นที่ชายแดนครอบคลุมตำบลตะกาง ตำบลชำราก ตำบลแหลมกลัด อำเภอเมือง และอีก 3 ตำบลในอำเภอคลองใหญ่

มาตรการดังกล่าวมีขึ้นเพื่อให้ชุดเก็บกู้ระเบิด (EOD) เข้าไปตรวจสอบและเก็บกู้ หัวลูกปืนใหญ่ที่ยังไม่ระเบิด ซึ่งถูกยิงจากฝั่งกัมพูชาเข้ามาตกในพื้นที่บ้านหนองรี ตำบลชำราก เมื่อเย็นวานนี้ จำนวน 5 ลูก โดยมีบางลูกฝังตัวอยู่ในถนนสุขุมวิท
ในขณะเดียวกัน ทางการได้สั่งให้ ประชาชนใน 3 ตำบลออกจากพื้นที่ 100% เนื่องจากมีการตรวจพบว่าฝ่ายกัมพูชาได้เสริมกำลังและอาวุธหนักเข้ามาในพื้นที่เป็นจำนวนมาก

หลังจากการโจมตีของ F-16 ฝ่ายกัมพูชาไม่มีการตอบโต้ด้วยกระสุนปืนคอหรือปืนใหญ่มายังฝั่งไทยอีก แต่ทางฝ่ายไทยยังคง ยิงปืนใหญ่สนับสนุน การเข้ายึดพื้นที่ของกำลังพลอย่างต่อเนื่อง

สดุดีเหล่าทหารกล้า สละชีพรักษาชาติแล้ว 9 บาดเจ็บ 120 นาย

เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม พลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ในส่วนของกองทัพบก ทางกัมพูชายังคงโจมตีอย่างต่อเนื่องด้วยอาวุธหนัก เช่น บีเอ็ม 21 โดรน Kamikaze ปืนครก โดยเฉพาะบริเวณช่วงอานม้า และเนิน 667 ในขณะที่กองทัพเรือได้ดำเนินกลยุทธ์ตามยุทธการ ตราดปราบปรปักษ์ ในพื้นที่ จ.ตราด อย่างต่อเนื่อง และได้รับการโจมตีโดยโดรนของฝั่งกัมพูชาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยทั้ง 2 เหล่าทัพดำเนินการไปตามแผนและมีความคืบหน้าในการปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องอย่างมีนัย

อย่างไรก็ตาม ได้มีการพบทหารกัมพูชาที่ใช้บ้านประชาชนเป็นป้อมปราการทางทหาร ตรวจพบการติดตั้งปืนกลในบ้านพัก ถือเป็นการละเมิดอนุสัญญาต่างๆ ในการใช้มนุษย์เป็นโล่กำบัง ส่วนสำหรับกองทัพอากาศยังคงปฏิบัติการสนับสนุนกำลังภาคพื้นดินในการรุกคืบอย่างมีประสิทธิภาพ

“แต่เป็นที่น่าเสียใจที่กำลังพลของเราสูญเสียอีก 2 ราย ในพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 1 จำนวน 1 นาย และสูญเสียชีวิตอีก 1 ราย ในพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 2 โดยปัจจุบันมีกำลังพลสูญเสียไปแล้ว 9 นาย และบาดเจ็บประมาณ 120 นาย นอกจากจากนั้น เมื่อวันที่ 10 ธันวาคมเวลา 16.00 น. พบประชาชนที่พลัดถิ่นและพักอาศัยอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงทั้งหมด 199,618 คนในศูนย์พักพิง 849 แห่ง และมีผู้เสียชีวิต 3 ราย โรงพยาบาลที่ได้รับผลกระทบ 19 แห่ง รวมถึงโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) 180 แห่ง ทำให้ต้องอพยพผู้ป่วยจากพื้นที่ ซึ่งขอประณามการใช้อาวุธหนักโดยไม่เลือกเป้าหมายของกัมพูชาที่สร้างผลกระทบดังกล่าว” พลเรือตรี สุรสันตกล่าว

ทั้งนี้ ผู้สื่อเหตุการณ์ปะทะระหว่างทหารไทย และทหารกัมพูชา บริเวณชายแดน ตั้งแต่วันที่ 8 – 10 ธ.ค.68 พบยอดกำลังพลที่เสียชีวิต รวม 9 นาย ดังนี้

– พื้นที่กองทัพภาคที่ 2 จำนวน 7 นาย

1.จ.ส.อ.ศตวรรษ สุจริต สังกัด กองร้อยทหารม้าลาดตระเวนที่ 6 โดนสะเก็ดระเบิด พื้นที่ฐานป้องไพร ช่องบก

2.พลทหาร วายุ ขวัญเสือ สังกัด กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ โดนสะเก็ดระเบิดอาวุธวิถีโค้ง พื้นที่ฐานปฏิบัติการ 225 จ.สุรินทร์

3.ส.อ.ชวกร เดชขุนทด สังกัด กองพันทหารม้าที่ 11 กรมทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ ได้รับบาดเจ็บจากเครื่องยิงลูกระเบิด พื้นที่พระวิหาร

4.จ.ส.ท.จิระวัฒน์ มุ่งกลาง สังกัด ช.พัน.1 รอ.ประจำการที่ฐานฯ แดนไกล ช่องอานม้า แพทย์เสนารักษ์ พยายามยื้อชีวิตแต่ จ.ส.ท.จิระวัฒน์ เสียเลือดมาก ทำให้เสียชีวิตระหว่างนำส่งโรงพยาบาล

5.พลทหารเทิดศักดิ์ ศรีลาชัย สังกัด ร.23 พัน.3 กองพันสุรินทร์ พลีชีพเพื่อชาติ ในสมรภูมิปราสาทคนา

6.จ.ส.อ.อนันดา อุดร นายทหารสังกัดกองพันสิงห์ศึก นับรบภูมะเขือ

7.พลทหารธนกร สิงหาชาติ ภูมิลำเนา ต.เม็กดำ อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม สังกัดกองกำลังรบกองทัพภาคที่ 2 กองร้อยทหารราบที่ 211 กองพันทหารราบที่ 21 ตำแหน่งพลยิงลูกระเบิด 40 มม. (M203) พลีชีพกลางสมรภูมิปราสาทตาเมือนธม จากการถูกสะเก็ดกระสุน ปืน ค. ของฝ่ายกัมพูชา

พื้นที่กองทัพภาคที่ 1 จำนวน 2 นาย

8.พลทหาร ธนรัตน์ จันทร์ประทัด กองกำลังรบกองทัพภาคที่ 1 กำลังพลสังกัดกองพลทหารราบที่ 11 ตำแหน่ง พลปืนเล็ก สังกัดกรมทหารราบที่ 112 กองพันทหารราบที่ 3 (ร.112 พัน.3) ฝ่ายกัมพูชาได้ยิงปืน ค. ลงข้างยานเกราะสไตรเกอร์ของทหารไทย บริเวณด่านบึงตะกวน อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว

9.พลทหาร ชาญชัย ผดุงโชค หรือ สมาร์ท กำลังพลสังกัดกองพลทหารราบที่ 11 ตำแหน่ง พลปืนเล็ก สังกัดกรมทหารราบที่ 112 กองพันทหารราบที่ 3 (ร.112 พัน.3) โดนกระสุนวิถีโค้ง

อ้อยตกต่ำ!เกษตรกรนับร้อย! ‘บุกศาลากลางเลย’ ร้องปรับราคาใหม่-ชี้ 890 บาทต่ำกว่าต้นทุน

วิกฤตราคาอ้อยตกต่ำ! ชาวไร่อ้อยเลยนับร้อย ‘บุกศาลากลางจังหวัด’ ยื่นหนังสือถึงนายกฯ เรียกร้องปรับราคาขั้นต้นใหม่ ชี้ราคา 890 บาท/ตัน ต่ำกว่าต้นทุน

เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2568 ที่หน้าศาลากลางจังหวัดเลย สมาคมชาวไร่อ้อยที่ราบสูงจังหวัดเลย และสมาคมเกษตรกรชาวไร่อ้อยจังหวัดเลย โดยมี นายสิทธิบูรณ์ และ นายปฏินันท์ เป็นแกนนำ ได้นำตัวแทนสมาชิกกว่า 100 คน เข้ายื่นหนังสือถึง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ผ่าน นายไพรินทร์ ลิ่มเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เรื่องราคาอ้อยขั้นต้นปีการผลิต 2568-2569 ตกต่ำ และปัญหาความเดือดร้อนของชาวไร่อ้อย

โดยในหนังสือระบุว่า คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) ได้มีมติในการประชุมครั้งที่ /2568 เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 กำหนดและประกาศราคาอ้อยขั้นต้นฯปีการผลิต 2568/2569 ไว้ที่ 10 ซี.ซี.เอส. เท่ากับ 890 บาท/ตันอ้อย เท่ากันทุกเขตฯ ซึ่งกรรมการฝ่ายชาวไร่อ้อยส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย

ต่อมา สถาบันชาวไร่อ้อยภาคอีสาน ซึ่งประกอบด้วย 23 สมาคม ได้มีการประชุมเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2568 และมีมติ 3 ข้อหลักเพื่อเรียกร้องไปยังรัฐบาล ดังนี้ 1.ขอให้รัฐบาลกำหนดและประกาศราคาอ้อยขั้นต้นปีการผลิต 2568/2569 เป็น รายเขต ในอัตราไม่เกิน 95% ของราคาอ้อยประมาณการแต่ละเขตฯ เพื่อให้ราคาที่ได้รับสอดคล้องตามคุณภาพอ้อยและประสิทธิภาพการผลิตน้ำตาลแต่ละเขตฯ อันจะเป็นการสร้างระบบราคาอ้อยที่เป็นธรรม 2.ขอให้รัฐบาลพิจารณาและหาแนวทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวไร่อ้อย เนื่องจากราคาอ้อยตกต่ำ ต่ำกว่าต้นทุนการปลูกอ้อย

โดยขอให้รัฐบาลช่วยเหลือในอัตรา 200 บาท/ตันอ้อย และ 3.ชาวไร่อ้อยยินดีสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการลดฝุ่น PM 2.5 โดยการลดการเผาอ้อยให้เหลือเพียงร้อยละ 10 แต่เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการ ตัดอ้อยสด ไม่น้อยกว่า 200 บาท/ตันอ้อย จึงขอให้รัฐบาลพิจารณาสนับสนุนช่วยเหลือค่าตัดอ้อยสดอย่างน้อย ตันละ 102 บาท

นายสิทธิบูรณ์ นายกสมาคมชาวไร่อ้อยที่ราบสูงจังหวัดเลย กล่าวว่า หากไม่ได้รับการเรียกร้อง ชาวไร่อ้อยทั่วประเทศก็จะขอเข้าพบนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำเสนอข้อเสนอให้ท่านรับฟังก่อน แต่หากสุดท้ายแล้วไม่ได้รับการแก้ไขหรือไม่มีคำตอบออกมาเลย เกษตรกรชาวไร่อ้อยทั่วประเทศคงต้องกำหนดวิธีการสุดท้ายด้วยการรวมตัวเข้ากรุงเทพฯเพื่อเรียกร้องต่อไป

แม่ภูมิใจลูกชายพลีชีพเพื่อชาติ! ศพ“พลทหารชาญชัย”ถึงบ้านเกิดกาฬสินธุ์วันพรุ่งนี้

กาฬสินธุ์-สดุดีทหารกล้า “น้องสมาร์ท” พลทหารชาญชัย ผดุงโชค วัย 22 ปี ชาวบ้านโคกคำ ต.บัวบาน อ.ยางตลาด พลีชีพกลางสมรภูมิชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สระแก้ว จากการถูกกระสุนปืน ค. ฝ่ายกัมพูชาตกใส่ ขณะที่ครอบครัวทราบข่าวสุดเศร้า ส่วนแม่ภาคภูมิใจที่ลูกชายสละชีพเพื่อชาติ

เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 177 ม.18 บ้านโคกคำ ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ญาติและเพื่อนบ้านที่ทราบข่าวต่างพากันมาให้กำลังใจ และจัดเตรียมสถานที่รับศพของพลทหารชาญชัย ผดุงโชค หรือ“น้องสมาร์ท” วัย 22 ปี ทหารสังกัดกองกำลังรบกองทัพภาคที่ 1 สังกัดกรมทหารราบที่ 112 กองพันทหารราบที่ 3 (ร.112 พัน.3) ตำแหน่งพลยิงปืนกล ซึ่งพลีชีพกลางสมรภูมิชายแดนไทย-กัมพูชา บึงตะกวน-บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว จากการถูกกระสุนปืน ค. ของฝ่ายกัมพูชาตกใส่จนเสียชีวิตเมื่อคืนที่ผ่านมา ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจ

โดยเฉพาะ นางนิภาพัน ภูเนตร อายุ 50 ปี มารดาของพลทหารชาญชัย หลังทราบข่าวเสียใจอย่างมากในการจากไปอย่างกะทันหันของลูกชาย แต่ก็ภาคภูมิใจที่ลูกชายได้สละชีพเพื่อชาติ ทั้งนี้ นายเอกรัตน์ มิสา นายอำเภอยางตลาด พร้อมด้วยผู้นำชุมชน เข้าให้กำลังใจและคอยอำนวยความสะดวก

นางนิภาพัน ภูเนตร อายุ 50 ปี มารดาของพลทหารชาญชัย เล่าว่า “น้องสมาร์ท” เป็นบุตรชายคนเดียวของตนกับอดีตสามีซึ่งเคยเป็นทหารเรือ ปัจจุบันปลดประจำการแล้ว น้องสมาร์ทจึงมีสายเลือดทหารเข้มข้น และมีความใฝ่ฝันอยากเป็นทหารมาตั้งแต่เด็ก พอถึงอายุเกณฑ์ทหารเมื่อปี 2567 น้องสมาร์ท จึงได้สมัครทั้งทางออนไลน์ พร้อมกับเข้ารับการคัดเลือกทหารกองเกินที่อำเภอยางตลาด และจับได้ใบแดง กระทั่งได้เข้าประจำการสังกัดกรมทหารราบที่ 112 กองพันทหารราบที่ 3 (ร.112 พัน.3) ตำแหน่งพลยิงปืนกลดังกล่าว ก่อนที่จะมาเสียชีวิตจากเหตุการณ์สู้รบในครั้งนี้

“ตอนนี้แม่ยังรู้สึกมึนงงและเสียใจจากการสูญเสียลูกชาย แต่อีกใจหนึ่งรู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจในตัวของลูกชาย ที่พลีชีพเพื่อชาติในครั้งนี้”นางนิภาพันกล่าว

ขณะที่นายสุวรรธณ์ เข็มธนเพ็ชร ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ ได้กำชับและสั่งการให้นายเอกรัตน์ มิสา อำเภอยางตลาด ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ให้กำลังใจ และคอยดูแลอำนวยความสะดวกในการจัดเตรียมสถานที่รับศพอย่างเต็มที่ พร้อมมอบหมายให้สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.กาฬสินธุ์ และสำนักงานสาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ ลงพื้นที่เยียวยาสภาพจิตใจ และดูแลครอบครัวของพลทหารต่อไป

นายเอกรัตน์ มิสา นายอำเภอยางตลาด กล่าวว่า หลังทราบข่าวการเสียชีวิตของ “น้องสมาร์ท” หรือพลทหารชาญชัย ผดุงโชค ตนและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้เข้ามาให้กำลังใจครอบครัวของน้อง ในส่วนของการจัดสถานที่จัดงานบำเพ็ญกุศลและพิธีพระราชทานเพลิงศพ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และสมเกียรติที่สุด

อย่างไรก็ตามสำหรับศพพลทหารชาญชัย มบ.24 จะรับศพส่งภูมิลำเนาในวันพรุ่งนี้ และกำหนดประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม 2568 ที่ฌาปนสถานบ้านโคกใหญ่ หมู่ 1 ต.บัวบาน อ.ยางตลาด

.

“GARNO” เปิดตัวไวน์ผลไม้สปาร์คกลิ้ง ร่วมฉลองบรรยากาศปีใหม่ด้วยเอกลักษณ์รสชาติแบบไทย

เทศกาลปีใหม่ใกล้เข้ามา หลายแบรนด์เดินหน้าสร้างสีสันรับช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง ล่าสุด “GARNO” ผลิตภัณฑ์ไวน์ผลไม้สปาร์คกลิ้งจากประเทศไทย ได้เปิดตัวสินค้าใหม่ที่โดดเด่นด้วยรสชาติและคาแรกเตอร์แบบไทย เพื่อร่วมเติมบรรยากาศแห่งความสุขในช่วงปลายปีนี้

GARNO นำ ไวน์ผลไม้คุณภาพดี มาผสานกับ ความซาบซ่าของสปาร์คกลิ้งไวน์ จนเกิดเป็นเครื่องดื่มสไตล์ใหม่ที่มีความ เบากว่า ดื่มง่ายกว่า และโดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ของผลไม้เมืองไทย เช่น มะม่วง และ มะพร้าว ที่ถูกตีความให้ร่วมสมัยในแบบกลิ่น–รสที่เข้ากันอย่างลงตัว

แบรนด์ชูจุดยืนว่าเป็นสินค้าที่สะท้อนคาแรกเตอร์ของคนรุ่นใหม่—ผู้ที่รักการเข้าสังคม ชอบความต่าง และมีสไตล์เป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมสังสรรค์ในเมือง ปาร์ตี้ริมทะเล หรือช่วงเวลาพักผ่อนแบบสบาย ๆ GARNO ถูกออกแบบให้เป็น “คู่หูของทุกโมเมนต์” เพื่อสร้างประสบการณ์ที่สนุก สดใหม่ และเต็มไปด้วยความทรงจำ

ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ แบรนด์เดินหน้าสร้างสีสันด้านไลฟ์สไตล์ ด้วยการนำเสนอ คอนเซปต์ “GARNO: The Sparkle of Thailand – ความสุขที่ซาบซ่าในทุกโมเมนต์” พร้อมเตรียมกิจกรรมโปรโมชันและแคมเปญต้อนรับปีใหม่ในหลายช่องทาง เพื่อเชื่อมโยงกับผู้บริโภคที่ต้องการสินค้าที่มีเอกลักษณ์และสะท้อนความเป็นไทยในระดับสากล มีจำหน่ายที่ร้านค้าใกล้บ้าน CJ More, Foodland และ Tops

ทั้งนี้ แม้ผลิตภัณฑ์ไวน์สปาร์คกลิ้งจะได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง แต่การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยังคงต้องอยู่ภายใต้กฎหมายและคำแนะนำด้านความปลอดภัย ผู้ที่มีอายุต่ำกว่าเกณฑ์ตามกฎหมายไม่ควรดื่มหรือซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าว

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่
คุณกิตตน์ปวิธ เจียรนิลกุลชัย
โทร 06-2580-3568

วิสาหกิจชุมชน เกษตรปลอดภัยสูง อ.บ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา

.

“ฉลองคริสต์มาส” ที่ดิเอมเมอรัลด์ ค็อฟฟี่ช็อพราคาโปรโมชั่นสุดพิเศษ

เชิญร่วมฉลองคริสต์มาสอีฟ ค่ำวันที่ 24 ธันวาคม 2568 ด้วย บุฟเฟต์นานาชาติที่มีซูชิพรีเมียมและซีฟู้ด  อาทิ หอยนางรม ปูม้า กุ้งเผา ไก่งวง พาร์มาแฮม ซุปทรัฟเฟิล ซูชิฟัวกราส์ วากิว คานิมิโซะ ฯลฯ รวมเครื่องดื่มน้ำอัดลม ชา-กาแฟ พบลุงซานต้ามาแจกของขวัญและพร้อมให้ถ่ายรูปร่วมกัน ราคาผู้ใหญ่เพียงท่านละ 1,529 บาท เด็ก 650 บาท ระหว่างเวลา 18.00 – 22.00 น. ที่ดิเอมเมอรัลด์ ค็อฟฟี่ช็อพ โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์

โปรโมชั่นพิเศษ!! รับส่วนลด 30% เมื่อสั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 

“ฉลองส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่” ที่ดิเอมเมอรัลด์ ค็อฟฟี่ช็อพ

ขอเชิญท่านมาร่วมส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ค่ำคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ที่ดิเอมเมอรัลด์ ค็อฟฟี่ช็อพ โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์  อิ่มอร่อยกับบุฟเฟต์นานาชาติที่รวมซูชิพรีเมียมและซีฟู้ด ที่ได้คัดสรรเมนูเพื่อมื้อค่ำสุดหรูของคุณ อาทิ ขาปูอลาสกา กั้งกระดาน หอยนางรม ฟัวกราส์ วากิว ขาแกะ เนื้อริปอายฯลฯ และ “ชมโชว์แล่ปลาทูน่าบลูฟินยักษ์”

พร้อมเครื่องดื่มพิเศษให้เลือก 1 แก้วและน้ำอัดลมไม่อั้น เพลิดเพลินกับวงดนตรีเล่นสด เสริมบรรยากาศสนุกสุขสันต์ให้ทุกท่านได้ประทับใจ  แล้วลุ้นรับรางวัลมากมาย ผู้ใหญ่ท่านละ 2,569 บาท เด็ก 1,285 บาท ช่วงนับเวลาถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่ รับปาร์ตี้เซทและเครื่องดื่มพิเศษท่านละ 1 แก้ว

โปรโมชั่นพิเศษ!! รับส่วนลด 30% เมื่อสั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 
***Early Bird จองและชำระก่อนภายในวันที่ 20 ธันวาคม 2568 ผู้ใหญ่เหลือเพียงท่านละ 2,026 บาท เด็ก 1,013 บาทเท่านั้น

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร. 0-2276-4567 หรือไลน์ @theemeraldhotel            และwww.facebook.com/theemeraldcoffeeshop