“ฉลองคริสต์มาส” ที่ดิเอมเมอรัลด์ ค็อฟฟี่ช็อพราคาโปรโมชั่นสุดพิเศษ

เชิญร่วมฉลองคริสต์มาสอีฟ ค่ำวันที่ 24 ธันวาคม 2568 ด้วย บุฟเฟต์นานาชาติที่มีซูชิพรีเมียมและซีฟู้ด  อาทิ หอยนางรม ปูม้า กุ้งเผา ไก่งวง พาร์มาแฮม ซุปทรัฟเฟิล ซูชิฟัวกราส์ วากิว คานิมิโซะ ฯลฯ รวมเครื่องดื่มน้ำอัดลม ชา-กาแฟ พบลุงซานต้ามาแจกของขวัญและพร้อมให้ถ่ายรูปร่วมกัน ราคาผู้ใหญ่เพียงท่านละ 1,529 บาท เด็ก 650 บาท ระหว่างเวลา 18.00 – 22.00 น. ที่ดิเอมเมอรัลด์ ค็อฟฟี่ช็อพ โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์

โปรโมชั่นพิเศษ!! รับส่วนลด 30% เมื่อสั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 

“ฉลองส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่” ที่ดิเอมเมอรัลด์ ค็อฟฟี่ช็อพ

ขอเชิญท่านมาร่วมส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ค่ำคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ที่ดิเอมเมอรัลด์ ค็อฟฟี่ช็อพ โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์  อิ่มอร่อยกับบุฟเฟต์นานาชาติที่รวมซูชิพรีเมียมและซีฟู้ด ที่ได้คัดสรรเมนูเพื่อมื้อค่ำสุดหรูของคุณ อาทิ ขาปูอลาสกา กั้งกระดาน หอยนางรม ฟัวกราส์ วากิว ขาแกะ เนื้อริปอายฯลฯ และ “ชมโชว์แล่ปลาทูน่าบลูฟินยักษ์”

พร้อมเครื่องดื่มพิเศษให้เลือก 1 แก้วและน้ำอัดลมไม่อั้น เพลิดเพลินกับวงดนตรีเล่นสด เสริมบรรยากาศสนุกสุขสันต์ให้ทุกท่านได้ประทับใจ  แล้วลุ้นรับรางวัลมากมาย ผู้ใหญ่ท่านละ 2,569 บาท เด็ก 1,285 บาท ช่วงนับเวลาถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่ รับปาร์ตี้เซทและเครื่องดื่มพิเศษท่านละ 1 แก้ว

โปรโมชั่นพิเศษ!! รับส่วนลด 30% เมื่อสั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 
***Early Bird จองและชำระก่อนภายในวันที่ 20 ธันวาคม 2568 ผู้ใหญ่เหลือเพียงท่านละ 2,026 บาท เด็ก 1,013 บาทเท่านั้น

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร. 0-2276-4567 หรือไลน์ @theemeraldhotel            และwww.facebook.com/theemeraldcoffeeshop

เกษตรกรตรังเลี้ยงแพะ 5 สายพันธุ์ยอดจองล้น-สร้างรายได้มั่นคง อาชีพยั่งยืน

เกษตรกรต้นแบบ “นัฐวุฒิ ปัญจโกวิทย์”เจ้าของฟาร์มแพะบังไน์ ซึ่งเป็นฟาร์มแพะขนาดใหญ่ในพื้นที่หมู่ที่ 5 ตำบลหนองช้างแล่น อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ปัจจุบันเลี้ยงแพะ 5 สายพันธุ์ โดยส่วนหนึ่งมีการนำเข้าพ่อแม่พันธุ์จากต่างประเทศ และส่วนหนึ่งได้จากการพัฒนาสายพันธุ์ด้วยตนเอง (แพะลูกผสม) ทำให้ได้แพะที่แข็งแรง กินเก่ง โตเร็ว น้ำหนักดี ซึ่งดีกว่าแพะสายพันธุ์พื้นเมืองทั่วไป รวมทั้งดูวิธีการจัดการฟาร์มที่ได้มาตรฐานปศุสัตว์ ที่เป็นการเลี้ยงแบบโรงเรือน ปฏิบัติตามระเบียบกรมปศุสัตว์ โดยเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ได้เข้าทำการตรวจเลือดหาเชื้อเป็นระยะๆ ทำประวัติทุกตัว มีใบอนุญาตการเคลื่อนย้าย ทำให้ลูกค้าและผู้บริโภคปลายทางเกิดความปลอดภัย

นัฐวุฒิ บอกว่า  ตนได้ทำฟาร์มเลี้ยงแพะมาตั้งแต่ปี 2561 ที่จังหวัดนนทบุรี ก่อนแต่งงานแล้วย้ายมาอยู่ที่จังหวัดตรัง เมื่อ 2 ปีที่แล้ว แต่ยังคงทำฟาร์มเลี้ยงแพะเรื่อยมา จนล่าสุดมีถึง 300 กว่าตัวแล้ว ใน 5 สายพันธุ์ โดยเฉพาะสายพันธุ์บอร์ ที่นำเข้าพ่อแม่พันธุ์มาจากแอฟริกาใต้ ตัวผู้ราคาเริ่มต้นที่ตัวละ 15,000 บาท ตัวเมีย ราคาเริ่มต้นที่ตัวละ 20,000 บาท นอกจากนั้น ยังมีสายพันธุ์แองโกล สายพันธุ์ลูกผสม สายพันธุ์นูเบียน และสายพันธุ์แคระ (แพะสวยงาม) ซึ่งวันนี้มีตลาดที่ดีมาก และมีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆ สำหรับลูกค้าจะอยู่ในอำเภอต่างๆ ของจังหวัดตรัง เช่น กันตัง ย่านตาขาว ปะเหลียน รวมทั้งจากจังหวัดพัทลุง ที่มีแพะเท่าไหร่ก็เอาหมด โดยมีการสั่งจองตกลงราคาซื้อขายกันล่วงหน้า

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อ 2 ปีที่แล้ว แพะเคยมีราคาตก ทำให้เกษตรกรเลิกเลี้ยงกันไปเยอะ ขณะที่ความต้องการของตลาดไม่ได้ลดลง กระทั่งล่าสุดได้ทำให้ราคาแพะกลับมาสูงขึ้น โดยเฉลี่ยอยู่ที่ กก.ละ 155 บาท ซึ่งปกติลูกแพะเมื่อเลี้ยงไปได้ 3 เดือน จะมีน้ำหนัก 20 กก.กว่าๆ ราคาขายตัวละ 3,000 กว่าบาท แต่หากขุนไปอีก 4 เดือน จะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 35 กก.ขึ้นไป ราคาขายตัวละ 4,600 กว่าบาท ส่วนแพะเมียจะคัดเลือกตัวสมบูรณ์เก็บไว้ขยายพันธุ์ต่อ ขณะที่ตัวที่ไม่สวยงาม ก็จะขุนเป็นแพะเนื้อไว้ขายเช่นกัน โดยราคาขายส่ง แพะตัวเมีย จะอยู่ที่ กก.ละ 130-150 บาท ส่วนแพะตัวผู้ ราคาจะอยู่ที่ กก.ละ 170-180 บาท จึงเป็นราคาที่ดี เป็นโอกาสทองของคนเลี้ยงแพะ

นัฐวุฒิ บอกต่อว่า  สำหรับแม่แพะ ปกติจะคลอดลูกได้คลอกละ 2-3 ตัว จึงเป็นภาระของผู้เลี้ยงที่จะต้องช่วยแม่แพะเลี้ยง โดยการป้อนนมเสริมให้กิน มิเช่นนั้นลูกแพะจะไม่โต จะไม่แข็งแรง อย่างไรก็ตาม หากเป็นแม่แพะตัวที่มีร่างกายสมบูรณ์ จะสามารถนำมาผสมพันธุ์ใหม่ได้ หลังจากคลอดลูกได้ 2 เดือนขึ้นไป โดยสายพันธุ์ที่ทางฟาร์มให้ความสนใจพัฒนามากที่สุดก็คือ สายพันธุ์ลูกผสม เพราะจะโตเร็ว กินเก่ง น้ำหนักดี ซึ่งดีกว่าแพะสายพันธุ์พื้นเมืองทั่วไป ที่มีตัวเล็กกว่าเยอะ พร้อมทั้งผลิตอาหารเสริมที่ทำมาจากวัตถุดิบทางธรรมชาติให้แพะกินเพื่อเพิ่มความสมบูรณ์ ทั้งผิวถั่วเหลือง กากถั่วเหลือง โดยเฉพาะกากเนื้อในปาล์มที่ได้จากโรงงาน ที่นำมาผสมกับทางปาล์มที่หมักไว้ แล้วบดผสมอาหารให้แพะกิน

ทุกวันนี้ตนตั้งใจจะรวบรวมแพะให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น และขยายฟาร์มไปเรื่อยๆ ตามงบประมาณที่มี เพื่อผลิตสินค้าที่มีคุณภาพให้เพียงพอต่อความต้องการ ควบคู่กับการรักษามาตรฐานฟาร์ม จนเป็นฟาร์มปลอดโรค นอกจากนั้น ยังเตรียมการเปิดฟาร์มแพะเป็นคาเฟ่ เพื่อให้ให้เด็กๆ ได้มาเที่ยว ได้มาถ่ายรูปกัน เพราะในจังหวัดตรังยังไม่มีใครทำในแนวนี้ แต่ที่ผ่านมาทางฟาร์มยังไม่พร้อมที่จะรองรับ รวมทั้งการเร่งขยายพันธุ์แพะแคระ เนื่องจากเป็นสายพันธุ์สวยงาม ที่เด็กๆ อยากเข้ามาเที่ยวชมมากที่สุด เกษตรกรที่สนใจอยากศึกษาการจัดการฟาร์ม จะซื้อจะขายแพะ จะซื้อมูลแพะเพื่อนำไปทำปุ๋ยใส่พืชผลการเกษตร สามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทร.(080) 316-1630 หรือเฟซบุ๊ก “ฟาร์มแพะบังไนท์”

โดย…คนิตา สีตอง/ตรัง

เตรียมลงทะเบียน”คนละครึ่ง พลัส”เฟส 2 อีก 10 ล้านสิทธิปลายเดือนธ.ค.นี้

เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.568 นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์หน้า เพื่อขออนุมัติโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” เฟส 2 เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายอย่างต่อเนื่องในปีหน้า โดยคาดว่าจะให้จำนวน 10 ล้านสิทธิ วงเงินคนละ 2,000 บาท เปิดให้ลงทะเบียนในช่วงปลายเดือน ธ.ค. 2568 และเริ่มใช้จ่ายได้ในเดือน ม.ค. 2569 และอีก 5 ล้านสิทธิ ที่เหลือจะเปิดกว้างให้ประชาชนที่เคยเข้าร่วมโครงการแล้ว

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถใช้จ่ายกับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ระหว่างเวลา 06.00-23.00 น. ผ่าน G-Wallet ในแอพพลิเคชั่น “เป๋าตัง” โดยไม่จำเป็นต้องใช้ให้เต็มสิทธิ 200 บาทต่อวัน

คุณสมบัติและเงื่อนไขผู้เข้าร่วมโครงการ คนละครึ่งพลัส

เป็นผู้มีสัญชาติไทย

0 มีอายุตั้งแต่ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน

0 มีบัตรประจำตัวประชาชน

0 ไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐตามฐานข้อมูลของกระทรวงการคลัง ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2568

0 ไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในโครงการของรัฐ ได้แก่ โครงการคนละครึ่ง, โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2, โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3, โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 และโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5

0 ทั้งนี้ หากมีความชัดเจนเกี่ยวกับ การลงทะเบียน “โครงการคนละครึ่งพลัส เฟส 2” ว่า เปิดให้ลงทะเบียนได้เมื่อไรนั้น จะได้รายงานให้ทราบต่อไป

F-16 ถล่มกาสิโนจุ๊บโกกี เปลวเพลิงยักษ์เผาวอดชายแดนไทย-เขมร

กองทัพอากาศไทยเปิดปฏิบัติการ!เครื่องบินรบขับไล่ F-16 บินโจมตีทางอากาศทิ้งระเบิดทำลายกาสิโน ย่านจุ๊บโกกี อำเภอบันเตียอำปึล จังหวัดอุดรมีชัยอย่างแม่นยำ ไฟลุกโชนทั่วพื้นที่

เมื่อวันที่11 ธ.ค.2568 แฟนเพจเฟซบุ๊ก “Army Military Force” โพสต์ภาพพร้อมระบุข้อความว่า “มีรายงานว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา เครื่องบินรบขับไล่ F-16 ของกองทัพอากาศไทย ได้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ โดยทิ้งระเบิดแรงสูงใส่เป้าหมายบ่อนคาสิโน ในย่านจุ๊บโกกี อำเภอบันเตียอำปึล จังหวัดอุดรมีชัยของกัมพูชา

นอกจากนี้ ทหารไทยยังได้ระดมยิงปืนใหญ่สนับสนุนเข้าโจมตีใส่ คลังน้ำมันของกัมพูชา ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการใกล้ๆ กันกับ บ่อนคาสิโนในย่านจุ๊บโกกี ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับจุดผ่อนปรนช่องสายตะกู อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์

การโจมตีนี้มีขึ้นหลังพบว่า บ่อนคาสิโนและคลังน้ำมันดังกล่าวถูกใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติการทางทหารของฝ่ายกัมพูชา ได้แก่ เป็นสถานที่ปล่อยโดรนพลีชีพโจมตีทหารไทย, เป็นคลังเก็บอาวุธหนัก, และเป็นจุดเติมเชื้อเพลิงให้แก่รถยิงจรวด BM-21″

ไทยสูญเสียวีรบุรุษอีก2นาย! “พลทหารชาญชัย-ธนกร”พลีชีพรวม9นาย

จากกรณีศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 สรุปสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา พื้นที่ จ.สระแก้ว ประจำวัน 10 ธ.ค. 68 เวลา 18.00 น. ว่า กกล.บูรพา ปฏิบัติภารกิจปกป้องอธิปไตยในสถานการณ์ความขัดแย้งไทย – กัมพูชา ในปัจจุบัน เป็นวันที่ 3

ขณะเดียวกัน กองทัพภาคที่ 1 รายงานว่า ในพื้นที่บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา หน่วยเฉพาะกิจที่ 11 เข้าปฏิบัติต่อที่หมาย โดยเมื่อ 9 ธ.ค.68 ที่ผ่านมา สามารถยึดและควบคุมพื้นที่ได้บางส่วนนั้น ในวันนี้ถูกต้านทานอย่างหนักจากฝ่ายกัมพูชา โดยเฉพาะอาวุธวิถีโค้ง และจรวดหลายลำกล้อง BM – 21 กว่า 80 นัด ทำให้ไม่สามารถยึดและควบคุมพื้นที่ได้อย่างสมบูรณ์

ล่าสุด วันนี้ (11 ธ.ค.) เพจ “Army Military Force” โพสต์สดุดีทหารกล้าพลีชีพเป็นรายที่ 8 พลทหารชาญชัย ผดุงโชค (น้องสมาร์ท) อายุ 22 ปี กองกำลังรบกองทัพภาคที่ 1 สังกัดกรมทหารราบที่ 112 กองพันทหารราบที่ 3 (ร.112 พัน.3) ตำแหน่งพลยิงปืนกล พลีชีพกลางสมรภูมิบึงตะกวน-บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา จากการถูกกระสุนปืน ค.ฝ่ายกัมพูชาตกใส่

วันเดียวกัน (11 ธ.ค.) แฟนเพจเฟซบุ๊ก Army Military Force โพสต์รูปและเนื้อหาระบุว่า ขอสดุดีทหารกล้าพลีชีพเป็นรายที่ 9 พลทหารธนกร สิงหาชาติ ภูมิลำเนา ต.เม็กดำ อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม สังกัดกองกำลังรบกองทัพภาคที่ 2 กองร้อยทหารราบที่ 211 กองพันทหารราบที่ 21 ตำแหน่งพลยิงลูกระเบิด 40 มม. (M203) พลีชีพกลางสมรภูมิปราสาทตาเมือนธม จากการถูกสะเก็ดกระสุน ปืน ค.ของฝ่ายกัมพูชา

ชัยภูมิเปิดฤดูกาลท่องเที่ยว “หนาวลม ห่มดาว กอดเขา”กระตุ้นท่องเที่ยว-เศรษฐกิจชุมชน

จังหวัดชัยภูมิเปิดยุทธศาสตร์ท่องเที่ยวฤดูหนาวอย่างเป็นทางการ ภายใต้แนวคิด “หนาวลม ห่มดาว กอดเขา ที่ชัยภูมิ” ชูจุดขายด้านวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น ผสานทรัพยากรธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ มุ่งยกระดับจังหวัดสู่เมืองท่องเที่ยวคุณภาพ สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจฐานรากในช่วงไฮซีซัน

เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2568 ที่ ผาหัวนาค อุทยานแห่งชาติภูแลนคา นายอนันต์ นาคนิยม ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เป็นประธานแถลงข่าวเปิดฤดูกาลท่องเที่ยว โดยเน้นการใช้ Soft Power ด้านอัตลักษณ์ท้องถิ่น วิถีชีวิต และความงดงามของภูมิประเทศ เป็นกลไกดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ

บรรยากาศเริ่มต้นด้วยการแสดงวัฒนธรรมชุด “Soft Power ไทคอนสาร” ตามด้วยการแสดงไฮไลท์ “ตีคลีไฟ” ประเพณีเก่าแก่ที่หาชมได้ยาก สร้างความสนใจแก่สื่อมวลชนและผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก

ในการแถลงข่าว ครั้งนี้มีการบูรณาการความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐและท้องถิ่น นำเสนอแหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมประจำพื้นที่ ดังนี้

อำเภอเมือง – น.ส. สุกัญญา กุลสุวรรณ นายอำเภอเมืองชัยภูมิ
ชูเทศกาลสำคัญ ได้แก่
“ตีคลีไฟ”, “ช้างคืนถิ่น กินพาแลง”, และกิจกรรม เคาท์ดาวน์บนมอหินขาว

อำเภอเกษตรสมบูรณ์ – นายเสกสรร สวัสดิ์ศรี
นำเสนอประเพณี “นอนลานตีข้าว” ถ่ายทอดวิถีชีวิตชาวนาไทคอนสาร

อำเภอเทพสถิต – นายวรวิทย์ นามมหานวล
เชิญเที่ยวเทศกาล “ซับสะเลเต” ดินแดนสายหมอก ทุ่งดอกไม้ และลมหนาวบนขุนเขา

อำเภอซับใหญ่ – นายณัฐพศุตม์ โชติจิรศิริกุล
เปิดตัว “ทุ่งคอสมอสใต้ทุ่งกังหันลม” แลนด์มาร์กใหม่สำหรับนักถ่ายภาพ

ด้านการท่องเที่ยวเชิงเศรษฐกิจ
นายจิรศักดิ์ อ่วมอุไร ผอ.ททท.สำนักงานนครราชสีมา
เผยกลยุทธ์เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวศักยภาพสูง พร้อมสร้างอัตลักษณ์สินค้าท้องถิ่น ขณะที่
น.ส.กานต์จรัส เอียดทองใส รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ
ย้ำการพัฒนาของฝากของที่ระลึกเพื่อกระจายรายได้สู่ชุมชน

ด้านทรัพยากรธรรมชาติ
นายเด่น รัตนชัย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูแลนคา
เชิญร่วมกิจกรรม ดูดาว (Dark Sky) และท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในเขตอุทยาน

การแถลงข่าวครั้งนี้จังหวัดมั่นใจว่าฤดูกาลท่องเที่ยวปีนี้จะ สร้างความประทับใจ กระตุ้นรายได้ และต่อยอดภาพลักษณ์ชัยภูมิ ให้เป็นจุดหมายท่องเที่ยวฤดูหนาวระดับประเทศ

“ชัยภูมิไม่ใช่แค่หนาว… แต่เป็นเมืองที่อบอุ่นด้วยวัฒนธรรมและธรรมชาติที่โอบกอดทุกคนที่มาเยือน”
นายอนันต์ นาคนิยม ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ กล่าว

โดย…มัฆวาน  วรรณกุล – อารยา  ผู้สื่อข่าวภูมิภาค

คนชายขอบสระแก้วอพยพหนีภัยสู้รบไทย-เขมร เข้าศูนย์พักพิงปราจีนบุรี 8 แห่งต่อเนื่อง

ปราจีนบุรี – ชาวบ้านจากสระแก้วเริ่มทยอยเข้าศูนย์พักพิงปราจีนฯต่อเนื่องซึ่งศูนย์พักพิง จ.ปราจีนบุรีจัดไว้รวม 8 แห่ง สามารถรองรับประชาชนได้มากกว่า 16,000 คน โดยแต่ละศูนย์รองรับได้ตั้งแต่ 500–2,000 คน พร้อมดูแลแบบครบวงจร ทั้งอาหาร น้ำดื่ม การแพทย์ การรักษาความปลอดภัย ห้องสุขา และพื้นที่ดูแลเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยติดเตียง เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกและปลอดภัยสูงสุด พบน้ำใจความห่วงใยจากชาวบ้านและผู้นำท้องถิ่นท้องที่นำสิ่งของข้าวสารอาหารแห้ง พืชผัก น้ำดื่มสะอาดมาบริจาคให้ผู้อพยพตลอดเวลา

หลังจากบริเวณชายแดนภาคตะวันออกด้านจังหวัดสระแก้ว  มีการยิงกันตามแนวชายแดนระหว่างทหารไทย-กัมพูชา  โดยเฉพาะทาง อ.ตาพระยา  จ.สระแก้ว  ทำให้ประชาชนในพื้นที่ไม่มีความปลอดภัย  ต้องทิ้งบ้านอพยพออกจากบ้านไปที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวในจังหวัดปราจีนบุรีอย่างต่อเนื่อง

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่  ศูนย์พักพิงชั่วคราวในพื้นที่ อ.กบินทร์บุรี  พบชาวบ้านในพื้นที่ อ.ตาพระยา  ได้ขนย้ายทรัพย์สินขึ้นรถไปอาศัยพื้นที่พักพิงชั่วคราว  มีทั้งเด็ก  ผู้สูงอายุ  และผู้ป่วย  เป็นที่พักชั่วคราว  โดยมีทางราชการให้การดูแลที่พักพร้อมอาหาร จำนวน 3 มื้อ  รวมทั้งห้องน้ำ  ห้องสุขา

และทางศูนย์พักพิงเชื่อว่า  หากสถานการณ์ยังไม่ปกติ  จะมีชาวบ้านบริเวณชายแดนอพยพเข้ามาที่ศูนย์มากขึ้น  และจากการสอบถามผู้อพยพต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า  ต้องการให้การสู้รบครั้งนี้จบโดยเร็วและไม่ต้องการให้เขมรมาสู้รบครั้งต่อไปให้จบในรุ่นนี้

นางเพียร สายราม ชาวบ้านโคกสูง กล่าวว่ามาอยู่ที่บ้านญาติที่ตำบลหนองกี่ อ.กบินทร์บุรี ตอนนี้เขาก็ยิงกันอยู่  บางคนยังอยู่ในหลุมหลบภัย  ที่มาที่นี่ เพราะมาบ้านญาติๆรู้สึกปลอดภัย สถานการณ์ที่ชายแดนจากการสอบถามญาติๆ ที่อยู่ทางโน้น  ก็บอกว่ายังมีการยิงกันอยู่   หนองหญ้าแก้ว หนองจาน

ตนอยากให้เอาเขมรให้อยู่เลย  จะได้จบ  ถ้าเอาไม่อยู่ก็ไม่จบ  พวกเขมรเชื่อไม่ได้พูดกันต่อๆว่าคบได้เช้าถึงเพลเท่าเท่านั้น  ครั้งนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะจบไหม  มันก็ยังสู้อยู่   อยากให้จบเร็ว  ๆ  ซัดเขมรให้อยู่เลย

ในขณะนี้  ทางจังหวัดปราจีนบุรี นำโดยนายวีระพันธ์  ดีอ่อน ผวจ.ปราจีนบุรีได้มีการจัดศูนย์พักพิงให้กับราษฎรในพื้นที่ จ.สระแก้วไว้  จำนวน 8  แห่ง ในพื้นที่ อ.ศรีมหาโพธิ  อ.กบินทร์บุรี  อ.นาดี  มีผู้อพยพมาแล้ว  รวม 236 คน  บางส่วนไปพักบ้านญาติในพื้นที่

ซึ่งศูนย์พักพิง จ.ปราจีนบุรีสามารถรองรับประชาชนได้มากกว่า 16,000 คน โดยแต่ละศูนย์รองรับได้ตั้งแต่ 500–2,000 คน พร้อมดูแลแบบครบวงจร ทั้งอาหาร น้ำดื่ม การแพทย์ การรักษาความปลอดภัย ห้องสุขา และพื้นที่ดูแลเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยติดเตียง เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกและปลอดภัยสูงสุด

ซึ่งได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร สาธารณสุข อส. และอาสาสมัครจากทุกภาคส่วน เข้าประจำการตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และลดความกังวลของผู้ประสบเหตุให้มากที่สุด โดยพบว่ามีชาวบ้านและผู้นำท้องถิ่นท้องที่นำสิ่งของข้าวสารอาหารแห้ง พืชผัก น้ำดื่มสะอาดมาบริจาคให้ผู้อพยพตลอดเวลา

นายต้นกล้า แก้วสูงเนิน อดีตทหารเกณฑ์กล่าวว่าอย่าฝากถึงรัฐบาลให้จัดการกับเขมรให้เด็ดขาด และฝากให้กำลังใจทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่แนวชายแดนขอให้จัดการเขมรให้สิ้นซากขอให้มันจบแค่รุ่นเราครับ

โดย… มานิตย์ สนับบุญ-ข่าว/ทองสุข สิงห์พิมพ์-ภาพ/ปราจีนบุรี ###

ชาวบ้านไม่ทน!ร้องหน่วยงานรัฐเร่งตรวจสอบกองภูเขาขยะเพิ่มขึ้นไม่หยุด

ปราจีนบุรี – ชาวบ้านร้องสื่อ! พบกองภูเขาขยะอุตสาหกรรมของกลางทุนจีนเทาของกลางถูกอายัดนำมาลอบทิ้งที่บ้านบุเสี้ยว หมู่ที่ 7 ตำบลบ้านนา  อำเภอกบินทร์บุรี เพิ่มขึ้นเท่าตัวจี้หน่วยงานรัฐตรวจสอบ

นายสุนทร คมคาย ประธานเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน (ทสม.) จังหวัดปราจีนบุรี /ประธานวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ ต.เขาไม้แก้ว /รองประธานกลุ่มสหกรณ์เกษตรอินทรีย์ปราจีนบุและ ว่าที่ผู้สมัคร สส.พรรคประชาชน ได้ร้องทุกข์!ผ่านผู้สื่อข่าว แจ้งว่า   ขอให้ช่วยเป็นสื่อกลางสื่อสารถึงหน่วยงานราชการ/ผู้รับผิดชอบ  ขยะอุตสาหกรรมของกลางในคดีที่ยึดไว้เพื่อการตรวจสอบหลังพบมีการลอบนำมาทิ้ง กลับพบจำนวนขยะอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวเหมือนภูเขาแล้ว

ทั้งนี้ช่วงเย็น เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.68  นายสุนทรได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบของกลางขยะอุตสาหกรรมเป็นประเภทสายไฟฟ้า ที่กองทิ้งไว้จำนวนมากเป็นกองขยะที่ถูกลอบทิ้งที่บ้านบุเสี้ยว หมู่ที่ 7 ตำบลบ้านนา  อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี และได้ถูกเจ้าหน้าที่อายัดเป็นของกลาง ในระหว่างการดำเนินคดี-หาบุคคล/บริษัทฯผู้กระทำความผิดด้วยโดยได้บันทึกคลิปบรรยายสภาพเหตุการณ์รายละเอียดที่ได้พบเห็น และภาพถ่ายประกอบข้อร้องทุกข์ครั้งนี้แนบมาให้พิจารณานำเสนอ

พร้อมได้ทำการเผยแพร่เหตุการณ์นี้สู่สาธารณะ ในเพจเฟชบุ๊คสุนทร คมคาย – Suntorn Komkai โดยโพสต์ภาพ กองภูเขาขยะอุตสาหกรรมที่ลักลอบทิ้งถูกเจ้าหน้าที่อายัดอยู่ระหว่างสอบสวน และระบุข้อความว่า …แอบเข้าไปดูบ่อขยะลักลอบทิ้งเศษสายไฟ หลังวัดเขาน้ำจั้น ตำบลบ้านนา อำเภอกบินทร์บุรี เนื่องจากกังวลว่าอาจจะถูกลักลอบเผาอีก

แต่พบปัญหาสิ่งน่าตกใจมากกว่านั้นคือยังมีขยะใหม่ๆกองอยู่เพิ่มอีกจำนวนมากจากเดิม  บ่อขยะนี้ถูกชาวบ้านร่วมกับฝ่ายปกครองนายอำเภอ อุตสาหกรรมจังหวัดและ สื่อมวลชนนำกำลังเข้าไปจับกุม ได้ทั้งรถทั้งของขณะกระทำความผิด ครบถ้วน

ตอนนี้คดีคืบหน้าแค่ไหน ไม่ทราบได้แต่ที่ทราบแน่ๆคือขบวนการเหล่านี้ยังคงขนขยะสารพิษมาทิ้งแบบไม่สนใคร ขุดดินปนสารพิษไปขายถมที่  โดยไม่สนว่าว่าบ่อนี้กำลังโดนอายัดของกลางไว้ ที่น่ากังวลแบบน่าสะพรึงคือหากขบวนการเหล่านี้เลือกใช้วิธีเผาทิ้งเหมือนสองแห่งที่ผ่านมา

 ขยะสารพิษจำนวนมหาศาลที่สุดในจังหวัดระดับหมื่นตันคงปลดปล่อยมลพิษให้รอบบริเวณสร้างอันตรายแก่สุขภาพพี่น้องเป็นวงกว้างแน่นอน รัฐควรรีบจัดการคดีให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพราะองค์ประกอบหลักฐานครบ หรือจัดขบวนการเฝ้าระวัง อย่าให้เหตุการณ์ซ้ำเติมไปกว่านี้เลย

ชาวบุเสี้ยว  ต้องอยู่บนความหวาดระแวงเหมือนระเบิดเวลาขนาดใหญ่อยู่ใกล้หัวเตียงนอน   ***อุตสาหกรรมจังหวัดคนอายัด   โดนย้ายไปซะไกลถึงนราธิวาส แต่ขยะสารพิษยังกองอยู่ที่เก่ารอเผาหลักฐานทิ้ง แบบชิวชิว  ตอนนี้ขอให้เฝ้าระวังเต็มที่ อย่าให้ปราจีนบุรีเป็นสรวงสวรรค์ของเหล่าจีนเทาเลยครับ สงสารพวกเราเถอะ! …

ทั้งนี้ ในช่วง5วันต่อเนื่องกัน   พบขยะอุตสาหกรรมที่ถูกอายัดในพื้นที่ อ.ศรีมหาโพธิ จำนวนมากที่ถูกลอบเผา  อย่างต่อเนื่อง  คาดเป็นขบวนการทำลายหลักฐานทางคดีตามที่นำเสนอรายละเอียดไปแล้วก่อนหน้านี้  นั้น

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบการลักลอบทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์  ในพื้นที่หมู่ที่ 7 ต.บ้านนา อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรีร่วมกับนายทองไท ยิ่งยงค์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7    พบเป็นบ่อลูกรังเก่า   มีการขุดดินลูกรังลึก3 เมตร  กว้าง5 เมตรและ  ยังพบกองขยะจำพวกขยะอิเล็กทรอนิกส์  จำนวน2กองใหญ่  รวมถึงอยู่ในถุงบิ๊กแบ็คขนาดใหญ่อีก 2 ถุง วางอยู่ใกล้กัน  ซึ่งมีพื้นที่มากกว่า10ไร่  พบมีการฝังกลบขยะอิเล็กทรอนิกส์

นายทองไท ผู้ใหญ่บ้านกล่าวว่า   จากวันที่ได้เคยลงพื้นที่ตรวจสอบมีการลักลอบนำขยะอิเล็กทรอนิกส์มาทิ้งอยู่ในที่ดินของนายไพศาล ศิลาแลง ซึ่งเป็นลูกบ้านพื้นที่ดังกล่าวมีอยู่ประมาณ 10 ไร่  แต่พื้นที่  ที่มีการนำเศษขยะมาทิ้งและฝังกลบ  ราว3ไร่  

ไม่ทราบว่าขยะอุตสาหกรรมใหม่เหล่านี้  ถูกนำมาทิ้งไว้ตอนไหน   เพิ่งทราบเรื่องนี้หลังมีการร้องทุกข์ผ่านสื่อมวลชนดังกล่าว    จะได้ติดตามสอบถามลูกบ้านรายนี้  เพื่อให้ทราบที่มาที่ไป แต่ตอนนี้ลูกบ้านรายดังกล่าว  ได้ย้ายบ้านไปอยู่หมู่ที่ 2 จากนี้จะได้แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นทราบและจะได้รายงานให้นายอำเภอกบินทร์บุรีทราบตามลำดับต่อไปต่อไป

โดย… มานิตย์ สนับบุญ-ข่าว/ทองสุข สิงห์พิมพ์-ภาพ/ปราจีนบุรี  ###

สื่อนอกตีข่าวไทยปะทะเขมรมีผู้อพยพรวมกันแล้วกว่าครึ่งล้านชีวิต

สำนักข่าว เอเอฟพี รายงาน เมื่อวันพุธที่ 10 ธ.ค. 2568 ระบุว่า ประชาชนอพยพหนีการปะทะกันบริเวณชายแดนระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา เพิ่มขึ้นมากกว่า 500,000 คนแล้ว โดยส่วนใหญ่ไปหลบภัยอยู่ตามวัด, โรงเรียน และพื้นที่ปลอดภัยอื่นๆ

เจ้าหน้าที่ระบุว่า การปะทะครั้งล่าสุดนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 14 ศพ ซึ่งรวมถึงทหารไทยและพลเรือนกัมพูชา ขณะที่มีประชาชนมากกว่า 500,000 คน ต้องหลบหนีออกจากพื้นที่ชายแดนที่อยู่ใกล้กับบริเวณที่มีการสู้รบด้วยเครื่องบินขับไล่ รถถัง และโดรน

ผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าว AFP ในเมืองสำโรง ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกัมพูชา รายงานว่า ได้ยินเสียงปืนใหญ่ถูกยิงเข้ามาจากทิศทางของปราสาทเก่าแก่นับศตวรรษในพื้นที่ชายแดนข้อพิพาท เมื่อช่วงเช้าวันพุธ พอถึงช่วงบ่าย ครอบครัวหลายร้อยชีวิตก็ออกจากวัดใกล้เมืองสำโรง ที่พวกเขามาอาศัยตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ระบุว่า มันไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว

ทั้งนี้ ไทยและกัมพูชามีข้อพิพาทเรื่องการปักปันเขตแดนสมัยอาณานิคมตามแนวชายแดนยาว 800 กิโลเมตร ซึ่งการอ้างสิทธิ์เหนือปราสาทโบราณได้ลุกลามกลายเป็นการปะทะกันด้วยอาวุธ

การปะทะกันในสัปดาห์นี้ถือเป็นการต่อสู้ที่นองเลือดที่สุดนับตั้งแต่การสู้รบห้าวันในเดือนกรกฎาคมที่คร่าชีวิตผู้คนไปหลายสิบราย ก่อนจะมีการทำข้อตกลงหยุดยิงที่เปราะบางตามมา หลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เข้าแทรกแซง

ตำรวจรวบโจรใช้ปืนปลอมตะเวนชิงทรัพย์เซเว่นฯปราจีนฯ2คืน4แห่งรวด

ปราจีนบุรี – ตำรวจทำแผนโจรใช้ปืนปลอมชิงทรัพย์เซเว่น 2 คืน 4 แห่งรวด คนก่อเหตุกล่าวอ้างหมดหนทางหลังแม่ป่วยเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเมียป่วยที่บ้านลูกเล็กไม่มีเงินซื้อนมจึงออกตระเวนชิงทรัพย์ตามร้ายสะดวกซื้อ2คืนรวมถึง 4 แห่งก่อนถูกรวบทันควันในค่อนรุ่ง ตร.ระบุคนก่อเหตุชิงทรัพย์เสพยาเสพติดหนักจนมีอาการป่วยจิตเวชนำเงินชิงทรัพย์ได้ไปซื้อยาเสพติด

จากกรณี เมื่อคืนวันที่ 7 ธ.ค.68  มีเหตุคนร้ายขับขี่รถ จยย.สีเขียวสวมหมวกไอ้โม่งใช้อาวุธปืนชิงทรัพย์ สถานที่เกิดเหตุบริเวณร้านสะดวกซื้อตลาดระเบาะไผ่ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ซึ่งไม่ได้ทรัพย์สิน หลังก่อเหตุแล้วหลบหนีไปตามถนนสาย 304

หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ระเบะไผ่ อ.ศรีมหาโพธิ ยังได้รับแจ้งเพิ่มเติมอีกว่า มีคนร้ายในลักษณะเดียวกันชิงทรัพย์ที่ร้านสะดวกซื้อที่บริเวณข้างโรงงานแลตตาซอยอ.ศรีมหาโพธิ ทางเข้าวิทยาลัยเทคนิคบูรพาปราจีน ในพื้นที่ ม.7 ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี  ถนนสายสุวินทวงศ์ (ศรีมหาโพธิ์ – กบินทร์บุรี) หรือสาย  304 ได้ทรัพย์สินเป็นเงินสดจำนวน 2,700 บาท และบุหรี่ยี่ห้อ LM แดงจำนวน 1 คัตตอน บุหรี่ยี่ห้อ Camel จำนวน 1 คัตตอนรวมร้านสะดวกซื้อที่เกิดเหตุถึง 2 ร้าน ในคืนเดียวกัน

ต่อมากลางดึกวันต่อมา ได้รับแจ้งมีคนร้ายขับขี่รถ จยย.ยังคงก่อเหตุลักษณะเดียวกัน ทำการใช้รถจักรยานยนต์ทำการชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้ออีก 2 แห่ง เป็นคืนที่2  รวมก่อเหตุถึง 4 ร้าน เบื้องต้นติดตามจากกล้องวงจรปิดและพยานแวดล้อมอยู่ระหว่างติดตามคนร้ายผู้ต้องสงสัยก่อเหตุ  นั้น

ร.ต.อ.นิคม  สุพ่วง พนักงานสอบสวนฯสภ.ระเบาะไผ่  ได้รับแจ้ง  คนร้ายที่ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้อ 2 คืนติดต่อกัน รวม 4 แห่ง  ในตลาดระเบาะไผ่  อ.ศรีมหาโพธิ กำลังออกจากบ้านเข้าพื้นที่  จึงพร้อมกำลังได้เข้าทำการจับกุมคนร้ายรายนี้ได้เป็นชายวัย 21 ปี ทราบชื่อต่อมาคือนายเสกสรร (สงวนนามสกุล) อุ 21 ปี ชาวตำบลหัวหว้า ออ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ตรงกับที่ได้รับแจ้งใช้รถ จยย.สีเขียวขับขี่ออกจากบ้าน ต.หัวหว้า กำลังออกมาจากบ้านจะทำการจี้ชิงทรัพย์ตามร้านสะดวกซื้อย่านนิคมอุตสาหกรรม อ.ศรีมหาโพธิ

โดยใช้รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวนี้จี้ชิงทรัพย์ได้ควบคุมตัวนำมาสอบสวนที่ห้องสืบสวน สภ.ระเบาะไผ่ เบื้องต้นคนร้ายได้รับสารภาพเป็นคนเดียวกันกับที่ก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้อ 2 คืน 4 รวม 4 แห่งดังกล่าวทั้งหมด โดยใช้ปืนปลอมและรถ จยย.คันเดียวกัน และกล่าวอ้าง สาเหตุก่อเหตุมาจากต้องการเงินรักษาแม่ป่วยเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล เมียป่วยที่บ้าน ลูกเล็กไม่มีเงินซื้อนมจึงออกตระเวนชิงทรัพย์ตามร้ายสะดวกซื้อ 2 คืน รวม ถึง 4 แห่ง รอนำตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพเนื่องจากพ.ต.อ.ฐาปนะ คลอสุวรรณา ผกก.สภ.ระเบาะไผ่  อ.ศรีมหาโพธิไปรายงานตัวรับตำแหน่งกับ ผบก.ภ.จว.ปราจีนบุรี

ต่อมา  พ.ต.อ.ฐาปนะ คลอสุวรรณา ผกก.สภ.ระเบาะไผ่  อ.ศรีมหาโพธิ จว.ปราจีนบุรี แจ้งในวันนี้ ( 8 ธ.ค.) เวลาประมาณ 18.30 น.บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อสถานที่จุดเกิดเหตุคนร้ายชิงทรัพย์เจ้าหน้าที่ฯ จะทำคนร้ายมาแผนประกอบคำรับสารภาพบริเวณตรงเซเว่น 304 แลตตาซอย อ.ศรีมหาโพธิ ต่อไป

ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยการนำของ พ.ต.อ.ฐาปนะ คลอสุวรรณา ผกก.สภ.ระเบาะไผ่ได้นำตัวผู้ต้อองหา  นายนายเสกสรรค์ สะอาดเอี่ยม อายุ 21 ปีภูมิลำเนาอยู่ที่ 128 หมู่ที่ 1 ต.หัวหว้า อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี   มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพคดีที่ใช้ปืนปลอมชิงทรัพย์ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นริมถนนสาย 304 ทางเข้าวิทยาลัยบูรพาปราจีนบุรี ตามลำดับขั้นตอนการก่อเหตุ

โดยหลังทำแผนประกอบคำรับสารภาพ  พ.ต.อ.ฐาปนะ กล่าวว่า  พฤติกรรมของคนร้ายเมื่อกลางดึก วันที่ 7 ธ.ค.68  เวลา 01:20 น.ร.ต.อ.กิตติพงษ์ สีหบุตร รองสารวัตรเรียนสอบสวนสภ.ระเบาะไผ่  ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ว่ามีคนร้ายก่อเหตุใช้อาวุธปืนชิงทรัพย์ที่ร้านเซเว่นริมถนนสาย 304 ทางเข้าวิทยาลัยบูรพาปราจีนบุรี

ลักษณะรูปพรรณคนร้ายเป็นชายไม่ทราบชื่อใส่เสื้อแขนยาวสีดำกางเกงขายาวสีดำสวมถุงมือสีดำใส่รองเท้าแบบสวมสีขาวมีผ้าพันรอบใบหน้าและหมวกนิรภัยปิดทับอีกชั้นหนึ่ง ได้ทรัพย์สินเป็นเงินสดจำนวน 2,700 บาท  และบุหรี่ยี่ห้อแอลเอ็มแดง แดงจำนวนหนึ่ง   แล้วหลบหนีไปโดยใช้ยานพาหนะเป็นรถจักรยานยนต์สีเขียวแม็กล้อสีขาวไม่เห็นแผ่นป้ายทะเบียน 

ต่อมา พ.ต.อ.ฐาปานะ คลอสุวรรณ ผกก.พร้อมชุดสืบสวนได้สืบสวนติดตามคนร้ายและเข้าจุดสกัด  ตามแผนเผชิญเหตุต่อเนื่อง  และติดตามสืบจากกล้องวงจรปิดประกอบพยานแวดล้อมที่คนร้ายเข้าชิงทรัพย์  หลังได้รูปพรรณและยานพาหนะต้องสงสัยคล้ายผู้ป่วยจิตเวชอาการติดยาเสพติดใช้อาวุธปืนปลอมเป็นพลาสติก  ได้วางแผนซุ่มโป่งตามร้านสะดวกซื้อและจุดเสี่ยงในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ที่น่าเชื่อว่าคนร้ายน่าจะกลับมาก่อเหตุซ้ำอีก

จนถึงวันที่ 8 เวลาค่อนรุ่งประมาณ 04.14น.คนร้ายได้มาก่อเหตุพยายามชิงทรัพย์ที่ร้านเซเว่นสาขาระเบาะไผ่  อ.ศรีมหาโพธิ  และ  ขับรถจักรยานยนต์คันก่อเหตุหลบหนีไปโดยไม่ได้ทรัพย์สินไป  

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ซุ่มได้ติดตามไปจับกุมตัวคนร้ายได้ที่ถนนทางหลวงชนบทสาย อบต.หัวหว้า – ถนนสาย304 บริเวณหมู่ที่ 4 ต.หนองโพรง อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พร้อมของกลางเป็นอาวุธปืนปลอมพลาสติกและรถจักรยานยนต์คันที่ใช้ก่อเหตุ ทราบชื่อคนไร้นายเสกสรรค์ สะอาดเอี่ยมอายุ 21 ปี ควบคุมไปสอบสวนฯมีอาการป่วยจิตเวชเนื่องจากเสพยาเสพติดหนักนำเงินไปใช้ซื้อยาเสพติด  

ต่อมาได้ขยายผลสืบสวนสอบสวนหาหลักฐานเพิ่มโดยผู้ต้องหาได้พาเจ้าหน้าที่ไปที่บ้านพักของตนเอง    จึงยึดบุหรี่ที่ชิงทรัพย์ได้มาจากร้านเซเว่น ว่าเป็นของกลางไปดูด   จึงจับกุมตัวพร้อมแจ้งข้อหาให้ทราบชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธปืนนำตัวผู้ต้องหาของกลางส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

โดย…มานิตย์  สนับบุญ -ข่าว / ทองสสุข/ชัชวาล  – ภาพ / ปราจีนบุรี ###