ตำรวจรวบโจรใช้ปืนปลอมตะเวนชิงทรัพย์เซเว่นฯปราจีนฯ2คืน4แห่งรวด

ปราจีนบุรี – ตำรวจทำแผนโจรใช้ปืนปลอมชิงทรัพย์เซเว่น 2 คืน 4 แห่งรวด คนก่อเหตุกล่าวอ้างหมดหนทางหลังแม่ป่วยเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเมียป่วยที่บ้านลูกเล็กไม่มีเงินซื้อนมจึงออกตระเวนชิงทรัพย์ตามร้ายสะดวกซื้อ2คืนรวมถึง 4 แห่งก่อนถูกรวบทันควันในค่อนรุ่ง ตร.ระบุคนก่อเหตุชิงทรัพย์เสพยาเสพติดหนักจนมีอาการป่วยจิตเวชนำเงินชิงทรัพย์ได้ไปซื้อยาเสพติด

จากกรณี เมื่อคืนวันที่ 7 ธ.ค.68  มีเหตุคนร้ายขับขี่รถ จยย.สีเขียวสวมหมวกไอ้โม่งใช้อาวุธปืนชิงทรัพย์ สถานที่เกิดเหตุบริเวณร้านสะดวกซื้อตลาดระเบาะไผ่ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ซึ่งไม่ได้ทรัพย์สิน หลังก่อเหตุแล้วหลบหนีไปตามถนนสาย 304

หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ระเบะไผ่ อ.ศรีมหาโพธิ ยังได้รับแจ้งเพิ่มเติมอีกว่า มีคนร้ายในลักษณะเดียวกันชิงทรัพย์ที่ร้านสะดวกซื้อที่บริเวณข้างโรงงานแลตตาซอยอ.ศรีมหาโพธิ ทางเข้าวิทยาลัยเทคนิคบูรพาปราจีน ในพื้นที่ ม.7 ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี  ถนนสายสุวินทวงศ์ (ศรีมหาโพธิ์ – กบินทร์บุรี) หรือสาย  304 ได้ทรัพย์สินเป็นเงินสดจำนวน 2,700 บาท และบุหรี่ยี่ห้อ LM แดงจำนวน 1 คัตตอน บุหรี่ยี่ห้อ Camel จำนวน 1 คัตตอนรวมร้านสะดวกซื้อที่เกิดเหตุถึง 2 ร้าน ในคืนเดียวกัน

ต่อมากลางดึกวันต่อมา ได้รับแจ้งมีคนร้ายขับขี่รถ จยย.ยังคงก่อเหตุลักษณะเดียวกัน ทำการใช้รถจักรยานยนต์ทำการชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้ออีก 2 แห่ง เป็นคืนที่2  รวมก่อเหตุถึง 4 ร้าน เบื้องต้นติดตามจากกล้องวงจรปิดและพยานแวดล้อมอยู่ระหว่างติดตามคนร้ายผู้ต้องสงสัยก่อเหตุ  นั้น

ร.ต.อ.นิคม  สุพ่วง พนักงานสอบสวนฯสภ.ระเบาะไผ่  ได้รับแจ้ง  คนร้ายที่ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้อ 2 คืนติดต่อกัน รวม 4 แห่ง  ในตลาดระเบาะไผ่  อ.ศรีมหาโพธิ กำลังออกจากบ้านเข้าพื้นที่  จึงพร้อมกำลังได้เข้าทำการจับกุมคนร้ายรายนี้ได้เป็นชายวัย 21 ปี ทราบชื่อต่อมาคือนายเสกสรร (สงวนนามสกุล) อุ 21 ปี ชาวตำบลหัวหว้า ออ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ตรงกับที่ได้รับแจ้งใช้รถ จยย.สีเขียวขับขี่ออกจากบ้าน ต.หัวหว้า กำลังออกมาจากบ้านจะทำการจี้ชิงทรัพย์ตามร้านสะดวกซื้อย่านนิคมอุตสาหกรรม อ.ศรีมหาโพธิ

โดยใช้รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวนี้จี้ชิงทรัพย์ได้ควบคุมตัวนำมาสอบสวนที่ห้องสืบสวน สภ.ระเบาะไผ่ เบื้องต้นคนร้ายได้รับสารภาพเป็นคนเดียวกันกับที่ก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้อ 2 คืน 4 รวม 4 แห่งดังกล่าวทั้งหมด โดยใช้ปืนปลอมและรถ จยย.คันเดียวกัน และกล่าวอ้าง สาเหตุก่อเหตุมาจากต้องการเงินรักษาแม่ป่วยเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล เมียป่วยที่บ้าน ลูกเล็กไม่มีเงินซื้อนมจึงออกตระเวนชิงทรัพย์ตามร้ายสะดวกซื้อ 2 คืน รวม ถึง 4 แห่ง รอนำตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพเนื่องจากพ.ต.อ.ฐาปนะ คลอสุวรรณา ผกก.สภ.ระเบาะไผ่  อ.ศรีมหาโพธิไปรายงานตัวรับตำแหน่งกับ ผบก.ภ.จว.ปราจีนบุรี

ต่อมา  พ.ต.อ.ฐาปนะ คลอสุวรรณา ผกก.สภ.ระเบาะไผ่  อ.ศรีมหาโพธิ จว.ปราจีนบุรี แจ้งในวันนี้ ( 8 ธ.ค.) เวลาประมาณ 18.30 น.บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อสถานที่จุดเกิดเหตุคนร้ายชิงทรัพย์เจ้าหน้าที่ฯ จะทำคนร้ายมาแผนประกอบคำรับสารภาพบริเวณตรงเซเว่น 304 แลตตาซอย อ.ศรีมหาโพธิ ต่อไป

ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยการนำของ พ.ต.อ.ฐาปนะ คลอสุวรรณา ผกก.สภ.ระเบาะไผ่ได้นำตัวผู้ต้อองหา  นายนายเสกสรรค์ สะอาดเอี่ยม อายุ 21 ปีภูมิลำเนาอยู่ที่ 128 หมู่ที่ 1 ต.หัวหว้า อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี   มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพคดีที่ใช้ปืนปลอมชิงทรัพย์ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นริมถนนสาย 304 ทางเข้าวิทยาลัยบูรพาปราจีนบุรี ตามลำดับขั้นตอนการก่อเหตุ

โดยหลังทำแผนประกอบคำรับสารภาพ  พ.ต.อ.ฐาปนะ กล่าวว่า  พฤติกรรมของคนร้ายเมื่อกลางดึก วันที่ 7 ธ.ค.68  เวลา 01:20 น.ร.ต.อ.กิตติพงษ์ สีหบุตร รองสารวัตรเรียนสอบสวนสภ.ระเบาะไผ่  ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ว่ามีคนร้ายก่อเหตุใช้อาวุธปืนชิงทรัพย์ที่ร้านเซเว่นริมถนนสาย 304 ทางเข้าวิทยาลัยบูรพาปราจีนบุรี

ลักษณะรูปพรรณคนร้ายเป็นชายไม่ทราบชื่อใส่เสื้อแขนยาวสีดำกางเกงขายาวสีดำสวมถุงมือสีดำใส่รองเท้าแบบสวมสีขาวมีผ้าพันรอบใบหน้าและหมวกนิรภัยปิดทับอีกชั้นหนึ่ง ได้ทรัพย์สินเป็นเงินสดจำนวน 2,700 บาท  และบุหรี่ยี่ห้อแอลเอ็มแดง แดงจำนวนหนึ่ง   แล้วหลบหนีไปโดยใช้ยานพาหนะเป็นรถจักรยานยนต์สีเขียวแม็กล้อสีขาวไม่เห็นแผ่นป้ายทะเบียน 

ต่อมา พ.ต.อ.ฐาปานะ คลอสุวรรณ ผกก.พร้อมชุดสืบสวนได้สืบสวนติดตามคนร้ายและเข้าจุดสกัด  ตามแผนเผชิญเหตุต่อเนื่อง  และติดตามสืบจากกล้องวงจรปิดประกอบพยานแวดล้อมที่คนร้ายเข้าชิงทรัพย์  หลังได้รูปพรรณและยานพาหนะต้องสงสัยคล้ายผู้ป่วยจิตเวชอาการติดยาเสพติดใช้อาวุธปืนปลอมเป็นพลาสติก  ได้วางแผนซุ่มโป่งตามร้านสะดวกซื้อและจุดเสี่ยงในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ที่น่าเชื่อว่าคนร้ายน่าจะกลับมาก่อเหตุซ้ำอีก

จนถึงวันที่ 8 เวลาค่อนรุ่งประมาณ 04.14น.คนร้ายได้มาก่อเหตุพยายามชิงทรัพย์ที่ร้านเซเว่นสาขาระเบาะไผ่  อ.ศรีมหาโพธิ  และ  ขับรถจักรยานยนต์คันก่อเหตุหลบหนีไปโดยไม่ได้ทรัพย์สินไป  

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ซุ่มได้ติดตามไปจับกุมตัวคนร้ายได้ที่ถนนทางหลวงชนบทสาย อบต.หัวหว้า – ถนนสาย304 บริเวณหมู่ที่ 4 ต.หนองโพรง อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พร้อมของกลางเป็นอาวุธปืนปลอมพลาสติกและรถจักรยานยนต์คันที่ใช้ก่อเหตุ ทราบชื่อคนไร้นายเสกสรรค์ สะอาดเอี่ยมอายุ 21 ปี ควบคุมไปสอบสวนฯมีอาการป่วยจิตเวชเนื่องจากเสพยาเสพติดหนักนำเงินไปใช้ซื้อยาเสพติด  

ต่อมาได้ขยายผลสืบสวนสอบสวนหาหลักฐานเพิ่มโดยผู้ต้องหาได้พาเจ้าหน้าที่ไปที่บ้านพักของตนเอง    จึงยึดบุหรี่ที่ชิงทรัพย์ได้มาจากร้านเซเว่น ว่าเป็นของกลางไปดูด   จึงจับกุมตัวพร้อมแจ้งข้อหาให้ทราบชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธปืนนำตัวผู้ต้องหาของกลางส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

โดย…มานิตย์  สนับบุญ -ข่าว / ทองสสุข/ชัชวาล  – ภาพ / ปราจีนบุรี ###

ทสม.ปราจีนบุรีร้องทุกข์!นายทุนลักลอบทิ้งขยะอุตสาหกรรมกองเป็นภูเขา

ปราจีนบุรี-ชาวบ้านร้องทุกข์!ผ่านสื่อลงพื้นที่ตรวจขยะอุตสาหกรรมของกลางเพื่อตรวจสอบในคดีที่ลอบทิ้งและถูกอายัดกลับพบว่ากองขยะอุตสาหกรรมงอกเพิ่มขึ้นทวีจำนวนมากกว่าเก่าอีกเท่าตัวเป็นภูเขาขยะ!ไปแล้วชี้ล่าสุดอุตสาหกรรมจังหวัดปราจีนบุรีคนเก่าที่อายัดของกลางคดีนี้ถูกย้ายไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ ยังพบว่าของกลางในคดีลอบทิ้งขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ อ.ศรีมหาโพธิ ที่มีการอายัดได้มีเพลิงไหม้ต่อเนื่องกันใน3 – 4 วันที่ผ่านมาด้วย

นายสุนทร คมคาย ประธานเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน (ทสม.) จังหวัดปราจีนบุรี /ประธานวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ ต.เขาไม้แก้ว /รองประธานกลุ่มสหกรณ์เกษตรอินทรีย์ปราจีนบุและ ว่าที่ผู้สมัคร สส.พรรคประชาชน ได้ร้องทุกข์!ผ่านผู้สื่อข่าวจ.ปราจีนบุรี ว่า   ขอให้ช่วยเป็นสื่อกลางสื่อสารถึงหน่วยงานราชการ/ผู้รับผิดชอบ  ขยะอุตสาหกรรมของกลางในคดีที่ยึดไว้เพื่อการตรวจสอบหลังพบมีการลอบนำมาทิ้ง กลับพบจำนวนขยะอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวเหมือนภูเขาแล้ว

ทั้งนี้ช่วงเย็น เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.68  ตนเองได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบของกลางขยะอุตสาหกรรมเป็นประเภทสายไฟฟ้า ที่กองทิ้งไว้จำนวนมากเป็นกองขยะที่ถูกลอบทิ้งที่บ้านบุเสี้ยว ตำบลบ้านนา  อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี และได้ถูกเจ้าหน้าที่อายัดเป็นของกลาง ในระหว่างการดำเนินคดี-หาบุคคล/บริษัทฯผู้กระทำความผิดด้วยโดยได้บันทึกคลิปบรรยายสภาพเหตุการณ์รายละเอียดที่ได้พบเห็น และภาพถ่ายประกอบข้อร้องทุกข์ครั้งนี้แนบมาให้พิจารณานำเสนอด้วย นายสุนทรกล่าว

พร้อมพบในเพจเฟชบุ๊คสุนทร คมคาย – Suntorn Komkai ได้โพสต์ภาพ กองภูเขาขยะอุตสหกรรมที่ลักลอบทิ้งถูกเจ้าหน้าที่อายัดอยู่ระหว่างสอบสวน พร้อมระบุข้อความว่า …

… แอบเข้าไปดูบ่อขยะลักลอบทิ้งเศษสายไฟ หลังวัดเขาน้ำจั้น ตำบลบ้านนาอำเภอกบินทร์บุรีเนื่องจากกังวลว่าอาจจะถูกลักลอบเผาอีก แต่พบปัญหาสิ่งน่าตกใจมากกว่านั้นคือยังมีขยะใหม่ๆกองอยู่เพิ่มอีกจำนวนมากจากเดิม 

 บ่อขยะนี้ถูกชาวบ้านร่วมกับฝ่ายปกครองนายอำเภอ อุตสาหกรรมจังหวัดและสื่อมวลชนนำกำลังเข้าไปจับกุมได้ทั้งรถทั้งของขณะกระทำความผิด ครบถ้วน

 ตอนนี้คดีคืบหน้าแค่ไหน ไม่ทราบได้แต่ที่ทราบแน่ๆคือขบวนการเหล่านี้ยังคงขนขยะสารพิษมาทิ้งแบบไม่สนใคร ขุดดินปนสารพิษไปขายถมที่  โดยไม่สนว่าว่าบ่อนี้กำลังโดนอายัดของกลางไว้ 

 ที่น่ากังวลแบบน่าสะพรึงคือหากขบวนการเหล่านี้เลือกใช้วิธีเผาทิ้งเหมือนสองแห่งที่ผ่านมา ขยะสารพิษจำนวนมหาศาลที่สุดในจังหวัดระดับหมื่นตันคงปลดปล่อยมลพิษให้รอบบริเวณสร้างอันตรายแก่สุขภาพพี่น้องเป็นวงกว้างแน่นอน

  รัฐควรรีบจัดการคดีให้แล้วเสร็จโดยเร็วเพราะองค์ประกอบหลักฐานครบ หรือจัดขบวนการเฝ้าระวัง อย่าให้เหตุการณ์ซ้ำเติมไปกว่านี้เลย

 ชาวบุเสี้ยวต้องอยู่บนความหวาดระแวงเหมือนระเบิดเวลาขนาดใหญ่อยู่ใกล้หัวเตียงนอน   ***อุตสาหกรรมจังหวัดคนอายัด   โดนย้ายไปซะไกลถึงนราธิวาส แต่ขยะสารพิษยังกองอยู่ที่เก่ารอเผาหลักฐานทิ้ง แบบชิวชิว……..  ตอนนี้ขอให้เฝ้าระวังเต็มที่ อย่าให้ปราจีนบุรีเป็นสรวงสวรรค์ของเหล่าจีนเทาเลยครับ สงสารพวกเราเถอะ! …

 ทั้งนี้ ในช่วง5วันต่อเนื่องกัน   พบขยะอุตสาหกรรมที่ถูกอายัดในพื้นที่ อ.ศรีมหาโพธิ จำนวนมากที่ถูกลอบเผา  อย่างต่อเนื่องคาดเป็นขบวนการทำลายหลักฐานทางคดี

โดย… มานิตย์  สนับบุญ  / ปราจีนบุรี ###

เที่ยวสุดฟิน!มนต์เสน่ห์“น้ำตกจีเคซี”สูดโอโซนบริสุทธิ์สัมผัสธรรมชาติอุ้งผาง

ตาก-“น้ำตกจีเคซี” (GKC Waterfall)  แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติขนาดเล็ก ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์  บ้านเซปะหละ ต.แม่ละมุ้ง  อ.อุ้มผาง

ที่บ้านเซปะหละ ต.แม่ละมุ้ง อ.อุ้มผาง จ.ตาก แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติขนาดเล็ก ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อย่าง น้ำตกจีเคซี (GKC Waterfall) กำลังได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งในพื้นที่และผู้ที่เดินทางมาเยือนอุ้มผาง หลังชุมชนร่วมกันประชาสัมพันธ์และปรับเส้นทางให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น

น้ำตกจีเคซี (GKC Waterfall) ตั้งอยู่ใกล้กับหมู่บ้านเซปะหละ สามารถเดินเท้าเข้าไปได้สะดวก ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที นักท่องเที่ยวจะพบกับธารน้ำไหลลดหลั่นลงมาตามชั้นหินท่ามกลางป่าเขาเขียวขจี บรรยากาศเงียบสงบ มีความเป็นธรรมชาติอย่างสมบูรณ์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพักผ่อน สูดอากาศบริสุทธิ์ และหลีกหนีความวุ่นวายในตัวเมือง แม้น้ำตกจะมีขนาดไม่ใหญ่

แต่ด้วยความบริสุทธิ์ของธรรมชาติ จึงกลายเป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยมของผู้มาเยือนการเดินทางมายังบ้านเซปะหละจากตัวอำเภออุ้มผาง มีระยะทางประมาณ 29 กิโลเมตร เส้นทางเป็นถนนลาดยางตลอดสาย ทำให้รถยนต์ส่วนบุคคลหรือรถเก๋งสามารถเดินทางได้อย่างสะดวก เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว นักเดินทางสายธรรมชาติ หรือผู้ที่ต้องการแวะชม

นอกจากน้ำตกจีเคซีแล้ว ในพื้นที่ยังมี จุดชมทะเลหมอกบ้านปะหละทะ ซึ่งเป็นมุมมองทะเลหมอกในระยะใกล้ เพียงไม่กี่กิโลเมตรจากน้ำตก โดยสามารถชมได้ในช่วงเช้าตั้งแต่เวลา 06.00–09.00 น. นักท่องเที่ยวต้องใช้รถ ขับเคลื่อน 4 ล้อ (โฟร์วีล) เพื่อขึ้นสู่จุดชมทะเลหมอก จุดชมวิวหลู่โค๊ะผะทอ  เนื่องจากเส้นทางเป็นถนนลูกรังและลาดชันบางช่วง ก่อนจะต้องเดินเท้าอีกระยะหนึ่งเพื่อเข้าจุดชมวิวบนสันเขา ซึ่งสามารถมองเห็นทะเลหมอกปกคลุมเหนือยอดไม้และหุบเขาอย่างสวยงาม

แหล่งท่องเที่ยวชุมชนให้เป็นอีกหนึ่งจุดหมายทางเลือกของอำเภออุ้มผาง โดยเน้นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ให้คนในพื้นที่มีส่วนร่วมและสร้างรายได้เสริมแก่ครัวเรือน และชุมชน ในหมู่บ้าน ยังมีของฝากเสื้อกระเหรี่ยง ปะกาเกอญอ เสื้อพื้นเมืองของชุมชนชาวกะเหรี่ยง สวยงามมาก

ขณะนี้ อ.อุ้มผาง กำลังอยู่ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวธรรมชาติ ช่วงไฮซีซั่น  นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาสัมผัสความงดงามของแผ่นดินดอยฟ้า ดอยหัวหมด หรือน้ำตกทีลอซู สามารถแวะเพิ่มประสบการณ์ใกล้ชุมชนได้ที่บ้านเซปะหละ ซึ่งมีทั้งน้ำตกจีเคซีอันเงียบสงบ และทะเลหมอกบ้านปะหละทะ ที่กำลังเป็นจุดเช็กอินแห่งใหม่

นายธวัช บุญสูงเนิน นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจาก จ.สมุทรปราการ มากับเพื่อน  ตามคำแนะนำจากเพื่อน ๆโดย.ในวันนี้  น.ส.เดือนรุ่ง โพธิ์เนียม และเพื่อนๆ เดินทาง มาเที่ยวงานแผ่นดินดอยลอยฟ้า และชมทะเลหมอก และไปเที่ยว น้ำตกทีลอซู วันนี้มาแวะ ชมทะเลหมอก และเที่ยวน้ำตกแห่งนี้ สวยงามมาก ถึงจะเป็นน้ำตกขนาดเล็ก แต่ติดกับหมู่บ้าน ติดถนนลาดยาง เดินทางมาสะดวกสบายมาก

เชิญชวนผู้ที่เดินทางมาเที่ยวอุ้มผาง แวะมาสัมผัสความสวยงามของน้ำตกเล็ก ๆ แห่งนี้ พร้อมสนับสนุนการท่องเที่ยวโดยชุมชน อยากให้มาสัมผัสด้วยตนเองรับรอง แล้วจะชอบใจ และใครๆถ้ามีโอกาส  ก็จะแวะมาเที่ยวน้ำตกแห่งนี้ อีกอย่างแน่นอน

ตราดปะทะเดือด เขมรยิงปืน ค.กระสุน 5 ลูกตกกลางถนนหมู่บ้าน ต.ชำราก

ชายแดนตราดยังปะทะเดือด ฉก.นย.ตราด ระดมยิงปืนใหญ่ทำลายจุดยุทธศาสตร์ทางทหารของกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง ขณะกัมพูชายิงกระสุนปืน ค.ตก 5 ลูกตกกลางถนนใน ต.ชำราก จนต้องเร่งอพยพชาวบ้านเข้าศูนย์​พักพิง

เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.2568 เวลา 17:35 น.​ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์​ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.ตราด ว่ายังคงมีการปะทะกันอย่างดุเดือด โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด ได้ระดมยิงปืนใหญ่ทำลายจุดยุทธศาสตร์ทางทหารของกัมพูชา ตั้งแต่เวลา 15.30- 16.30 น. หลังตรวจพบว่า ฝ่ายกัมพูชา ได้เสริมกำลังอาวุธหนักเข้ามาประชิดพื้นที่ชายแดนตราด

โดยทหารไทย ได้ยิงปืนใหญ่กว่า 20 นัด ส่วนทหารกัมพูชา ได้ยิงปืนใหญ่และกระสุนปืน ค.เข้ามาตกในพื้นที่ ต.ชำราก จำนวน 5 ลูก

นายโยธิน อภิบาลศรี ผู้ใหญ่บ้าน ม. 2 ต.ชำราก ยืนยันว่ากัมพูชา ได้ยิงปืนใหญ่และปืนคอเข้ามายังฝั่งพื้นที่ชายแดนตราด จนตกลงมาในพื้นที่หมู่บ้านและบนถนน เบื้องต้นยังไม่มีผู้บาดเจ็บ และล่าสุดได้สั่งการให้ผู้ที่ยังไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่เร่งเข้าไปอยู่ในศูนย์​พักพิง​โดยทันทีแล้ว

นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ยังได้สั่งปิดถนนบริเวณหมู่บ้านและห้ามไม่ให้มีการเข้าออกในพื้นที่ที่มีการปะทะโดยเด็ดขาด ส่วนทหารนาวิกโยธินตราด ซึ่งตั้งด่านอยู่ที่บ้านเนินสูง ได้ทำการปิดถนนสุขุมวิทไม่ให้ประชาชนและรถยนต์เดินทางไปยังพื้นที่ อ.คลองใหญ่ เนื่องจากเกรงว่าจะได้รับอันตรายจากการปะทะ

อย่างไรก็ตามประชาชนใน ต.ท่าพริก ต.เนินทราย และต.วังกระแจะ รวมทั้งในเขตเทศบาลเมืองตราด เผยว่าได้ยินเสียงปืนใหญ่อย่างชัดเจนและขณะนี้ได้พากันเข้าไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัยแล้ว

ด้าน นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายสาธิต ปิตุเตชะ ได้เดินทางมาให้กำลังผู้อพยพในศูนย์พักพิงแห่งหนึ่ง และได้สอบถามปัญหารวมทั้งให้กำลังกับชาวบ้านทุกคนระหว่างเดินทางมาที่ร่วมงานสอดพระอภิธรรมมารดาของนายธีระ สลักเพชร อดีต สส.ตราด 5 สมัย ที่ จ.ตราดด้วย

“เมธาสิทธิ์-วิภาวี” กอดคอคว้า 2 ทองเสือภูเขาดาวน์ฮิลทำผลงานได้ตามเป้า

“สองล้อ” ประเดิมสวย “เมธาสิทธิ์ บุญเสน่ห์” และ “วิภาวี ดีคาบาเลส” ทำผลงานได้อย่างสุดยอด กอดคอกันคว้า 2 เหรียญทองเสือภูเขาดาวน์ฮิลชาย-หญิง และได้อีก 1 เหรียญทองแดงจาก “กนกรัตน์ ฤทธิเดช” ด้าน “เสธ.หมึก” ปลื้มใจนักกีฬาทำได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ พร้อมให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลังทุกอย่าง เพื่อให้นักกีฬาประสบความสำเร็จและสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยต่อไป

การแข่งขันจักรยานกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ประเดิมชิง 2 เหรียญทองจากประเภทเสือภูเขา รายการดาวน์ฮิลชาย และดาวน์ฮิลหญิง เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ที่สวนสัตว์เปิดเขาเขียว จังหวัดชลบุรี โดยได้รับเกียรติจาก ดาโต๊ะอมาจิต ซิงห์ กิล ประธานสมาพันธ์จักรยานแห่งเอเชีย (ACC) พร้อมด้วย “เสธ.หมึก” พลเอกเดชา เหมกระศรี รองประธานสมาพันธ์จักรยานแห่งเอเชีย (ACC), ประธานสหพันธ์จักรยานแห่งอาเซียน (ACF) และนายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์, นายณรงวิทย์ ชดช้อย ผู้อำนวยการสวนสัตว์เปิดเขาเขียว พร้อมด้วยแฟน ๆ กีฬาจักรยานที่เข้ามาร่วมเชียร์จำนวนมาก

การแข่งขันรายการดาวน์ฮิลชาย ผลปรากฏว่า “เบส” อส.ทพ.เมธาสิทธิ์ บุญเสน่ห์ เจ้าของแชมป์เอเชีย 4 สมัย ไม่ทำให้แฟน ๆ กีฬาชาวไทยผิดหวัง โชว์ฟอร์มสุดยอดปั่นเข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 1 ด้วยเวลา 2.37.856 นาที คว้าเหรียญทองไปครองตามคาด ส่วนเหรียญเงินเป็นของ เรนดี้ วาเรรา ซานจายา นักปั่นจากอินโดนีเซีย เวลา 2.38.714 นาที และเหรียญทองแดง จอห์น เดอริค ฟาร์ จากฟิลิปปินส์ เวลา 2.43.676 นาที สำหรับเมธาสิทธิ์ลงแข่งขันกีฬาซีเกมส์เป็นครั้งที่ 3 และคว้าเหรียญทองได้ทั้ง 3 ครั้ง โดยกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่ประเทศเวียดนาม ได้เหรียญทองรายการดาวน์ฮิลชาย, ซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กัมพูชา ได้เหรียญทองรายการอิลิมิเนเตอร์ และครั้งนี้เป็นเหรียญทองดาวน์ฮิลเหรียญที่ 2 ของเมธาสิทธิ์

ดาวน์ฮิลหญิง “เพ็ชร์” จ.อ.หญิง วิภาวี ดีคาบาเลส เจ้าของแชมป์เอเชีย 9 สมัย ก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน โดยทำเวลามาเป็นอันดับ 1 ด้วยเวลา 3.03.299 นาที ส่วนเหรียญเงินเป็นของ ริสกา อามีเลีย อากุสตินา จากอินโดนีเซีย 3.04.874 นาที และเหรียญทองแดง “ชมพู่” น.ส.กนกรัตน์ ฤทธิเดช ซึ่งลงแข่งขันกีฬาซีเกมส์เป็นครั้งแรก ส่วนวิภาวีเคยได้เหรียญทองดาวน์ฮิลหญิงในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 27 ที่ประเทศเมียนมา สรุปทีมสองล้อไทยประเดิมชิงชัยวันแรกคว้ามา 2 เหรียญทอง 1 เหรียญทองแดง โดยยังเหลือการแข่งขันอีก 1 เหรียญทองจากรายการจากอิลิมิเนเตอร์ชาย ในวันที่ 11 ธันวาคม เริ่มเวลา 09.00 น.

หลังการแข่งขัน พลเอกเดชา กล่าวว่า ผลการแข่งขันวันนี้เป็นไปตามเป้าหมายคือ 2 เหรียญทอง ต้องขอขอบคุณนักกีฬาและสตาฟฟ์โค้ชทุกคนที่ได้ทุ่มเทเก็บตัวฝึกซ้อมร่วมกันมาเกือบ 1 ปี จนประสบความสำเร็จในการคว้าเหรียญทอง นักกีฬาก็ได้สวมหัวใจสิงห์สู้อย่างเต็มที่ ส่วนตนเองเป็นเพียงผู้ให้กำลังใจและให้การสนับสนุนพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นการสำรองจ่ายเรื่องเบี้ยเลี้ยงไปก่อน เรื่องที่พัก อาหารการกิน รวมถึงอุปกรณ์การแข่งขันต่าง ๆ ที่สมาคมฯ ดูแลให้นักกีฬาก่อนแข่งขันเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจ ซึ่งตนได้สอบถามเมธาสิทธิ์และวิภาวีหลังจากแข่งขันรอบคัดเลือกเมื่อวันก่อน ทั้ง 2 คนต่างยืนยันว่าจะคว้าเหรียญทอง เพื่อสร้างชื่อเสียงให้แก่สมาคมกีฬาจักรยานฯ และประเทศไทยให้ได้ และทั้ง 2 คนก็ทำสำเร็จอย่างที่พูด รวมถึงกนกรัตน์ที่ลงแข่งซีเกมส์ครั้งแรกก็คว้าเหรียญทองแดงมาได้

พลเอกเดชา กล่าวว่า สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งสมาคมกีฬาจักรยานฯ ได้นำวิทยาศาสตร์การกีฬามาใช้ทุกแขนง โดยมี พลตรี นายแพทย์ภูษิต เฟื่องฟู อุปนายกสมาคมฯ ฝ่ายแพทย์เป็นหัวหน้าทีมนำนักวิทยาศาสตร์การกีฬามาดูแลนักกีฬาทุกคน รวมถึงเรามีนักกายภาพบำบัดเข้ามาช่วยดูแลนักปั่นที่มีอาการบาดเจ็บให้สภาพร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น และต้องขอชื่นชมนักกีฬาจักรยานทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ทุกคนอยู่ในระเบียบวินัยและเชื่อฟังโค้ช ไม่ออกนอกลู่นอกทาง ตั้งใจฝึกซ้อมอย่างเต็มที่ จนประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย ซึ่งสมาคมฯ พร้อมให้การสนับสนุนทุกอย่างเพื่อให้นักกีฬาสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยต่อไป สำหรับนักกีฬาจักรยานเสือภูเขาชุดนี้หลังจากเสร็จสิ้นกีฬาซีเกมส์แล้วก็จะเตรียมตัวเพื่อไปแข่งขันจักรยานเสือภูเขารายการใหญ่ “ยูซีไอ เมาเท่นไบค์ เวิลด์ คัพ” ที่ประเทศเกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 1-3 พฤษภาคม 2569

ด้าน “เบส” เมธาสิทธิ์ กล่าวว่า ดีใจมากที่คว้าเหรียญทองมาได้ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพตนสามารถคว้าเหรียญทองมาฝากคนไทยได้สำเร็จ โดยจะขอมอบเหรียญทองนี้ให้คนไทยทุกคน วันนี้ตนได้สู้อย่างเต็มที่ หลังจากนี้ก็จะทำผลงานในการแข่งขันรายการต่าง ๆ ให้ดีที่สุด และจะพยายามคว้าเหรียญรางวัลมาให้ได้ทุกรายการ

ส่วน “เพ็ชร์” วิภาวี กล่าวว่า ขอขอบคุณคนไทยทุกคนที่มาเชียร์พวกเรากันเยอะมาก ขอขอบคุณ พลเอกเดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทยฯ วันนี้ตนเองทำสำเร็จแล้วในการคว้าเหรียญทอง พวกเรามีขวัญและกำลังใจจากการที่ท่านนายกสมาคมฯ ดูแลพวกเราอย่างเต็มที่ ทั้งที่พัก อาหาร เบี้ยเลี้ยง อุปกรณ์ อะไหล่รถจักรยาน ไม่มีอะไรขาดตกบกพร่อง หลังจากนี้หากท่านนายกและสตาฟฟ์โค้ชยังไว้วางใจให้ตนรับใช้ชาติต่อตนก็จะสู้อย่างเต็มที่ แม้อายุจะเพิ่มมากขึ้นทุกอย่างลดลงทั้งพละกำลังและสภาพร่างกาย แต่มีพลังใจที่ไม่เคยหมดก็จะขอสู้เพื่อพี่น้องชาวไทยต่อไป

ขณะที่ จ.อ.เสรี เรืองศิริ หัวหน้าผู้ฝึกสอนจักรยานเสือภูเขาทีมชาติไทย กล่าวว่า การแข่งขันวันนี้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่พลเอกเดชา เหมกระศรี ท่านนายกสมาคมฯ ตั้งเอาไว้คือ 2 เหรียญทอง และมีแถมมาอีก 1 เหรียญทองแดง สิ่งที่เห็นได้ชัดคือนักกีฬาของไทยมีการพัฒนาขึ้น โดยเฉพาะนักกีฬาดาวรุ่งที่ขึ้นมาแข่งกับรุ่นพี่ ๆ ได้สูสี ขอขอบคุณผู้ที่ให้การสนับสนุนพวกเราอยู่เบื้องหลังทุกท่านทุกหน่วยงาน ขอบคุณท่านพลเอกเดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทยฯ ที่สนับสนุนทุกอย่าง, รวมทั้งสวนสัตว์เปิดเขาเขียวที่เอื้อเฟื้อสถานที่ ภาคเอกชนต่าง ๆ ที่สนับสนุนในการทำสนามให้เสร็จสมบูรณ์เป็นสนามที่สวยงาม

สำหรับโปรแกรมการแข่งขันจักรยานประเภทเสือภูเขา กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ณ สวนสัตว์เปิดเขาเขียว จังหวัดชลบุรี วันที่ 11 ธันวาคม ชิง 1 เหรียญทอง จากรายการอิลิมิเนเตอร์ชาย เริ่มเวลา 09.00-10.30 น.

“ไทย” คว้า 2 ทองชาย-หญิงตะกร้อลอดห่วง ซีเกมส์

ผลการแข่งขันกีฬาตะกร้อซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ณ สนาม 4,000 ที่นั่ง ศูนย์กีฬาเทศบาลนครนครปฐม  ชิง 4 เหรียญทองวันนี้ จากการแข่งขันชินลงทีมชาย ทีมหญิง และตะกร้อลอดห่วงสากล ทีมชายและทีมหญิง

ผลการแข่งขันปรากฎว่าทีมชาติไทยสามารถคว้า 2 เหรียญทองจากตะกร้อลอดห่วงสากล ทีมชายและทีมหญิง โดยทีมหญิง ทำได้ถึง 1,000 คะแนน ทิ้งห่างคู่แข่งคว้าเหรียญทองให้ทัพตะกร้อไทย ส่วนตะกร้อชินลง ทีมชาติไทยคว้าเหรียญเงินจากทั้งทีมชายและทีมหญิง โดยเหรียญทองทั้ง 2 ประเภทตกเป็นของเมียนมา

สรุปผลงานเมื่อผ่านการแข่งขัน 2 วันแรก ทัพตะกร้อไทยสามารถคว้า 2 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน 

หยุดภัยคุกคาม!ถล่มทาวเวอร์เครนเขาพระวิหาร ติดตั้งระบบแอนตี้โดรน-เครื่องยิงระเบิด

กองทัพภาคที่ 2 แจงเหตุทำลายทาวเวอร์เครนบนเขาพระวิหาร เหตุกัมูชาใช้ติดตั้งแอนตี้โดรน ระบบก่อกวนการนำร่องดาวเทียม ติดกล้องวงจรปิดสอดแนมทหารไทย ทั้งยังใช้ติดตั้งเครื่องยิงระเบิด เป้นภัยคุกคามยิ่งยวด

เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.2568 เมื่อเวลา 16.56 น. เพจ กองทัพภาคที่ 2 โพสต์ข้อความชี้แจงกรณีการทำลายทาวเวอร์เครนของกัมพูชาบนเขาพระวิหาร โดยระบุว่า “#หยุดภัยคุกคาม เขมรใช้โบราณสถานเป็นฐานทหาร ติดตั้งระบบแอนตี้โดรน และที่ตั้งยิงอาวุธยิงสนับสนุน

“กองทัพภาคที่ 2 ได้ทำลายเครนบนเขาพระวิหาร หลังตรวจพบว่า ใช้เป็นที่ติดตั้งแจมเมอร์ หรือแอนตี้โดรน และติดตั้งระบบกล้องวงจรปิดด้วยสัญญาณเรดาร์บนพื้นที่เขาพระวิหาร โดยพบว่ามีระบบ Spoofing GPS ก่อกวนนำร่องด้วยดาวเทียม (GNSS/GPS) ส่งผลให้โดรนและระบบอื่นๆ ในพื้นที่ของไทยมีปัญหา และมีการใช้กล้องวงจรปิดบันทึกภาพรวมทั้งดูการปฏิบัติของกำลังฝ่ายเราในพื้นที่รอบเขาพระวิหาร รวมทั้งใช้เป็นที่ตั้งยิงของเครื่องยิงระเบิด

“#กองทัพภาคที่2 จำเป็นอย่างยิ่งยวดที่ต้องขจัดภัยคุกคามนี้ให้หมดไป”

สถานีตำรวจภูธรปากเกร็ด ขอแสดงความยินดี และยินดีต้อนรับ พ.ต.อ. อดิเรก ทองแกมแก้ว เข้ารับตำแหน่งผู้กำกับการฯ

พันตำรวจเอก อดิเรก ทองแกมแก้ว จากผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบางแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ เข้าดำรงตำแหน่ง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรปากเกร็ด

สถานีตำรวจภูธรปากเกร็ด ขอแสดงความยินดีในโอกาสที่ท่านได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้กำกับการฯ ซึ่งเป็นตำแหน่งสำคัญในการอำนวยการ ควบคุม และกำกับดูแลการปฏิบัติราชการของกำลังพล เพื่อให้การบริการประชาชน การป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ดูแลความปลอดภัยในพื้นที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด

คณะข้าราชการตำรวจ สถานีตำรวจภูธรปากเกร็ด พร้อมร่วมสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจของท่านในทุกด้าน เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาองค์กรและการให้บริการประชาชนให้ดียิ่งขึ้นต่อไป

.

F-16 ควงคู่ Gripen ปูพรมถล่มกาสิโน-ฐานสแกมเมอร์ในโอร์เสม็ด

F-16 ควงคู่ Gripen ปูพรมถล่มกาสิโน-ฐานสแกมเมอร์ในโอร์เสม็ด ศูนย์ปล่อยโดรนพลีชีพ-ซุกซ่อนรถยิงจรวด BM-21

เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.2568   เวลา 11:10น. เครื่องบินรบ F-16 และ JAS 39 Gripen จำนวน 2 ลำของกองทัพอากาศไทย ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศโดยทิ้งระเบิดต่อเป้าหมายบ่อนคาสิโนและฐานสแกมเมอร์อีกครั้ง ในพื้นที่โอร์เสม็ด ตรงข้ามกับช่องจอม จ.สุรินทร์“

ซึ่งเป้าหมายดังกล่าว ถูกกองทัพกัมพูชาใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติการทางทหารสำหรับปล่อยโดรนพลีชีพโจมตีประเทศไทย, และยังเป็นสถานที่ซุกซ่อนอาวุธหนักและรถยิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 อีกด้วย”

จนท.เร่งผลักดันช้างป่ากลับคืนสู่ป่าลึกหลังโผล่ทำลายสวนพืชผล

อุทัยธานี-เจ้าหน้าที่ยังต้องทำงานกลางดึก  ลาดตะเวนผลักดันช้างป่า ออกมากินต้นไผ่ พืชผล นอกเขต กลับคืนสู่ป่าลึก

ผู้สื่อข่าวรายงาน ช่วงกลางดึก ของวันที่ 9 ธ.ค 68  รอบเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลาดตระเวนกันอย่างต่อเนื่องผลักดันช้างป่าที่ออกมากินพืชผล นอกพื้นที่ เพื่อลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่าในพื้นที่รอบๆเขตป่าห้วยขาแข้ง เพื่อป้องกันความเสียหายต่อพืชผลทางเกษตรของชาวบ้านและลดปัญหาความขัดแย้ง

รวมถึงการแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงให้ระวังอันตรายและปฏิบัติตามเจ้าหน้าที่ เพื่อป้องกันความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน เนื่องจากช้าง นั้นชอบพืชผลทางเกษตรหลายชนิด เช่นต้นไผ่ ข้าว หรือผลไม้ที่มีกลิ่นหอม รวมถึงลำห้วย เจ้าหน้าที่จึงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการสำรวจพื้นที่โดยรอบ พร้อมกับแจ้งเตือนถ้าพบเห็นช้างป่าให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที

.