“คิปโชเก้” ทิ้งรอยเท้าแห่งความทรงจำเมืองไทย สวนเบญจกิติ

เอเลียด คิปโชเก้ ตำนานนักวิ่งมาราธอนชาวเคนยาเจ้าของแชมป์เมเจอร์ ๑๑ สมัย ในฐานะทูตทางด้านการท่องเที่ยว กีฬา และ วัฒนธรรมของรัฐบาลไทยที่เดินทางมาประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันวิ่งมาราธอนในเมืองหลวง (World Capital Marathon Series)  รายการ AMAZING THAILAND MARATHON BANGKOK 2025 Presented by TOYOTA โดยจะลงแข่งขันในระยะ ฮาล์ฟมาราธอน ๒๑ กม. ร่วมกับนักวิ่งกว่า ๔๘,๐๐๐ คน

ล่าสุด คิปโชเก้ เข้าร่วมกิจกรรม กิจกรรม The Footprint Ceremony ร่วมกับกรุงเทพมหานคร ณ สวนเบญจกิติ เพื่อบันทึกรอยเท้า “พิมพ์เท้า” หรือ Footprint ที่จัดขึ้นในกรุงเทพมหานคร ที่สวนสาธารณเบญจกิติ โดยได้รับเกียรติจาก นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่ากรุงเทพมหานคร, นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครให้เกียรติประธานเปิดงานร่วมทั้งบัวขาว บัญชาเมฆ นักชกของไทยร่วมงาน

ระหว่างการเยือนประเทศไทยคิปโชเก้ได้ร่วมทำกิจกรรม  The Footprint Ceremony ร่วมกับกรุงเทพมหานคร      เพื่อส่งเสริมการวิ่งที่เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจทางสังคมที่เขาทำต่อเนื่องในหลายประเทศ ถือเป็นส่วนหนึ่งของงาน  Amazing Thailand Marathon Bangkok 2025 Presented by Toyota เป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนไทยและนักวิ่งรุ่นใหม่โดยมีแฟนรอต้อนรับคับคั่ง

เอเลียด คิปโชเก้ กล่าวว่า “การได้ทิ้งรอยเท้าไว้ที่นี่ ไม่ได้หมายถึงรอยเท้าของนักวิ่งคนหนึ่งเท่านั้น แต่หมายถึงความตั้งใจที่จะส่งต่อความหวัง พลังบวก และแรงบันดาลใจให้แก่ทุกคน ผมเชื่อว่ากีฬาเปลี่ยนชีวิตคนได้ และผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมมือกับประเทศไทยเพื่อสนับสนุนเยาวชนและสังคมผ่านกีฬาวิ่ง”

ขณะที่ ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวว่า “การที่ เอเลียด คิปโชเก้ เป็นทูตทางด้านการท่องเที่ยว กีฬา และวัฒนธรรมของรัฐบาลไทย สร้างกระแสความตื่นตัวในการวิ่งให้แก่ชาวไทยอย่างเห็นได้ชัด จากปีที่แล้วมาถึงปีนี้มีผู้สนใจออกมาวิ่งมากขึ้น และปีที่แล้ว คิปโชเก้ ได้ทำกิจกรรมพิมพ์มือไว้ที่นี่มีผู้ให้ความสนใจมาถ่ายภาพเก็บเป็นที่ระลึกจำนวนมาก และปีนี้กรุงเทพมหานคร ตั้งใจว่ารอยพิมพ์เท้าของ คิปโชเก้ จะนำไปจัดตั้งไว้ในสวนสาธารณะแห่งอื่น เพื่อสร้างแรงกระตุ้นให้ประชาชนออกมาวิ่งและเล่นกีฬามากขึ้น
     

สำหรับกิจกรรม “พิมพ์เท้า” หรือ Footprint ถือป็นหนึ่งในกิจกรรมพิเศษเพื่อสังคม “Leave Your Footprint by NN Running ซึ่งเป็นแคมเปญของเอเลียด คิปโชเก้ เพื่อสื่อสารว่า  เรา “วิ่งไปเพื่อทิ้งรอยเท้า” (“leave a mark”) ไม่ใช่แค่บน

ถนน แต่บนโลกใบนี้ และในชุมชนนักวิ่งทั่วโลก แนวคิดคือการให้ทุกการก้าว วิ่ง เข้าเส้นชัย หรือการซ้อม กลายเป็น “เรื่องเล่า” ที่มีคุณค่ามากกว่าแค่ตัวเลขเวลา โครงการไม่ได้จำกัดแค่นักวิ่งอาชีพโดยมีเป้าหมายให้ “นักวิ่งทั่วไปทั่วโลก” ได้ร่วมกิจกรรม เพื่อสร้างชุมชนของคนที่รักการวิ่ง โดยไม่ว่าจะวิ่งเพื่อสุขภาพ วิ่งเพื่อตั้งใจแข่ง หรือแค่ชอบออกกำลังกาย ก็สามารถ “ทิ้งรอยเท้า” ของตัวเองไว้ได้
     

โครงการไม่ใช่ “การแข่งขัน” แต่เป็นแคมเปญให้ “นักวิ่งทั่วไปและนักวิ่งอาชีพ” สร้าง footprint ของตัวเอง ไม่ได้มีการคัดเลือก รางวัล หรือจัดอันดับใด ๆ โปสเตอร์และ wristband ที่ได้เป็นรูปแบบดิจิทัล เพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิดลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

การแข่งขันวิ่งมาราธอนในเมืองหลวง (World Capital Marathon Series) ครั้งที่ ๘ ประจำปี ๒๕๖๘ รายการ AMAZING THAILAND MARATHON BANGKOK 2025 ชิงถ้วยพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ เวลา ๐๒.๐๐ ถึง ๑๐.๓๐ น. จุดปล่อยตัว ณ เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ถนนพญาไท เขตปทุมวัน และจุดเส้นชัย ณ ท้องสนามหลวง ถนนราชดำเนิน เขตพระนคร

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันและยกระดับให้เป็น ๑ ใน ๑๐ รายการวิ่งมาราธอนระดับโลกซึ่งจัดขึ้นในเมืองหลวงอย่างเป็นทางการ จัดโดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มอบหมายให้การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นเจ้าภาพร่วมกับกรุงเทพมหานคร, สมาคมกรีฑาโลก และไทยแลนด์ไตรลีก (ในฐานะคณะกรรมการอำนวยการจัดการแข่งขันฯ)

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเสด็จฯ ร่วมวิ่งการแข่งขันมาราธอนส่งเสริมการท่องเที่ยวระดับโลกในเมืองหลวง Amazing Thailand Marathon Bangkok 2025 Presented by Toyota ครั้งที่ ๘ ประเภทระยะฮาล์ฟมาราธอน ๒๑.๑ กม. กับเอเลียด คิปโชเก้ และบัวขาว บัญชาเมฆ อีกด้วย

ชัยภูมิหนาวจัดทุบสถิติ! ทุ่งกะมัง 2 องศาฯ ‘แม่คะนิ้ง’ แรกโผล่เกาะ ‘ปีกแมงปอ’ ขาวโพลน! ในรอบหลายปี

ชัยภูมิฮือฮา! ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติสุดขั้ว! เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว-ทุ่งกะมัง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ เผชิญกับความหนาวเย็นจัดเป็นวันที่สองติดต่อกัน โดยเช้าตรู่ของ (29 พ.ย. 68) อุณหภูมิยอดหญ้าลดต่ำลงถึง 2-3 องศาเซลเซียส เฉียดจุดเยือกแข็ง จนเกิดเป็น “แม่คะนิ้ง” หรือน้ำค้างแข็งสีขาวโพลนปกคลุมไปทั่วบริเวณ

ปรากฏการณ์ความหนาวเย็นระดับเลขตัวเดียวนี้ ได้สร้างภาพอันน่าทึ่ง เมื่อแม่คะนิ้งไม่ได้เกาะแค่บนยอดหญ้าหรือดอกไม้เท่านั้น แต่ยัง จับตัวเป็นเกล็ดน้ำแข็งอยู่บนปีกของแมลงปอ และใบไม้ สร้างทัศนียภาพที่สวยงามและแปลกตา ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้งในรอบหลายปีที่ผ่านมา

นายวิชานนต์ แสนผาลา หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว-ทุ่งกะมัง เปิดเผยว่า สภาพอากาศหนาวเย็นขนาดนี้ในยามเช้าตรู่ถือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยความหนาวจัดทำให้เกิดปรากฏการณ์น้ำค้างแข็งดังกล่าว ซึ่งกลายเป็นจุดดึงดูดสำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาสัมผัส “แสงแรกยามเช้า” พร้อมเก็บภาพความประทับใจของแม่คะนิ้งที่ปกคลุมพื้นที่จนกลายเป็นสีขาว

นอกจากจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาวแล้ว เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว-ทุ่งกะมัง ยังเป็นแหล่งอาศัยที่อุดมสมบูรณ์ของสัตว์ป่าหลากหลายชนิด ทั้ง ไก่ฟ้าพญาลอ นกยูง เก้ง กวาง เนื้อทราย กระทิง รวมถึง ช้างป่า จำนวนหลายร้อยเชือก ที่กำลังปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศที่หนาวเย็นจัดนี้ด้วย

โดย…มัฆวาน  วรรณกุล  – อารดา ผู้สื่อข่าวภูมิภาคชัยภูมิ

.

พัทยาเดือด!!! สปาร์ตันไทย รวมพลัง TOA นักวิ่งทั่วโลก 4 พันชีวิตลงชิงชัย

การแข่งขันวิ่งวิบากลิขสิทธิ์ระดับโลก “สปาร์ตันเรซ ไทยแลนด์” เดินทางสู่สนามสุดท้ายของปี กับรายการ “2025 Pattaya Spartan Trifecta Weekend & HH 24HR Presented by TOA” ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29-30 พฤศจิกายน 2568   ณ วิสดอมวัลเลย์ เขาไม้แก้ว เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี โดยได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรภาครัฐและเอกชนอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมนักวิ่งจากทั่วโลกกว่า 4,000 คนเข้าร่วมชิงชัยทุกประเภท เตรียมสร้างสถิติใหม่แห่งปีของอาเซียน

เมื่อวานนี้( 28 พฤศจิกายน2568) ที่โรงแรมอีสต์พาน่า โฮเทล บ่อวิน ศรีราชา โดยมี คุณวัชระ ก้องพลานนท์  ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายพัฒนาการจัดงานเมกะอีเวนท์และเทศกาลนานาชาติ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) ,  คุณทวีเดช ทองอ่อน ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ คุณอดิเรก อุ่นโอสถ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี  พร้อมด้วยผู้บริหารและพันธมิตรหลักของการแข่งขัน ร่วมแถลงข่าวความพร้อมทุกด้านในการจัดแข่งขัน

ภายในงานมีบุคคลสำคัญในวงการสปาร์ตันเรซร่วมแถลงข่าว ได้แก่ คุณบุญเพิ่ม อินทนปสาธน์ CEO บริษัท รันริโอ (ประเทศไทย), Ms. Fusako Kasai International Race Director / Quality Manager, คุณจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), Mr. Ricky Sahni Top ASEAN Elite & SGX Trainer (India), และ คุณศักดิ์ชัย ศิริสวัสดิ์ แบรนด์แอมบาสเดอร์ Spartan Race Thailand 2025

พร้อมกันนี้ได้มีการมอบของที่ระลึกแก่ผู้สนับสนุนหลัก อาทิ TOA, Shokubutsu, ISUZU, Hooray, JBL, Beanbag, EN-THEORIES, Tigerplast, SUUNTO, aminoVITAL, Cetilar, Ginzy, Pocari Sweat, FightFive, BSM, Wisdom Valley, MPG และ Eastpana Hotel

พัทยาพร้อมเต็มร้อย ปิดฉากซีซั่นสุดยิ่งใหญ่ของ “Amazing Spartan Race Thailand 2025” ซึ่งการแข่งขันในปีนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.), กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ, ทีเส็บ (TCEB), กองทัพบก, และ จังหวัดชลบุรี จัดขึ้นใน 5 เมืองหลัก ได้แก่ หัวหิน, เขาใหญ่, ชลบุรี, เชียงใหม่ และพัทยา โดยสนามพัทยาถือเป็นสนามสุดท้ายและยิ่งใหญ่ที่สุดของฤดูกาล สนามนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นเส้นทางที่มีความท้าทายสูงสุดของปี ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติของเขาไม้แก้ว เมืองพัทยา ซึ่งผสานความงดงามของภูเขา ป่าไม้ และพื้นที่ท่องเที่ยวเข้ากับความเข้มข้นของการแข่งขันวิ่งวิบากระดับโลกอย่างลงตัว

การแข่งขันครั้งนี้ได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลาม มีผู้สมัครเข้าร่วมกว่า 4,000 คน จากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก ครบทุกประเภทการแข่งขัน ได้แก่
 • Beast 21K (ระยะ 21 กิโลเมตร)
 • Super 10K (ระยะ 10 กิโลเมตร)
 • Sprint 5K (ระยะ 5 กิโลเมตร)
 • Spartan Hurricane Heat 24HR (การทดสอบความแกร่งต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง)

โดยคาดว่าจำนวนผู้เข้าร่วมในสนามพัทยาจะทุบสถิติสูงสุดของสปาร์ตันเรซประเทศไทย และกลายเป็นสนามที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในภูมิภาคอาเซียน

เตรียมความพร้อมทุกด้าน มาตรฐานสากล สปาร์ตันเรซไทยแลนด์จัดเตรียมความพร้อมอย่างรัดกุม ทั้งด้านเส้นทางการแข่งขัน ระบบความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ควบคุมและจุดบริการน้ำ การแพทย์ฉุกเฉิน ทีมพยาบาล และระบบสื่อสารในสนาม รวมถึงเปิดโซนพิเศษ Spartan Expo และ Spartan Café สำหรับผู้ร่วมงานและผู้ติดตาม

การแข่งขันวันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน จะประกอบด้วยประเภท Beast 21K, Sprint 5K และ Hurricane Heat 24HR ส่วนวันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน จะเป็นการชิงชัยในประเภท Super 10K และ Sprint 5K ปิดฉากซีซั่นอย่างสมบูรณ์ พร้อมมอบของที่ระลึกให้ผู้พิชิตเส้นชัย ทั้ง Finisher T-Shirt และ Finisher Medal 

ภายในงานยังมีกิจกรรมเสริมสร้างแรงบันดาลใจและความยั่งยืน จากผู้สนับสนุนในโซนเฟสติวัล อาทิ Shokubutsu Men, JBL, FIGHT5, Hooray, Beanbag, Cetilar รวมถึง โรงแรม Eastpana Hotel Bowin Sriracha ที่ให้การสนับสนุนที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน

นอกจากนี้ สปาร์ตันเรซไทยแลนด์ยังร่วมกับ อีซูซุ จัดกิจกรรมอาสาสมัคร “We Care For Tommorow By Isuzu” ในวันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน เวลา 14.00 น. เชิญผู้เข้าร่วมร่วมกันเก็บขยะตามเส้นทางแข่งขัน เพื่อรณรงค์รักษาสิ่งแวดล้อม พร้อมรับเสื้อที่ระลึกจากโครงการ

ขายข้าวสด VS แห้ง แบบไหนคุ้มกว่ากัน…!!!

ขายข้าวสดหรือแห้ง แบบไหนคุ้มกว่ากัน มีความน่าสนใจเลยอยากขยายความต่อ เผื่อช่วยชาวนาในการตัดสินเพื่อให้เกิดประโยชน์กับตัวเองมากที่สุด 

ท่ามกลางสถานการณ์ชายแดนที่เกิดขึ้นทำให้ราคาข้าวหอมมะลิถีบตัวสูงขึ้น ณ วันที่ 16/11/68  สกต.สุรินทร์ประกาศซื้อข้าวสด 13 บาท/กก

– ข้าวสด 1 ตัน (1,000 กิโล) โลละ 13 บาท = 13,000 บาท
– ข้าวสด 1 ตัน (1,000 กิโล) ตากแห้งน้ำหนักจะหายไปราว 30% คงเหลือ 700 กิโล
– ข้าวแห้ง 700 กิโล กิโลละ 15 บาท = 10,500 บาท 

ส่วนต่างห่างถึง 2,500 บาท!!! Oh my God!  มาถึงตรงนี้คงสรุปได้ว่าข้าวสดขายแล้วทำกำไรได้มากกว่า แต่!!! ถ้าเราเป็นคนเก๋ รับบทคนชอบตากข้าวและเป็นนักเก็งกำไร ขนาดข้าวสดยังราคาขนาดนี้ถ้าเราชะลอการขายข้าว ต้องทำกำไรได้มากกว่าสิ  ฉะนั้นเรามาคำนวนจุดคุ้มทุนกันต่อว่าต้องขายข้าวแห้งราคาเท่าไรถึงจะเท่าทุนขายข้าวสด 13 บ/โล

– เอาจำนวนเงิน 13,000 หารด้วย 700 = 18.58
– นั่นคือราคาข้าวแห้งต้องดีดตัว 18.58 ถึงจะเท่าทุน อันนี้ยังไม่รวมจ้างตาก ขน ฯลฯ
– หากราคาข้าวปีนี้ ดันไปถึง 19 บาท/กิโล เท่ากับคนตากข้าวขายข้าวแห้งกำลังได้กำไร

สรุปเอาเป็นว่าตัวเลขง่ายๆคือข้าวสดกับข้าวแห้งต้องมีราคาต่างกัน 5.58 บาท คนขายข้าวแห้งถึงจะได้กำไร ถ้าห่างกันไม่เกิน 5.58 บาท ขายข้าวสดคุ้มกว่า

ของดีมหาสารคาม “จิคามา เมจิก” ซีอิ๊วดำหวานจากมันแกว โซเดียมต่ำ ดีคนรักสุขภาพ

มมส. เปิดตัวผลิตภัณฑ์นวัตกรรมอาหารเพื่อสุขภาพ “จิคามา เมจิก” ซีอิ๊วดำหวานอเนกประสงค์ พลิกโฉม “มันแกว” พืช GI ของดีจังหวัดมหาสารคาม ให้กลายเป็นเครื่องปรุงรสระดับโลก จุดเด่นเป็นซีอิ๊วที่โซเดียมต่ำ ต่ำกว่าซีอิ๊วทั่วไปถึง 90 เท่า เตรียมผลักดันเป็นสินค้าอัตลักษณ์และของฝากประจำจังหวัดมหาสารคาม

ผช.ศ.สิริพร ลาวัลย์ สังกัดภาควิชาเทคโนโลยีการอาหาร คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์

เมื่อเร็วๆนี้มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ร่วมกับสำนักงานเกษตรจังหวัดมหาสารคาม แถลงข่าวเปิดตัวผลิตภัณฑ์นวัตกรรมอาหารเพื่อสุขภาพ “จิคามา เมจิก ซีอิ๊วดำหวานอเนกประสงค์” โดยมีนายขันชัย สีนอร์ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานแถลงข่าว พร้อมผู้ช่วยศาสตราจารย์ สิริพร ลาวัลย์ สังกัดภาควิชาเทคโนโลยีการอาหาร คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์ ,นายสมพร นามพิลา เกษตรจังหวัดมหาสารคาม และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มณีรัตน์ วงษ์ซิ้ม หัวหน้าหน่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อสังคมประจำพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สิริพร ลาวัลย์ อาจารย์ประจำภาควิชาเทคโนโลยีการอาหาร คณะเทคโนโลยี มมส ผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์ เปิดเผยว่า คณะนักวิจัยได้นำมันแกว ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของจังหวัดมหาสารคาม มาผ่านกระบวนการหมักแบบ Accelerated Fermentation จนสามารถแปรรูปเป็นซีอิ๊วดำหวานที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างโดดเด่น หัวใจหลักของ “จิคามา เมจิก” คือคุณสมบัติ “โซเดียมต่ำ” โดยผลิตภัณฑ์มีปริมาณโซเดียมเพียง 6.12 mg% หรือประมาณ 1.24 มิลลิกรัมต่อ 1 ช้อนโต๊ะ ซึ่งต่ำกว่าซีอิ๊วดำหวานทั่วไปถึง 40-90 เท่า นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ หรือผู้ที่มีข้อจำกัดในการบริโภคโซเดียม รสชาติและเนื้อสัมผัสมีลักษณะข้นหนืดเล็กน้อย ให้รสชาติเค็มหวานกลมกล่อมจากสมุนไพรจีนและความหวานแหลมของไซรัปมันแกว

ความอเนกประสงค์ในการใช้งาน สามารถใช้เป็นซอสจิ้ม, ใช้ผัด, ใช้หมักอาหารโดย ไม่เกิดการไหม้ของน้ำตาลเมื่อนำไปทอด และยังสามารถใช้เพิ่มสีสันและกลิ่นหอมในเมนูบะหมี่หรือก๋วยเตี๋ยวได้อย่างลงตัว

ขณะที่นายสมพร นามพิลา เกษตรจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า แนวนโยบายของจังหวัดมหาสารคามได้เข้าไปร่วมมือกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชน เช่นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่มันแกวอินทรีย์และผัก อำเภอกุดรัง เพื่อยกระดับมันแกว GI ให้เป็นของฝากประจำจังหวัด โดยมีการเปิดตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อให้มันแกวสดใหม่ คุณภาพดี ส่งตรงถึงมือผู้บริโภค

เช่นเดียวกับ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มณีรัตน์ วงษ์ซิ้ม หัวหน้าหน่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อสังคมประจำพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มมส กล่าวว่า การสนับสนุนทุนและกระบวนการเข้าถึงนวัตกรรมเพื่อให้เทคโนโลยีการแปรรูปนี้สามารถเผยแพร่และนำไปต่อยอดเชิงพาณิชย์ได้อย่างกว้างขวาง

การพัฒนา “จิคามา เมจิก” ไม่ได้หยุดอยู่แค่ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันมันแกว GI ให้เป็นที่รู้จักและยกระดับมูลค่าเพิ่มของพืชเกษตรในพื้นที่ เป็นการเชื่อมโยงงานวิจัยสู่การยกระดับเศรษฐกิจฐานราก และสร้างชื่อเสียงใหม่ให้กับจังหวัดมหาสารคามได้อย่างน่าภาคภูมิใจ

ผู้สนใจสามารถติดต่อสั่งจองและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สิริพร ลาวัลย์ คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม โทรศัพท์ 09-4195-2562 หรือ 08-9279-4564

ขบวนนางรำกว่า 5 หมื่นชีวิตร่วมรำบวงสรวง 10 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ฉลอง 228 ปีขอนแก่น

ประชาชนชาวขอนแก่นกว่า 5 หมื่นชีวิตร่วมรำบวงสรวง 10 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ฉลอง 228 ปี-อาลัยพระพันปีหลวง

นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น นำหัวหน้าส่วนราชการ พ่อค้า ประชาชน นักเรียน นักศึกษา ร่วมพิธีบวงสรวงสักการะ 10 สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองขอนแก่น เพื่อความเป็นสิริมงคล ฉลองขอนแก่นครบ 228 ปี” เนื่องในงานเทศกาลไหมนานาชาติ ประเพณีผูกเสี่ยว และงานกาชาดจังหวัดขอนแก่น ประจำปี 2568 ภายใต้แนวคิด ร้อยเรียงไหม ร้อยรวมใจ น้อมแสดงความอาลัยถวายแด่พระพันปีหลวง โดยมีนายรำ นางรำ รวมกว่า 50,228 คน ที่ศาลหลักเมืองขอนแก่น

การรำบวงสรวงในปีนี้เป็นไปอย่างพร้อมเพรียงและงดงาม โดยผู้รำชายแต่งกายด้วยเสื้อสีขาว กางเกงสีดำหรือสีเข้ม คาดเอวด้วยผ้าสีดำ ส่วนผู้รำหญิงสวมเสื้อสีขาว ผ้าซิ่นเข้ม พร้อมสไบสีดำและติดดอกคูณด้านซ้ายตามเอกลักษณ์ของเมืองขอนแก่น เพือน้อมถวายความอาลัยแด่พระพันปีหลวง

นายขจรเกียรติ กล่าวว่า สำหรับวันที่ 29 พ.ย. ขอนแก่นเตรียมเปิดงานเทศกาลไหมนานาชาติ ประเพณีผูกเสี่ยว และงานกาชาดจังหวัดขอนแก่น ประจำปี 2568 อย่างยิ่งใหญ่ เพื่อสืบสานมรดกภูมิปัญญาผ้าไหมมัดหมี่ เชิดชูวัฒนธรรมท้องถิ่น และขับเคลื่อนอัตลักษณ์ เมืองศูนย์กลางอีสาน ให้โดดเด่นในระดับประเทศและนานาชาติ โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้าร่วมจำนวนมาก ช่วยสร้างความคึกคักและกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดตลอดช่วงเทศกาลอย่างต่อเนื่อง

นายกฯหนู คลอด 8 มาตรการฟื้นฟูชีวิตคนหาดใหญ่ ช่วยผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้

“อนุทิน” เปิด 8 มาตรการฟื้นฟูผู้ประสบภัยหาดใหญ่ -พักหนี้ พักเงินต้น พักดอกเบี้ยลูกหนี้ธนาคารพาณิชย์-ธนาคารรัฐ รายละไม่เกิน 1 ล้านบาท 1 ปี -ให้เงินกู้เพื่อการยังชีพและประกอบอาชีพ 100,000 บาท ไม่มีดอกเบี้ย

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้รัฐบาลเตรียมออกมาตรการช่วยเหลือเยียวยาฟื้นฟูผู้ประสบภัยให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด พร้อมทั้งเตรียมออก 8 มาตรการฟื้นฟูชีวิตคนหาดใหญ่และผู้ประสบภัยในพื้นที่ภาคใต้ ดังนี้

1. พักหนี้ พักเงินต้น พักดอกเบี้ย สำหรับลูกหนี้ธนาคารพาณิชย์และธนาคารของรัฐ รายละไม่เกิน 1 ล้านบาท เป็นเวลา 1 ปี

2. ให้เงินกู้เพื่อการยังชีพและประกอบอาชีพ 100,000 บาท ไม่มีดอกเบี้ย เป็นเวลา 6 เดือน โดยธนาคารของรัฐ (ระยะเวลาเงินกู้ 3 ปี)

3. ให้เงินกู้เพื่อการซ่อมแซมที่พักอาศัย 100,000 บาท ไม่มีดอกเบี้ย เป็นเวลา 1 ปี โดยธนาคารของรัฐ (ระยะเวลาเงินกู้ 3 ปี)

4. ให้บริษัทประกันภัยรถยนต์ จ่ายชดเชยความเสียหายตามกรมธรรม์ประกันภัย โดยลดขั้นตอน อำนวยความสะดวกให้ประชาชน

5. ให้สำนักงานประกันสังคม “จ่ายชดเชยสูงสุดทุกกรณี” แก่ผู้ประกันตน

6. จ่ายเงินชดเชยแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากภัยพิบัติครั้งนี้ รายละ 2,000,000 บาท ในพื้นที่ที่ประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน

7. สำหรับผู้ประกอบการ SMEs รัฐบาลจะจัดมาตรการช่วยเหลือ สนับสนุน ฟื้นฟูธุรกิจให้เป็นกรณีพิเศษโดยเร็วที่สุด

8. รัฐบาลจะสนับสนุนมาตรการทางภาษี และการจัดกิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่หาดใหญ่และพื้นที่ประสบภัย เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และดึงนักท่องเที่ยวเข้าไปใช้จ่ายให้มากที่สุด

ทั้งนี้ รัฐบาลจะเร่งรัดการฟื้นฟูเมืองและฟื้นฟูชีวิต ให้การสนับสนุน อำนวยความสะดวกทุกประการ เพื่อให้คนหาดใหญ่และผู้ประสบภัยทุกท่านกลับมาสู่ภาวะปกติได้โดยเร็วที่สุด

สืบสานประเพณี “ตากสินมหาราชานุสรณ์”เทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าตากฯอย่างยิ่งใหญ่อลังการ

พ่อเมืองตาก-นายก.อบจ.ตาก เตรียมจัดงานประเพณีตากสินมหาราชานุสรณ์ ประจำปี 2568-2569 เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชและสืบสานศิลปวัฒนธรรม ประเพณีท้องถิ่น-อบจ.ตาก อย่างยิ่งใหญ่อลังการ

เมื่อค่ำคืนวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568. ที่ผ่านมา นายชูศักดิ์ รู้ยิ่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก พร้อมด้วยนางอัจฉรา ทวีเกื้อกูลกิจ “นายกจอย” นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) ตาก ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงานตากสินมหาราชานุสรณ์ประจำปี 2568 – 2569 โดยมีนายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ “ผู้ช่วยเฟริ์ส” กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ , นายสวนิต สุริยกุล ณ อยุธยา, นายประเดิม เดชายนต์บัญชา รองผู้ว่าราชการจังหวัดตาก พร้อม หัวหน้าส่วนราชการ ที่เกี่ยวข้อง

เช่น ฝ่าบปกครอง, การท่องเที่ยว,วัฒนธรรม, ตำรวจ, ทหาร และสื่อมวลชน แขนงต่างๆ ทั้งสื่อออนไลน์ วิทยุ โทรทัศนฺ หนังสือพิมพ์ เข้าร่วมกิจกรรม จำนวนมาก ที่บริเวณศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช อ.เมืองตาก จ.ตาก ซึ่งการจัดงานในปี 2568/2569 อบจ.ตาก ได้มอบเงินสนับสนุนให้ฝ่ายปกครองจังหวัดตาก จำนวน 2,300,000 บาท (สองล้านสามแสนบาท) เพื่อให้งานประเพณีตากสินมหาราชานุสรณ์ ยิ่งใหญ่ อลังการ ดึงดูดประชาชน และนักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ให้มาท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ กระจายรายได้ในพื้นที่

โดยจังหวัดตากได้ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดตากจัดงานประเพณีงานตากสินมหาราชานุสรณ์ ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี มีวัตถุประสงค์เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระมหากษัตริย์ผู้ทรงกอบกู้เอกราชของชาติไทย ให้คงความเป็นไทยจนถึงทุกวันนี้ และเพื่ออนุรักษ์สืบสานศิลปวัฒนธรรมจารีตประเพณี และภูมิปัญญาท้องถิ่น รวมทั้งเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดตาก สำหรับกิจกรรมภายในงานมีทั้งกิจกรรมด้านประเพณี วัฒนธรรมและการส่งเสริมเศรษฐกิจภายในชุมชนท้องถิ่น อาทิ ขบวนเทิดพระเกียรติฯ ชมการแสดงแม่ไม้มวยไทย จากบัวขาว บัญชาเมฆ 

การแสดงโขนจากโรงเรียนราษฏร์วิทยา (ตี่มิ้ง) การแสดงแสง สี เสียง เทิดพระเกียรติฯ ประกวดธิดาลูกหลานพระเจ้าตาก ประกวดร้องเพลงลูกทุ่งดาวรุ่งท้องที่ท้องถิ่น ประกวด TO BE NUMBER ONE IDOL TAK การเดินแบบผ้าไทย นิทรรศการ “ภาพเก่า เล่าเรื่องเมืองตาก” กิจกรรม “อาหารพื้นถิ่น กลิ่นอายบ้านเกิด” การแสดงสิงโตมังกร การแสดงงิ้ว รวมไปถึงการออกร้านมัจฉากาชาด

และออกรางวัลสลากกาชาด ของเหล่ากาชาดจังหวัดตาก เพื่อหารายได้สมทบทุนกิจกรรมสาธารณกุศลของเหล่ากาชาด ทั้งนี้มีกำหนดจัดงานฯ ระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2568 ถึง วันที่ 3 มกราคม 2569 ณ บริเวณศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช อำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก

.

มหานทีจาก “หาดใหญ่”คืนสู่ภาวะปกติ ทิ้งไว้แต่คราบน้ำตา ความหายนะ

หลังระดับน้ำลดลง “หาดใหญ่”กลับคืนสู่สภาวะปกติ หลังเกิดมหาอุทกภัย ทิ้งไว้แต่คราบน้ำตาจากความเสียหายมหาศาล ซึ่งความเสียหายครั้งนี้จะพบเห็นตลอดแนวถนนและย่านการค้าสำคัญของตัวเมืองหาดใหญ่

นอกจากนี้ถนนหลายสายยังเต็มไปด้วยโคลน เศษซากสิ่งปลูกสร้าง และขยะจำนวนมาก เช่นเดียวกับรถยนต์จำนวนมากยังติดค้างอยู่ตามจุดที่ถูกน้ำท่วมหนัก⁣

แม้ว่ามหาอุทกภัยครั้งนี้น้ำลดลงจนเห็นพื้นถนน แต่สภาพโดยรวมยังคงสะท้อนความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน ผู้ประกอบการและประชาชนออกมาสำรวจร้านค้าและบ้านเรือนของตัวเอง

ขณะเดียวก็พยายามเคลียร์เส้นทางเพื่อให้การสัญจรกลับมาเป็นปกติท่ามกลางสภาพพื้นที่ที่ยังเฉอะแฉะและเกลื่อนด้วยเศษขยะที่ถูกพัดพามากับกระแสน้ำ⁣

ขณะที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ เผยภาพหลังสถานการณ์ระดับน้ำลดเกือบปกติ แต่เต็มไปด้วยซากความเสียหาย ซึ่งเราชาวโรงพยาบาลหาดใหญ่จะเร่งฟื้นฟูอย่างเต็มกำลังความสามารถ

.

“ยิมนาสติก” โชว์ความแข็ง “คณะกรรมาธิการกีฬาฯ” คาดกวาด 5 เหรียญ

“ยิมนาสติกส์” โชว์ความเข้มแข็งผสมผสานสนุกสนาน ให้คณะของ ดร.ณัฏฐ์ ธีรณัฐสุภานนท์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์คณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวและการกีฬาวุฒิสภา , ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการด้านการกีฬา วุฒิสภา , คณะอนุกรรมาธิการศึกษากฏหมายท่องเที่ยวและกีฬา วุฒิสภา และประธานมูลนิธิกองทุนพัฒนาการกีฬา ได้ชมพร้อมย้ำชัดเป้าหมาย 5 เหรียญทอง

ดร.ณัฏฐ์ ธีรณัฐสุภานนท์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์คณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวและการกีฬาวุฒิสภา , ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการด้านการกีฬา วุฒิสภา , คณะอนุกรรมาธิการศึกษากฏหมายท่องเที่ยวและกีฬา วุฒิสภา และประธานมูลนิธิกองทุนพัฒนาการกีฬา พร้อมด้วย น.ส.สิริรัตน์ ราวินิจ รองเลขาธิการมูลนิธิฯ , น.ส.ปัญจรีย์ ราวินิจ เหรัญญิกมูลนิธิฯ และสื่อมวลชนเข้าเยี่ยมชมการฝึกซ้อมนักกีฬายิมนาสติกส์ทีมชาติไทยชาย-หญิง ชุดสู้ศึกมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33  ที่ สโมสรจินตนายิมส์ ซ.เพชรเกษม 81 สถานที่เก็บตัวฝึกซ้อมนักกีฬายิมนาสติกส์ทีมชาติไทยโดยมีนาวาเอกวัลลภ ชื่นเจริญสุข เลขาธิการสมาคมกีฬายิมนาสติกส์แห่งประเทศไทย , นางสาวกนกรัตน์ ตันติกรพรรณ รองเลขาธิการฯ , ผู้ฝึกสอน และนักกีฬายิมนาสติกส์ศิลป์ชาย 3 หญิง 3 นักกีฬายิมนาสติกลีลาประเภทบุคคล 2 คน และนักกีฬายิมนาสติกส์แอโรบิก 4 คนให้การต้อนรับ ส่วนนักกีฬายิมนาสติกลีลากรุ๊ปอีก 4 คนเดินทางไปเก็บตัวฝึกซ้อมที่ประเทศรัสเซีย จากนั้นนาวาเอกวัลลภ เลขาธิการสมาคมกีฬายิมนาสติกฯ เชิญคณะของ ดร.ณัฏฐ์ ธีรณัฐสุภานนท์ และคณะสื่อมวชนชมความสามารถของนักกีฬายิมนาสติกส์ทีมชาติไทยทั้ง 3 ประเภท ซึ่งน้องๆนักกีฬาต่างแสดงศักยภาพอย่างสุดความสามารถจนได้รับเสียงปรบมือเป็นกำลังใจตลอดเวลาของการฝึกซ้อม

จากนั้น ดร.ณัฏฐ์ ธีรณัฐสุภานนท์ ได้มอบกระเช้าผลไม้ และเงินสนับสนุนการฝึกซ้อมจำนวน 20,000 บาท พร้อมให้โอวาทแก่นักกีฬายิมนาสติกส์ทีมชาติไทย “โดยขอให้นักกีฬายิมนาสติกส์ทุกคนมีความระมัดระวังในเรื่องของอาการบาดเจ็บจากการฝึกซ้อม ขอให้เก็บพลกำลังและความตั้งใจทั้งหมดไปโชว์พลังแห่งนักกีฬาไทย ในช่วงของการแข่งขัน และตั้งใจทำหน้าที่ตัวแทนประเทศไทยในสนามแข่งขันกีฬาซีเกมส์ เพื่อสร้างชื่อเสียงเกียรติยศให้กับตัวเองและครอบครัว รวมถึงคนไทยทั้งประเทศ ผมในนามของมูลนิธิกองทุนพัฒนาการกีฬา รวมถึงกรรมการบริหารทุกท่าน จะร่วมส่งแรงใจไปเชียร์ให้น้องๆทุกคนประสบความสำเร็จในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์เช่นเดียวกับคนไทยทั้งประเทศ

ด้านนาวาเอกวัลลภ ชื่นเจริญสุข เลขาธิการสมาคมกีฬายิมนาสติกส์ แห่งประเทศไทย กล่าวขอบคุณคณะของ ดร.ณัฏฐ์ ธีรณัฐสุภานนท์ ที่เดินทางมาเยี่ยมชมการฝึกซ้อมและมอบเงินสนับสนุนให้กำลังใจแก่นักกีฬายิมนาสติกส์ทีมชาติไทย พลังบวกจาก ดร.ณัฏฐ์ ธีรณัฐสุภานนท์ และคณะถือเป็นกำลังใจที่ดีกับนักกีฬายิมนาสติกส์ชุดสู้ศึกซีเกมส์ทุกคนอย่างแน่นอน

นางสาวกนกรัตน์ ตันติกรพรรณ รองเลขาธิการสมาคมกีฬายิมนาสติกฯ กล่าวย้ำยังคงมั่นใจว่าสมาคมฯจะทำเป้าที่ประเมินไว้ 5 เหรียญทอง ส่วนช่วง 10 วันสุดท้ายก่อนแข่งขันก็ยังคงเน้นการฝึกซ้อมความต่อเนื่องของท่า เพื่อให้เกิดข้อผิดพลาดน้อยที่สุด พร้อมหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บในการฝึกซ้อม

ในขณะที่ ดร.ณัฏฐ์ ธีรณัฐสุภานนท์ กล่าวว่า” ตนเองและคณะเดินทางมาเยี่ยมชมและให้กำลังใจกับสมาคมกีฬายิมนาสติกส์ เป็นสมาคมกีฬาที่ 10 แล้วมองเห็นทุกความทุ่มเทของผู้บริหารสมาคมกีฬาทุกท่าน มองเห็นการทำงานอย่างหนักของทีมงานผู้ฝึกสอนที่ต้องเข้มงวดกับการแก้ไขข้อบกพร่องให้น้องๆนักกีฬา และมองเห็นความเสียสละของนักกีฬาทีมชาติไทยในการฝึกซ้อมเพื่อการแข่งขัน ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ทำเพื่อประเทศไทยอย่างเต็มที่ ในส่วนของ 10 ชนิดกีฬาที่ย้ายจากสงขลามาจัดแข่งขันที่กรุงเทพฯและชลบุรี และกรรมการจัดการแข่งขันต้องบริหารจัดการช่วงเวลา 10 วันที่เหลือให้คุ้มค่าที่สุด สนามกีฬา-โรงแรมที่พัก-สนามซ้อม-การเดินทาง และสิ่งอำนวยความสะดวกของนักกีฬาทุกชาติทั้ง 10 ชนิดกีฬาต้องพร้อมที่สุด เพราะทั้งหมดคือชื่อเสียงและหน้าตาของประเทศไทย

นายศุภชีพ บ่าวเบ็ญหมัด นักกีฬายิมนาสติกส์ศิลป์ชายทีมชาติไทยจากสงขลาวัย 23 ปี กล่าวกับสื่อมวลชนถึงความมั่นใจในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งนี้ว่า มีการเตรียมตัวฝึกซ้อมมาอย่างดี และมุ่งมั่นจะคว้าเหรียญใดเหรียญหนึ่งมาครองให้ได้ ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่สงขลาบ้านเกิดทางครอบครัวแน่นอนว่าได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่ก็สบายใจที่ติดต่อกับครอบครัวได้แล้ว ขอให้ทุกคนอดทนให้เหตุการณ์ร้ายนี้ผ่านพ้นไป ตนเองขอให้พี่น้องชาวสงขลาและชาวใต้ทุกคนเข้มแข็งครับ