รวบแก๊งสแกมเมอร์อ้าง “โดนัลด์ ทรัมป์”ตุ๋นลงทุนเสนอผลตอบแทน20 เท่าเหยื่อสูญกว่า 13 ล้านบาท

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ได้ปฏิบัติการเข้าจับกุมผู้ต้องหา 6 ราย ที่ร่วมกันก่อเหตุหลอกลวงประชาชนให้ลงทุนในโครงการที่อ้างว่าเกี่ยวข้องกับ “กองทุนน้ำมันประเทศไนจีเรีย” โดยใช้เอกสารปลอมที่มีลายเซ็นของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ สร้างความน่าเชื่อถือ เสนอผลตอบแทนสูงถึง 20 เท่า ทำให้มีผู้เสียหายกว่า 15 ราย สูญเงินรวมกว่า 13 ล้านบาท

ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นไปภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก. และ พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยชุดปฏิบัติการ กก.4 บก.ปอศ. สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาพระโขนงได้ 6 ราย ในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, ขอนแก่น, อำนาจเจริญ, อุบลราชธานี, ปทุมธานี และนนทบุรี

ประกอบด้วย 1.นายอธิณัฏฐ์ฯ (ตัวการหลัก อ้างเป็นเจ้าของกองทุนน้ำมัน) 2.นางสาวณันนภัชสรณ์ฯ หรือมาดามเมตตา (ร่วมอ้างเป็นเจ้าของกองทุน) 3.นางเข็มทองฯ (ดูแลการเงิน/เจ้าของบัญชีรับโอน) 4.นางสาวปรานิศาฯ (หัวหน้ากลุ่มไลน์ลงทุน) 5.นายถาวรฯ (หัวหน้ากลุ่มไลน์ลงทุน) 6.นางอนุภาฯ (พิธีกรดำเนินรายการชักชวนระดมทุน)ผู้ต้องหาถูกแจ้งข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ”

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดพยานหลักฐานสำคัญ 5 รายการ รวม โทรศัพท์มือถือ 8 เครื่อง, คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค 3 เครื่อง, สมุดบัญชีธนาคาร 22 เล่ม และที่สำคัญที่สุดคือ เอกสารปลดอายัดเงินมูลค่า 783,800,000 USD ของสหรัฐอเมริกา ที่ปรากฏลายเซ็นของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ จำนวน 1 ฉบับ ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

พฤติการณ์ของกลุ่มมิจฉาชีพคือ การตระเวนจัดงานชักชวนระดมทุนตามโรงแรมในต่างจังหวัด โดยอ้างตนว่าเป็นนักธุรกิจใหญ่ เป็นเจ้าของกองทุนน้ำมันประเทศไนจีเรีย มีแผนนำเงินเข้าไทยและต้องระดมทุนเพื่อดำเนินโครงการให้สำเร็จ 
-สร้างความน่าเชื่อถือ นำเอกสารปลอม เช่น หนังสือรับรองการปลดอายัดเงินจากสหรัฐฯ ที่มีลายเซ็นโดนัลด์ ทรัมป์, หนังสือรับรองความเป็นเจ้าของทองคำทั่วโลกที่มีลายน้ำพิเศษ และเอกสารยอดเงิน 9 แสนล้านเหรียญสหรัฐจากธนาคาร HSBC ประเทศจีน มาแสดง

-เสนอผลตอบแทน ชักชวนให้ลงทุน โดยเสนอผลตอบแทนสูงผิดปกติ ถึง 20 เท่า ภายในระยะเวลาเพียง 3 เดือน 

-เรียกเก็บค่าธรรมเนียม เมื่อถึงกำหนดจ่ายผลตอบแทน ผู้ต้องหาจะบ่ายเบี่ยงและอ้างเหตุขัดข้อง โดยเรียกเก็บเงินเพิ่มจากผู้เสียหายเป็นค่าภาษี, ค่าธรรมเนียม, และค่าทนายสากล ทำให้เหยื่อบางรายหมดเนื้อหมดตัว ต้องกู้เงินมาลงทุนต่อ

ต่อมาผู้เสียหายได้นำเอกสารไปตรวจสอบที่สถานทูตไนจีเรีย พบว่าเป็น เอกสารปลอมทั้งหมด จึงได้เข้าแจ้งความต่อ กก.4 บก.ปอศ.

จากการสืบสวนเส้นทางการเงิน ตำรวจพบว่า กลุ่มผู้ต้องหามีบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องถึง 22 บัญชี และมีเงินหมุนเวียนกว่า 150 ล้านบาท โดยเงินที่ได้รับจากผู้เสียหายจะถูกโอนต่อเป็นทอดๆ และปลายทางของเงินส่วนใหญ่ถูกนำไปแลกเปลี่ยนเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งอยู่ระหว่างการขยายผลต่อไป

เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ก่อนถูกนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. ดำเนินคดีตามกฎหมาย

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอฝากเตือนประชาชนให้ระมัดระวังการลงทุนกับบริษัทหรือกลุ่มบุคคลที่อ้างว่าจะให้ผลตอบแทนสูงในระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งเป็นอัตราที่ผิดปกติและเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด โดยมิจฉาชีพมักใช้กลโกงต่างๆ เช่น การอ้างชื่อกองทุนต่างประเทศ หน่วยงานรัฐ หรือองค์กรสากลเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ

191 สนธิกำลังทำหาร รวบเครือข่ายยาเสพติดภาคเหนือ ยึดยาบ้า 5 ล้านเม็ด

เมื่อวันที่ 28 พ.ย.2568 ทึ่ อาคารศึกษาอบรม กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (บก.สปพ.) หรือ 191 พล.ต.ท.สยาม  บุญสม ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.วรวิทย์  ญาณจินดา ผบก.สปพ. ร่วมเเถลงผลการปฏิบัติ บก.สปพ. จับกุมนายสมนึก ศึกสกุล อายุ 42 ปี สมุนเครือข่ายยาเสพติดภาคเหนือ พร้อมตรวจยึดของกลางยาบ้า จำนวน 5,000,000 เม็ด และรถบรรทุก 12 ล้อ ยี่ห้อฮีโน่ สีเขียว ทะเบียน 72-7130 สระบุรี ที่ใช้บรรทุกยาเสพติดมา โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณถนนหน้า ม.มหิดล วิทยาเขตนครสวรรค์ ต.เขาทอง อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์

สำหรับการตจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องจากชุดสืบสวน 191 และหน่วยข่าวกรองทางทหาร กองทัพบกได้ขยายผลการจับกุมผู้ต้องหาลักลอบยาเสพติดโดยครั้งนั้นตรวจยึดยาบ้าได้ 7 ล้านเม็ด จึงได้ทำการสืบสวนมากระทั่งพบว่าจะมีการลำเลียงขนยาเสพติดจากทางภาคเหนือมาจำหน่ายยังภาคกลาง โดยใช้รถบรรทุกสิบสองล้อแบบมีคอกโดยใช้พืชผลทางการเกษตรประเภทข้าวอำพรางตบตาเจ้าหน้าที่ จึงได้วางกำลังเข้าสังเกตการณ์ตามเส้นทางตั้งแต่จ.ลำปาง จนเข้ามาในบริเวณพื้นที่ จ. นครสวรรค์ กระทั่งพบความผิดปกติเมื่อรถต้องสงสัยขับเปลี่ยนเส้นทาง โดยใช้ถนนเส้นทางรองมุ่งหน้ามายังต.เขาทอง อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ ลัดเลาะไปตามหมู่บ้าน ซึ่งผิดวิสัยที่รถบรรทุกคันใหญ่จะเข้าไปได้ โดยมุ่งหน้าจึงได้ทำการสะกดรอยติดตาม ก่อนแสดงตัวตรวจค้น

จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่พบยาบ้าจำนวน 25 กระสอบถูกซุกซ่อนโดยกระสอบข้าวเหนียวมาปิดบังอำพรางอยู่ด้านท้ายกระบะ จึงแสดงตัวจับกุม สอบสวนให้การรับสารภาพว่า ได้มีคนว่าจ้างให้ขนยาเสพติดดังกล่าวจาก อ.ฝาง จ.เชียงใหม่  ไปส่งตามจุดต่างๆ ในพื้นที่จ.นครสวรรค์ โดยทำมาแล้วสองครั้ง โดยครั้งแรกได้ค่าจ้าง 3000 บาทส่วนครั้งนี้ยังไม่ได้รับค่าจ้างแต่อย่างใด

เบื้องต้นจึงแจ้งข้อหาจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) โดยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป”นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

เช็คอินทุ่งทานตะวันบานสะพรั่งทั่วระแหงรับลมหนาวเมืองปทุมธานี

ผู้ว่าฯ ปทุมธานี ชวนสัมผัสทุ่งทานตะวันรับลมหนาว  “ทานตะวันบานสะพรั่งทั่วระแหง ครั้งที่ 6”  เสริมแกร่งเศรษฐกิจฐานรากยั่งยืน ณ บริษัท ซีพีแรม จำกัด สำนักงานใหญ่ ตำบลระแหง อำเภอลาดหลุมแก้ว

เมื่อวันที่28 พ.ย.68 เวลา 09.00 น. นายเอกวิทย์ มีเพียร ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี  เป็นประธานเปิดงาน “ทานตะวันบานสะพรั่งทั่วระแหง ครั้งที่ 6” โดยมี นายวิเศษ วิศิษฏ์วิญญู กรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วยผู้บริหาร บริษัท ซีพีแรม จำกัด (CPRAM)  นายปรัชญา สุวรรณทา นายอำเภอลาดหลุมแก้ว  หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชน เข้าร่วมพิธีเปิด ณ บริษัท ซีพีแรม จำกัด สำนักงานใหญ่ ตำบลระแหง อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี

 นายเอกวิทย์ มีเพียร ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า “งานทานตะวันบานสะพรั่งทั่วระแหง ในวันนี้ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 6 นับเป็นสิ่งที่ดียิ่งที่ภาคเอกชนได้จัดงานดังกล่าวขึ้น จนนับเป็นงานประจำปีของชาวปทุมธานีก็ว่าได้ เป็นงานที่กระตุ้นการท่องเที่ยวท้องถิ่น ส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่นในชุมชนเป็นอย่างดี รวมถึงช่วยพัฒนาความเข้มแข็งให้กับชุมชน ส่งเสริมการท่องเที่ยวพื้นถิ่นปทุมธานี

สร้างช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าทางการเกษตร ส่งเสริมและสนับสนุนชุมชน ในการนำความรู้และทรัพยากรในพื้นที่มาผลิตเป็นสินค้าและบริการ ให้ชุมชนสามารถสร้างรายได้ และยกระดับชุมชนให้มีความเข้มแข็ง พัฒนาช่องทางการตลาดเชื่อมโยงกับระบบพาณิชย์ สร้างพลังสังคม พลังชุมชน และสร้างการเรียนรู้ให้กับชุมชนได้เป็นอย่างดี”

ด้านนายวิเศษ วิศิษฏ์วิญญู กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีแรม จำกัด กล่าวว่า “ซีพีแรม เป็นองค์กรที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในจังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วกันว่า เป็นอู่ข้าวอู่น้ำของประเทศ มีดินดี มีแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้มีผลิตผลทางการเกษตรที่หลากหลายและมากมาย บริษัท ซีพีแรม จำกัด เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารพร้อมรับประทาน ได้เล็งเห็นความสำคัญของเกษตรกรรม ซึ่งเป็นฐานรากของห่วงโซ่อุปทานอาหาร

โดยได้จัดตั้ง “ศูนย์วิชาการเกษตร ซีพีแรม” ขึ้น ดำเนินการศึกษาและทดลองด้านการเกษตร เพื่อนำเอาองค์ความรู้ถ่ายทอดและส่งเสริมเกษตรกร โครงการทานตะวันบานสะพรั่งทั่วระแหง ครั้งที่ 6 นี้ เป็นโครงการที่สร้างความสุข และให้ความรู้แก่ชุมชนและสังคม

โดยทุกท่านสามารถมาชมและถ่ายรูปสวย ๆ งาม ๆ เป็นที่ระลึก ร่วมกับดอกทานตะวันและไม้ดอกนานาพันธุ์ สามารถมาศึกษาความรู้ด้านการเกษตรจากแปลงสาธิตการเกษตร โครงการยังส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน โดยมีร้านค้าชุมชนมาร่วมจำหน่ายผลิตผลของชุมชนอีกด้วย นับเป็นแลนด์มาร์กการท่องเที่ยวตามฤดูกาลอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดปทุมธานี”

ผู้ที่สนใจสามารถเที่ยวชมงาน “ทานตะวันบานสะพรั่งทั่วระแหง ครั้งที่ 6” ในทุ่งทานตะวันสีสันสดใส บนเนื้อที่กว่า 5 ไร่ ได้ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568 เวลา 08.00 น. – 18.00 น. ณ บริษัท ซีพีแรม จำกัด สำนักงานใหญ่ ตำบลระแหง อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี เปิดให้ประชาชนเข้าชมฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยสามารถปักหมุดพิกัดเดินทางได้ตามลิงก์ [https://maps.app.goo.gl/WtN1ehoWjEDKMHh46]

ปราจีนบุรีเย็นยะเยือก ชาวกบินทร์บุรีต้องก่อไฟผิงคลายหนาวร่างกาย

เมื่อวันที่ 28 พ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ปราจีนบุรี พบสภาพอากาศหนาวเย็นต่อเนื่องมา2-3วันนี้   ล่าสุดชาวบ้านหลายพื้นที่ใน ต.ลาดตะเคียนอ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรีต้องลุกออกมาก่อไฟฝิงแก้หนาวช่วงค่อนสว่างเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นคลายความหนาวเย็น 

นางสาวพรทิพย์ ดุษิต แม่ค้าข้าวแกงบอกว่ากลางคืนอากาศหนาวเย็นมา1-2วันแล้วจึงต้องลุกออกมาก่อไฟฝิงแก้หนาวก่อนที่จะเตรียมตัวทำอาหาร อากาศหนาวเย็นในระยะนี้ดูแลตัวเองใส่เสื้อผ้าหนาๆเพื่อความอบอุ่นของร่างกาย และป้องกันการเจ็บป่วย

และยังพบว่าต่างหมู่บ้านก็ทนหนาวไม่ไหวพากันลุกออกมาก่อไฟฝิงแก้หนาว โดยเฉพาะผู้สูงอายุแม้จะใส่เสื้อหน้ากันหนาวแต่ก็ยังต้องลุกออกมาฝิงไฟแก้หนาว หน่มสาวโรงงานก่อนที่จะขี่รถจักรยานยนต์ไปทำงานก็ต้องฝิงไฟแก้หนาวก่อน

นางสนิม ปลั่งประมูล ชาวบ้านบ่อตาดำ หมู่ที่ 2 กล่าวว่า  อากาศหนาวเย็นมาหลายวันแล้ว โดยเฉพาะตอนรุ่งสางจะหนาวเย็นมาก จึงต้องลุกมาฝิงไฟแกหนาวหน้าหนาวต้องดูแลตัวเองโดยใส่เสื้อผ้ากันหนาว การก่อไฟฝิงแก้หนาวนั้นช่วยป้องกันหนาวได้ดี ชาวบ้านตามชนบทจึงต้องหาฟืนมาเตรียมไว้ก่อไฟฝิงในช่วงค่ำและช่วงค่อนสว่าง เฉลี่ยอุณหภูมิในช่วงเย็นและเช้าอยู่ที่ 15-18 องศาเซลเซียส

โดย… มานิตย์  สนับบุญ-ข่าว/ทองสุข สิงห์พิมพ์-ภาพ/ปราจีนบุรี  ###

.

เทศกาล “ฤดูกาลกาแฟ ครั้งที่ 5 ตอน จักรยานและงานศิลปะ”กระตุ้นท่องเที่ยว-เศรษฐกิจตาก

พ่อเมืองตาก เปิดงาน “ฤดูกาลกาแฟ ครั้งที่ 5 ตอน จักรยานและงานศิลปะ” จุดกระแสท่องเที่ยวพบพระ – ตาก กระตุ้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวในฤดูหนาว รับไฮซีซั่น

เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568. นายชูศักดิ์ รู้ยิ่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก เดินทางมาเป็นประธานเปิดงานเทศกาลการท่องเที่ยว กิจกรรม “ฤดูกาลกาแฟ ครั้งที่ 5 ตอน จักรยานและงานศิลปะ” ระหว่างวันที่ 28–30 พฤศจิกายน 2568.ที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกพาเจริญ อ.พบพระ จ.ตาก โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานตาก ร่วมกับเครือข่ายร้านกาแฟและเกษตรกร  ร่วมเปิดงาน “ฤดูกาลกาแฟ ในครั้งนี้ อย่างคึกคัก  เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวในฤดูหนาว ท่องเที่ยวไฮซีซั่น พร้อมดึงเสน่ห์กาแฟ–โกโก้ท้องถิ่น และวัฒนธรรมชาติพันธุ์ มาสร้างสีสัน ท่ามกลางบรรยากาศคึกคักของนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการในพื้นที่

โดยนาย ธันย์ปวัฒน์ ภูริวัฒนเมธา นายอำเภอพบพระ จ.ตาก  ,น.ส.ธมลวรรณ เจริญวงศ์พิสิฐ ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานตาก หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กลุ่มมวลชน ในพื้นที่  นักท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ และพี่น้องประชาชน เข้า กิจกรรม จำนวนมาก

น.ส.ธมลวรรณ เจริญวงศ์พิสิฐ ผอ.ททท. สำนักงานตาก กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจฐานราก กระตุ้นการท่องเที่ยวพื้นที่ชายแดน และสอดรับกับโครงการ “ทิศตะวันตาก” ในปี 2569 ที่มุ่งสร้างการรับรู้จุดขายใหม่ของจังหวัด เนื่องจากจังหวัดตากถือเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพทั้งด้านธรรมชาติ ภูเขา ป่าไม้ และความหลากหลายทางวัฒนธรรม ทำให้เป็นจุดหมายที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวปลายปีเช่นนี้

งานฤดูกาลกาแฟ ครั้งที่ 5 ตอน จักรยานและงานศิลป ณ อุทยานแห่งชาติน้ำตกพาเจริญ (เตรียมการ) อ.พบพระ จ.ตาก โดยการจัดกิจกรรม ฤดูกาลกาแฟ ครั้งที่ 5 ตอน จักรยานและงานศิลปะ” จุดกระแสท่องเที่ยวพบพระ – ตาก นั้นยัง มีวัตถุประสงค์สำคัญในการจัดงาน เพื่อส่งมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวผ่านการจัดงาน Event Marketing โดยเผยแพร่เรื่องราวของกาแฟ โกโก้ ในพื้นที่จังหวัดตาก

นอกจากนี้การจัด Exhibition งานศิลปะ จักรยานวินเทจจากโกดังสินค้าในจังหวัดตาก ,เพื่อเผยแพร่วิถีชีวิตของชาวชาติพันธุ์ ผ่านกิจกรรมการแสดง ,ทางวัฒนธรรม การแสดงดนตรีจากเครื่องดนตรีท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมการขายสินค้าผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นของจังหวัดตาก จากผู้ผลิตสู่ผู้บริโภค สามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม และเป็นที่รู้จักมากขึ้น และเพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวและการหมุนเวียน ทางเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดตาก

การจัดงานครั้งนี้ จึงมีทั้งคุณค่าทางวัฒนธรรม เศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นพลังสำคัญในการยกระดับภาพลักษณ์และศักยภาพของจังหวัดในด้านต่าง ๆ ตามโครงการทิศตะวันตาก ที่กระตุ้นส่งเสริมการท่องเที่ยวของ ททท. สำนักงานตาก ประจำปี 2569

.

ตำรวจลานสักรวบ 3 หนุ่มจีนหลบหนีเข้าเมืองผิดกม.อ้างถูกหลอกไปกัมพูชา

อุทัยธานี- หนุ่มจีน3ราย!!อ้างถูกหลอกไปกัมพูชา หนีกระโดดลงรถ วิ่งหนีเข้าป่ามัน ก่อนจนท .มาควบคุมตัวได้ หวั่นเป็นจีนเทาหรือแก๊งสแกมเมอร์

เมื่อเวลา 11.00.น.ของวันที่ 28 พ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานที่บ้านหนองผักแพว หมู่ 5 ต.ทองหลาง อ.ห้วยคต จ.อุทัยธานี ได้พบกับนายอุดมศักดิ์ เหม่นมี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 เปิดเผยว่าช่วงเช้า ได้มีชาวบ้านเปิดร้านอาหารใกล้เคียงแจ้งมาว่าได้พบชายแปลกหน้าเข้ามาในหมู่บ้าน พูดจาฟังไม่รู้เรื่อง จึงได้ลงพื้นที่พูดคุยกับชายทั้ง 3 ราย เบื้องต้นทราบว่าไม่ใช่คนไทย จึงได้นำมือถือมากดแปลภาษาให้ทั้งสามรายพูด ปรากฏเป็นภาษาจีน โดยระบุอ้างว่า โดนหลอกนั่งรถตู้มาทั้งหมด 11 ราย แต่กลุ่มตนเองหลบหนีมาได้ 3 ราย โดยไม่รู้ตำแหน่งว่ามาจากไหน

ล่าสุดระหว่างพูดคุย ทั้ง 3 รายได้มีพฤติกรรมแปลก ไม่ค่อยพูดคุยต่อ และค่อยๆเดินออกห่าง และหลบหนีวิ่งเข้าไปในป่ามัน เห็นท่าไม่ดี ผู้ใหญ่บ้านเองจึงได้รีบประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ลานสัก-ห้วยคต พื้นที่ใกล้เคียง พร้อมกับผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านให้มายังที่เกิดเหตุ พร้อมกับช่วยกันล้อมตัวควบคุมตัวชายชาวจีนทั้ง 3 ราย ไปยังสภ.ลานสัก เบื้องต้นชายชาวจีนทั้ง3ราย ให้การกับจนท.สภ.ลานสัก โดยพูดผ่านล่ามจากกลูเกิ้ล อ้างว่า ได้เดินทางเข้ามาเพื่อท่องเที่ยวในประเทศไทย จนกระทั่งคาดว่าถูกหลอกไปประเทศกำพูชา จึงได้ทำการหลบหนีโดยกระโดดลงรถช่วงรถจอดพักค่ำคืนที่ผ่านมา โดยกระเป๋าและเอกสารนั้นติดไปกับรถที่นั่งมาด้วย กระทั่งมีชาวบ้านมาพบเจอตัวทั้ง3 ราย เดินอยู่บนถนนช่วงเช้า ก่อนหลบหนีวิ่งเข้าป่ามัน

ทั้งนี้อยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสอบสวนเพิ่มเติมกับชาวจีนทั้ง 3 ราย ว่ามีรายชื่อเข้ามาอย่างถูกกฏหมายหรือไม่ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดกฏหมายแล้วหลบหนีเข้ามาหรือไม่เนื่องจากทั้ง3รายพูดภาษาไทยไม่ได้ เบื้องต้นทราบว่าทั้ง 3 รายถูกว่าจ้างนำทางเข้ามาในประเทศไทยเสียคนละ 60,000 กว่าบาท

จากการสอบถามป้าปิ๊ด อายุ 65 ปี เปิดเผยว่า เวลาช่วงเช้าของวันนี้ ตัวป้าเองได้กวาดใบไม้อยู่หน้าบ้านใกล้กับบริเวณร้านอาหาร จังหวะนั้นก็ได้มีชายแปลกหน้าทั้ง 3 ราย แต่งตัวดีเดินมาตัวปล่าว พูดจาไม่รู้เรื่อง เดินปรี่เข้ามาหาตัวป้า พร้อมกับยกมือไหว้ตัวป้า แล้วก็หยิบมือถือขึ้นมา  ขณะเดียวกันป้าฟังไม่รู้เรื่อง จึงได้ประสานแจ้งไปยังผู้ใหญ่บ้านให้มายังที่เกิดเหตุจนมาทราบล่าสุดว่าทั้ง 3 ราย เป็นชายชาวจีน

.

ชี้ชะตา !!! เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง จัดไทยสนามสุดท้าย ทะลุความเดือด 4 รุ่น

ประเทศไทยเตรียมเปิดบ้าน ในฐานะเจ้าภาพศึกสองล้อรายการที่ใหญ่ที่สุดของทวีป รายการ เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปียนชิพ 2025 สนามที่ 6 ชิงดำตำแหน่งแชมป์ประจำฤดูกาลใน 4 รุ่น ขณะ “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ ควง “ตี” อนุภาพ ซามูล นำทัพนักบิดไทยลงชิงชัย ระหว่างวันที่ 5-7 ธันวาคมนี้ ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ด้านบอสใหญ่-ตนัยศิริ พร้อมต้อนรับดาวบิดดังเอเชีย-ทั่วโลก และถือเป็นงานใหญ่ทิ้งทวนก่อนรองรับศึกโมโตจีพีในฤดูกาล 2026 ต้นปีหน้า พร้อมนำทัพคนดังร่วมสร้างสีสัน นำโดย โอม-ภวัต, เจแปน ภาณุพรรณ, นาย เดอะ คอมเมเดี้ยน และ โดโรธี เพ็ทโซลด์ ฯลฯ

การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์เอเชีย รายการ เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปียนชิพ 2025 เตรียมเปิดฉากสนามสุดท้าย ซึ่งถือเป็นศึกตัดสินแชมป์ประจำปีอย่างเป็นทางการ ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ในระหว่างวันที่ 5-7 ธันวาคม 2568 พร้อมพิธีฉลองแชมป์สุดยิ่งใหญ่ โดยมีนักบิดจากทั่วโลก อาทิ ออสเตรเลีย, เยอรมนี, สเปน, ญี่ปุ่น, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, อินเดีย, ไทย, เวียดนาม, จีน, สิงคโปร์ ฯลฯ สถานการณ์คะแนนสะสมที่ขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดตลอดฤดูกาล ส่งผลให้การตัดสินแชมป์ในสนามนี้ สนุกเร้าใจในทุกรุ่น ทุกรอบ และทุกโค้ง เพื่อครองบัลลังก์เจ้าความเร็วแห่งทวีป

ไฮไลต์ของสนามสุดท้ายคือการลุ้นแชมป์ของทัพนักบิดไทยให้คว้าชัยชนะในบ้านเกิด รวมถึงการคว้าแชมป์เอเชียในฤดูกาลนี้ด้วย โดยเฉพาะรุ่นใหญ่ที่สุดอย่าง เอเชีย ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี (ASB1000) “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ นักบิดขวัญใจชาวไทย เป็นจ่าฝูงในตารางคะแนนสะสม และกำลังไล่ล่าตำแหน่งแชมป์ประจำฤดูกาลในบ้านเกิด โดยมีทั้งสิ้น 152 คะแนน  ขณะที่ ฮาฟิซ ซยาห์ริน อดีตนักบิดโมโตจีพี ชาวมาเลเซียจาก เจดีที เรซซิ่ง ทีม มี 148 คะแนน ตามด้วย เคโตะ อาเบะ นักบิดดาวรุ่งชาวญี่ปุ่นจาก เอสดีจี-ฮาร์ค โปร ฮอนด้า ฟิลิปปินส์ มี 141 คะแนน

ส่วนในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี (SS600) โมฮัมเหม็ด อะเดนันดา พูตร้า นักบิดอินโดนีเซียจาก แอสตร้า ฮอนด้า เรซซิ่ง ทีม เป็นผู้นำในตารางคะแนนมี 152 แต้ม  อันดับ 2 คาสม่า ดาเนียล คาสมายูดิน ชาวมาเลเซีย จากฮง หลง ยามาฮ่า เรซซิ่ง มี 144 คะแนน อันดับ 3 “ตี” อนุภาพ ซามูล จาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ มี 131 คะแนน 

รุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซีซี (AP250) ฟาดิลลาห์ อาร์บี อะดิทาม่า ดาวรุ่งชาวอินโดนีเซียจาก แอสตร้า ฮอนด้า เรซซิ่ง ทีม ทำผลงานยอดเยี่ยม ครองจ่าฝูงมี 177 คะแนน ตามด้วย อิซาม อิกมัล นักบิดมาเลเซีย มี 135 คะแนน และ มูร็อบบิล วิโตนี่ นักบิดอินโดนีเซีย จาก ยามาฮ่า แอลเอฟเอ็น เอชพี 969 อินโดนีเซีย เรซซิ่งทีม 122 คะแนน ส่วน “ไอเดีย” กฤตภัทร เขื่อนคำ ดาวรุ่งชาวไทยจาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม คะแนนเป็นอันดับ 4 มี 118 คะแนน

ขณะเดียวกันสถานการณ์การแข่งขันรุ่นนี้ระอุขึ้น จากการมาของ ฮัมเบอร์โต ไมเออร์ นักบิดชาวบราซิล ดีกรีเวิลด์ซูเปอร์สปอร์ต ได้ตอบรับเข้าร่วมการแข่งขันสนามนี้ ด้วยสิทธิ์ไวลด์การ์ด ให้กับทีม ที.วาย. แอนทาเรส เรซซิ่ง ทีม ใน รุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซีซี (AP250) ถือเป็นการยกระดับความเข้มข้น ขึ้นไปอีกขั้น และสร้างความท้าทายให้กับนักบิดแถวหน้าของเอเชียอย่างแน่นอน

รุ่น อันเดอร์โบน 150 ซีซี จ่าฝูงเป็นนักบิดอินโดนีเซีย 2 คนได้แก่  ฮุสนี ไซนุล ฟูอัดซี จากซีเอียร์ แอลเอฟเอ็น เอชพี 969 เอ็มซีอาร์ อาร์บีที 34 มีคะแนนสูงถึง 202 คะแนน ตามด้วยนักบิดร่วมชาติ ฟาห์มี บาซาม จาก ยามาฮ่า แอลเอฟเอ็น เอชพี 969 อินโดนีเซีย เรซซิ่ง ทีม มี 140 คะแนน และ อาฟิฟ อัมรัน นักบิดมาเลเซีย จาก พิทส์ไบค์ ซูเปอร์ฟาสต์ เจอาร์ที ราปีโด เรซซิ่ง ทีม 125 คะแนน

ด้านนายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต กล่าวถึงความพร้อมว่า สนามช้างฯ พร้อมเต็มที่ 100% ที่จะต้อนรับดาวบิดดังจากทั่วโลก ซึ่งสนามสุดท้ายนี้ ไม่เพียงแต่เป็นศึกตัดสินแชมป์เอเชียเท่านั้น แต่ยังถือเป็น งานใหญ่ระดับนานาชาติครั้งสำคัญทิ้งทวนก่อนที่เราจะเข้าสู่ฤดูกาล 2026 เพื่อรองรับศึกโมโตจีพี ในช่วงต้นปีหน้า ที่จะมาเปิดฤดูกาลในประเทศไทย

“ปีนี้เป็นปีที่นักบิดไทยทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะ ‘ชิพ’ นครินทร์ ที่นำจ่าฝูงในรุ่นใหญ่ที่สุดอย่าง เอเชีย ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี และ ‘ตี’ อนุภาพ ที่มีลุ้นโพเดียมในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี การลุ้นแชมป์ที่บ้านเรานั้นมีความหมายอย่างยิ่งต่อวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย ขอเชิญชวนแฟน ๆ มาเป็นส่วนหนึ่งของสุดสัปดาห์สำคัญ ที่จะตัดสินตำแหน่งแชมป์ทั้ง 4 รุ่น พร้อมทั้งเชียร์นักแข่งไทยของเราคว้าชัยบนบ้านเกิด”

นอกจากนี้ยังมีทัพคนดังร่วมสร้างสีสันนำโดย โอม-ภวัต จิต์สว่างดี พระเอกขวัญใจวัยรุ่นที่ฐานแฟนคลับหลายล้านคนทั่วโลก, เจแปน-ภาณุพรรณ จันทนะวงษ์ นักแสดงและยูทูบเบอร์หนุ่มอารมณ์ดีหรือที่รู้จักกันในชื่อเจแปนหกฉาก , นาย เดอะ คอมเมเดี้ยน และ โดโรธี เพ็ทโซลด์ นางแบบและอินฟลูเอ็นเซอร์ ฯลฯ

ทั้งนี้ ศึก เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปียนชิพ 2025 สนามที่ 6 จะเข้าสู่โปรแกรมการซ้อมอย่างเป็นทางการวันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม ก่อนจะควอลิฟาย เพื่อจัดอันดับสตาร์ตในช่วงเช้าวันเสาร์ที่ 6 ธันวาคม ตามด้วยการแข่งขัน เรซที่ 1 ตั้งแต่เวลา 12.35 น. เป็นต้นไป ส่วนวันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม จะเป็นการดวลในเรซที่ 2 ตัดสินแชมป์เอเชีย ตั้งแต่เวลา 12.35 น. เป็นต้นไป

ส่วนกิจกรรมพิตวอล์ค วันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม จัดเต็มอื่มจุใจ 1 ชั่วโมงเต็ม ตั้งแต่เวลา 11.00-12.00 น. เปิดโอกาสให้แฟนความเร็วได้ร่วมกระทบไหล่นักบิดดาวดังจากทั่วโลกอย่างใกล้ชิด พร้อมพริตตี้แสนสวยประจำทีมแข่งต่างๆ รับของที่ระลึก ร่วมสนุกรับของพรีเมียมจากนักแข่งที่ชื่นชอบ อาทิ สติ๊กเกอร์, โปสเตอร์, พวงกุญแจ, พัด, ร่ม, ถุงผ้า, เสื้อ, หมวก ฯลฯ บัตรชมการแข่งขันทุกประเภทร่วมกิจกรรมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

ดิเอมเมอรัลด์ร่วมช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้

ฐิติมา ถิรกิจพงศ์ รองประธานบริหาร โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ นำทีมผู้บริหารร่วมบริจาคเงิน 200,000 บาทพร้อมน้ำดื่ม เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ ผ่านสภากาชาดไทย โดยมี สมหมาย สุวรรณวงษ์ รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. อสมท. เป็นตัวแทนรับมอบ และ กิตติพงษ์ ขันติรัตน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายงานบริหารจัดการองค์กร ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ อาคารปฏิบัติการ อสมท. เมื่อวานนี้

.

เกาหลีใต้คว่ำบาตรครั้งใหญ่สุด 132 องค์กร 15 บุคคล’รวม’ปรินซ์กรุ๊ป-ฮุยวันกรุ๊ป’เอี่ยวสแกมเมอร์เขมร

เมื่อวันที่ 28 พ.ย.568โคเรียเฮรัลด์ รายงานว่า รัฐบาลเกาหลีใต้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรแต่เพียงฝ่ายเดียวครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา เล่นงานองค์กร 132 แห่งและบุคคล 15 ราย ที่เกี่ยวข้องกับบรรดาเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติที่มีฐานอยู่ในกัมพูชาและมีพลเมืองเกาหลีใต้ตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก

มาตรการนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามทั่วทั้งรัฐบาล ในการหาทาวงจัดการกับกรณีที่มีชาวเกาหลีใต้ถูกล่อลวงเข้าไปยังกัมพูชาเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว จากโฆษณาชวนเชื่อจ้างงานด้วยค่าแรงระดับสูง แต่สุดท้ายต้องตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมรุนแรงต่างๆนานา ในนั้นรวมถึงลักพาตัวและบังคับกักขังในเขตล้อมรั้วสแกมเมอร์

“มาตรการนี้ขอบงรัฐบาล ถือเป็นมาตรการคว่ำบาตรแต่เพียงฝ่ายเดียวครั้งแรกของรัฐบาล ในการตอบโต้อาชญากรรมข้ามชาติและถือเป็นมาตรการคว่ำบาตรครั้งเดียวใหญ่สุดเท่าที่เคยมีมาจนถึงตอนนี้” กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ระบุ

เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศรายหนึ่งชี้แจงเพิ่มเติม โดยไม่ประสงค์เอ่ยนาม ระบุว่า “มาตรการนี้ได้ระบุตัวและคว่ำบาตรบุคคลและองค์กรต่างๆที่เกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติในเอเชียตะวันอกเฉียงใต้ ที่ก่ออันตรายอย่างแท้จริงแก่พลเมืองเกาหลีใต้”

ในบรรดาองค์กรต่างๆที่ถูกคว่ำบาตรนั้น มีอยู่ 128 แห่งที่เกี่ยวข้องกับปรินซ์กรุ๊ป องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่มีศูนย์บัญชาการในพนมเปญ ทางกลุ่มก่อตั้งและปฏิบัติการเขตล้อมรั้วสแกมเมอร์ขนาดใหญ่ อย่างเช่น Taizi Compound และ Mango Compound อันเป็นสถานที่ที่ชาวเกาหลีใต้ถูกล่อลวงเข้าไปและถูกกักขัง

ฮุยวันกรุ๊ป ที่มีฐานอยู่ในกัมพูชาและบริษัทลูก 3 แห่ง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินให้แก่เครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ในนั้นรวมถึง ปรินซ์กรุ๊ป ก็ถูกขึ้นบัญชีดำเช่นกัน

เมื่อเดือนตุลาคม สหรัฐฯและสหราชอาณาจักรคว่ำบาตรปรินซ์กรุ๊ป ขึ้นบัญชีดำในฐานะองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ขณะที่ในเเดือนเดียวกันนั้น กระทรวงการคลังอเมริกาได้ขึ้นบัญชีดำฮุยวันกรุ๊ป ในฐานะ“สถาบันการเงินที่เป็นความกังวลด้านการฟอกเงินขั้นร้ายแรง(Primary Money Laundering Concern)”

นอกจากนี้แล้วเกาหลีใต้ยังขึ้นบัญชีดำ เฉิน จื้อ ประธานของปรินซ์กรุ๊ปและกรรมการ 12 คน เช่นเดียวกัน Han Chenghao ชาวจีน ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแกนนำเครือข่ายสแกมในปั๋วไห่ และ Li Guanghao ชาวจีน ผู้ต้องสงสัยหลักในคดีทำร้ายร่างกายและสังหารนักศึกษาชาวเกาหลีใต้

คดีดังกล่าวโหมกระพือความกังวลขึ้นสูงสุดเกี่ยวกับอาชญากรรมรุนแรงที่เล็งเป้าเล่นงานชาวเกาหลีใต้ในกัมพูชา หลังจากศพของเหยื่อถูกพบในกัมพูชาเมื่อเดือนสิงหาคม

ตร.ห้วยขวาง-ตม.บุกจับ 16 ผู้ต้องหาชาวจีนเอี่ยวแก๊งสแกมเมอร์หนีจากประเทศเพื่อนบ้าน

พันตำรวจเอก ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง พร้อมด้วย พันตำรวจเอก พลสิทธิ์ สุทธิอาจ ผู้กำกับการสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 ตำรวจตม.1 และตำรวจสน.ห้วยขวาง ร่วมกันจับกุมชาวจีนหลบหนีเข้าเมืองเอี่ยวแก๊งสแกมเมอร์ หลบหนีจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามากบดานในประเทศไทย โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 16 คน เป็นผู้ต้องหาชาวจีน 15 คน และชาวจีนไต้หวัน 1 คน โดยผู้ต้องหาชาวจีนไต้หวัน พบว่าเป็นบุคคลที่ทางการจีนไต้หวันต้องการตัวมีหมายจับของไต้หวัน  3 หมายจับ

พันตำรวจเอก ประสพโชค กล่าวว่า ตำรวจสน.ห้วยขวาง พร้อมด้วยตม.1 ได้เข้าตรวจสอบคอนโดแห่งหนึ่ง ย่านพระราม 9 ในพื้นที่สน.ห้วยขวาง หลังตำรวจได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าวในพื้นที่ว่าพบกลุ่มชาวจีนจำนวนหลายคนมีพฤติกรรมที่น่าสงสัยว่าจะมีการกระทำความผิดกฎหมายหรือเข้ามาโดยไม่ถูกต้อง เจ้าหน้าที่จึงลงพื้นที่เข้าตรวจสอบในจุดเกิดเหตุพบกลุ่มคนจีนแผ่นดินใหญ่ 15 คน ไต้หวันอีก 1 คน จึงเชิญตัวมาตรวจสอบอย่างละเอียดที่สน.ห้วยขวาง ผลการตรวจสอบพบว่า 13 ราย กระทำผิดตามพ.ร.บ.คนเข้าเมือง โดยกลุ่มนี้เข้าเมืองผิดกฎหมายจำนวน 12 ราย อีก 1 รายอยู่เกินกำหนด ส่วนอีก 3 ราย พบว่ามีการต่อวีซ่าประเภทอีลีตยังไม่พบการกระทำความผิดเกี่ยวกับคนเข้าเมือง

โดย 1 ใน 13 ราย ซึ่งเป็นชาวจีนไต้หวัน จากการประสานกับทางการจีนไต้หวันพบข้อมูลว่าบุคคลดังกล่าวเป็นบุคคลตามหมายจับของไต้หวัน  เป็นผู้ต้องหารายสำคัญที่ต้องการตัวใน 3 หมายจับ ในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ฉ้อโกงและความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน ทั้งนี้จะดำเนินการตามพ.ร.บ.คนเข้าเมือง เมื่อดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วจะส่งตัวให้ตม. ประสานกับไต้หวันดำเนินคดีในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

พันตำรวจเอก ประสพโชค บอกว่า จะต้องขยายผลคนจีนไต้หวันที่พบในครั้งนี้ จากการสอบถามซึ่งใช้เวลาในการซักถามอยู่นาน พบคนไต้หวันคนนี้กับพวกส่วนหนึ่งที่อยู่ใน 13 คนที่ถูกดำเนินคดี เคยเข้าไปทำงานกับกลุ่มแก๊งสแกมเมอร์ที่ประเทศเพื่อนบ้านฝั่งตะวันตก เมื่อมีสถานการณ์บริเวณแนวชายแดน จึงเป็นที่มาที่บอสที่เป็นหัวหน้ากลุ่มแก๊งได้ให้กลุ่มที่ร่วมขบวนการแยกย้ายกันไปก่อน เนื่องจากสถานการณ์ไม่ปกติมีการกวาดล้างอย่างเข้มข้น กลุ่มชาวไต้หวันกับพวกจึงหลบหนีเข้ามาในเมืองไทย

โดยเข้ามาได้ไม่นานผ่านจังหวัดตาก ตำรวจ เชื่อว่ามีคนไทยร่วมขบวนการด้วยในการไปรับและนำมาส่งที่คอนโดแห่งหนึ่งในพื้นที่ห้วยขวาง ซึ่งมาถึงที่คอนโดเมื่อเวลาประมาณ 04.00 น. ของวันนี้ ทั้งนี้ตำรวจฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างการตรวจสอบรถยนต์ที่นำมาส่งว่าเป็นทะเบียนใด บุคคลใดจะต้องเรียกมาสอบปากคำขยายผลต่อไป ส่วนผู้ต้องหาที่จับกุมได้ในครั้งนี้จากการตรวจสอบเชื่อว่า เข้ามาหลบซ่อนตัวอยู่ในเมืองไทย และต้องการจะหลบหนีไปประเทศที่สามต่อไป

จากการตรวจสอบห้องพักพบเป็นของผู้หญิงชาวจีน ซึ่งเป็นแฟนของหนึ่งในผู้ต้องหา โดยผู้หญิงชาวจีนรู้จักกับแฟน และเพื่อนแฟนอีก 2 คน ส่วนที่เหลือไม่รู้จัก โดยห้องดังกล่าว เช่าไม่ถึง 1 ปี 

ส่วนโทรศัพท์มือถือที่ได้ตรวจยึดจากผู้ต้องหาทั้งหมด  ส่วนหนึ่งเป็นของ 16 คน อีกส่วนหนึ่งตรวจพบอยู่ที่กระเป๋าสัมภาระของผู้ต้องหารายหนึ่งจำนวน 8 เครื่อง หลังจากนี้ส่งโทรศัพท์ทั้งหมดไปตรวจสอบข้อมูลภายในโทรศัพท์ว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดหรือไม่ หากพบ ข้อมูลกระทำความผิดจะยึดเป็นของกลางต่อไป

ทั้งนี้จากการสอบปากคำ ชาวไต้หวัน ให้การรับสารภาพว่า เคยถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับบัญชีม้าที่ไต้หวัน อ้างว่าถูกหลอกให้ทำ โดยเรียนจบเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาทำเกี่ยวกับโรแมนแกมซ์  หลอกให้รัก และชักชวนลงทุน โดยได้ค่าเปิดบัญชีม้า 2 บัญชี ได้ค่าจ้าง 50,000 เหรียญไต้หวัน หรือประมาณ 50,000 บาท 

ส่วน ผู้ต้องหาชาวจีน 12 คน ไม่พบข้อมูลการเข้าออกในช่องทางปกติ แต่ลักลอบเข้าเมืองมาซึ่งมีเจตนาไม่บริสุทธิ์พยายามปกปิดสถานภาพเพื่อเข้ามากระทำความผิดอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งจะต้องขยายผลต่อไป

เบื้องต้นตำรวจได้ดำเนินคดีตามพ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ในข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตกับผู้ต้องหาชาวจีน 11 ราย และชาวไต้หวัน 1 ราย/ ข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด 1 ราย