คนไทยไม่ทิ้งกัน!รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงมอบน้ำดื่ม-บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปให้กับเจ้าหน้าที่-ทีมกู้ภัยกอบกู้ตึกสตง.ถล่ม

รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ส่งกำลังใจกู้ภัยร่วมมอบน้ำดื่ม-บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป..ให้กับเจ้าหน้าที่ และทีมกู้ภัยกอบกู้ตึกสตง.ถล่มจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว 

บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ร่วมมอบน้ำดื่ม- บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป..ให้กับเจ้าหน้าที่ และทีมกู้ภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว เพื่อสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ค้นหาช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุอาคารถล่มบริเวณเขตจตุจักรที่กำลังก่อสร้าง

บริษัทฯ ขอส่งกำลังใจให้ทุกภาคส่วน ปฏิบัติงานอย่างปลอดภัย และขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัว และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ #ร่วมด้วยช่วยกู้ภัย

#รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง  

#แผ่นดินไหว2568

อลังการงานเทิดพระเกียรติสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนกที่อุทัยธานี

จังหวัดอุทัยธานี เปิดงานเทิดพระเกียรติสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก จังหวัดอุทัยธานี ประจำปี 2568 ที่จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 1 – 9 เมษายน 2568

เมื่อวานนี้(1 เมษายน 2568) เวลา 18.30 น.  ที่บริเวณสวนน้ำเฉลิมพระเกียรติ(บึงพระชนกฯ)  อำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุทัยธานี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดงานเทิดพระเกียรติสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก จังหวัดอุทัยธานี ประจำปี 2568 ที่จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 1 – 9 เมษายน 2568 เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก และส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัด ที่จะเป็นการสร้างงาน สร้างรายได้ และกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดอุทัยธานี

โดยมี นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี นายศรณ์จักร์ชัย ชูวาพิทักษ์ นายสิทธิชัย เทพภูษา รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี นางสาวอังศนา ลุยจันทร์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดอุทัยธานี นายชรินทร์ ไชยะ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุทัยธานี พล.ต.ต. ชัยรพ จุณณวัตต์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุทัยธานี นางไพรลิน นุ้ยปรี ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดอุทัยธานี หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน เข้าร่วมงาน

 จังหวัดอุทัยธานี ได้กำหนดจัดงานเทิดพระเกียรติสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก จังหวัดอุทัยธานี ประจำปี 2568 ในระหว่างวันที่ 1 – 9 เมษายน 2568 รวม 9 วัน 9 คืน ณ สวนน้ำเฉลิมพระเกียรติ(บึงพระชนกฯ)  อำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี โดยภายในงานนี้มีกิจกรรมหลัก ๆ ดังนี้ การแสดงแสง สี เสียง เทิดพระเกียรติสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก ปฐมบทต้นราชวงศ์จักรี การแสดงเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี

เนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย ประจำปี 2568 การแสดงม่านน้ำพุดนตรี การประดับตกแต่งอุโมงค์ไฟ การประกวดร้องเพลงไทยลูกทุ่ง 4 ประเภท (เยาวชน ผู้นำสตรี ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่) ชิม ช้อป สินค้าเด่นของจังหวัดอุทัยธานี และชมฟรีการแสดงลิเกและมินิคอนเสิร์ตจากเหล่าศิลปินนักร้องชื่อดัง ตลอด 9 วัน 9 คืน

ผู้ว่าฯศรีสะเกษเปิดงานเทศกาลไก่ย่างโลกและของดีห้วยทับทัน ประจำปี 2568 กระตุ้นศก.ชุมชน

ศรีสะเกษ/ ผู้ว่าฯศรีสะเกษเปิดงานเทศกาลไก่ย่างโลกและของดีห้วยทับทัน ประจำปี 2568 กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนเสริมสร้างรายได้ให้แก่ประชาชน

เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2568 ที่สนามหน้าที่ว่าการอำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานเปิดงานเทศกาลไก่ย่างโลกและของดีห้วยทับทัน ประจำปี 2568 ตามโครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งกิจกรรมสร้างสรรค์ของจังหวัดศรีสะเกษ ในระหว่างวันที่ 30 มีนาคม ถึงวันที่ 5 เมษายน 2568

อนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ

โดยมีนายตระการ ชาลี นายอำเภอห้วยทับทัน  นำผู้บริหาร อปท. ผู้บริหารสถานศึกษา  ข้าราชการ  พนักงาน อปท.  กำนัน  ผู้ใหญ่บ้านและประชาชนชาวอำเภอห้วยทับทัน  ร่วมในพิธีเปิดเป็นจำนวนมาก  ภายในงานมีกิจกรรมที่สำคัญประกอบด้วยการจัดนิทรรศการทางวิชาการของส่วนราชการ การประกวดผลผลิตทางการเกษตรกรรม  การประกวดธิดาไก่ย่างไม้มะดัน การจำหน่ายไก่ย่างไม้มะดัน ฯลฯ

ตระการ ชาลี นายอำเภอห้วยทับทัน

ทั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล Soft Power ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยและสร้างมูลค่าเพิ่มของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ คือ FOOD อาหารไก่ย่างไม้มะดัน และ FESTIVAL คือ การจัดงานประเพณีในพื้นที่และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในท้องถิ่นอำเภอห้วยทับทัน การพาณิชย์สนับสนุนผลผลิตทางการเกษตร กระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชนเสริมสร้างรายได้ให้แก่ประชาชน และสร้างความสมัคคีให้กับประชนชาวอำเภอห้วยทับทัน

ตลอดจนเป็นการขับเคลื่อนตามแนวทางของจังหวัด 1+10 วาระจังหวัดศรีสะเกษ ตามโครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งกิจกรรมสร้างสรรจังหวัดศรีสะเกษ ต่อไป  จึงขอเชิญชวนประชาชนทั่วไปเที่ยวชมงานเทศกาลไก่ย่างโลกและของดีห้วยทับทัน ประจำปี 2568 ในระหว่างวันที่ 30 มีนาคม ถึงวันที่ 5 เมษายน 2568  ที่สนามหน้าที่ว่าการอำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ ด้วย

เสนาะ วรรักษ์/ภาพ
บุญทัน ธุศรีวรรณ/ข่าว

ฮือฮา!ชาวพะเยาขุดดินปลูกบ้าน เจอพระโบราณเชื่ออายุร่วมพันปี

เจ้าของบ้านตะลึง จ้างแบ็คโฮขุดปรับพื้นดินในสวนมะพร้าวพบพระสิงห์ 1 ปางมารวิชัย เชื่อพระโบราณอายุร่วมพันปี ขณะที่ รองเจ้าคณะอำเภอจุน ชี้พระองค์ดำ พระพุทธรูปประจำวัดพระธาตุขิงแกง ที่หายไป

ชาวบ้านป่าซาง หมู่ 10 ต.ป่าซาง อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา แจ้งว่า ได้ขุดพบพระพุทธรูปฝังอยู่ในดิน ขณะจ้างรถแบ็คโฮมาปรับพื้นที่สวนมะพร้าวเพื่อเตรียมปลูกสร้างบ้าน โดยเมื่อรถแบ็คโฮขุดลงไปลึกประมาณ 2 เมตรก็พบพระพุทธรูปฝังอยู่ จึงนำขึ้นมาล้างและตั้งบูชาไว้บริเวณหน้าบ้านจนชาวบ้านและผู้คนทั่วไปทราบต่างนำดอกไม้ธูปเทียนพากันมากราบไหว้ ขอพร

จากการสังเกตรูปลักษณ์ของพระพุทธรูปคาดว่าน่าจะเป็นพระสิงห์ 1 ปางมารวิชัย อายุร่วม 1000 ปีมีขนาดหน้าตัก กว้าง 18 นิ้ว สูง 29 นิ้ว หนักกว่า 50 กก.เป็น เนื้อทองสัมฤทธิ์ออกสีเขียว พระอินทร์สภาพครบองค์สมบูรณ์ซึ่ง ตามประวัติศาสตร์พระสิงห์ 1 หนึ่งและสิงห์สองหรือพระเชียงแสนยุคตั้นนั้น.

มีพระเกศเป็นลักษณะบัวตูม พระศกขมวดเป็นก้นหอยชัดเจน สังฆฎิอยู่เหนือราวนมปลายเป็นแฉกคล้ายเขี้ยวตะขาบ ลักษณะปางมารวิชัย หรือปางสะดุ้งมาร ประทับนั่งอยู่บนฐานบัวคว่ำบัวหงาย เกษเป็นเส้นริ้วยาวสูง ลักษณะสมส่วนสวยงาม ”

ขณะที่พระครูนิปุณพัฒนกิจ (อินพัฒน์) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุขิงแกง รองเจ้าคณะอำเภอจุน ทราบข่าวได้เดินทางมาดูพระพุทธรูป พร้อมระบุคล้ายพระพุทธรูปที่หายไปจากวัดกว่า 80 ปีที่แล้ว ชาวบ้านเรียกว่าพระองค์ดำ พระพุทธรูปประจำของวัดพระธาตุขิงแกง

ด้านนางกัลยา เจ้าของสวนมะพร้าวที่ขุดพบพระพุทธรูป เล่าว่า ตนได้จ้างแบ็คโฮมาปรับพื้นที่สวนที่ได้ซื้อไว้ หลังจากที่รถแบ็คโฮได้กดบุ้งกี๋ลงไปในดินประมาณ 2 เมตร ปรากฎว่าได้เจอพระพุทธรูป จากนั้นนำขึ้นมาล้างแล้วนำมาตั้งบูชาบริเวณหน้าบ้านเพื่อให้ชาวบ้านมาสักการะบูชา สำหรับพระพุทธรูปองค์นี้หากมีหน่วยงานหรือวัดไหนมีหลักฐานยืนยันว่าเป็นของที่หายไปก็จะยินยอมมอบคืนให้

ยอดตายแผ่นดินไหวเมียนมาพุ่งเป็นกว่า 2,700 คนแล้ว ชาวบ้านขาดทั้งอาหาร-ที่พัก

สำหนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ความหวังในการพบผู้รอดชีวิตเพิ่มจากเหตุแผ่นดินไหวที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตพุ่งขึ้นเป็นกว่า 2,700 คน รวมถึงเด็กอนุบาล 50 คนในโรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองมัณฑะเลย์นั้น ริบหรี่ลงเรื่อยๆ ขณะกลุ่มบรรเทาทุกข์ซึ่งเข้าถึงพื้นที่ที่ประสบภัยรุนแรงที่สุดระบุว่า ต้องการเต็นท์ อาหาร และน้ำสะอาด เป็นการด่วน

แผนกดับเพลิงในเนปิดอว์ เมืองหลวงของพม่า เผยว่า สามารถช่วยหญิงวัย 63 ปีคนหนึ่งออกจากกองปรักหักพังได้เมื่อช่วงเช้าวันอังคาร หรือ 91 ชั่วโมงหลังจากถูกฝังเมื่ออาคารแห่งนั้นพังถล่มจากแผ่นดินไหวขนาด 7.7 ในวันศุกร์ที่ผ่านมา (28 มี.ค.)

ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตที่มีการอัปเดตล่าสุดพุ่งไปอยู่ที่ 2,719 คน อีกทั้งคาดหมายว่าจะสูงขึ้นอีกจนทะลุหลัก 3,000 คน พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารพม่ากล่าวระหว่างแถลงทางทีวีเมื่อวันอังคาร(1) เขาบอกด้วยว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 4,521 คน และยังคงสูญหาย 441 คน ทั้งนี้ ธรณีพิโรธคราวนี้มีจุดศูนย์กลางเหนือแผ่นดินไหวอยู่ใกล้ๆ มัณฑะเลย์ เมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศนี้

เวลานี้หลายพื้นที่ยังไม่มีกระแสไฟฟ้า โทรศัพท์ หรืออินเทอร์เน็ตใช้ ถนนหนทางและสะพานจำนวนมากได้รับความเสียหาย รวมทั้งยังมีการควบคุมการสื่อสารของรัฐบาลทหารพม่า เหล่านี้ล้วนแล้วเป็นอุปสรรคในการเข้าถึงพื้นที่ประสบภัยและประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยรายงานสถานการณ์ส่วนใหญ่มาจากเขตมัณฑะเลย์และเนปิดอว์เป็นสำคัญ

รัฐบาลทหารพม่าอ้างว่า พยายามรับมือกับภัยพิบัติอย่างดีที่สุด ทว่า รายงานจากหลายแหล่งระบุว่า ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมากองทัพพม่ายังคงระดมโจมตีกลุ่มติดอาวุธที่ต่อต้านรัฐบาล แม้หลังจากเกิดแผ่นดินไหวแล้วก็ตาม

มติ ครม. เคาะลดค่าไฟเดือน พ.ค. – ส.ค. 68 ไม่เกิน 3.99 บาทต่อหน่วย

นายกรัฐมนตรีแถลงครม.รับทราบมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้กับประชาชน ลดค่าไฟเดือนพ.ค.-ส.ค.เหลือหน่วยละไม่เกิน 3.99 บาท

เมื่อวันที่ 1 เม.ย. ที่ทำเนียยรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงหลังเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.รับทราบมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้กับประชาชน ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ โดยเสนอให้มีเป้าหมายในการปรับลดอัตราค่าไฟฟ้าที่จะประกาศเรียกเก็บกับผู้ใช้ไฟฟ้า ในรอบเดือนพ.ค.- ส.ค. 2568 โดยลดลงเหลือไม่เกินอัตราหน่วยละ  3.99 บาท โดยไม่มีการอุดหนุนจากงบประมาณของภาครัฐ

โคราชแล้ง ลำตะคอง เริ่มวิกฤต เตรียมสูบน้ำบาดาลช่วยพืชศก.ป้องสูญนับพันล้าน

จากสภาพอากาศแปรปรวน พายุฤดูร้อนในหลายพื้นที่ของ จ.นครราชสีมา เกิดฝนตกหนักแต่ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำของชลประทานมิได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด มีเพียง อ.โชคชัย และ อ.เฉลิมพระเกียรติ ได้รับผลกระทบจากน้ำไหลหลากกัดเซาะถนนซึ่งเป็นจุดก่อสร้างท่อระบายน้ำขององค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) นครราชสีมา ได้รับความเสียหายและอยู่ระหว่างดำเนินซ่อมแซม

สำนักงานชลประทานที่ 8 นครราชสีมา รายงานสถานการณ์น้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ 4 แห่ง ได้แก่ 1.เขื่อนลำตะคอง อ.สีคิ้ว ปริมาณน้ำใช้การได้ 33.63 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) คิดเป็น 11.53 % ของพื้นที่เก็บกัก 314 ล้าน ลบ.ม 2.เขื่อนลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย ปริมาณน้ำ 69.28 ล้าน ลบ.เมตร คิดเป็น 45.20 % ของพื้นที่เก็บกัก 155 ล้าน ลบ.เมตร 3.เขื่อนลำมูลบน อ.ครบุรี ปริมาณน้ำ 50.47 ล้าน ลบ.เมตร คิดเป็น 37.67 % ของพื้นที่เก็บกัก 141 ล้าน ลบ.เมตร และ 4.เขื่อนลำแชะ อ.ครบุรี ปริมาณน้ำ 112.79 ล้าน ลบ.เมตร คิดเป็น 42.09 % ของพื้นที่เก็บกัก 275 ล้าน ลบ.เมตร ส่วนอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 24 แห่ง มีปริมาณน้ำใช้การได้รวม 120.90 ล้าน ลบ.เมตร คิดเป็น 39.01 % ของพื้นที่เก็บกัก 335 ล้าน ลบ.เมตร

ด้านนายชัยวัฒน์  ชื่นโกสุม ผวจ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า ประเมินต้นทุนน้ำดิบในสถานเขื่อนลำพระเพลิง เขื่อนลำแชะและเขื่อนลำมูลบน หากปริมาณน้ำฝนตกไม่ถึง 1 พันมิลลิเมตร จนถึงช่วงฤดูฝน ทั้ง 3 เขื่อน ยังเหลือน้ำต้นทุนร้อยละ 80 สามารถใช้น้ำได้ตามความเหมาะสม ก่อนน้ำจะเข้ามาเติมในช่วงฤดูฝน ขอให้นายอำเภอ ฯ ชลประทานและเกษตรอำเภอ ลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับประชาชนและเกษตรกรถึงแนวทางการใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ทั้งนี้เขื่อนลำตะคอง ยังวิกฤต ต้องสงวนน้ำไว้ใช้รักษาระบบนิเวศน์และอุปโภค บริโภครอฝนตกลงมาเติม ภาคส่วนเกี่ยวข้องต้องลงพื้นที่สร้างการรับรู้ ทำความเข้าใจกับเกษตรกรผู้ปลูกไม้ยืนต้น พืชสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ เช่น ทุเรียน เงาะ ขนุน มะม่วง ฯลฯ ในพื้นที่ กว่า 1 หมื่นไร่ อ.ปากช่อง อ.หนองบุญมาก อ.เสิงสาง และอ.ครบุรี โดยแสวงหาน้ำบาดาลเตรียมสำรองใช้กรณีวิกฤต เพื่อให้เกษตรกรมีน้ำใช้อย่างเพียงพอ ลดความเสี่ยงเกิดความเสียหายกับผลผลิตที่มีมูลค่านับพันล้านบาท อย่างไรก็ตามปริมาณน้ำที่มีอยู่ในขณะนี้ สามารถบริหารจัดการได้ มีใช้อย่างเพียงพอ ไม่ขาดแคลนในช่วงตลอดฤดูแล้งนี้

ชาวบ้านบุกร้องผู้ว่าฯมหาสารคาม เดือดร้อนฌาปนกิจสงเคราะห์เบี้ยวจ่ายค่าปลงศพกว่า 2 ปี

ที่ศาลากลางจังหวัดมหาสารคาม ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน กว่า 100 คน พร้อมนายสิริ เอกโชติ ตัวแทนนายกสมาคมนักกฎหมายคุ้มครองสิทธิและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ซึ่งชาวบ้านทั้งหมดเป็นผู้เสียหายจากสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์วาปีปทุมและกองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์วาปีปทุม ที่มีสมาชิกกว่า 2 หมื่นราย  ที่ไม่ได้รับเงินฌาปนกิจสงเคราะห์ที่เก็บไปรายละ 400 บาทต่อเดือน ถ้าเสียชีวิต สมาคมจะจ่ายให้ศพละ 200,000 บาท นั้นมีมูลค่าความเสียหาย กว่า 1,400 ล้านบาท จากที่มีผู้เสียหายที่มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 5,000 ราย ซึ่งได้มีการเข้าแจ้งความดำเนินคดีตั้งแต่ 1 ต.ค. 2566 ตอนนี้ก็จะเข้าปี ที่ 2 แล้วคดีไม่คืบเรื่องการตรวจสอบบัญชีก็ไม่ไปไหน

หลังจากที่ผู้เสียหายบ้างส่วนได้เดินทางมาในวันนี้ เพื่อมาร้องขอความช่วยเหลือจาก นายวิบูรณ์ แววบัณฑิต ผวจ.มหาสารคาม ในฐานะผู้กํากับดูแลหน่วยงานราชการจังหวัดมหาสารคาม ในเรื่องการดำเนินคดีเกี่ยวสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์วาปีปทุม และกองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์วาปีปทุม ที่สภ.วาปปทุม มีความคืบหน้าถึงไหนแล้วผ่านมาจะ 2 ปี ยังไม่สามารถดำเนินคดีกรรมการของสมาคมได้เลยสักคน  และขั้นตอน การเยียวยาผู้เสียหายการคุ้มครอง หรือการรวมรวบทรัพย์ของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์วาปีปทุม และ กองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์วาปีปทุมเพื่อนำมาเยียวยาผู้เสียหาย และอยากให้พิจารณาแต่งตั้ง คณะกรรมการขึ้นมาหนึ่งชุด เพื่อแก้ไขปัญหาและติดตาม เรื่อง สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์วาปีปทุม และกองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์วาปีปทุม

ด้านนายวิบูรณ์ แววบัณฑิต ผวจ.มหาสารคาม ได้เชิญให้ทางผู้เสียหายทั้งหมดพูดคุยกันที่หอประชุมศาลากลางจังหวัดมหาสารคาม โดยได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาด้วย ทั้งเรียกตัวแทน อัยการ ตำรวจ พมจ. ได้เปิดเผยว่า จากที่สอบถามไปทางคดี ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของอัยการ จังหวัดได้ส่งเรื่องไปขอความเห็นส่งฟ้องกับทาง อัยการภาค 4 เพราะได้มีการร้องของคณะกรรมการสมาคมที่อัยการเหมือนกัน  แต่ข้อมูลที่ทางจังหวัดได้รับคือมีผู้เสียหายที่เข้าไปแจ้งความที่ สภ.วาปีปทุม ในตอนนี้ มีทั้งหมด 602 คน มูลค่าความเสียหายประมาณ 7-8 ล้าน ก็อยากให้ทางผู้เสียหายทียังไปเข้าแจ้งคามให้เข้ามาแจ้งความเพื่อดำเนินคดีให้มากที่สุด

ส่วนในเรื่องการตรวจสอบบัญชีนั้น จะได้ให้ทางสำนักงานผู้ตรวจสอบบัญชีจังหวัด และสหกรณ์จังหวัด ลงไปที่พื้นที่ในวันที่ 2 เม.ย.เพื่อไปทำการสอบสวนและจัดทำข้อมูลให้กับชาวบ้านและจะได้เร่งดำเนินการในส่วนอื่น ๆ ให้กับชาวบ้านที่ได้รับคงามเดือดร้อน ให้เร็วที่สุด 

ข้าวปุ้นจี่ ขนมโบราณ อุดรธานี แปลกใหม่ รสชาติอร่อยมาก กินคู่แจ่วบองสุดแซบ

ข้าวปุ้นจี่ ขนมโบราณของจังหวัดอุดรธานี สืบทอดมานานหลายปี ทำขายวันละหลายร้อยก้อน ข้าวปุ้นจี่ขนมแปลกใหม่รสชาติสุดแซบ กินคู่แจ่วบองสุดแซบ ชาวบ้านชื่นชอบ ราคาไม่แพง

นางณัฐฐา พรหมเทพ หรือ แม่อ้อย อายุ 60 ปี เผยว่า ข้าวปุ้นจี่มีวิธีการทำคล้ายๆ กับขนมจีน คือ แป้งใช้แป้งข้าวจ้าวและแป้งข้างเหนียว โดยนำข้าวไปโม่จนเป็นแป้งกรอง จากนั้นเอาแป้งที่ได้จากการกรองไปนึ่ง แล้วนำไปนวดอีกครั้งหนึ่ง จนได้เป็นแป้งข้าวปุ้นจี่ เอามาปั้นเป็นก้อนขนาดเท่าฝามือ

จากนั้นเอาไปย่างไฟอ่อนให้สุก ให้แป้งข้างนอกกรอบ นำไปกินเล่นเพลินปาก หากจะให้อร่อยดียิ่งขึ้นต้องกินคู่กับแจ่วบอง รสชาติอร่อยแซบ

ขนมแป้งข้าวปุ้นจี่ จะตั้งร้าน หน้าวัดป่าดงหนองตาล อ.เมือง จ.อุดรธานี ขายแผ่นละ 10 บาท ตอนนี้คนชื่นชอบมาก มีคนจ้างไปงานจัดเลี้ยง และออกงานโรงทานนอกสถาน

สนใจขนมแป้งข้าวปุ้นจี่ สามารถติดต่อได้ที่เบอร์ 085-696-6887 แม่อ้อยเจ้าของสูตรข้าวปุ่นจี่รสชาติสุดแซบ

ปักหมุด “แอ่วสงกรานต์น่าน นันทบุรี สุขสะหรีปีใหม่เมือง น้ำมนต์เย็นจิต ดนตรีม่วนใจ”

ททท.น่าน ชวนเปิดประสบการณ์ เที่ยวสงกรานต์เมืองน่าน อิ่มบุญ อบอุ่นหัวใจ กับสงกรานต์น่าน นันทบุรี สุขสะหรีปีใหม่เมือง สืบสานประเพณีโบราณ สรงน้ำ พระเจ้าทองทิพย์ วัดสวนตาล พระสิงห์น่าน วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร และพระหลักเมืองน่าน วัดมิ่งเมือง เสริมสิริมงคล สัมผัสเสน่ห์ล้านนา ชมประเพณี วัฒนธรรม การประชันสะโป้ก การประชันกลองแอว และการแสดงกลองปูจา ขบวนแห่พระเจ้าแวดเวียง และไปสนุกสุดขีด ที่ถนนข้าวแต๋น ใบเตย-มีนตรา- NO-ONE ELSE ร่วมสร้างสีสัน

นายโยธิน ทับทิมทอง ผอ.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานน่าน กล่าวว่า ปีนี้รัฐบาลโดยกระทรวงวัฒนธรรมได้กำหนดแนวทางการส่งเสริมเย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์ กับ 12 เมืองน่าเที่ยว กับกิจกรรมสงกรานต์บ้านฉัน สีสันแบบไทย สุขไกลทั่วโลก ซึ่งจังหวัดน่านเป็นจังหวัด 1 ใน 12 เมืองน่าเที่ยวที่ถูกกล่าวถึงในช่วงงานสงกรานต์ น่านเป็นจังหวัดเล็กๆที่มีความสวยงามทั้งธรรมชาติ ภูเขา ขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรม ที่ยังคงอนุรักษ์และสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะงานสงกรานต์ที่จังหวัดน่านน้อยคนที่จะรู้จักและเคยสัมผัส

โดยในปีนี้เอง จังหวัดน่าน สำนักงานวัฒนธรรม องค์การบริหารส่วนจังหวัดน่าน เทศบาลเมืองน่าน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สภาวัฒนธรรมจังหวัดน่าน และเครือข่ายภาคีชุมชนต่างๆ ได้ร่วมกันสืบสานประเพณีสงกรานต์จังหวัดน่ภายใต้กิจกรรม ประเพณีสงกรานต์น่าน นันทบุรี สุขสะหรีปีใหม่เมือง 2568 โดยมีกิจกรรมที่น่าสนใจ

ทั้งนี้วันที่ 11-16 เมษายน 2568ตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป กิจกรรม “สรงน้ำพระสิงห์น่าน บูชาตุง ข่วงสะหรีปีใหม่เมืองน่าน” ณ ลานวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร อำเภอเมืองน่าน วันที่ 13-14 เมษายน 2568 ตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป กิจกรรม “ถนนข้าวแต๋น ” พบกับกิจกรรมเล่นน้ำสงกรานต์ การแสดงดนตรีของเยาวชนจังหวัดน่าน และการแสดงมินิคอนเสิร์ตจากศิลปิน 13 เมษายน 2568 พบกับใบเตย อาร์สยาม 14 เมษายน 2568 พบกับมีนตรา อินทิรา 15 เมษายน 2568 พบกับ NO-ONE ELSE ณ ถนนข้าวแต๋น (ถนนสุมนเทวราช) อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน

และยังมีกิจกรรมตามขนบธรรมเนียมประเพณีของจังหวัดน่าน ที่จะเชิญชวนทั้งนักท่องเที่ยวและพี่น้องชาวน่านที่เดินทางกลับมายังบ้านเกิดช่วงนี้ได้ร่วมกิจกรรมที่เป็นสิริมงคลให้กับตนเองและครอบครัวในวันสงกรานต์ ได้เข้าร่วม พิธีสงเคราะห์สะตวงหลวงเมืองน่าน ชมการประชันสะโป้ก การประชันกลองแอว และการแสดงกลองปูจา ณ ข่วงวัดน้อยหน้าหอคำ บริเวณพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน) พิธีแก้มเลี้ยงพระหลักเมืองนครน่าน ณ วัดมิ่งเมือง ชมขบวนแห่พระเจ้าแวดเวียง ขบวนแห่น้ำสรงพระราชทานพระหลักเมืองน่าน ต้นกุ่มหลวง และสถานที่อีกแห่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาด วัดสวนตาลเป็นที่ประดิษฐานพระเจ้าทองทิพย์ ช่วงเช้าทำบุญตักบาตร พิธีสรงน้ำพระราชทาน พิธีสงเคราะห์เมือง ช่วงบ่ายชมขบวนรถพระเจ้าทองทิพย์(องค์จำลอง) และขบวนแห่พุทธรูปและขบวนนางสงกรานต์ และกิจกรรมทางวัฒนธรรมอีกมากมาย

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่อยากแนะนำช่วงฤดูร้อนสำหรับครอบครัว กิจกรรมท่องเที่ยวทางน้ำไม่ว่าจะเป็น กิจกรรมล่องแก่ง กิจกรรมพายซัพบอร์ดเวียงสา และท่าวังผา และกิจกรรมท่องเที่ยวเสน่ห์ริมน้ำน่านที่มีหาดต่างๆ ไว้บริการนักท่องเที่ยวสายชิวมีทั้งแพ อาหาร นั่งแช่เท้า เล่นน้ำหาดหินสวยน้ำใส ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติเพื่อคลายร้อน เช่น น้ำตกศิลาเพชร น้ำตกตาดหลวง หมู่บ้านประมงปากนาย สอบถามข้อมูลเพื่อวางแผนการท่องเที่ยวได้ที่ ททท.สำนักงานน่าน 054 – 711217-8 ไลน์ @tat.nan เพจบุ๊ค : ททท.สำนักงานน่าน หยุดสงกรานต์นี้อย่าลืมมาท่องเที่ยวเมืองน่ารักอย่างเมืองน่านกัน

โดย…ระรินธร เพ็ชรเจริญ รายงาน