ขุนหาญบุกทลายแหล่งผลิต-ขายปืนเถื่อนยึดของกลางเพียบ

ศรีสะเกษ -อำเภอขุนหาญ บุกทลายแหล่งผลิตและจำหน่ายอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ จับกุมผู้ต้องหาได้ 1 ราย พร้อมของกลางเพียบ

ปกครองอำเภอขุนหาญ ภายใต้การอำนวยการของ นายปวิช  รัตวาลย์ นายอำเภอขุนหาญ, พันเอก เอนก พรหมทา ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่ 3 กองกำลังสุรนารี นายสรวีย์ ศิริมา ปลัดอำเภอ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน จากสถานีตำรวจภูธรขุนหาญ พร้อมทั้งสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภอขุนหาญ ที่ 6 สนธิกำลัง ร่วมกันวางแผน จากข้อมูลของแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ โดยการวิเคราะห์ข้อมูล โดยรอบด้านที่ได้ข้อมูลมา พร้อมการสอบสวนทางลับ จนสามารถยืนยันสถานที่ได้อย่างชัดเจน ได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการ ลงพื้นที่ร่วมกันปฏิบัติการ (Quick Win) ตามนโยบายจัดระเบียบสังคม และปราบปรามผู้มีอิทธิพล

ตลอดทั้งสนองนโยบายของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ขยายผลกวาดล้างอาชญากรรม และการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ในเขตพื้นที่อำเภอขุนหาญ กรณี วัยรุ่นในพื้นที่ได้มีการทะเลาะวิวาท และมีการใช้อาวุธปืน แบบไทยประดิษฐ์ สร้างอิทธิพล ยิงกันโดยพบว่ามีการก่อเหตุมาอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่จึงได้บูรณาการด้านการข่าวทั้ง 3 ฝ่าย ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง จนได้สืบทราบว่า บ้านเลขที่ 113 หมู่ที่ 4 ตำบลกระหวัน อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นแหล่งผลิต และจำหน่ายอาวุธเถื่อน ชนิดแบบปืนไทยประดิษฐ์ จึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ ผลการปฏิบัติ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 ราย คือ นายเอกพจน์ น้ำหวาน อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 113 หมู่ที่ 4 ตำบลกระหวัน อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ พร้อมของกลางอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ จำนวน 18 กระบอก และชิ้นส่วนอุปกรณ์ ที่รอการประกอบเป็นอาวุธปืนอีกเป็นจำนวนมาก

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตั้งข้อหาแก่ นายเอกพจน์ น้ำหวาน ว่า มีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ และมีเครื่องกระสุนปืน ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และนายเอกพจน์ ได้ให้การรับสารภาพ และยอมจำนนต่อหลักฐาน ที่เจ้าหน้าที่บุกเข้ามาที่บ้าน โดยไม่รู้ตัวล่วงหน้ามาก่อน ต่างจากครั้งก่อนที่มีสายมาแจ้ง จึงทำการซ่อนของกลางก่อนได้ ยอมรับทำมาหลายปีแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้นำตัวผู้ถูกจับกุมพร้อมด้วยของกลางทั้งหมดส่งเจ้าพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรขุนหาญ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและขยายผลต่อไป

เสนาะ วรรักษ์/ รายงาน

ททท. เปิดเทศกาลเที่ยวเมืองไทยยกความมหัศจรรย์มาไว้ในงานเดียวครบทุกมิติ

ททท. เปิดเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 68 ครั้งที่ 43 คาดคนร่วมงาน 1.3 แสนคน สร้างการรับรู้ 45 ล้านคน-ครั้ง

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ได้จัดงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ประจำปี 2568 ครั้งที่ 43 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันนี้-30 มีนาคมนี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อเสิร์ฟความสุขให้คนไทย ยกความมหัศจรรย์มาไว้ในงานเดียวครบทุกมิติ ซึ่งถือเป็นงานที่คนไทยรอคอย และททท.ต้องการให้การจัดงานนี้สร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวตลอดทั้งปี โดยขนไฮไลต์พิเศษจาก 9 โซนกิจกรรมหลัก ที่จะพาดื่มด่ำกับเสน่ห์ของประเทศไทย ทั้งแลนด์มาร์กสำคัญ จุดถ่ายภาพสุดปัง ของดีของเด็ดจากทั่วประเทศ นวัตกรรมการท่องเที่ยวล้ำสมัย รวมถึงโชว์ศิลปวัฒนธรรมและการแสดงจากศิลปินชื่อดัง โดยคาดว่าในปี 2568 นี้ จะมีผู้เข้าร่วมชมงานตลอด 5 วันจัดงาน 130,000 คน สร้างการรับรู้ 45 ล้านคน-ครั้ง รับรองว่าใครที่ร่วมงานนี้จะได้ความรู้สึกแบบแกรนด์ โมเมนต์อย่างแน่นอน

“เทศกาลเที่ยวเมืองไทยในครั้งนี้ ททท.ยังคงเน้นความเป็นสายเลือดในฐานะหน่วยงานส่งเสริมแนวทางการท่องเที่ยวยั่งยืนอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ผ่านกิจกรรมที่ขนมาแบบหลากหลาย โดยเฉพาะเน้นความยั่งยืนมากขึ้น ผ่านกิจกรรมลดโลกเลอะ Zero Waste to Landfills กำหนด 14 จุดบริการคัดแยกขยะทั่วงาน เพื่อช่วยลดปริมาณขยะที่ส่งไปยังบ่อฝังกลบให้น้อยที่สุดโดยขยะทุกชนิดจะได้รับการคัดแยกและกำจัดอย่างถูกวิธีปีนี้ตั้งเป้าหมายท้าทายขึ้นไปอีกกับการลดปริมาณขยะที่ไม่ได้แยกสูงสุดที่ 10% สะท้อนความตั้งใจให้การท่องเที่ยวเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความยั่งยืนอย่างแท้จริง” นางสาวฐาปนีย์ กล่าว

นางสาวฐาปนีย์ กล่าวว่า สำหรับ 9 โซนกิจกรรมสุดยิ่งใหญ่ ได้แก่ 5 โซนหมู่บ้านจากทุกภูมิภาค และ 4 โซนกิจกรรมสำคัญแต่ละโซนจัดเต็มนำเสนอแลนด์มาร์กสุดไอคอนิก จุดถ่ายภาพ อาหารและสินค้าท้องถิ่นจากทั่วประเทศ ทั้งนี้ ขอเชิญชวนให้ทุกคนดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Amazing Thailand ซึ่งจะมีฟังก์ชันแผนที่ 3D และระบบนำทาง AR ช่วยให้ผู้เข้าร่วมงานสามารถเห็นผังการจัดงานแบบ 3 มิติ หาจุดแลนด์มาร์ก บูธ หรือร้านค้า ภายในงานได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ตลอดจนสามารถดูตารางกิจกรรมเวทีหลัก พร้อมแจ้งเตือนล่วงหน้าหากมีกิจกรรมที่สนใจ โดยบริเวณเวทีกลางเพิ่มดีกรีความสนุกด้วยการแสดงดนตรี ศิลปินที่มีชื่อเสียงและการแสดงทางศิลปวัฒนธรรมทุกวัน

นางสาวฐาปนีย์ กล่าวว่า ขอเชิญชวนให้ทุกคนดาวน์โหลดแอพพลิเคชัน Amazing Thailand ซึ่งจะมีฟังก์ชันแผนที่ 3D และระบบนำทาง AR ช่วยให้ผู้เข้าร่วมงานสามารถเห็นผังการจัดงานแบบ 3 มิติ หาจุดแลนด์มาร์ก บูธ หรือร้านค้า ภายในงานได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ตลอดจนสามารถดูตารางกิจกรรมเวทีหลัก พร้อมแจ้งเตือนล่วงหน้าหากมีกิจกรรมที่สนใจ รวมทั้งชวนร่วมกิจกรรมแลกรับ Art Toy Journey Collection และของที่ระลึกจาก ททท. เพียงรับพาสปอร์ตจากบูธ 1672 Travel Buddy ที่โซนที่ 1 Amazing Thailand : สุขทันที 65 ปี ททท. แล้วสะสมยอดค่าใช้จ่ายภายในงาน ระหว่างวันที่ 26-30 มีนาคม 2568

ทั้งนี้ 9 โซนกิจกรรมหลัก ได้แก่ โซนที่ 1 Amazing Thailand : สุขทันที 65 ปี ททท. ชวนไป “ฮีลใจ” รับความสุขสุดๆ กับแคมเปญสื่อสารและบริการต่างๆ พร้อมลุ้นรับของที่ระลึกสุดพิเศษ Art Toy Journey Collection และพลาดไม่ได้กับกิจกรรมเติมความสุขเต็มสตรีมแบบไม่กั๊ก กิจกรรมไลฟ์สุดพิเศษของศิลปินวง DICE และนักแสดงจากซีรีส์ GELBOYS สถานะกั๊กใจ รวมทั้งร่วมพูดคุยกับ นักแสดงนำจากซีรี่ย์เรื่อง RESET

เข้าสู่หมู่บ้านภูมิภาค โซนที่ 2 หมู่บ้านภาคตะวันออก เปิดประสบการณ์ความมหัศจรรย์ทุกเฉดสีของ 9 จังหวัดภาคตะวันออก ผ่านแนวคิด “5 Must Do in the East” โดดเด่นด้วยแลนด์มาร์กอาณาจักรผีเสื้อแห่งผืนป่าตะวันออก อุทยานแห่งชาติปางสีดา และอุทยานแห่งชาติตาพระยา จ.สระแก้ว พร้อมจุดถ่ายภาพซุปตาร์ที่โด่งดังไปทั่วโลก “น้องหมูเด้ง” ความสูง 2 เมตร

โซนที่ 3 หมู่บ้านภาคกลาง พร้อมเปิดบ้านต้อนรับด้วยแนวคิด “5 Must Do in Central Thailand” เที่ยวใกล้ เที่ยวง่าย เที่ยวได้ตลอดปี ชวนย้อนวันวานเป็นคนกรุงสุดโก้ในบรรยากาศสถานีรถไฟหัวลำโพงและโบกี้รถไฟ SRT Royal Blossom จุดเริ่มต้นของการเดินทางที่สุดแสนคลาสสิก และจำลองพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน เป็นแลนด์มาร์กไอคอนิคที่มาพร้อมกิจกรรมถ่ายภาพสตูดิโอย้อนยุค ภายในหมู่บ้านจัดไฮไลต์ โซนล้านตลาดถนนคนเดิน ขนร้านอาหารการันตีรางวัลและร้านเก่าแก่มาเสิร์ฟแน่นๆ

โซนที่ 4 หมู่บ้านภาคเหนือ ชวนสัมผัสเสน่ห์เมืองล้านนากับคอน “SEASON OF NORTH 2025” ผ่าน “5 Must Do in Northern Thailand” ที่มาพร้อมการตกแต่งบรรยากาศสไตล์ Modern Lanna พบแลนด์มาร์กจอ LED ขนาดยักษ์ ฉายภาพแหล่งท่องเที่ยวและ 3D Animation “น้องเอวา” เสือโคร่งหน้าแบ๊ว สุดน่ารักประจำไนท์ซาฟารี จ.เชียงใหม่ และจุดถ่ายภาพ “ศิลาสปา นวดฟ้อนเล็บ” ฉากแหล่งท่องเที่ยว 3 มิติ ถ้ำสีฟ้า จ.ตาก จำลองเทศกาลสงกรานต์ภาคเหนือ ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมือง จ.เชียงใหม่

โซนที่ 5 หมู่บ้านภาคใต้ หล๊บเรินปักษ์ใต้บ้านเฮากับแนวคิด “5 Must do in Thailand : GO SOUTH” เสิร์ฟอัตลักษณ์พหุวัฒนธรรมตั้งแต่แลนด์มาร์กป้าย SOUTHERN Village กับน้องโลมาสีชมพู และ วงเวียนสุรินทร์จังหวัดภูเก็ต วังยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี และซุ้มประตูสีสันลายผ้าปาเต๊ะ ผ้าบาติก และลูกปัดโนรา ก่อนวาร์ปไปหรอยแรงกันที่ “หลาดหรอยเพ Must Taste” อัดแน่นเมนูอาหารรสใต้ ดื่มด่ำสัมผัสวิถีแบบคนใต้ ทั้งกาเฟ โรตี ชาชัก เครื่องดื่ม

โซนที่ 6 หมู่บ้านภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หลงรักถิ่นอีสานไปกับแนวคิด บอกเล่า“ประเพณีสีอีสาน วิถีแห่งศรัทธา” ของพื้นที่ราบสูง 20 จังหวัด ภายใต้แนวคิด 5 Must Do in Isan ตั้งตระหง่านแลนด์มาร์กสุดว้าว ต้นกระธูปยักษ์ไฮเทค ความสูง 7 เมตร และกระธูปบริวาร สะท้อนงานบุญเดือนสิบ จ.ชัยภูมิ และจุดถ่ายภาพ งานบุญกระธูป จ.ชัยภูมิ มาลัยข้าวตอก จ. ยโสธร และผีตาโขน จ.เลย ห้ามพลาดเติมความแซ่บนัวในโซน Must Taste “หม่องแซ่บนัว” กับเมนูเด็ดเป็นตาแซ่บ ชวน “น้ำลายแตก” รวมกว่า 40 ร้าน

โซนที่ 7 พันธมิตรและห้าง ททท ได้แก่ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กระทรวงวัฒนธรรม หอการค้าไทย บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ตำรวจท่องเที่ยว บริษัท ปตท. จำกัด สถาบันวิจัยดารา ศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NARIT การรถไฟแห่งประเทศไทย รวมทั้งรวบรวมดีลสุดพิเศษจากผู้ประกอบการท่องเที่ยว 8 หน่วยงาน เสนอแพ็กเกจท่องเที่ยวผ่าน “ห้าง ททท.

โซนที่ 8 เวทีกลาง เพิ่มดีกรีความสนุกด้วยการแสดงดนตรี ศิลปินที่มีชื่อเสียง และการแสดงทางศิลปวัฒนธรรม ได้แก่ ศรราม น้ำเพชร, ก้านตอง ทุ่งเงิน, วง MEAN, ASIA 7, เอิ๊ต ภัทรวี, เรนิษรา, วงกางเกง, ต่าย อรทัย, ไรอัล กาจบัณฑิต, อ๋อมแอ๋ม เพชรบ้านแพง, Monica, เบล วริศรา, ดอกอ้อ ทุ่งทอง, Ponchet ,เป๊ก ผลิตโชค, สุนทราภรณ์, Goldred, เต๋า ภูวศิลป์, เล็ก รัชเมศฐ์ รวมทั้งกิจกรรม Fan Meeting กลัฟ คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์ และใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์

โซนที่ 9 Sustainable Tourism Goals ตอกย้ำหมุดหมายของการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวยั่งยืน การท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ พบไฮไลต์แลนด์มาร์ก วาฬบรูด้า ประติมากรรมขยะพลาสติก กว่า 90 กิโลกรัม สร้างสรรค์โดย Wishulada ศิลปินผู้ผลิตงานศิลปะจากขยะและของเหลือใช้ เพื่อสะท้อนปัญหาการจัดการขยะ ควบคู่กับการนำเสนอแนวคิดความยั่งยืน

ชาวบ้านสุดทน โรงงานกัญชา ส่งกลิ่นเหม็นทั้งวัน คนแก่เวียนหัว เด็กไอเป็นเลือด

ชาวบ้านสุดทน โรงงานกัญชา ส่งกลิ่นเหม็นทั้งวัน คนแก่เวียนหัว เด็กไอเป็นเลือด ตรวจพบดูแลอย่างดี ติดแอร์ 30 ตัว เจ้าของหาย ทิ้งแรงงานเวียดนามไว้ให้โดนจับ

นายภานุมาศ จิตรวศินกุล เจ้าของเพจเฮียเปี๊ยกช่วยด้วย นำเอกสารหลักฐานการร้องขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน กว่า 70 หลังคาเรือนในชุมชนบ้านโนนสวรรค์ หมู่ 13 ต.เชียงยืน อ.เมือง จ.อุดรธานี เข้าพบ ผอ.ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุดรธานี

เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานผลิตกัญชา หลังชาวบ้านในพื้นที่เดือดร้อนหนัก จากกลิ่นฉุนและเหม็น 24 ชั่วโมง คนแก่เวียนหัวแทบเดินไม่ได้

เมื่อไปถึงพบโกดังดังกล่าว พบว่าภายในติดแอร์กว่า 30 ตัว ด้านหลังพบไร่กัญชา และมีกัญชาตากแห้งจำนวนหนึ่ง โดยประตูโกดังเปิดอยู่ เจ้าหน้าที่ได้เรียกผู้ดูแล แต่ไม่มีใครออกมา พบเพียงแรงงานชาวเวียดนาม 3 คน อยู่ด้านใน นั่งเฝ้าต้นกัญชาในห้องแอร์ เจ้าหน้าที่จึงขอตรวจใบอนุญาตทำงาน ปรากฏว่าไม่มีใบนำแสดง จึงจับดำเนินคดี

ผู้สื่อข่าวสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ ถึงผลกระทบที่ได้รับ ชาวบ้านบอกว่า ได้กลิ่นเหม็นกัญชาจากโรงงานนี้แทบทุกวัน บางวันช่วงเย็น บางวันช่วงบ่าย บางวันดึก ๆ จนเช้าเกือบ 24 ชม. ก็ว่าได้ มีกลิ่นเหม็นของกัญชาจจนนอนไม่ได้ หลายคนมีอาการแสบตาไออย่างรุนแรง อย่างเด็กวัย 7 ขวบ ไอจนเป็นเลือด

เจ้าหน้าที่อำเภอแจ้งกับผู้สื่อข่าวว่า ทางอำเภอจะรายงานไปยังผู้ว่าฯอุดรธานี พร้อมประสานเจ้าของโรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนัดให้มาชี้แจงอีกครั้งหนึ่ง ถ้าพบว่ามีความผิดในส่วนใดก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ทั้งนี้ทราบว่าโรงงานปลูกกัญชาแห่งนี้เป็นของนายทุนชาวเวียดนาม

รถสิบล้อเสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้าที่อุทัยธานีไฟดับทั้งจังหวัด

กลางดึกที่ผ่านมาของวันที่  27มี.ค.68 เกิดเหตุรถบรรทุกสิบล้อ ทะเบียน 81-3976อุทัยธานี ที่วิ่งด้วยความเร็ว บนถนน หมายเลข 333 ผ่านสี่แยกไฟแดงหน้าวัดสังกัสรัตนคีรี พุ่งเข้าชนเสาไฟฟ้าแรงสูง บริเวณปั้มบางจาคเต็มแรง จนเสาไฟฟ้าหักโค่น ส่งผลให้เกิดไฟฟ้าดับทั้ง 8 อำเภอ ของจังหวัดอุทัยธานี จนเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าอุทัยธานี ตำรวจ และฝ่ายปกครอง นำโดย นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี ต้องเข้าอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ กระทั่งเจ้าหน้าที่สามารถนำรถเครน รถกระเช้า เข้าทำการซ่อมแซม จนสามารถเปิดจ่ายกระแสไฟฟ้าได้อีกครั้ง หลังเวลาผ่านไปกว่า 2 ชั่วโมง

ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า เห็นรถสิบล้อคันดังกล่าว ขับมาด้วยความเร็วสูง และเสียหลักชนฟุตบาตด้านซ้าย เลยเข้าไปชนเสาไฟฟ้าแรงสูงข้างทางจนหักโค่น สภาพรถเสียหายอย่างหนัก คนขับร่างหลุดออกจากห้องโดยสาร ออกมาภายนอกรถ ได้รับบาดเจ็บสาหัส พลเมืองดีเร่งนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลอุทัยธานี อย่างเร่งด่วน  ส่วนสาเหตุเจ้าหน้าที่จะได้สอบสวนต่อไป

เตรียมจัดโบว์ลิ่งการกุศล เพื่อหาทุน ในการจัดซื้อ เครื่องมือแพทย์ ให้โรงพยาบาลที่ขาดแคลน

นายทศพล  หิมพานต์ นายกสมาคมนักร้องลูกทุ่งแห่งประเทศไทยร่วมกับนายรัฐณกรณ์  อมรวีระวัฒน์ นายกสมาคมช่างภาพสื่อมวลชนดิจิทัลพร้อมด้วยนายสรรเสริญ  จันทรมณี เข้าร่วมประชุมเพื่อปรึกษา หารือ ในการจัดโครงการ การแข่งขันโบว์ลิ่ง เพื่อการกุศล เพื่อรวบรวมทุนจัดหาซื้อเครื่องมือแพทย์ มอบให้โรงพยาบาลที่ยังขาดแคลนกับร.ต.ท.ดร.มนัส  โนนุช  ประธานกรรมการมูลนิธิมิราเคิลออฟไลฟ์ และรองประธานสภาสงเคราะห์แห่งประเทศไทยพร้อมผู้ร่วมสนับสนุนโครงการเข้าร่วมประชุมด้วย ณ ห้องประชุม มูลนิธิ มิราเคิลออฟไลฟ์ เมื่อ วันก่อน

เข้าพบ ดร.มนัส โนนุช ประธานกรรมการมูลนิธิมิราเคิลออฟไลน์

เมื่อวันที่ 26 มี.ค.2568   นายทศพล หิมพานต์ นายกสมาคมนักร้องลูกทุ่งแห่งประเทศไทย และนายสายัณห์ ลายไทย กรรมการสมาคมฯ พร้อมด้วย นายรัฐณกรณ์ อมรวีระวัฒน์  นายกสมาคมช่างภาพ สื่อมวลชนดิจิทัล และนายสรรเสริญ จันทร์มณี , ใหม่ รำมะนา ที่ปรึกษาสมาคมช่างภาพสื่อมวลชนดิจิทัล เข้าพบดร.มนัส โนนุช ประธานกรรมการมูลนิธิมิราเคิลออฟไลน์ และประธานสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อขอคำปรึกษาการจัดกิจกรรมการกุศลฯ  ณ  มูลนิธิมิราเคิลออฟไลน์  ถนนรถไฟ จตุจักร

นักท่องเที่ยวแห่เล่นน้ำท้ายเขื่อนแควน้อยคลายร้อนปลุกท่องเที่ยว-เศรษฐกิจเมืองพิษณุโลกคึกคัก

พิษณุโลก-นักท่องเที่ยวเมืองสองแควและใกล้เคียงแห่เล่นน้ำท้ายเขื่อนแควน้อย กระตุ้นท่องเที่ยว เศรษฐกิจชุมชนคึกคักช่วงหน้าร้อน

จังหวัดพิษณุโลก เปิดนั่งแคร่ แช่น้ำแควน้อย” รับนักท่องเที่ยวมาเล่นน้ำคลายร้อน  ยาว ถึง สิ้นเมษายน ปีนี้มีซุ้มบริการนักท่องเที่ยว กว่า  650 ซุ้ม กระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ ขณะที่วันนี้อากาศร้อน ประชาชนต่างพาบุตรหลานมาเล่นกันน้ำกันอย่างคึกคัก

ที่บริเวณจุดเล่นน้ำท้ายเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ตำบลคันโช้ง อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก นายทวี เสริมภักดีกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานเปิดกิจกรรมท่องเที่ยว นั่งแคร่ แช่น้ำแควน้อย เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของชุมชน ซึ่งแหล่งท่องเที่ยวท้ายเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของอำเภอวัดโบสถ์และจังหวัดพิษณุโลก ให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างรายได้ให้กับชาวตำบลคันโช้ง กว่า 800 ครัวเรือนและพื้นที่ใกล้เคียง ในช่วงว่างจากการทำเกษตรกรรม โดยในปีนี้ได้จัดทำซุ่มแคร่สำหรับเล่นน้ำจำนวน 630 ซุ้ม เพื่อบริการนักท่องเที่ยวมาเล่นน้ำคลายร้อนกันอย่างสนุกกสนาน

นายทวี เสริมภักดีกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก  กล่าวว่า เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 เพื่อช่วยเหลือราษฎรในพื้นที่ลุ่มน้ำแควน้อยตอนล่างที่ประสบปัญหาอุทกภัย รวมทั้งเป็นแหล่งน้ำสำหรับการเพาะปลูก และอุปโภค-บริโภค ในแต่ละปีนี้ทาง อบต.คันโช้ง ร่วมกับเขื่อนแควน้อย กรมชลประทาน จัดกิจกรรมคลายร้อนให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว ได้มาเล่นน้ำ โดยทาง อบต.คันโช้ง ได้ขออนุญาตจากกรมชลประทาน อย่างถูกต้อง เพื่อบริการนักท่องเที่ยว และประชาชน ได้พาครอบครัว มาเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนานตลอดระยะเวลา 2 เดือน

โดยได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ดูแลเรื่องความสะอาด  และความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเป็นหลัก ส่วนอาหารที่บริกานักท่องเที่ยวก็ต้องสะอาดเป็นหลัก จึงขอเชิญประชาชนและนักท่องเที่ยว มาเล่นน้ำคลายร้อนที่ท้ายเขื่อนแควน้อย ซึ่งไม่ไกลจากตัวเมืองพิษณุโลก เพียงประมาณ 50 กิโลเมตรเท่านั้น

 ในวันอากาศร้อน และเป็นช่วงวันหยุด มีประชาชนพาครอบครัว มาเล่นน้ำกันอย่างคึกคัก โดยหลังจากผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วยนายกเหล่ากาชาด และหัวหน้าส่วนในพื้นที่ อ.วัดโบสถ์ ได้ร่วมพิธีเปิดจุดเล่นน้ำแล้ว ได้ร่วมรับประทานอาหาร และสนุกกับบรรยากาศเล่นน้ำกับประชาชนที่มาเล่นน้ำอีกด้วย

อำเภอน้ำเกลี้ยงจัดงานใหญ่สืบสานประเพณีบุญผะเหวดเทศน์มหาชาติ

อำเภอน้ำเกลี้ยงเปิดงานใหญ่ เฉิดไฉไล ! สืบสานประเพณีบุญผะเหวดเทศน์มหาชาติ สักการะศาลหลักเมือง ส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน สร้างรายได้ให้แก่สินค้าชุมชน

เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2568 เวลา 18.00 น ที่ผ่านมา ณ สนามหน้าที่ว่าการอำเภอน้ำเกลี้ยง จังหวัดศรีสะเกษ นายสุกิจ เหลืองสกุลไทย ปลัดจังหวัดศรีสะเกษ เดินทางมาเป็นประธานประธานในพิธีเปิดงานสืบสานประเพณีบุญผะเหวดเทศน์มหาชาติ

โดยมี นายศดิศ ณิชกุล นายอำเภอน้ำเกลี้ยง กล่าวรายงานถึงการจัดงาน งานครั้งนี้มี นายสมปอง พงษ์วัน ปลัดอาวุโสอำเภอน้ำเกลี้ยง ได้ดำเนินงานเชิญหัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงาน รัฐวิสาหกิจ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้นำปกครองท้องที่ กลุ่มองค์กรเครือข่ายภาครัฐและเอกชน รวมทั้งชาวอำเภอน้ำเกลี้ยง มาร่วมงานด้วย

สุกิจ เหลืองสกุลไทย ปลัดจังหวัดศรีสะเกษ

นายศดิศ ณิชกุล นายอำเภอน้ำเกลี้ยง กล่าวว่า งานสืบสานประเพณีบุญผะเหวดเทศน์มหาชาติ สักการะศาลหลักเมือง และของดีอำเภอน้ำเกลี้ยง ครั้งที่ ๒ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๘ ในวันนี้ โดยสภาวัฒนธรรรมอำเภอน้ำเกลี้ยง ร่วมกับส่วนราชการทุกภาคส่วน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถานศึกษา และชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมกันจัดงานขึ้น

ศดิศ ณิชกุล นายอำเภอน้ำเกลี้ยง

ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการสร้างอัตลักษณ์ และเผยแพร่ของดีอำเภอน้ำเภอน้ำเกลี้ยง ให้เป็นที่ประจักกันอย่างแพร่หลาย ตลออดทั้ง เป็นการสนับสนุนการจัดกิจกรรม  ๑ อำเภอ ๑ เทศกาลสร้างสรรค์ โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้ เพื่อสนับสนุนประเพณี วัฒนธรรมท้องถิ่นชุมชน และน้อมสักการะศาลหลักเมือง เป็นประจำ

อีกทั้งสร้างความรัก ความสามัคคี ในวิถีชุมชนสองแผ่นดิน (ชาวกุยและชาวลาว) และเฉลิมฉลอง การตั้งเมืองน้ำเกลี้ยง ครบรอบ ๓๙ ปี พร้อมทั้ง ส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน สร้างรายได้ให้แก่สินค้าชุมชน

การจัดงานครั้งนี้ ประกอบด้วย การออกร้านนิทรรศการ ของดีคนน้ำเกลี้ยง จากส่วนภาครัฐภาคเอกชน การจัดจำหน่ายสินค้าชุมชน (OTOP) การประกวดผลผลิตทางการเกษตร การแสดงเดินแบบผ้าไทยใสให้สนุก การแสดงวิถีชุมชนสองแผ่นดิน (กูยและลาว) ฯลฯ โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณการจัดงานจากจังหวัด

ประเด็นการพัฒนาที่ ๑ ยกระดับการผลิตสินค้าเกษตรสู่มาตรฐานอย่างครบวงจรโครงการส่งเสริมการประชาสัมพันธ์ และกิจกรรมการท่องเที่ยว และได้รับการสนับสนุนจาก คณะสงฆ์อำเภอน้ำเกลี้ยงสภาวัฒนธรรมอำเภอน้ำเกลี้ยงส่วนราชการทุกภาคส่วน ท้องถิ่น ท้องที่สถานศึกษา และเครือข่ายภาคเอกชน

เสนาะ วรรักษ์/รายงาน

“บิ๊กเต่า”นำทัพ บุกจับพันเอกหญิง-แพทย์หญิง เครือข่ายทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก

“บิ๊กเต่า” นำตำรวจ ปปป. ทลายเครือข่ายทุจริตยาโรงพยาบาลทหารผ่านศึก จับพันเอกหญิง พร้อมแพทย์หญิง ตัวการสำคัญและผู้ร่วมขบวนการ กว่า 10 ราย พบทำมาตั้งแต่ปี 61 มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นอยู่ที่ประมาณ 80 ล้านบาท

เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 26 มี.ค. 68 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.อ.เพิ่มวุฒิ ประทุมราช ผกก.1 บก.ปปป. นำเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.1 บก.ปปป. นำกำลังร่วมกับ ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. ลุยตรวจค้นเป้าหมาย 18 จุดในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร ลพบุรี และปราจีนบุรี ชลบุรี เพื่อจับกุมผู้ต้องหาขบวนการทุจริตเบิกจ่ายยาโรงพยาบาลทหารผ่านศึกก่อนนำไปขายต่อให้กับบุคคลภายนอก

สำหรับเป้าหมายสำคัญจุดแรก อยู่ที่บ้านพักของ พันเอกหญิง กัญญารัตน์ จิตต์ประสงค์ อายุ 59 ปี ข้าราชการบำนาญ ในย่านเกียกกาย ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง 3 ข้อหา เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ม.157, เป็นเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์, เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารอันเป็นเท็จ, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ

สำหรับ พันเอกหญิง กัญญารัตน์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการทุจริตดังกล่าว เป็นถึงหัวหน้าขบวนการ ทำหน้าที่จัดหาเครือข่ายบุคคลจากจังหวัดลพบุรี เข้ามารับยาจากโรงพยาบาลทหารผ่านศึก และนำยาทั้งหมดที่ได้ให้กับแม่ทีมเครือข่ายเพื่อแลกกับค่าจ้างร้อยละ 10 ของค่ายา โดยแม่ทีมเครือข่ายจะได้ค่าจ้างรายหัวอีกรายละ 1,500 บาท

นอกจากนี้ยังอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญคือ บ้านพักของแพทย์หญิงบรินดา อุจวาที อายุ 48 ปี ผู้ชำนาญการโรงพยาบาลทหารผ่านศึก ตั้งอยู่ในพื้นที่ย่านลาดพร้าว 71 โดยตัวแพทย์หญิงบรินดา ถือเป็นอีกหนึ่งผู้ต้องหาคนสำคัญของขบวนการ เนื่องจากเป็นคนทำหน้าที่สั่งจ่ายยา ด้วยการวินิจฉัยโรคให้เกินจากโรคที่เป็นอยู่จริงกับผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นผู้ป่วยที่เข้ามารับยาในขบวนการนี้

สำหรับที่ไปที่มาของปฏิบัติการครั้งนี้สืบเนื่องจาก ก่อนหน้านี้พลเอกเดชนิธิศ เหลืองงามขำ ผู้อำนวยการองค์การทหารผ่านศึก ได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน บก.ปปป. ให้ดำเนินการคดีกับขบวนการทุจริตยาของโรงพยาบาลทหารผ่านศึกเพื่อนำไปขายต่อให้กับบุคคลภายนอก หลังพบว่ามีการทุจริตมาตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปัจจุบัน

แนวทางการสืบสวนพบทั้งหมดร่วมกันทำเป็นขบวนการ มีพันเอกหญิง กัญญารัตน์ เป็นหัวหน้าขบวนการ วางแผนตระเตรียมให้แม่ขายจัดหาบุคคลมาพบแพทย์ ทำทีตรวจรักษากับแพทย์หญิงบรินดา เพื่อที่แพทย์หญิงบรินดาจะได้สั่งจ่ายยาให้กับผู้นั้น และสั่งจ่ายยาที่เกินจากโรคที่เป็นอยู่จริง ก่อนจะรวบรวมยาทั้งหมดแล้วนำไปขายตามคลินิก หรือร้านยาต่างๆ แล้วนำเงินที่ได้มาแบ่งกัน

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของ พันเอกหญิง กัญญารัตน์ ช่วงระยะเวลาตั้งแต่ปี 2561-2568 มีเงินถูกโอนเข้าบัญชีรวมกว่า 40 ล้านบาท ขณะที่ความเสียหายจากการทุจริตดังกล่าวขณะนี้มีการประเมินความเสียหายไว้อยู่ที่ประมาณ 80 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามจากปฏิบัติการดังกล่าว เบื้องต้นขณะนี้มีรายงานเข้ามาแล้วว่า เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัว พันเอกหญิงกัญญารัตน์ แพทย์หญิงบรินดา สองผู้ต้องหาคนสำคัญของขบวนการได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างคุมตัวไปสอบปากคำยัง บก.ปปป.

ได้ไปต่อ!ยกมือหนุน “อิ๊งค์” ผ่านซักฟอก 319 ต่อ 162 เสียง งดออกเสียง7

“นายกฯ อิ๊งค์” ผ่านฉลุยศึกซักฟอก ที่ประชุมลงมติไว้วางใจ 319 ต่อ 162 เสียง งดออกเสียง 7 “ชวน”นำทีม 4สส.ปชป.งดออกเสียง

เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2568 เมื่อเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม มีวาระสำคัญคือ การลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ภายหลังจากการเสร็จสิ้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจไปเมื่อวันที่ 24-25 มี.ค. โดยใช้วิธีเสียบบัตรลงคะแนน โดยมีจำนวน สส. ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้จำนวน 493 คน ซึ่งการลงมติไม่ไว้วางใจจะต้องได้คะแนนเกินกึ่งหนึ่ง หรือ 247 คะแนนขึ้นไป

“นายกฯ อิ๊งค์” ผ่านฉลุยศึกซักฟอก 319 ต่อ 162 งดออกเสียง7

โดยขณะนี้เสียงพรรคร่วมฝ่ายค้าน 5 พรรค มี 171 คน แบ่งเป็นพรรคประชาชน 143 คน พรรคพลังประชารัฐ 20 คน พรรคไทยสร้างไทย 6 คน พรรคเป็นธรรม 1 คน พรรคไทยก้าวหน้า 1 คน ขณะที่ ส.ส. พรรคร่วมรัฐบาล 11 พรรค มี 322 คน แบ่งเป็นพรรคเพื่อไทย 142 คน พรรคภูมิใจไทย 69 คน พรรครวมไทยสร้างชาติ 36 คน พรรคประชาธิปัตย์ 25 คน พรรคกล้าธรรม 24 คน พรรคชาติไทยพัฒนา 10 คน พรรคประชาชาติ 9 คน พรรคชาติพัฒนา 3 คน พรรคไทรวมพลัง 2 คน พรรคเสรีรวมไทย 1 คน และพรรคประชาธิปไตยใหม่ 1 คน

กระทั่งเวลา 10.10 น. นายวันมูหะมัดนอร์จึงให้ ส.ส. เสียบบัตรลงมติ ผลปรากฏว่าที่ประชุมลงมติไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร 319 เสียง ไม่ไว้วางใจ 162 เสียง งดออกเสียง 7 ถือว่าที่ประชุมลงมติไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร และสั่งปิดประชุมเวลา 10.13 น.

ภายหลังการประชุมนายชวน หลีกภัย สส.พรรคประชาธิปัตย์ยอมรับว่าเป็น1 ใน 4 สส.ของประชาธิปัตย์ที่ลงมติงดออกเสียงให้กับน.ส.แพทองธาร รวมกับประธานสภาผู้แทนราษฎรและรองประธานสภาฯอีก2คน รวมเป็น 7 เสียง