เปิดปฏิบัติการ‘สิงห์ดับแสง’ บุกจับ‘ผับเถื่อน’นครปฐม ผงะนักเที่ยวฉี่ม่วงเพียบ

สนองนโยบาย “จัดระเบียบสังคม” และ“ 5A 2025 : อำเภอปลอดภัย” มท.1 อธิบดีกรมการปกครอง นำทัพ เปิด “ปฏิบัติการสิงห์ดับแสง #Neon” นำกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษบุกจับผับเถื่อน ” ร้าน Neon (นีออน)” อ.สามพราน จ.นครปฐม ลอบเปิดให้บริการ ไร้ใบอนุญาต ขายเหล้าเกินเวลา นักเที่ยวยังนั่งดื่มเต็มร้าน มีแสดงดนตรี เต้นกันสนุกสนาน ยาเสพติดเกลื่อน ผงะ!! ฉี่ม่วงอื้อ มากถึง 81 คน !! เตรียมชง ผู้ว่าฯ นครปฐม สั่งปิด 5 ปี

เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 2568 เวลา 03.00 น. นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดีกรมการปกครอง นายเรืองลักษณ์ เรืองยังมี ผู้อำนวยการสำนักการสอบสวนและนิติการ และนายอิสรา เจริญชาศรี ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการกองอาสารักษาดินแดน สั่งการให้ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง พร้อมด้วยสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน เข้าจับกุมสถานบันเทิงละเมิดกฎหมาย ไร้ใบอนุญาตสถานบริการ ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินเวลา และปล่อยปละละเลยให้มีการใช้สารเสพติดภายในสถานประกอบการ

ปฏิบัติการตรวจค้นและจับกุมผับเถื่อนในย่านสามพราน นครปฐม สืบเนื่องจากประชาชนในพื้นที่ร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย ว่ามีสถานบริการ มีการปล่อยให้ใช้ยาเสพติด และเปิดให้บริการเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด ให้บริการถึง 03.45 น. อยากให้หน่วยงานรัฐเข้าตรวจสอบจับกุม 

พนักงานฝ่ายปกครองเข้าสืบสวนข้อเท็จจริงพบว่ามีการกระทำผิดจริงตามข้อร้องเรียน กระทั่งเวลา 03.00 น. วันที่ 23 มี.ค. 2568 ได้เปิดปฏิบัติการจู่โจมสถานบันเทิงละเมิดกฎหมายทันที เมื่อชุดจับกุมเข้าไปถึงภายในผับ พบเป็นห้องทึบ เปิดเพลงแนวปาร์ตี้ มีแสง สี เสียง เต็มระบบ โดยจะมีดีเจผลัดเปลี่ยนกันให้บริการตลอดคืน พบนักเที่ยวจำนวน 212 คน กำลังมั่วสุมดื่มกินเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เต้นตามจังหวะเสียงดนตรีอย่างเมามัน ทั้งยังสูบบุหรี่พ่นควันคละคลุ้ง พนักงานฝ่ายปกครองจึงสั่งให้ปิดเพลงและเปิดไฟให้แสงสว่าง ภายในผับได้เกิดความโกลาหล  นักเที่ยวหลายคนต่างโยนยาเสพติดทิ้งออกจากตัว และพยายามหลบหนีออกทางประตูหน้าร้านและหลังร้าน แต่ชุดจับกุมได้ปิดล้อมประตูไว้ทุกด้าน จึงทำให้นักเที่ยวไม่สามารถหนีออกไปได้ พนักงานฝ่ายปกครองได้ประกาศให้ทุกคนอยู่ในความสงบ

จากการเข้าตรวจสอบ ว่า “ร้าน Neon (นีออน)” พบว่าเป็นสถานประกอบการที่เปิดทำการค้าในลักษณะเป็นสถานบริการ มีการขายอาหาร เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีการแสดงดนตรี และให้นักเที่ยว ดื่มกิน เต้นรำ แต่จากการตรวจสอบไม่พบว่ามีใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการแต่อย่างใด 

ที่สำคัญสถานบริการแห่งนี้มีการปล่อยปละละเลยให้มีการใช้สารเสพติดภายในร้าน ซึ่งตรวจสอบพบยาเสพติดตกกระจายเกลื่อนพื้น มีลักษณะเป็นผงสีขาว ตรวจสอบเบื้องต้นเป็นยาคีตามีนและยาบ้า โดยพบในนักเที่ยวจำนวน 81 คน แบ่งเป็นผู้ชาย จำนวน 49 คน ผู้หญิงจำนวน 32 คน

พนักงานฝ่ายปกครอง จึงได้จับกุมตัวเจ้าของร้าน ผู้ดูแล และผู้ที่เกี่ยวข้อง ร้องทุกข์กล่าวโทษในฐานความผิด ดังนี้
(1) ตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต
(2) ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเวลาห้ามขาย 
(3) สุราผิดกฎหมาย ว่าด้วยกฎหมายศุลกากร

จากพฤติการณ์ดังกล่าวข้างต้น จึงถือเป็นการฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ซึ่งมีการปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดภายในร้าน , มีการขายสุราในเวลาห้ามขาย จึงเป็นเหตุให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจในการสั่งปิดสถานบริการแห่งนี้เป็นเวลา 5 ปี 

ในส่วน ของนักเที่ยวที่มีปัสสาวะสีม่วง ฝ่ายปกครองอำเภอสามพรานจะดำเนินกระบวนการตามกฎหมายต่อไป

นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง เปิดเผยว่า ในวันนี้พบว่าสถานบันเทิง “ร้าน Neon (นีออน)” มีกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายโดยชัดแจ้ง ทั้งการไม่มีใบอนุญาตตั้งสถานบริการ ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินเวลา ปล่อยปละละเลย ให้มีการขายและเสพยาเสพติดภายในร้าน ถือว่าเป็นการจงใจฝ่าฝืนกฎหมายอย่างชัดแจ้ง จากนี้จะได้สั่งการให้อำเภอสามพราน รายงานเสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม มีคำสั่งปิดสถานที่แห่งนี้ 5 ปี ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 22/2558 ต่อไป

อธิบดีกรมการปกครองยังได้กล่าวต่อไปว่า การจับกุมในวันนี้เป็นไปตามนโยบายของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีนโยบายในการจัดระเบียบสังคมด้านความมั่นคง การแก้ไขปัญหายาเสพติด และการปราบปรามผู้มีอิทธิพล เพื่อสร้างสังคมให้สงบสุข บ้านเมืองเป็นระเบียบเรียบร้อย ปลอดอบายมุข ปลอดยาเสพติด ประชาชนมีความมั่นคงปลอดภัยในชีวิต ทั้งยังเป็นการขับเคลื่อนนโยบายกรมการปกครอง 5A 2025 อำเภอปลอดภัย ซึ่งการจับกุมในวันนี้

นอกจากเป็นการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนตามข้อร้องเรียนของประชาชนผ่านศูนย์ดำรงธรรมแล้ว ยังเป็นการตัดวงจรการแพร่ระบาดของยาเสพติด ลด Demand Supply เพื่อป้องกันไม่ให้สถานบริการเป็นสถานที่กระจายยาเสพติดไปสู่นักเที่ยวด้วยอีกทางหนึ่งด้วย และหากประชาชนมีเบาะแสการกระทำผิดกฎหมาย หรือได้รับความเดือดร้อนสามารถแจ้งต่อ ผู้ใหญ่บ้าน หรือ กำนัน หรือแจ้งต่อปลัดอำเภอ นายอำเภอท้องที่ ซึ่งหากไม่ได้รับการแก้ไขให้แจ้งมายังศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย สายด่วน 1567

รัฐบาลสิงคโปร์แจกเงินหมื่น แรงงานผู้สูงอายุเข้าเกณฑ์กว่า 570,000 ราย

รัฐบาลสิงคโปร์ออกมาตรการแจกเงินอุดหนุนกลุ่มประชากรผู้สูงวัยที่ยังทำงาน เป็นจำนวนระหว่าง 10,000-25,000 บาท โดยจะเริ่มโอนภายในเดือนนี้เพื่อเป็นการเพิ่มเงินออมสำหรับการเกษียณอายุ คาดมีประชาชนเข้าเกณฑ์ประมาณ 570,000 ราย

 กระทรวงแรงงานของสิงคโปร์เปิดเผยว่า ชาวสิงคโปร์ที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์มากกว่า 570,000 คน จะได้รับเงินอุดหนุนระหว่าง 400-1,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 10,100-25,290 บาท ภายในเดือนมีนาคม เพื่อเป็นการเพิ่มเงินออมสำหรับการเกษียณอายุของประชาชนคนทำงาน

สำหรับเงินอุดหนุนนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “โบนัสรายได้และเงินออม” (Earn and Save Bonus) ซึ่งริเริ่มในปี 2567 ภายใต้งบประมาณ 9,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 227,000 ล้านบาท โดยมุ่งเน้นช่วยเหลือแรงงานสูงวัยที่เกิดในปี 1973 หรือก่อนหน้า โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 52-65 ปี (เกิดระหว่างปี 1960-1973) ซึ่งกระทรวงฯ จัดเป็น “ผู้สูงวัยรุ่นใหม่”

โดยผู้มีสิทธิได้รับเงินอุดหนุนต้องมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ อาทิ มีงานทำรายได้เฉลี่ยต่อเดือนระหว่าง 500-6,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ ประมาณ 12,600-151,700 บาท ในปีประเมินก่อนหน้า หรือเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ไม่เกิน 1 แห่ง

ทั้งนี้ ผู้มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่ำกว่าจะได้รับเงินอุดหนุนในอัตราสูงกว่า โดยเงินจะถูกโอนเข้าบัญชีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพส่วนกลาง (CPF) ของผู้รับสิทธิ์โดยอัตโนมัติ CPF เป็นระบบออมทรัพย์และบำนาญภาคบังคับสำหรับชาวสิงคโปร์และผู้พำนักถาวรวัยทำงาน ซึ่งช่วยสนับสนุนด้านการเกษียณอายุ การดูแลสุขภาพ และที่อยู่อาศัย

‘เลย’รับลมหนาวอีกระลอก ‘ภูเรือ’อากาศดี ยามเช้า 10-15 องศาเซลเซียส

เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.เลย ว่า สภาพอากาศในพื้นที่ จ.เลย ช่วงนี้กลับมาอากาศหนาวเย็นสบายๆ ในช่วงเช้าตรู่จะมีอากาศหนาวเบาๆ ลมอ่อน เหมือนมีความกดอากาศสูงมาประมาณ 2-3 วันแล้ว นักท่องเที่ยวขึ้นไปภูเรือ เพื่อสัมผัสลมหนาวเบาๆนอกฤดูกาล

ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวมากพอสมควร โดยเฉพาะในช่วงเช้าๆสถานที่ยอดนิยมมากที่สุดในพื้นที่ จ.เลย คือ การท่องเที่ยวภูเขาธรรมชาติอุทยานแห่งชาติภูเรือ ยอดภูเรือ เป็นที่หมายแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมา จ.เลย เพื่อขึ้นไปชมความงดงามของธรรมชาติบนยอดภูเรือ ชมพระอาทิตย์ขึ้น สัมผัสความหนาว

สำหรับอุทยานแห่งชาติภูเรือ ในช่วงนี้อากาศเป็นใจเนื่องจากมีลมหนาวเบาๆมา 2-3 วันแล้ว สภาพอากาศตอนเช้าจะมีอุณหภูมิ 10-15 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่สบายๆพอดีๆ ทำให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสลมหนาว เป็นโอกาสดีของนักท่องเที่ยวที่เดินมาเดินเที่ยว จ.เลย ในช่วงนี้

เริ่มแล้ว! งาน “ท่องเที่ยวราชบุรี ของดีเมืองโอ่ง”ปลุกท่องเที่ยวในชุมชน

รมช.พาณิชย์ เป็นประธานเปิดงาน”ท่องเที่ยวราชบุรี ของดีเมืองโอ่ง ” (งานกาชาดราชบุรี) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระจายรายได้สู่ชุมชน

นายนภินธร ศรีสรรพางค์ รมช.ช่วยพาณิชย์ เป็นประธานเปิดงาน”ท่องเที่ยวราชบุรี ของดีเมืองโอ่ง ” (งานกาชาดราชบุรี) โดยมี น.ส.ฐิติลักษณ์ คำพา ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี นายคมกริช เจริญพัฒนาสมบัติ นายพุทธิพงษ์ สุริยะสิงห์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนร่วมพิธีเปิดงานคับคั่ง งานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 – 31 มีนาคม 2568 ณ บริเวณโดยรอบศาลากลางจังหวัดราชบุรี

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดราชบุรี ตามนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการ ท่องเที่ยวภายในประเทศ ทั้งในส่วนของเมืองหลักและเมืองรอง รวมถึงการท่องเที่ยวในชุมชน เพื่อกระจายรายได้ในรูปแบบเศรฐกิจแบ่งปัน สร้างรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ทำให้จังหวัดราชบุรีเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมให้ประชาชนมีช่องทางในการจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์จากชุมชนให้มีการเติบโตมากยิ่งขึ้น

จังหวัดราชบุรีถือเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว เนื่องจากมีแหล่งท่องเที่ยวที่มี ความหลากหลาย เช่น การท่องเที่ยวทางธรรมชาติ การท่องเที่ยวเชิงเกษตร การท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมประเพณีและการท่องเที่ยววิถีชุมชน อีกทั้งมีความเจริญทางด้านเศรษฐกิจ ซึ่งมาจากภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ เมืองเกษตรสีเขียวและเป็นศูนย์รวมของสินค้าเกษตร สินค้าพื้นเมืองที่มีชื่อเสียงเป็นที่ต้องการของตลาด นอกจากนี้จังหวัดราชบุรีได้ชื่อว่าเป็นแหล่งอาหารอร่อย พร้อมสำหรับเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ของดีในจังหวัดราชบุรีให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้เดินทางมาท่องเที่ยว เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัด จึงได้จัดงานท่องเที่ยวราชบุรี ของดีเมืองโอ่งและงานกาชาด ประจำปี 2568 นี้ขึ้น

งาน “ท่องเที่ยวราชบุรี ของดีเมืองโอ่ง และกาชาด ประจำปี 2568” มีกิจกรรมภายในงาน เต็มไปด้วยกิจกรรมมากมายที่สะท้อนอัตลักษณ์และวัฒนธรรมของจังหวัดราชบุรี อาทิ วันเปิดงานด้วยขบวนแห่สีสันอัตลักษณ์ของจังหวัดราชบุรี ร่วมชมความสวยงามของขบวนแห่จังหวัดราชบุรี และขบวนแห่ 10 อำเภอในจังหวัดราชบุรี ภายใต้แนวคิด “สานสายใย…รวมใจชาติพันธุ์” กิจกรรมลุ้นสนุกและนิทรรศการ จากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน กิจกรรมด้านการประมง นิทรรศการปลาสวยงาม นิทรรศการเพื่อประชาสัมพันธ์ของดีเมืองราชบุรี การประกวดพืชผัก ผลไม้ทางการเกษตร ชิงเงินรางวัล

โซนของดีเมืองโอ่ง พบกับผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น งานหัตถกรรมและสินค้า OTOP สินค้าขึ้นชื่อของ ผู้ประกอบการภาครัฐและภาคเอกชนในพื้นที่จังหวัดราชบุรี การแสดงศิลปะวัฒนวัฒนธรรม หนังใหญ่วัดขนอน การแสดง ชมรม To Be Number One การแสดงวงดนตรีนักเรียน การแสดงฟรีคอนเสิร์ตจากศิลปินมีชื่อเสียงตลอดงาน 10 วัน และไฮไลท์ห้ามพลาดร่วมชมและเชียร์การประกวดธิดาโอ่งชิงเงินรางวัลพร้อมสายสะพายและถ้วยรางวัล ชิมและช้อปอาหารอร่อยพร้อมเมนูขึ้นชื่อจากร้านเด็ด พร้อมออกร้านมัจฉากาชาด เพื่อการกุศล ลุ้นรางวัลใหญ่จากสลากกาชาดของราวัลมากมาย ร่วมถ่ายภาพเช็คอิน พบการตกแต่งประดับไฟแสงสีเสียงยิ่งใหญ่ตระการตา อาทิ อุโมงค์ไฟ ทุ่งไฟ

จังหวัดราชบุรีขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวในจังหวัดราชบุรีและจังหวัดใกล้เคียงเดินทางมาท่องเที่ยว ชม ชิม ข้อป และ ร่วมสนุก เปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวในบรรยากาศอันอบอุ่นของเมืองราชบุรีภายในงานท่องเที่ยวราชบุรี ของดีเมืองโอ่งและกาชาดประจำปี 2568 ในระหว่างวันที่ 22 – 31 มีนาคม 2568 ณ บริเวณโดยรอบศาลากลาง จังหวัดราชบุรี แล้วพบกันในงาน “ท่องเที่ยวราชบุรี ของดีเมืองโอ่ง และกาชาด 2568”

ข่าว : สุพจน์ วรสหวัฒน์ ผู้สื่อข่าวจังหวัดราชบุรี

สืบ.3 ล่อซื้อ แก๊งค้าปืนเถื่อนไหวตัว ยิงสู้เดือด ตำรวจเจ็บ 1 สายลับสาหัส 1

ร.ต.ท.ณัฐวุฒิ มั่นเจริญโชติ รอง.สว.สอบสวน สน.คันนายาว ได้รับแจ้งเหตุ ชุดสืบสวน บก.น.3 พร้อมสายลับ ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ ภายในซอยสุขอนันต์ แขวง,เขต คันนายาว และ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล

 จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบเป็นเหตุ ล่อซื้ออาวุธปืนจากผู้ต้องหา และมีการไหวตัวยิงเปิดทางหนี ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกยิงที่ไหล่ ส่วนสายลับถูกยิงที่ท้องได้รับบาดเจ็บนำตัวส่งโรงพยาบาลตามที่กล่าวข้างต้น

ส่วนผู้ต้องหาได้ถูกเจ้าหน้าที่จับกลุ่มได้ในที่เกิดเหตุ 1 ราย ส่วนอีก 2 รายได้หลบหนีไป

เบื้องต้น มีรถยนต์ได้รับความเสียหาย มีเศษกระจกแตก และ มีรอยหยดเลือด ทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตำรวจ ได้เข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อเก็บพยานหลักฐาน

ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์ (ป้าไก่นามสมมติ) อายุ 62ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่านาทีระทึก ว่า ขณะที่กำลังจะออกไปซื้อของ ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น ประมาณ 5 นัด ครั้งแรกคิดว่าเป็นเสียงประทัด สักพักไม่น่าใช่ ความตกใจกลัวเพราะคิดว่าเป็นเสียงโจรยิง จึงรีบวิ่งไปบอกชาวบ้านข้างเคียง ให้วิ่งเข้าบ้าน และ รีบปิดประตูบ้าน ส่วนตน ก็รีบเก็บกุญแจรถเพราะคิดว่าจะเป็นโจรมาปล้น ไม่ทันไร ก็เห็นรถยนต์คันหนึ่งขับหนีออกจากซอยไป และ เห็นรถตำรวจขับไล่ตามหลัง และ ถามว่ารถผู้ต้องหาหนีไปทางไหน

ต่อมาทราบว่าเป็นเหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ล่อซื้ออาวุธปืนเถื่อนจาก 3 ผู้ต้องหา โดยมีการนัดส่งมอบกันภายในซอยดังกล่าวนี้ (ซอยกาญจนาภิเษก 9 แขวงและเขตคันนายาว กรุงเทพมหานคร)

สำหรับตำรวจและสายลับที่ได้รับบาดเจ็บ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลนพรัตน์ โดยสายลับอาการสาหัส ต้องผ่าตัด // ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือ ตำรวจอยู่ระหว่างเร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

35 นักท่องเที่ยวรัสเซียระทึกรถทัวร์พลิกคว่ำกลางเมืองภูเก็ต

เกิดอุบัติเหตุรถทัวร์นักท่องเที่ยวชาวรัสเซียพลิกคว่ำ 38 รายเส้นทางกมลามุ่งหน้าป่าตอง ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

เมื่อเย็นวันที่ 22 มีนาคม เหตุรถบัสรับส่งนักท่องเที่ยวตกข้างทาง บริเวณเส้นทางกมลามุ่งหน้าป่าตอง บริเวณควนยักษ์ ถนนกมลา-ป่าตอง  ตำบลกมลา อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต  โดยรถคันดังกล่าวมีนักท่องเที่ยวสัญชาติรัสเซียจำนวน 35 คน ชาวไทย 3 คน จากการตรวจสอบและให้การช่วยเหลือ ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ตำรวจท่องเที่ยว โดย พ.ต.ท.เอกชัย ศิริ สารวัตรใหญ่สถานีตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ต พร้อมด้วย สภ.กมลา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ได้เดินทางไปให้การช่วยเหลือนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าว โดยได้ประสานแจ้งกงสุลรัสเซียประจำ จังหวัดภูเก็ต เพื่อทราบเหตุแล้ว พร้อมทั้งได้ส่งตัวพนักงานขับรถเพื่อตรวจหาสารเสพติดและตรวจวัดแฮลกอฮอล์ ติดตามประสานงานบริษัททัวร์และบริษัทประกันภัยเพื่อให้การรับรองในการรักษาพยาบาลในเบื้องต้น

ข่าว : ภูเก็ต อชัถยา ชื่นนิรันดร์ / ภาพ  ตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ต

ระทึก!ไฟไหม้บ้านไม้อายุกว่า50ปีในซอยกลางเมืองสุพรรณบุรี

เมื่อวันที่ 22 มี.ค.2568 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุพรรณบุรี รับแจ้งเหตุไฟไหม้บ้านเรือนประชาชน ภายในซอยตรงข้ามวัดไชนาวาส ถนนประชาธิปไตย ตำบลท่าพี่เลี้ยง อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จึงแจ้งรถดับเพลิงเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี และพื้นที่ใกล้เคียง รวม 6 ไปตรวจสอบ พร้อมด้วย นายจิตรติ รามเนตร ปลัดอาวุโส อำเภอเมืองสุพรรณบุรี พร้อม  ดร.เอกพันธุ์ อินทร์ใจเอื้อ นายเทศมนตรีเมืองสุพรรณบุรี คัน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิเสมอกันกู้ภัยสุพรรณบุรี ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบเพลิงกำลังลุกไหม้บ้านไม้ 2 ชั้น จำนวน 2 หลัง อย่างรุนแรง

เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งระดมฉีดน้ำสกัดเพลิง แต่ช่วงเกิดเหตุมีลมพัดแรง ไฟได้ลุกลามไหม้บ้านที่อยู่ติดกันเสียหายบางส่วนอีก 3 หลัง เจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ ไม่ให้ลุกลามไปบ้านเรือนที่อยู่ติดกันหลายหลัง บ้านเกิดเหตุเป็นบ้านไม้เก่าแก่อายุกว่า 50-60 ปี

ทั้งนี้โชคดีที่มีชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ช่วยเคลื่อนย้าย นางอำนวย  อายุ 78 ปี อยู่ ตำบลท่าพี่เลี้ยง บ้านที่ถูกไหไหม้ และเป็นผู้ป่วยติดเตียง ที่อยู่ภายในบ้านไฟไหม้ออกมาได้ทัน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ  ส่วนบ้านที่ถูกไฟไหม้อีก 1 หลัง บ้านเลขที่ 420 ตำบลท่าพี่เลี้ยง นอกจกานี้ไฟได้ลุกลามไหม้บ้านที่อยู่ติดกันเสียหายบางส่วนอีก 3 หลัง ส่วนสาเหตุกับบ้านต้นเพลิงและมูลค่าความเสียหาย อยู่ระหว่างให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้ามาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

ยิ่งใหญ่อลังการ!บุญผะเหวดสืบสานประเพณีฮีตสิบสองคองสิบสี่ร้อยเอ็ด

ร้อยเอ็ด-ชาวบ้านโคกทม จัดงานประเพณีบุญผะเหวด ประจำปี 2568 สืบสานขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม ตามฮีตสิบสองคองสิบสี่ ให้อนุชนคนรุ่นหลังสืบทอด

วัดบ้านโคกทม(สุวรรณาราม) ร่วมกับ ชาวบ้านโคกทม จัดงานประเพณีบุญผะเหวด ประจำปี 2568 สืบสานฮีตสิบสองคองสิบสี่ นางนวรัตน์ พาโคกทม สมากชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด เปิดงานประเพณีบุญผะเหวด ประจำปี 2568 ที่วัดบ้านโคกทม(สุวรรณาราม) ต.บัวแดง อ.ปทุมรัตน์ จ.ร้อยเอ็ด โดยมี นายปริวาส ชัยเลิศ นายอำเภอปทุมรัตต์ พร้อมด้วย นายวรวิทย์ วรวิเศษ ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอปทุมรัตต์ นายประทีป พาโคกทม นายก อบต.บัวแดง หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้านและชาวตำบลโคกทม เข้าร่วมพิธี โดยมี พระภาวนาวชิรปราการ (ปารมี สุรยุทโธ) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุซ่อนแก้ว จ.เพชรบูรณ์ ประธานฝ่ายสงฆ์

สำหรัย กิจกรรมภายในงานมีการแสดงฟ้อนรำของกลุ่มแม่บ้านโคกทม ดอนดู่และการแสดง พระเวสสันดรชาดก จากคณะจิตอาสาบ้านโคกทม นอกจากนี้ นายพันธ์ กำลา เจ้าของฉายา “ชายสี่บะหมี่เกี้ยว” คณะอื่นๆ มาจัดทำโรงทานนำก๋วยเตียวบะหมี่เกี้ยว กล้วยทอด สำนักสงฆ์หนองอิหล่า มาให้รับประทานตลอดงาน

จากนั้น มีขบวนแห่อัญเชิญพระเวสสันดรเข้าเมืองโดยขบวนช้างจำนวน 10 เชือก ตกแต่งประดับประดาอย่างสวยงามตระการตาการ ให้พระเวสสันดร และคณะขึ้นนั่งบนหลังช้างแห่เข้าเมือง โดยมีประชาชนจัดหาน้ำดื่ม อ้อย หญ้า มาวางเรียงไว้ทั้งสองข้างทางให้ขบวนช้างและคณะได้ดื่ม กินอย่างอุดมสมบูรณ์ตลอดเส้นทางผ่านมา จากนั้น ร่วมรับฟังเทศน์ มาลัยหมื่น มาลัยแสน

อย่างไรก็ตาม การจัดงานประเพณีบุญผะเหวดในครั้งนี้เพื่ออนุรักษ์ สืบสานขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม ตามฮีตสิบสองคองสิบสี่ ให้อนุชน คนรุ่นหลังสืบทอดกันต่อไป

บุกค้นบ้านพักย่านหนองจอก รวบหนุ่มครอบครองสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์หลากชนิด

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ร่วมกันจับกุม นายบรรพจน์ฯ อายุ 37 ปี โดยกล่าวหาว่า “มีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต”

สถานที่จับกุม บริเวณบ้านพักย่าน เขตหนองจอก กทม.
ได้ร่วมกันตรวจยึด
1.นกเค้าจุด จำนวน 2 ตัว
2.ลิงลมหรือนางอาย จำนวน 1 ตัว
3.เต่าบึงหัวเหลือง จำนวน 1 ตัว
4.เต่าหับ จำนวน 2 ตัว

พฤติการณ์ สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปทส. ได้รับร้องเรียนว่ามีการโพสต์ซื้อและขายสัตว์ป่าคุ้มครองผ่านสื่อออนไลน์ จากการสืบสวนของชุดสืบสวน ได้รวบรวมหลักฐานขออนุมัติศาลขอหมายค้นบ้านพักย่านหนองจอก กทม.

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปทส. นำหมายค้นของศาลอาญามีนบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช, ศูนย์ข่าวกรองอาชญากรรมสัตว์ป่า และกองคุ้มครองพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าตามอนุสัญญา เข้าทำการตรวจสอบสถานที่ดังกล่าวผลการตรวจค้นภายในบ้านพักของ นายบรรพจน์ฯ พบนกเค้าจุด จำนวน 2 ตัว, ลิงลมหรือนางอาย จำนวน 1 ตัว, เต่าบึงหัวเหลือง จำนวน 1 ตัว, เต่าหับ จำนวน 2 ตัว

ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง จึงได้แจ้งข้อหา “มีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” และจับกุมนายบรรพจน์ฯ พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปทส. ดำเนินคดีต่อไป ส่วนของกลาง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้นำส่งมอบให้กลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ดูแลต่อไป

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การว่าลิงลมได้ซื้อมาเลี้ยงนานแล้ว ส่วนสัตว์อื่นๆ เก็บได้แล้วนำมาเลี้ยง

คลังคลอดมาตรการ “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” 5,000 ล้านกระตุ้นยอดขายรถยนต์ที่ซบเซา

รมช.คลังเปิดตัวโครงการ “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” 5,000 ล้าน ปลดปล่อยปิคอัพ 6,250 คัน ค้ำฟรี 3 ปี 1.5 ล้านต่อคัน กระตุ้นยอดขายปิคอัพที่ซบเซา

ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เปิดตัวมาตรการ “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” โดยกล่าวว่า ยานยนต์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักของประเทศ เป็นเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญยิ่ง ซึ่งไทยถือเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของภูมิภาค ก่อให้เกิดการผลิตและการจ้างงานจำนวนมาก โดยในปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศอยู่ในภาวะหดตัว ยอดขายในประเทศลดลงอย่างมาก ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวม ทั้งในส่วนของผู้ผลิตยานยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ และ Supply Chain อื่นๆ กระทบการจ้างงานจำนวนมาก นอกจากนี้รถกระบะเป็นปัจจัยสำคัญในการประกอบอาชีพของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะในภาคเกษตรและตามต่างจังหวัด เช่น เกษตรกร ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ขนส่งสินค้า ค้าขาย เป็นต้น

ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง

ทั้งนี้ ปัญหาส่วนหนึ่งเกิดจากสถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถกระบะ เนื่องจากมีความกังวลในความเสี่ยงในการชำระหนี้ของ SME และราคารถมือสองตกต่ำ เพื่อแก้ปัญหานี้โดยเร่งด่วน กระทรวงการคลัง โดย บสย. จึงได้ออกมาตรการ “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” เพื่อเป็นกลไกลดความเสี่ยงและเพื่อสร้างแรงจูงใจทำให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อ เพิ่มการอนุมัติสินเชื่อ (Approval Rate) ให้กับ SMEs เพื่อกระตุ้นอุตสาหกรรมยานยนต์และช่วยให้ประชาชนได้ประกอบอาชีพได้ต่อไป

รมช.คลัง กล่าวว่า มาตรการ “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” ซึ่งเป็นครั้งแรกของไทย จะกระตุ้นตลาดรถยนต์ โดยเฉพาะรถยนต์เชิงพาณิชย์ที่ซบเซาให้กลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง วงเงินค้ำประกันในระยะแรก 5,000 ล้านบาท วงเงินค้ำประกันต่อรายสูงสุด 1.5 ล้านบาท โดย “บสย. จะค้ำประกันและจ่ายส่วนต่างของภาระหนี้กับราคาขายทอดตลาดให้กับสถาบันการเงินตามเงื่อนไข” โดยรัฐบาลจะเป็นผู้ออกค่าธรรมเนียมค้ำประกันให้ประชาชนใน 3 ปีแรก ส่วนปีที่ 4-7 รัฐบาลจะช่วยออกค่าธรรมเนียมค้ำประกันให้ ส่งผลให้ค่าธรรมเนียมค้ำประกันเพียง 1.5% ต่อปี ค้ำประกันนานสูงสุด 7 ปี หรือ 84 งวด เปิดรับคำขอตั้งแต่ 1 เมษายน ถึง 30 ธันวาคม 2568 ซึ่งสอดรับกับช่วงเวลางานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2025 เป็นอย่างดี

สำหรับ มาตรการนี้จะสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 21,000 ล้านบาท ช่วยเหลือและสนับสนุนเศรษฐกิจไทยในหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น SME ที่ต้องการซื้อรถกระบะใหม่เพื่อประกอบอาชีพและสร้างรายได้ มาตรการนี้จะปลดปล่อยรถกระบะได้กว่า 6,250 คัน สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อใหม่ได้กว่า 5,000 ล้านบาท ลดความเสี่ยงและสร้างแรงจูงใจให้สถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ และกระตุ้นอุตสาหกรรมรถกระบะ และช่วยให้ผู้ผลิตยานยนต์และ Supply Chain เช่น ผู้ประกอบการชิ้นส่วนยานยนต์ สามารถรักษาการจ้างงานไว้ได้จำนวนมาก