ปูพรมตรวจค้น 10 จุดกวาดล้างบุหรี่ไฟฟ้าใกล้สถาบันศึกษายึดของกลางกว่า 3 พันชิ้น

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางระดมกวาดล้างตรวจค้นจับกุมผู้ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ใกล้สถานศึกษา ทั่วกรุงเทพและปริมณฑล 10 จุด ของกลางกว่า 3,000 ชิ้น

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ร่วมกันจับกุม
1.) น.ส.วิชุดา ฯ     อายุ 27 ปี 2.) น.ส.วิวรรณธณี ฯ อายุ 23 ปี
3.) นายสันติภาพ ฯ อายุ 23 ปี 4.) น.ส.บุญนภิส ฯอายุ 29 ปี
5.) น.ส.กรวิภา ฯ อายุ 36 ปี 6.) น.ส.ชญาดา ฯ อายุ 24 ปี
7.) น.ส.ณภัคธิดา ฯ อายุ 29 ปี 8.) น.ส.จารุณี ฯ อายุ 44 ปี
9.) นายกีรศักดิ์ ฯ อายุ 26 ปี 10.) น.ส.สุกรรณิกา ฯ อายุ 38 ปี

สถานที่จับกุม
1.) ร้านบริเวณถนนพุทธมณฑลสาย 1 แขวงบางด้วน เขตภาษีเจริญ กทม.
2.) ห้องแถวไม่ติดเลขที่ ตลาดรวมมาร์เก็ต ประชาอุทิศ 90 ต.คลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ
3.) บริเวณ ม.3 ต.คลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ 
4.) บริเวณ ซอยลาดพร้าว101 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. 
5.) ร้านบริเวณแขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม.

6.) ร้านบริเวณโรงไม้ 110 ถ.เพชรเกษม แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กทม. 
7.) ร้านไม่มีชื่อ ซ.สะแกงาม 35/2 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม. 
8.) ห้องแถวไม่ติดเลขที่ ถนนรังสิต-ปทุมธานี ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี 
9.) ร้านบริเวณ ซอยรังสิต-นครนายก 18 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี 
10) ห้องแถวไม่ติดเลขที่ ถนนรังสิต-ปทุมธานี ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีนโยบาย ในการเร่งรัดปราบปรามจับกุมผู้ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงเฝ้าระวัง เด็กและเยาวชนตามโรงเรียน สถานศึกษา หรือที่มีแหล่งข่าวว่ามีสถานที่พัก ลักลอบเก็บอุปกรณ์ สิ่งของ และนำออกไปจำหน่ายให้เด็ก เยาวชน นักศึกษา หรือใกล้สถานประกอบกิจกรรมทางศาสนาต่างๆ

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) โดยการนำของ พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์    รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.ชัชวาล ชูชัยเจริญ ผกก.2 บก.ปอศ. สั่งชุดปฏิบัติการ กก.2 บก.ปอศ.กำหนดจุดเป้าหมายเพื่อระดมตรวจค้นจับกุมในพื้นที่กรุงเทพมหานครและในเขตปริมณฑล ในจุดที่ใกล้เคียง สถานศึกษา และชุมชน โดยเป็นการป้องกันไม่ให้เด็ก เยาวชน นักเรียน นักศึกษา เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงการกวดขันการลักลอบจำหน่ายทางแพลตฟอร์มและสื่อออนไลน์ต่างๆ ผลการปฏิบัติสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า ได้จำนวน 10 ราย พร้อมของกลางกว่า 3,000 ชิ้น มูลค่ากว่า 300,000 บาท

ซึ่งการกระทำดังกล่าวผิดฐาน “ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่เข้ามาในราชอาณาจักร โดยยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากรโดยถูกต้อง ตามมาตรา 246 วรรคหนึ่ง ของ พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับเป็นเงิน 4 เท่าของราคาสินค้า หรือทั้งจำทั้งปรับ อีกทั้งยังมีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2562 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จากนั้นนำตัว ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้มาเปิดร้านจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า เนื่องด้วยเล็งเห็นว่าในปัจจุบันเป็นสินค้าที่มีความต้องการในกลุ่มบุคคลทั่วไปเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะของกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ซึ่งนอกจากจะมีการจำหน่ายทางหน้าร้านแล้วยังมีการจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ เพื่อเพิ่มให้ง่ายในการเข้าถึง

กกล.นเรศวรตรึงชายแดนตากเข้มข้นเมียนมาสู้รบหนักผู้อพยพทะลักหนีภัยสงคราม

ตาก-ชายแดนไทย-เมียนมา ยังระอุ  กกล.KNLA บุกโจมตีหนัก หวังยึดฐานทหารเมียนมา มีผู้อพยพทะลักข้ามแดนเพิ่มเป็น  545 คน ผบ.กกล.นเรศวร เข้าพื้นติดตามสถานการณ์

เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2568 พล.ต.ไมตรี ชูปรีชา ผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร (กกล.นเรศวร) เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ เข้าไปติดตามสถานการณ์การสู้รบระหว่าง กองกำลังกะเหรี่ยง KNLA(กกล.KNLA ) ที่นำกำลังเข้าโจมตีทหารเมียนมา อย่างต่อเนื่องบริเวณฐานปูลูตู่ ห่างจากแนวชายแดนไทยเพียง800 เมตร อยู่ตรงข้าม บ.หนองบัว  ต.แม่อุสุ  อ.ท่าสองยาง จ.ตาก

และฐานแจเปี่ยวโกง ห่างจากแนวชายแดนไทย 1.5 กม. อยู่ตรงข้ามบ้านแม่ลอ ต.ท่าสองยาง อ.ท่าสองยาง จ.ตาก  เพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ให้กับพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน พร้อมทั้งวางกำลังสกัดกั้น เพื่อป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยของ กกล.ติดอาวุธต่างชาติ

จากสถานการณ์การสู้รบส่งผลให้มี ผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา (ผภสม.) จากประเทศเมียนมาข้ามมาฝั่งไทย จำนวน 545 คน ที่อยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ 
2.1 พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว บ้านหนองบัว ต.แม่อุสุ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก จำนวน 445 คน
 2.2 พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว บ้านแม่ลอ ต.ท่าสองยาง อ.ท่าสองยาง จ.ตาก จำนวน 100 คน

โดยมี จนท.ทหารจาก หน่วยเฉพาะกิจราชมนู(ฉก.ราชมนู ) หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 35.(ฉก.ทพ.35) กกล.นเรศวร ,ร่วมกับฝ่ายปกครอง อ.ท่าสองยาง ,จนท.ตร. ,จนท.ตชด. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกในการช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม

ทั้งนี้ ผบ.กกล.นเรศวร ได้มอบสิ่งของ อาหาร , เสื้อผ้า และเครื่องอุปโภค/บริโภค ให้กับหน่วยงานในการช่วยเหลือ ผภสม. รวมทั้งได้ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ ในการช่วยเหลือผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา (ผภสม.) ตามหลักมนุษยธรรม

 ทหารไทยยังคง ยืนหยัดปกป้องอธิปไตยของชาติ พร้อมให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างเต็มกำลัง เพื่อสร้างความปลอดภัย และความอบอุ่นใจให้กับพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน

พี่น้องชาวมุสลิมไทย-มาเลย์แห่ซื้อ “อินทผลัม”ที่ตลาดเบตง รับถือศีลอด

ยะลา – พี่น้องชาวมุสลิมทั้งชาวไทยและมาเลเซียแห่เลือกซื้อ “อินทผลัม” ที่ตลาดสดเทศบาลเมืองเบตงอนรับช่วงเดือนรอมฎอน ทำให้บรรยากาศการจับจ่ายคึกคัก

ที่ตลาดสดเทศบาลเมืองเบตง อ.เบตง จ.ยะลา มีประชาชนทั้งชาวไทยและมาเลเซีย ที่นับถือศาสนาอิสลามออกมาจับจ่ายซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคเพื่อเตรียมไว้ต้อนรับช่วงเดือนรอมฎอน หรือเดือนถือศีลอด ที่จะเริ่มดูดวงจันทร์ในวันที่ 28 ก.พ.2568 หากเห็นดวงจันทร์ในวันที่ 1 มีนาคม จะเริ่มนับเข้าสู่เดือนรอมฎอน และหากไม่เห็นดวงจันทร์จะเลื่อนมาดูในวันที่ 2 มีนาคม และจะเข้าสู่เดือนรอมฎอนอย่างเป็นทางการ โดยสินค้าที่นิยมซื้อส่วนใหญ่เป็นจำพวกอาหารแห้ง โดยเฉพาะผลอินทผลัมอบแห้ง ผลไม้รับเดือนบวชเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมอย่างมาก

นายดือรอแม เปาะอามา พ่อค้า เปิดเผยว่า ช่วงนี้เริ่มขายของดีเพราะใกล้เข้าสู่เดือนรอมฎอน หรือเดือนถือศีลอดของพี่น้องชาวมุสลิมทั้งในพื้นที่และชาวมาเลเซียเลยทำให้ในช่วงนี้มีความคึกคักมาก โดยส่วนใหญ่คนจะมาเลือกซื้อผลอินทผลัมที่นำมาจำหน่าย โดยมีราคาตั้งแต่กล่องละ 40 บาท ไปจนถึงราคากล่องละ 90-100 บาท ขึ้นอยู่กับแต่ละยี่ห้อ ผลอินทผลัมที่นำมาขายจะมีรสชาติหวานน้อย โดยพี่น้องชาวมุสลิมจะไว้กินหลังละศีลอดเป็นอันดับแรกก่อนดื่มน้ำตาม และกินอาหารอย่างอื่น เนื่องจากตามหลักทางศาสนาอิสลามมีความเชื่อกันว่าเป็นผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากช่วยป้องกันโรคได้หลายชนิดแล้ว ยังแก้อ่อนเพลียระหว่างวันได้อีกด้วย

สำหรับอินทผาลัม ถือเป็นผลไม้ทรงคุณค่าแห่งเดือนรอมฏอน เนื่องจากมีความเชื่อเรื่องการเป็นผลไม้แห่งการประทานพรจากพระเจ้าที่กินแล้วเพิ่มพูนผลบุญได้แล้ว ยังเป็นผลไม้ที่เพิ่มพลังให้กับคนที่อดอาหารมาตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนตกดิน เพื่อให้มีกำลังลุกขึ้นไปปฏิบัติศาสนกิจในเดือนแห่งเกียรติยศนี้ได้เป็นอย่างดี โดยท่านนบีมูฮัมหมัดส่งเสริมให้ชาวมุสลิมละศีลอดด้วยการกินอินทผลัมกับ “หากผู้หนึ่งผู้ใดถือศีลอด ก็ขอให้เขาละศีลอดด้วยอินทผลัม แท้จริงน้ำเปล่านั้นทำให้สดชื่น”

ผัวหึงโหด ฆ่าปาดคออดีตเมียดับสยองคาบ้าน ก่อนปลิดชีพตัวเอง

หนุ่มหึงโหดฆ่าปาดคออดีตเมียเสียชีวิตคาบ้านพัก ก่อนปลิดชีพตัวเองตายตาม ลูกเล่านาทีพบศพแม่ ไม่ทันเห็นอีกศพ ยังตะโกนถาม ฆ่าแม่ทำไม

เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 68 พ.ต.ท.สุรสิงห์ สุขมาก รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.ห้วยใหญ่ รับแจ้งเหตุฆ่ากันตายภายในบ้านหลังหนึ่ง ม.5 ต.เขาไม้แก้ว อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วพร้อมด้วย ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน 2 ชลบุรี แพทย์เวร และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา รีบไปทำการตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียว มีเนื้อที่กว่า 50 ตารางวา ภายในห้องด้านขวาของบ้าน ซึ่งถูกล็อกจากด้านใน พบศพผู้เสียชีวิต 2 ราย รายแรกนอนอยู่บนเตียงนอน ทราบชื่อ นางนงคราญ ไชยปัญญา อายุ 62 ปี พบบาดแผลบริเวณลำคอมีแผลเหวอะหวะ คล้ายกับถูกของมีคมปาด ข้างศพพบมีดปลายแหลมยาว 30 ซม. วางอยู่ อีกมุมของห้อง พบศพนายสวัสดิ์ มวลคำลา อายุ 65 ปี ปลิดชีพตัวเองด้วยการใช้เชือกผูกคอ

นายเจริญ ไชยปัญญา อายุ 44 ปี ลูกชายของนางนงคราญ เผยว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมาตนไปปลุกแม่ เพื่อจะไหว้วานให้ไปรับลูกที่โรงเรียน แต่พยายามเคาะเรียกเท่าไรก็ไม่มีใครเปิดประตูให้ จึงตัดสินใจไปส่องหน้าต่างด้านข้างของบ้าน แทบช็อกเมื่อเห็นแม่นอนจมกองเลือด จึงรีบงัดบานกระจกหน้าต่างปีนเข้าไปตรวจสอบ ก็พบว่าแม่ถูกของมีคมปาดที่บริเวณลำคอ พร้อมทั้งหันไปตะโกนตำหนิพ่อเลี้ยงว่า ฆ่าแม่ทำไม แต่หันไปดูพบว่าเขาจบชีวิตไปแล้ว จึงรีบแจ้งตำรวจและกู้ภัยมาทำการช่วยเหลือ

นายเจริญ ยังเล่าอีกว่า แม่กับพ่อเลี้ยงคบหาและอยู่กินที่บ้านหลังนี้ได้ประมาณ 10 ปี และเพิ่งจะเลิกลาและแยกทางกันอยู่ ส่วนสาเหตุที่เลิกกันเพราะแม่ทนพฤติกรรมของพ่อเลี้ยงไม่ไหว ทั้งในเรื่องของการดื่มเหล้า และชอบหาเรื่องทะเลาะวิวาท โดยพ่อเลี้ยงได้ย้ายไปอยู่บุรีรัมย์ได้ประมาณ 7-8 เดือน แต่พ่อเลี้ยงได้กลับมาที่บ้านได้ประมาณ 1 สัปดาห์ ระหว่างที่กลับมาอยู่ด้วยกันทั้งคู่ได้มีปากเสียง ถึงขั้นพ่อเลี้ยงทุบโทรศัพท์แม่ และจับแม่ขังในห้องนอน จนกระทั่งช่วงเช้าที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์เศร้าสลดดังกล่าว

ส่วนปมเหตุคาดว่าน่าจะมาจากปัญหาเรื่องของความหึงหวง รวมถึงเรื่องเงินที่แม่ต้องการให้พ่อขายที่ดินในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์เพื่อนำเงินมาทำธุรกิจ

เบื้องต้นตำรวจได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียดรวมถึงเก็บหลักฐาน โดยสันนิษฐานเบื้องต้นว่า นายสวัสดิ์ มวลคำลา น่าจะมีอาการเครียดเรื่องปัญหาส่วนตัวระหว่างตนกับภรรยา ซึ่งจากแนวทางการสอบสวนทราบว่า ฝ่ายหญิงต้องการให้ฝ่ายชายขายที่ดินแล้วนำเงินมาลงทุน ก่อนจะมีปากเสียงกันถึงขั้นก่อเหตุสลด อย่างไรก็ตามตำรวจจะเร่งสอบปากคำญาติๆ และกลุ่มลูกๆ ของผู้ตายทั้งสองคน เพื่อสรุปสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

ปทส.บุกจับ “อดีตสามี” นางแบบดัง ซื้อสัตว์ป่ามาเลี้ยงบนพื้นที่เกือบ 100 ไร่

“ปทส.” บุกจับ “อดีตสามี” ยู่ยี่ อลิสา ครอบครองสัตว์ป่าหลายชนิด สารภาพซื้อมาเลี้ยงเล่น ถูกจับเพราะชอบโพสต์อวดในโซเชียล

เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 68 พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา รอง ผบก.ปทส. พ.ต.อ.อภิสัณฐ์ ไชยรัตน์ ผกก.5 บก.ปทส. ร่วมกับตำรวจตรวจค้นเข้าเมือง เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ฝ่ายปกครองอำเภอเลาขวัญ จ.กาญจนบุรี นำหมายศาลจังหวัดกาญจนบุรี เข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งใน ต.เลาขวัญ อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี หลังได้รับร้องเรียนว่าลักลอบเลี้ยงสัตว์ป่าคุ้มครองไว้หลายชนิด รวมถึงสัตว์เลี้ยงหายากที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ

จากการตรวจสอบพบบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ในพื้นที่ 98 ไร่ ภายในพบกรงเลี้ยงสัตว์หลายชนิด เช่น จิงโจ้, นกกระจอกเทศ, กวาง, ม้าแคระ, ควายแคระ, วัวแคระ, แพะแคระ, แกะ, หมูป่า, ชะมด, เต่าซูลคาต้า, หนูคาปิบาร่า, นกอีมู, นกยูงสายพันธุ์ต่างประเทศ, งูเหลือมปากเป็ด มากกว่า 50 ตัว

จากการสอบสวน นายฟรานซิสโก คูเอสต้า อายุ 54 ปี เจ้าของบ้าน ให้การยอมรับว่าสัตว์ต่างๆ ที่พบเป็นของตนซื้อไว้เอามาเลี้ยงเล่นภายในไร่ ส่วนที่ดินทั้งหมดเป็นกรรมสิทธิ์ของลูกชายที่เกิดกับอดีตนางแบบดัง “ยู่ยี่ อลิสา อินทุสมิต” มีเนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ ที่ผ่านมาเคยถ่ายรูปคู่กับสัตว์ต่างๆ แล้วนำโพสต์ใน Facebook และช่อง YouTube ของตน จนทำให้ถูกผู้อื่นร้องเรียนดังกล่าว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหา ในความผิดตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า 2562 คือ “มีสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” นำส่ง สภ.เลาขวัญ ดำเนินการ พร้อมกับให้นำหลักฐานครอบครองสัตว์ทุกชนิดที่พบมาแสดงด้วย หากพบความผิดก็จะถูกดำเนินเพิ่มอีกด้วย.

“ก๋วยเตี๋ยวหมูนายโด่ง”สามแยกปักธงชัย อร่อยสืบทอดมาจากรุ่นคุณย่า

หากใครกำลังมองหาร้านก๋วยเตี๋ยวที่ผสมผสานระหว่างความอร่อยจากสูตรโบราณและบรรยากาศเป็นกันเอง ร้าน “ก๋วยเตี๋ยวหมูนายโด่ง” คือจุดหมายที่ไม่ควรพลาด ตั้งอยู่ที่เลขที่ 555/4 ซอยปักธงชัย 4 หลังการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสามแยกปัก ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ร้านนี้เปิดให้บริการมานานกว่า 14 ปีแล้ว โดยมีนายชัยวุฒิ พงษ์สุวรรณ หรือที่รู้จักกันในนาม “นายโด่ง” วัย 41 ปี เป็นเจ้าของ

ความพิเศษของก๋วยเตี๋ยวหมูนายโด่ง อยู่ที่ สูตรน้ำซุป ที่สืบทอดมาจากคุณย่า ถ่ายทอดมาถึงรุ่นหลาน น้ำซุปนี้มีกลิ่นหอมและรสชาติที่กลมกล่อม โดยทางร้านมีเมนูหลากหลายให้เลือก ทั้งก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำต้มยำ น้ำใส เส้นเล็ก เส้นใหญ่ บะหมี่เกี๊ยว เนื้อหมู ลูกชิ้นหมู และหมูบ๊ะช่อ นอกจากนี้ ยังมีเมนูเด็ดอย่าง ต้มเล้งกระดูกหมูรสแซ่บ ที่หลายคนติดใจ

ชัยวุฒิ พงษ์สุวรรณ

นายโด่ง เจ้าของร้าน เล่าถึงแรงบันดาลใจในการทำก๋วยเตี๋ยวว่า “ผมได้รับสูตรน้ำซุปจากคุณย่าของผม ซึ่งท่านเป็นชาวสุโขทัย ทำก๋วยเตี๋ยวขายที่สุโขทัยมาก่อน ตั้งแต่ผมยังเด็ก สูตรนี้ทำให้รสชาติของน้ำซุปไม่เหมือนที่อื่น และผมอยากให้คนรุ่นใหม่ได้ลิ้มลองรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์นี้ครับ”

สำหรับ เมนู และราคา ของทางร้าน มีตัวเลือกหลากหลายให้ลูกค้าได้เลือกตามความชอบ ไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำใสธรรมดา ราคา 40 บาท หรือจะเพิ่มเป็นพิเศษในราคา 50 บาท เมนูก๋วยเตี๋ยวต้มยำธรรมดา 45 บาท พิเศษ 55 บาท ส่วนเกี๊ยวน้ำและบะหมี่เกี๊ยวก็มีให้เลือกทั้งแบบน้ำใสและต้มยำ ในราคาเริ่มต้นที่ 45 บาท

ร้านเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 09.30 น. ถึง 14.30 น. หยุดทุกวันพุธ บรรยากาศภายในร้านเป็นกันเอง เหมาะกับทุกเพศทุกวัยที่จะมานั่งลิ้มรสความอร่อยแบบดั้งเดิม สามารถโทรสั่งหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 093-545-9794 หรือ 096-994-5194.

โดย…ประสิทธิ์ ตั้งประเสริฐ // นครราชสีมา

ตำรวจน้ำดีสู้ชีวิต ไม่อายทำกิน ว่างเว้นงานราชการ ขายไส้กรอกอีสานช่วยภรรยา

นายตำรวจน้ำดีสู้ชีวิต ไม่อายทำมาหากิน นามว่า “ร.ต.ท. เดชา ไตรรัตน์” ตำแหน่ง รอง สว.สส.สภ.เมืองสุโขทัย หรือชาวบ้านเรียกกันว่า “หมวดเด” ตำรวจน้ำดีชุดสืบสวนฯ สภ.เมืองสุโขทัย ใช้เวลาว่างเว้นจากการออกเวรจากงานราชการ มาตั้งร้านขายไส้กรอกอีสาน ในชื่อ “หมวดเดชา ไส้กรอกสุโขทัย” ซึ่งเป็นยี่ห้อไส้กรอกอันเป็นที่รู้จักกันดีในพื้นที่อำเภอเมืองสุโขทัย และอำเภอใกล้เคียงของจังหวัดสุโขทัย

ไส้กรอกหมวดเดชามี 3 รสชาติ คือ ไส้กรอกหมูรสเปรี้ยว ไส้กรอกหมูวุ้นเส้นไม่เปรี้ยว และไส้อั่วสมุนไพร ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่นิยมบริโภคไส้กรอก ด้วยรสชาติอร่อยถูกปากคนกิน โดยมีการตั้งร้านขายตามตลาดทั่วไป ถนนคนเดินเมืองสุโขทัย หรือ งานอีเว้นท์ เทศกาลอาหารต่างๆ ภายในจังหวัดสุโขทัย นับได้ว่าเป็นไส้กรอกที่ขึ้นชื่อของเมืองสุโขทัย

ล่าสุด “หมวดเดชา ไส้กรอกสุโขทัย” ได้ไปจดทะเบียน OTOP กับหน่วยงานพัฒนาชุมชนแล้ว อีกทั้งยังมีการขยายช่องทางการขายไปทางเพจออนไลน์ ในชื่อ “หมวดเดชา ไส้กรอกสุโขทัย” เสริมสร้างยอดขายอีกด้วย

ร.ต.ท. เดชา หรือหมวดเด บอกว่า ด้วยเงินเดือนที่เหลือน้อย ไม่พอค่าใช้จ่ายในครัวเรือน เนื่องจากยังมีภาระที่ต้องส่งค่าบ้าน ค่ารถ รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการเล่าเรียนของบุตรชาย-หญิง 2 คนที่กำลังเติบโต วัยกำลังเรียนในระดับมัธยมต้น ทำให้ต้องหันมาพูดคุยกับภรรยาว่า เราจะต้องหาอาชีพเสริม เพื่อเสริมสร้างรายได้ในครัวเรือนให้เพียงพอต่อการใช้จ่าย เมื่อพูดคุยกันแล้ว จึงได้ไปปรึกษากับเพื่อนร่วมชั้นเรียนตนเองในสมัยมัธยมฯ คนหนึ่ง ซึ่งเขามีการขายแฟรนไชส์ไส้กรอกอยู่แล้ว เพื่อนจึงแนะนำให้เอาแฟรนไชส์ไส้กรอกของเพื่อนมาขายหารายได้เมื่อ 6 ปีที่ผ่านมา

ค่าแฟรนไชส์ไส้กรอกของเพื่อน เขาให้ความกรุณาผ่อนชำระได้ ตนเองและภรรยาจึงรับแฟรนไชส์ไส้กรอกจากเพื่อนมาขาย เพื่อเสริมสร้างรายได้นอกจากเงินเดือนข้าราชการตำรวจ เพื่อนำมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของครอบครัว แต่ต่อมา เพื่อนคนนั้นไม่ขาย เลิกขายไส้กรอกแล้ว ตนเองจึงคิดกับภรรยาว่า เราควรจะทำไส้กรอกของตัวเองออกมาขาย จึงนำสูตรที่ผู้มีพระคุณคนหนึ่งให้มา พร้อมทั้งวิธีการทำ แล้วปรุงรสไส้กรอกนำมาปรุงแต่งส่วนผสมเอาเอง

ในระยะแรก อยู่ในช่วงลองผิดลองถูก หมดเนื้อหมูไปกว่า 100 กิโลกรัม จนกว่าจะได้สูตรคงที่ จากนั้นจึงนำออกมาตั้งร้านขาย โดยใช้ชื่อ “หมวดเดชา ไส้กรอกสุโขทัย” ปรากฏว่า สูตรของตัวเองและภรรยาที่ได้คิดค้นขึ้น เป็นที่ถูกปากถูกใจของลูกค้าผู้บริโภค ทำให้ยอดขายดีขึ้นเรื่อยๆ จากการออกขายตามตลาดในตัวเมืองสุโขทัยตั้งแผงตั้งร้านขาย และขายที่ถนนคนเดินเมืองสุโขทัยทุกวันเสาร์ รวมทั้งออกร้านขายตามงานอีเว้นท์เทศกาลอาหารต่างๆ ก็ขายดิบขายดีมีรายได้ดี จนกระทั่งปัจจุบันได้ริเริ่มเปิดขายทางออนไลน์ โดยตั้งชื่อเพจ Facebook “หมวดเดชาไส้กรอกสุโขทัย” ส่งขายตามยอดออเดอร์ที่สั่งเข้ามาทำให้มีรายเพิ่มเติมได้ดีเลยทีเดียว

ในส่วนของการออกขายตามตลาดนัดหรือถนนคนเดิน รวมทั้งงานอีเว้นท์ เทศกาลอาหารต่างๆ ก็ยังขายอยู่ทุกวัน นับรวมแล้วมีรายได้โดยเฉลี่ยหลังหักค่าใช้จ่ายถึง 25,000 – 30,000 บาทต่อเดือน ทำให้มีค่าใช้จ่ายในครัวเรือนได้อย่างสบาย มีเงินเก็บสำหรับค่าเทอมลูก ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถยนต์ ค่าน้ำ ค่าไฟโดยไม่เดือดร้อน มีความสุขในครอบครัวด้วยการค้าขายไส้กรอกนี่เอง

ในส่วนวิธีการทำไส้กรอกออกมาขายนั้น ทางตนเองและภรรยารวมทั้งครอบครัว ญาติๆ ช่วยกันผลิตเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือนแบ่งปันรายได้ค่าแรงไปยังญาติพี่น้องที่ช่วยกันผลิตไส้กรอกและตนเองกับภรรยาก็ออกมาขายตามตลาดต่างๆ ดังกล่าว ถือได้ว่า ช่วยให้คุณภาพชีวิตตัวเองดีขึ้นอย่างมากมีเงินใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นสำหรับครอบครัว มีกินมีใช้คุณภาพชีวิตดีขึ้นมามากพอสมควร

ทั้งนี้หมวดเดชายังกล่าวต่อไปว่า คนเราอย่าไปอายทำกิน อย่าไปอายที่ต้องไปตากหน้าขายอาหารแผงตามตลาด เราทำได้ เราก็สร้างคุณภาพชีวิตให้กับครอบครัวของตัวเองได้ โดยตัวเองนั้น อาศัยเวลาว่างจากงานราชการ ออกมาขายไส้กรอกกับภรรยา แต่งานขายอาหารนั้น แม้มันเหนื่อย แต่สุขใจ มีความสุขในครอบครัว

ทั้งนี้หากใครสนใจสั่งไส้กรอกหมวดเดชาไปทาน หรือนำไปขายต่อยอดสร้างรายได้ ซึ่งมี 3 รสชาติคือ ไส้กรอกหมูรสเปรี้ยว ไส้กรอกหมูวุ้นเส้นไม่เปรี้ยว และไส้อั่วสมุนไพร สามารถสั่งซื้อได้ที่เพจ Facebook หมวดเดชา ไส้กรอกสุโขทัย หรือหมายเลขโทรศัพท์ 082-3535314 และ 085-1366316

บางช่วงบางตอน ร.ต.ท. เดชา ไตรรัตน์ รอง สว.สส. สภ.เมืองสุโขทัย เล่าถึงจุดเริ่มในการมาทำไส้กรอกขายตามท้องตลาด โดยระบุว่า จากความเป็นอยู่ที่ลำบาก เงินเดือนข้าราชการตำรวจมันก็น้อย เหลือน้อยเต็มทน คือไม่พอค่าใช้จ่ายจึงปรึกษาภรรยาหาอาชีพเสริม

สยองพิตบูลหลุดบุกลากด.ญ. 6 ขวบจากเตียง ขย้ำคอ-หัวเจ็บสาหัส

นนทบุรี-สยองพิตบูลหลุด ลากเด็ก 6 ขวบจากเตียงขย้ำคอ กัดกระชากหนังหัวเห็นกระโหลก อาการสาหัส ชาวบ้านคว้าครกตีหัวหมาช่วยเด็ก กู้ชีพเร่งส่งห้องไอซียู รพ.ปากเกร็ด

เมื่อวันที่ 28 ก.พ.68 เจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ชีพบัวเพชร ได้รับแจ้งเหตุขอความช่วยเหลือมีสุนัขพิตบูลหลุดเข้าไปกัดเด็กในบ้านพักจนได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงรีบรุดไปให้ความช่วยเหลือยังห้องเช่าไม่มีเลขที่ ซอยสุขาประชาสรรค์ 2 ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พร้อมประสานรถกู้ชีพเข้าช่วยเหลือ ก่อนนำเด็กหญิงวัย 6 ขวบ ซึ่งอยู่ในอาการสาหัส ส่งห้องไอซียู รพ.ปากเกร็ด

ที่เกิดเหตุ เป็นชุมชนบ่อตกปลาแสงจันทร์ ลักษณะเป็นบ้านชั้นเดียว บ้านปลูกติดกันหลายหลัง บ้านเกิดเหตุไม่มีเลขที่อยู่ติดกับร้านขายของชำ ไม่มีรั้วบ้าน ภายในบ้านซึ่งมีเตียงนอน พบข้าวของกระจัดกระจายเต็มพื้น พบรอยหยดเลือดกระจายหลายจุดบริเวณพื้นหน้าเตียง

จากสอบถามเพื่อนบ้านทราบว่า เด็กที่ถูกกัดเป็นเด็กผู้หญิงชื่อ ไข่มุก อายุประมาณ 6 ปี มีบาดแผลถูกสุนัขกัดที่ลำคอและศีรษะ จนแผลฉกรรจ์ฉีกขาดจากศีรษะถึงท้ายฝั่งขวายาวประมาณ 7 นิ้ว ลึกประมาณ 1-2 ซม. จนเห็นกระโหลก ที่กกหูด้านขวามีแผลยาวประมาณ 1 นิ้ว ที่หัวด้านซ้ายยาวประมาณ 3 นิ้ว แขนซ้ายมีแผลถลอก เจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งทำการปฐมพยาบาลก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาล

จากการสอบถาม นายสงกรานต์ อันทะปัญญา อายุ 48 ปี เจ้าของร้านของชำ ที่เข้าไปช่วยเด็ก เปิดเผยว่า ตนได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ จึงได้รีบวิ่งไปดูที่ห้องพัก พบว่าสุนัขพิตบูลกำลังกัดขย้ำที่คอเด็กหญิงอยู่ ตนจึงเข้าไปช่วยดึงสุนัขจนหลุดออก แต่สุนัขวกกลับมากัดเข้าที่หัวเด็กเป็นครั้งที่ 2ซึ่งในตอนนั้นมีคนอยู่ในบ้าน 4 คน คือ น้องไข่มุกเด็กหญิงที่ถูกกัด พี่สาว พ่อ และยาย

ตนถือไม้เข้าไปตีหมาเพื่อให้ปล่อยเด็ก แต่หมามันดุมากกัดไม่ปล่อยเลย ซึ่งหมาตัวดังกล่าวเป็นหมาของเพื่อนบ้านที่เลี้ยงอยู่ติดกันหลังบ้าน คาดว่าหมาคงจะหลุดออกมา

ด้าน นายนิว อายุ 27 ปี ลูกชายเจ้าของร้านของชำ ซึ่งเข้าไปช่วยเหลือเด็กหญิง กล่าวว่า ตอนเกิดเหตุเป็นเวลาประมาณ 2 ทุ่ม ตนเห็นสุนัขพิตบูลตัวดังกล่าว เดินผ่านมาจากรั้วหลังบ้านตนแล้วผ่านร้านของชำ ก่อนจะเดินมาดมกลิ่นที่ตนกับเพื่อน ซึ่งนั่งเล่นกันอยู่หน้าบ้าน แล้วเดินหายเข้าไปในบ้านของเด็กหญิงที่อยู่ติดกัน

ก่อนตรงเข้าไปกัดน้องไข่มุกที่นอนเล่นอยู่บนเตียงแล้วลากน้องลงมากัดที่พื้น โดยกัดเข้าที่ลำคอก่อนเป็นแผลแรก ตนกับพ่อที่เข้าไปช่วยเหลือน้องไข่มุก จนหลุดออกมา แต่สุนัขตัวดังกล่าวยังตามเข้ามากัดน้องไข่มุกซ้ำเข้าที่ศรีษะจนหนังหัวเปิดเป็นแผลขนาดใหญ่ อาการสาหัส ก่อนจะมีคนเข้ามาช่วยเหลือด้วยการเอาเชือกรัดคอสุนัขตัวดังกล่าวจนสุนัขยอมคายปากออกจากศรีษะเด็ก

โดยสุนัขพิทบูลตัวดังกล่าวมีขนาดค่อนข้างใหญ่ เป็นของเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกันด้านหลังเป็นเจ้าของ หลังเกิดเหตุ เจ้าของสุนัขบอกว่า จะรับผิดชอบกับทางครอบครัวน้องไข่มุก

น.ส.มณเฑียร รูปยิ้ม อายุ 54 ปี เจ้าของสุนัขพันธุ์พิทบูล เพศผู้ สีน้ำตาล อายุ 7 ปี ชื่อเจ้าโซล่า ซึ่งขนาดตัวค่อนข้างใหญ่ มีบาดแผลถูกตีที่ศีรษะจนแตกมีเลือดออก ถูกขังอยู่ในกรงไม้ขนาดใหญ่ในบ้านพัก เปิดเผยว่า ตนเป็นเจ้าขอสุนัขพิตบูลที่หลุดออกไปกัดเด็กจริง ตนต้องขอโทษกับทางครอบครัวเด็กด้วย ตนไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเรื่อง แต่เรื่องที่เกิดคือ มีเพื่อนบ้านอีกคนที่อยู่ติดกัน เปิดประตูเข้าไปรองน้ำที่บ้านของตนเพื่อนำไปใช้ แล้วลืมล็อกประตูรั้วให้ ทำให้สุนัขพิตบูลที่ตนปล่อยออกมาเดินเล่นรอบบ้าน หลุดออกไปกัดเด็กถึงในบ้าน

ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเด็กอาการเป็นยังไง ซึ่งลูกชายตนก็ตามไปเฝ้าอาการน้องอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว ตนในฐานะเจ้าของสุนัข ปฎิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ แต่ตนติดใจว่าคนที่มาเปิดประตูรั้วบ้านตนแล้วไม่ล็อกให้ดีจนทำให้สุนัขหลุดออกไปจะรับผิดชอบอย่างไรในเรื่องนี้ เพราะความประมาทไม่ได้มาจากครอบครัวตนเลย

ตนเสียใจที่เด็กอาการสาหัส ตั้งแต่เกิดเรื่องตนก็ตกใจเสียใจมากร้องไห้ไม่หยุด เพราะตั้งแต่เลี้ยงสุนัขตัวนี้มามันไม่เคยไปกัดใคร ตนก็เลี้ยงอยู่ในบ้านของตนดีๆ หลังจากนี้ตนคงตัดขาดไม่ให้เพื่อนบ้านคนนี้เขามารองน้ำไปใช้อีกต่อไป

นายนฤเทพ วิถีเทพ อายุ 26 ปี พี่ชายของเจ้าของสุนัข พาผู้สื่อมาดูรั้วประตูบ้านพร้อมกับกล่าวว่า ตอนเกิดเหตุตนได้ยินเสียงคนตะโกนว่ามีหมาหลุดไปกัดเด็กในบ้าน ตนจึงวิ่งมาดูที่กรงเลี้ยง พอไม่เจอเจ้าโซล่าอยู่ในกรง จึงวิ่งไปดูก็เห็นสุนัขของตนกำลังกัดเด็กที่พื้น ตนจึงเอาเชือกรัดคอหมาเพื่อให้มันหายใจไม่ออกแล้วคายปากออกจากร่างเด็ก ก่อนที่ตนดึงออกมาจากห้องที่เกิดเหตุแล้วนำไปขังกรงไว้ที่บ้าน

ปกติเจ้าโซล่าไม่เคยกัดใครมาก่อน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ตนกับพี่ชายช่วยกันเลี้ยงมา ตอนนี้พี่ชายไปดูเด็กที่ถูกกัดอยู่ที่โรงพยาบาล เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าไม่มีคนมาเปิดประตูจนสุนัขบ้านของตนหลุดออกไป ทั้งๆ ที่ประตูมีกลอน และมีเชือกรัดอีกชั้นหนึ่งป้องกันสุนัขหลุดอยู่แล้ว

นายจิต (สงวนนามสกุล) อายุ 60 ปี เพื่อนบ้านที่เปิดประตูรั้ว กล่าวว่า ตนเปิดประตูรั้วเข้าไปที่บ้านหลังนี้เพื่อรองน้ำมาใช้ที่บ้าน จนกีะทั่งตนรองน้ำเสร็จตนไม่สุนัขตัวดังกล่าว จึงคิดว่าสุนัขมันคงเข้ากรงไปแล้ว จากนั้นตนก็กลับมาที่บ้าน จนมาได้ยินเสียงคนร้องว่ามีสุนัขหลุดไปกัดเด็ก ตนจึงเดินไปดู ตนยอมรับว่าตนเป็นคนเปิดประตู แต่ตนก็ปิดประตูให้แล้วเพียงแต่ไม่ได้ล็อกไว้ ตอนนี้ตนยังไม่รู้ว่า จะทำยังไงต่อไป แต่ตนจะเคลียร์กับเจ้าของบ้านเจ้าของสุนัขเอง

เบื้องต้นอาการของน้องไข่มุกเด็กหญิงวัย 6 ขวบ ยังคงอยู่ในอาการสาหัสหลังถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเข้าห้องไอซียูเพื่อทำการช่วยเหลือชีวิตจากบาดแผลฉกรรจ์ที่ถูกสุนัขพิตบูลกัดเข้าที่ลำคอและศีรษะเป็นบาดแผลฉกรรจ์ฉีกขาด ซึ่งต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

สลด!ฆ่ายัดกระสอบปุ๋ย สาวปริศนาใส่เสื้อกีฬาสี ถูกหมกในป่าหญ้า ตร.แม่สอด เร่งคลี่คลายคดี

ตาก -สลด!พบร่างหญิงสาวปริศนา ถูกฆาตกรรมโหด ก่อนยัดศพใส่กระสอบปุ๋ย ทิ้งป่าหญ้าริมถนนในพื้นที่ ต.แม่กาษา อ.แม่สอด ตำรวจเร่งควานหาเบาะแสเหยื่ออำมหิตเป็นใครมาจากไหน หลังพบสวมใส่เสื้อกีฬาสีของโรงเรียนสันป่าไร่ ด้าน ผอ.ยันในโรงเรียนไม่มีเด็กนักเรียนหายไป และเสื้อเป็นของเมื่อ 2 ปีที่แล้ว

พ.ต.อ.ศรายุทธ แผลงปัญญา รอง ผบก.อก.ภ.6 รรท.ผกก.สภ.แม่สอด ได้รับแจ้งเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568  จากผู้ใหญ่บ้านน้ำดิบ ม.6 ต.แม่กาษา อ.แม่สอด จ.ตาก พบชิ้นส่วนคล้ายอวัยวะมนุษย์บนถนนท้ายหมู่บ้านน้ำดิบ หมู่ 6 ต.แม่กาษา อ.แม่สอด จ.ตาก พ.ต.ท.เอกรัฐ นุชเฉย รอง ผกก.สภ.แม่สอด พนักงานสอบสวน สภ.แม่สอด ชุดสืบสวน สภ.แม่สอด และสายตรวจตำบลแม่กาษา ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ฆ่ายัดกระสอบปุ๋ย สาวปริศนาใส่เสื้อกีฬาสี ถูกหมกในป่าหญ้า ตร.แม่สอด เร่งคลี่คลายคดี

จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบโครงกระดูกท่อนขาทั้งสองข้างอยู่ในกางเกงวอร์มสีดำ เสื้อผ้าที่สวมใส่เป็นเสื้อกีฬาสีของโรงเรียนสันป่าไร่ ต.พระธาตุ อ.แม่ระมาด จ.ตาก พบอยู่บนถนน และท่อนบนตั้งแต่สะโพกไปจนถึงศีรษะ บรรจุอยู่ในถุงปุ๋ยสีเขียว วางอยู่ในป่าหญ้าริมถนนใกล้กัน เบื้องต้นคาดว่าเป็นหญิงสาวรูปร่างเล็ก สูงประมาณ 160 ซม. เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 20-30 วัน ไม่ทราบว่าเสียชีวิตที่ใด แล้วถูกนำใส่ถุงปุ๋ยมาทิ้งไว้ที่เกิดเหตุ

ฆ่ายัดกระสอบปุ๋ย สาวปริศนาใส่เสื้อกีฬาสี ถูกหมกในป่าหญ้า ตร.แม่สอด เร่งคลี่คลายคดี

สอบสวนเบื้องต้น ผู้นำชุมชนในเขต ต.แม่จะเรา และ ต.พระธาตุ อ.แม่ระมาด ยังไม่พบว่ามีการแจ้งบุคคลสูญหาย ประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่โรงเรียนสันป่าไร่ พบนายศุภวิชญ์ ปลูกปัญญาดี ผอ.โรงเรียน กล่าวว่า ภายในโรงเรียนไม่มีเด็กนักเรียนหายไป และเสื้อลักษณะดังกล่าวเป็นของเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา และไม่ได้รับทราบข่าวว่ามีศิษย์เก่าคนใดหายตัวไป

ฆ่ายัดกระสอบปุ๋ย สาวปริศนาใส่เสื้อกีฬาสี ถูกหมกในป่าหญ้า ตร.แม่สอด เร่งคลี่คลายคดี

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจะได้ดำเนินการสืบสวนเพื่อให้ทราบตัวผู้ตายและสาเหตุการตายต่อไป.

‘ทรัมป์’ยันตั้งกำแพงภาษีเม็กซิโก-แคนาดา เริ่ม 4 มี.ค. เก็บจีนเพิ่มอีก 10%

“โดนัลด์ ทรัมป์” ยืนยัน สหรัฐฯ จะเริ่มเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกกับแคนาดาในวันที่ 4 มี.ค. หลังเลื่อนมา 1 เดือน และจะเก็บภาษีสินค้าจีนเพิ่มอีก 10% ด้วย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยืนยันในวันพฤหัสบดีที่ 27 ก.พ. 2568 ว่า คำสั่งตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกกับแคนาดาในอัตรา 25% ของเขา จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 มี.ค.นี้ หลังเลื่อนมา 1 เดือน และสหรัฐฯ จะเพิ่มการเก็บภาษีสินค้าจากจีนอีก 10% ในวันเดียวกันด้วย

คำสั่งตั้งกำแพงภาษีสินค้าเม็กซิโกกับแคนาดาของนายทรัมป์ ถูกเลื่อนออกไป 1 เดือน จากเดิมที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 3 ก.พ. หลังผู้นำของทั้ง 2 ประเทศบรรลุข้อตกลงกับฝ่ายสหรัฐฯ ว่าจะเพิ่มการควบคุมชายแดน เพื่อแก้ปัญหาผู้อพยพกับยาเสพติดไหลเข้าสหรัฐฯ อันเป็นสิ่งที่นายทรัมป์อ้างว่าคือเหตุผลให้เขาตัดสินใจตั้งกำแพงภาษี

อย่างไรก็ตามในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ สร้างความสับสนว่ามาตรการกำแพงภาษีดังกล่าว ซึ่งเลื่อนมาใกล้ครบ 1 เดือนแล้ว จะกลับมามีผลบังคับใช้หรือไม่ ซึ่งนายทรัมป์โพสต์ข้อความผ่าน Truth Social เมื่อเช้าวันพฤหัสบดี ยืนยันคำสั่งจะกลับไปมีผลบังคับใช้

ทรัมป์ ยังกล่าวอีกว่า ยาผิดกฎหมายยังคงหลั่งไหลเข้าสู่สหรัฐฯ จากทางเม็กซิโกและแคนาดาในระดับที่สูงมากและไม่สามารถยอมรับได้ ซึ่งสหรัฐฯ ไม่สามารถยอมให้เรื่องนี้ดำเนินต่อไปได้ ดังนั้นมาตรการกำแพงภาษีจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 มี.ค. ตามกำหนดการ จนกว่าการไหลเข้าของยาเสพติดจะหยุดหรือถูกจำกัดอย่างมาก

ทรัมป์ประกาศด้วยว่า สหรัฐฯ จะเก็บภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 10% ในวันดังกล่าวด้วย หลังเริ่มเก็บไปแล้ว 10% ตั้งแต่ 3 ก.พ. นอกจากนั้นผู้นำสหรัฐฯ บอกอีกว่า ในวันที่ 2 เม.ย. มาตรการตั้งกำแพงภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) จะยังคงมีผลบังคับใช้อย่างเต็มที่