เลี้ยงกุ้งแบบดั้งเดิม เสี่ยงเสียหาย ทำกุ้งไทยไม่เติบโต

อ่านบทความของ ดร.บัณฑิต นิจถาวร เรื่อง “อย่าให้ภาคเกษตรหายไปกับสังคมสูงวัย” แล้วเห็นด้วยอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องวิธีการผลิตแบบดั้งเดิม  การขาดโครงสร้างพื้นฐานสนับสนุนเพราะรัฐไม่ลงทุน ทั้งระบบชลประทาน ระบบดิจิตอล เทคโนโลยี ทำให้ภาคเกษตรไม่สามารถใช้ความรู้และเทคโนโลยีสมัยใหม่เพิ่มการผลิต  ส่งผลให้ภาคเกษตรไทยล้าหลัง ไม่เติบโต ภาคเกษตรจึงเหลือแต่เกษตรกรสูงวัย ไม่มีคนหนุ่มสาว  หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ย่อมไม่เป็นผลดีต่อประเทศไทย

ระบบเทคโนโลยีเกษตรนี่ล่ะ ที่จะต้องเข้ามาทดแทนการทำเกษตรแบบดั้งเดิม ซึ่งล้าหลังลงทุกวัน  สวนทางกับการเกิดขึ้นของโรคระบาดใหม่ๆ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ฯลฯ ซึ่งล้วนส่งผลกระทบต่อภาคเกษตรทั้งสิ้น กระบวนการปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์แบบดั้งเดิม จึงไม่ตอบโจทย์ที่จะรักษาความยั่งยืนของภาคเกษตรไทย

กระบวนการเลี้ยงกุ้งก็เช่นกัน ที่ผ่านมากุ้งไทยมีปัญหาเรื่องโรคระบาดจนทำให้ผลผลิตกุ้งลดลงต่อเนื่องหลายปี จากผู้ผลิตกุ้งอันดับ 1 ของโลก ต้องล่วงหล่นไม่เป็นท่ามายาวนาน แต่วันนี้นับว่าโชคดีที่คณะกรรมการบริหารจัดการห่วงโซ่การผลิตกุ้งทะเลและผลิตภัณฑ์ เห็นชอบหลักการ (ร่าง) แผนปฏิบัติการเพื่อยกระดับการแก้ไขปัญหากุ้งทะเลเป็นวาระแห่งชาติ พ.ศ. 2568 – 2572 รวม 11 มาตรการ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายระดับโลก และนโยบายระดับประเทศ ซึ่งล้วนแต่เป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมกุ้งไทยอย่างยิ่ง

หากทำได้สำเร็จทุกมาตรการ อันประกอบด้วย  1.)  การพัฒนาพ่อแม่พันธุ์ให้เหมาะสมกับการเลี้ยงกุ้งทะเล เพื่อให้ได้ลูกกุ้งทะเลคุณภาพ 2.) การจัดการฟาร์มเลี้ยงกุ้งอย่างยั่งยืน 3.) การส่งเสริมการใช้อาหารที่เหมาะสมกับรูปแบบการเลี้ยง 4.) การจัดการโรคและการป้องกันโรคในกุ้ง 5.) การพัฒนาระบบเฝ้าระวังติดตามตรวจสอบความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล 6.) การเพิ่มประสิทธิภาพระบบโลจิสติกส์สินค้ากุ้งทะเลหลังการจับ 7.) การสร้างแบรนด์และเพิ่มช่องทางการตลาด 8.) การบริหารจัดการข้อมูลกุ้ง 9.) การพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม 10.) การยกระดับความรู้บุคลากร ทั้งเกษตรกรและเจ้าหน้าที่ และ 11.) การสร้างเครือข่าย ความเข้มแข็ง

กลไกสำคัญของการขับเคลื่อนมาตรการเหล่านี้ หนีไม่พ้น “เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง” ของไทยที่ต้องใส่ใจพัฒนาเทคโนโลยีการเลี้ยงอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่ก่อนเริ่มเลี้ยงไปจนจับขาย การเตรียมบ่อด้วยวิธีดั้งเดิมที่เพียงปล่อยน้ำจากแหล่งธรรมชาติแล้วลงกุ้งเข้าเลี้ยงเลยนั้น เป็นความเสี่ยงอย่างมากที่กุ้งจะเสียหาย ไม่ได้ผลผลิตตามที่ต้องการ ทั้งจากโรคระบาดและสัตว์แปลกปลอมที่ปะปนเข้ามา

สิ่งสำคัญที่สุดคือความสะอาดในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเตรียมบ่อ เตรียมลูกกุ้ง ส่วนขั้นตอนการเตรียมน้ำที่ดีที่สุด น่าจะใช้ระบบน้ำหมุนเวียนที่ไม่ปล่อยน้ำออกสู่ภายนอก และไม่นำน้ำภายนอกที่ยังไม่มีการกรองเข้าสู่ระบบการเลี้ยง  เทคโนโลยีนี้เพื่อลดการใช้น้ำและควบคุมคุณภาพน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยลดมลพิษและเพิ่มความยั่งยืนในการเลี้ยงกุ้ง

หรืออย่างน้อยในบางพื้นที่ที่มีความเสี่ยง กรณีมีสัตว์ต่างถิ่นแปลกปลอมยิ่งต้องระมัดระวัง เช่น การเตรียมบ่อพักน้ำ และเตรียมตาข่ายละเอียดสำหรับกรองน้ำ ป้องกันสัตว์แปลกปลอมเล็ดรอดเข้ามาในบ่อ ควรเพิ่มการใช้กากชาเพื่อทำลายสัตว์แปลกปลอมด้วย หยุดการดึงน้ำเข้าบ่อโดยไม่ทำอะไรเลยได้แล้ว

เมื่อรัฐบาลเล็งเห็นความสำคัญกุ้งไทย ยกระดับเป็นวาระแห่งชาติ เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งต้องคว้าโอกาสนี้ หยุดหมกมุ่นกับการเลี้ยงแบบเดิมๆ  แต่ควรหันมาเร่งวางแผนพัฒนาการเลี้ยง และนำเทคโนโลยีการเลี้ยงที่ดีเข้ามาใช้  เป็นฟันเฟืองสำคัญที่จะขับเคลื่อนกุ้งไทยให้เติบโต ทวงแชมป์ส่งออกกุ้งกลับคืนสู่ประเทศไทย และช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจชาติให้ได้อีกครั้ง

 โดย…รังสรรค์ ชลาสินธุ์

ดินถล่มฝังคนงานวางท่อ ดับ 2 ศพ สาหัส 1 ที่โคราช

นครราชสีมา – สลดอีก! ดินถล่มฝังคนงานวางท่อระบายน้ำริมถนนดับ 2 ศพ บาดเจ็บสาหัส 1 ราย ที่ ปักธงชัยโคราช ผู้บาดเจ็บส่งต่อ รพ.มทส. ล่าสุดอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว ขณะตำรวจเตรียมเรียกผู้รับเหมามาสอบสวนดำเนินการตาม กม.

วันนี้ (27 ก.พ.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา ( 26 ก.พ.)หลังจากรับแจ้งจากศูนย์วิทยุหน่วยแพทย์พยาบาลกู้ชีพฉุกเฉิน 1669 ว่า มีดินถล่มทับคนงานวางท่อริมถนน บ้านหัวนา หมู่ 9 ต.โคกไทย อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต หน่วยกู้ภัยมูลนิธิพุทธธรรมการกุศล (ฮุก31) นครราชสีมา จุดปักธงชัย , กู้ชีพดอน ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ รพ.ปักธงชัย พร้อม เจ้าหน้าที่ ตำรวจ สภ.ปักธงชัย นำโดย พ.ต.อ.บุญโปรด ประเสริฐศักดิ์ ผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.ปักธงชัย เข้าตรวจสอบและช่วยเหลือผู้ประสบเหตุเป็นการด่วน

ในจุดเกิดเหตุเป็นไซต์งานก่อสร้างวางท่อระบายน้ำริมถนน บ้านหัวนา หมู่ 9 ต.โคกไทย อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา พบดินถล่มทับคนงานฝังท่อ เบื้องต้นได้รับแจ้งว่า ถูกดินถล่มทับ3 ราย ยืนยันเสียชีวิต2 ราย และ บาดเจ็บ1 ราย

จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า คนงานได้ลงไปดำเนินการวางท่อระบายน้ำอยู่ในหลุม จำนวน 3 คน ในระดับความลึก 2.50 เมตร กำลังช่วยกันขุดดินและเชื่อมท่อระบายน้ำ แต่จู่ๆ ดินที่ถมอยู่บนปากหลุม ได้เกิดสไลด์ลงทับมาทับร่างคนงาน จึงมีการนำรถแบ็กโฮมาเร่งขุดตักเศษดินที่ถล่มทับร่างคนงานออก และเมื่อเจ้าหน้าที่กู้ชีพ-กู้ภัยไปถึงพบว่า คนงานที่ถูกดินถล่มทับจำนวน 3 ราย โดยคนแรกที่ได้รับการช่วยเหลือ คือ นายประกิตติ์ รัตนะดอน อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 64 ม.9 ต.โคกไทย อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส

ส่วนอีก 2 ราย ได้แก่ นายกมล นากุดนอก อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 138 ม.9 ต.โคกไทย อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา และ นายชวลิต ดาวโอน อายุ70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99 ม.9 ต.โคกไทย อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ถูกดินถล่มทับจนขาดอากาศหายใจ ได้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุก่อนแล้ว

พ.ต.ท.จักรภพ เชื้อสาย พนักงานสอบสวน สภ.ปักธงชัย ได้ให้นำร่างเสียชีวิตส่งไปที่ รพ.ปักธงชัย เพื่อชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่ชัดเจน ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ ให้ส่งรักษาที่ รพ.ปักธงชัย เช่นกัน แต่เนื่องจากอากาสาหัสได้มีการส่งไปรักษาต่อที่ รพ.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (รพ.มทส.) ล่าสุดอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะเรียกผู้รับเหมามาสอบสวนเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

ระดมสุดยอดร้านค้าอาหารอร่อยชายแดนใต้กระตุ้นเศรษฐกิจด้ามขวาน

จังหวัดนราธิวาส ยะลา ปัตตานี ถ้าพูดถึงเรื่องอาหาร คาว หวาน ต้องยกให้ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะรสชาดที่แตกต่างกับภาคอื่นๆ ถ้าใครเคยมา จะพูดเสียงเดียวกันเลยว่า มีเมนูอาหาร ขนม ที่สามารถหาทานกันแบบ 7วันก็ยังไม่ครบเพราะมีจำนวนมากๆ จริงๆ อย่างเช่น ประเภทข้าว ก็จะมี ข้าวยำ ไก่กอและ ข้าวมันอาหรับ ข้าวหมกไก่  ข้าวนาสิดาแฆ นาสิลือเมาะ เป็นต้น ส่วนประเภทขนม ก็ไม่น้อยหน้าจังหวัดภาคอื่นๆ ซึ่ง 3 จังหวัดชายแดนใต้จะมีขนมที่อร่อยๆที่สืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษ นับร้อยปี เช่น ขนมอาเกาะ ขนมเปียนา แสมา ปูตูฮาลือบอ และอีกมากมาย แต่อย่าลืมขนมที่เราต้องตามยุคสมัยก็ต้องตามให้ทัน เดียวจะหาว่าตกเทรน คือ ขนม ครัวซอง ซูชิ ลุยสวน เคบับ ไดฟูกุ ถังหูลู่ หรือมันเบิร์นชีส ก็อร่อยอีกแบบ

พุงโตออร์แกไนซ์ ได้จับมือ ระดมสุดยอดร้านค้าอาหารอร่อยเจ้าดังของ 3 จังหวัดชายแดนใต้  นราฯ ยะลา ปัตตานี เป็นหลัก และจังหวัดใกล้เคียงที่อยากมาสร้างมิติอาหารเด็ด ขนมดัง ที่กำลังสร้างกระแสทั้งในติ๊กต๊อกและโซเชียลต่างๆ ให้กับคนในพื้นที่ 3 จังหวัดและใกล้เคียงมาชิมลิ้มลองในรสชาติที่อร่อยระดับห้างแต่ราคาหลักสิบ รวมไปถึงอาหารที่เป็นอาหารพื้นเมืองของแต่ละจังหวัด 3 ชายแดนใต้ พุงโตออร์แกไนซ์ สามารถนำอาหารเหล่านี้มารวมกันเป็นจุดเดียว เสริฟความอร่อยให้พี่น้องประชาชนทุกภาคทุกพื้นที่ เพียงแค่ท่านติดต่อมาหาทีมงานพุงโตออร์แกไนซ์ ได้ทุกเมื่อ เราสามารถนำสินค้าที่มีความอร่อย

แต่รสชาติราคาที่ทุกคนจับต้องได้มาออกบูทจำหน่าย นอกจากเรื่องอาหาร “พุงโตออร์แกไนซ์” ยังคงมีเครื่องเล่นสวนสนุก และเชิญเหล่าอินฟู เซเลป เน็ตไอดอลมาร่วมงานได้อีกด้วย สำหรับลูกค้าใครที่สนใจ อยากมาเป็นส่วนหนึ่งกับทีมเรา หรือใครอยากให้เราไปเป็นส่วนหนึ่งของงานท่าน ติดต่อมาหาเราได้ กับ 3 คน “ พุงโตออร์แกไนซ์ ” ครับ  

เป็นเอก บูรณพาส (โค้ชเอก) การาตี บูรณพาส (มาดามตี้)  และ รอฮีมี บูรณพาส (เชฟดี้พุงโต) ผู้จัดการ พุงโตออร์แกไนซ์ ประกันความสุขว่า เราสามคน ได้จัดงานมอบความสุขให้กับพ่อแม่พี่น้องแบบสุดๆ ด้วยประสบการณ์ที่เคยออกบูท อีเว้นตามงานต่างๆมาหลายปี เราก็เลยคิดว่า อยากทำเองเพื่อคืนกำไร ทำอะไร ให้กับพี่น้อง3 จังหวัดชายแดนใต้ นำสิ่งดีๆให้กับชาวบ้านให้ได้ออกมา ได้จับจ่ายใช้สอย ของอร่อยๆ เราก็เลยจัดกิจกรรมนี้ขึ้นมาเพื่อที่จะให้รู้ว่าอาหาร 3 จังหวัดชายแดนมีเยอะมาก เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของ 3 จังหวัดชายแดนของเรา และสร้างอาชีพให้กับคนในพื้นที่ด้วย สร้างมหัศจรรย์เรื่องอาหารการกิน เราก็เลยรวมตัว 3 พี่น้องมารวมความสามารถมารวมตัวกันเป็น “ พุงโต ” มอบรอยยิ้ม มอบความสุขให้กับพี่น้องทั่วทุกที่ ด้วยประสบการณ์ เชฟดี้ มาดามตี้

อออกบูทบ่อยๆ เราสามารถรู้ว่า อะไรคือ อุปสรรค อะไรคือสิ่งที่เราอยากให้มันเกิด อะไรคือสิ่งที่ไม่อยากให้เกิด เราจึงรู้ว่า อะไรควร หรือไม่ควร ทั้งหมดนี้ เรา3 คนพี่น้องจัดมารวมกันเป็น “ พุงโตออร์แกไนซ์ ” เพราะว่านโยบายคือ แม่ค้า พ่อค้า มาร่วมงานต้องมีความสุข อาหารต้องดังอาหารต้องสด อร่อย เรากินยังไง ลูกค้าต้องกินอย่างนั้น และที่สำคัญ ถ้าไม่สุดถ้าไม่พิเศษ เราไม่ทำเพราะเราคือ  “ พุงโตออร์แกไนซ์”ไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ไหน เราจะสร้างความอร่อยไปถึงที่ อยากจะให้เราเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในความสุขสนุกสนานในการจัดงาน เรารับจัดความสุข สนุกสนานให้กับทุกคน.

ใครสนใจติดต่อได้ที่ เพจ.พุงโตออร์แกไนซ์ โทร.095-5365669

 ภาพ/ข่าว.. แวดาโอ๊ะ หะไร / อัสมา บินมะนุ

กระบี่รวมพลังจิตอาสาทำความดีบวชต้นไม้เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

จังหวัดกระบี่จัดกิจกรรมจิตจิตอาสาพัฒนา บำเพ็ญสาธารณประโยชน์และสาธารณกุศล เนื่องในโอกาสวันที่ระลึกพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย

เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์  นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นประธานเปิดกิจกรรมจิตอาสาจิตอาสาพัฒนา บำเพ็ญสาธารณประโยชน์และสาธารณกุศล เนื่องในโอกาสวันที่ระลึกพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ณ บริเวณบ่อน้ำผุด หมู่ที่ 5 บ้านปากช่อง ต.คลองยา อ.อ่าวลึก เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และเป็นการแสดงออกถึงความสมัครสมานสามัคคีของชาวจังหวัดกระบี่ โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ลูกจ้าง พนักงานหน่วยงานของรัฐ จิตอาสาพระราชทาน นักเรียน และประชาชนจิตอาสาเข้าร่วมกิจกรรมอย่างพร้อมเพรียง ท่ามกลางสายฝนที่ตกตลอดเวลา และสร้างความชุ่มชื้นของพื้นที่

ทั้งนี้ หลังจากที่ประกอบพิธีถวายเครื่องราชสักการะ กล่าวสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และปฏิญาณตนเบื้องหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี แล้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมดได้แยกย้ายกันปรับปรุงภูมิทัศน์ ทำความสะอาดบริเวณบ่อน้ำผุด พร้อมทั้งร่วมบวชต้นไม้ และปลูกต้นไม้ เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย และการรักษาความสะอาดของบ้านเมือง

พร้อมกันนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ และคณะ ได้เยี่ยมบ้านกลุ่มเปราะบางผู้สูงอายุและมีฐานะยากจน บ้านนายจับ เนาวรัตน์ อายุ 93 ปี หมู่ที่ 2 ต.คลองยา อ.อ่าวลึก เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ แก่ผู้สูงอายุ และบุคคลในครอบครัว โอกาสนี้ได้มอบสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภค เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นด้วยด้วย

“ทักษิณ”ขออภัยความผิดพลาดในอดีต ขอกลับมาพัฒนาชายแดนใต้ทุกมิติ

นราธิวาส-รองนายกฯ ควง ทักษิณ ที่ปรึกษาประธานอาเซียน ลงพื้นที่ปลายด้ามขวาน ย้ำพัฒนา แก้ปัญหา ในมิติคง ด้านศาสนา ด้านการศึกษา เพื่อความมั่นคงพื้นที่ในพื้นที่ และขอชาวไทยมุสลิม สู่รอมฎอนสร้างสันติ

เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี / ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) พร้อมด้วย ดร.ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน และพันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ นราธิวาส ปัตตานี และยะลา เพื่อหารือและแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ในหลายมิติ ได้แก่ ด้านความมั่นคง ด้านศาสนา และด้านการศึกษาของประชาชนในพื้นที่ โดยมี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา พันตำรวจโท วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส รวมถึงประชาชนมารอต้อนรับ ณ สนามบินนราธิวาส

การลงพื้นที่ครั้งนี้ คณะฯ ได้เปิดเวทีรับฟังข้อเสนอแนะจากภาคประชาชน ผู้นำศาสนา ข้าราชการ นักวิชาการ ภาคธุรกิจ และองค์กรภาคประชาสังคม เพื่อระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหา อุปสรรค รวมถึงแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่ชายแดนใต้ โดยจะนำข้อมูลที่ได้ไปประมวลผลและผลักดันแนวทางการแก้ไขในระดับพื้นที่และระดับอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างความร่วมมือกับประเทศมาเลเซีย ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการเชื่อมโยงและสนับสนุนกระบวนการพัฒนาพื้นที่  รองนายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยที่ปรึกษาประธานอาเซียน ถึงสนามบินนราธิวาสแล้วเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ทั้งในมิติด้านความมั่นคง ด้านศาสนา ด้านการศึกษาของประชาชนในพื้นที่

รองนายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยที่ปรึกษาประธานอาเซียน ถึงสนามบินนราธิวาสแล้วเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ทั้งในมิติด้านความมั่นคง ด้านศาสนา ด้านการศึกษาของประชาชนในพื้นที่ 

(เวลา 10.00 น.) พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และหัวหน้าพรรคประชาชาติ ลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พา ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี/ที่ปรึกษาประธานอาเซียน และ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้ากราบนมัสการพระธรรมวัชรจริยาจารย์ เจ้าอาวาสวัดประชุมชลธารา/ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 18 ณ วัดประชุมชลธารา (วัดสุไหงปาดี) ตำบลสุไหงปาดี อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส โดยมีประชาชนในพื้นที่เดินทางมาต้อนรับ กว่า 2 พัน คน

การลงพื้นที่ครั้งนี้ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากพระภิกษุสงฆ์และพี่น้องประชาชนในพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอของจังหวัดนราธิวาส โดยก่อนการพบปะพูดคุยกับประชาชน คณะฯ ได้ร่วมชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน อาทิ การแสดงรำหมอลำจากกลุ่มสตรีในพื้นที่ สะท้อนถึงอัตลักษณ์ท้องถิ่นและความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่อยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน

ภายหลังการเยี่ยมเยียนและพบปะประชาชน ดร.ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน ได้กล่าวถึงแนวทางในการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และการร่วมมือกันแก้ไขปัญหายาเสพติดที่เป็นภัยต่อสังคม โดยระบุว่า

“ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน ผมเห็นว่าการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ควบคู่ไปกับการจัดการปัญหายาเสพติดอย่างเป็นระบบ ซึ่งหัวใจสำคัญของการแก้ไขปัญหาคือ การเปิดพื้นที่ให้ทุกฝ่ายได้หันหน้าเข้าหากัน พูดคุย และร่วมกันหาแนวทางแก้ไขอย่างสันติ การสื่อสารและความร่วมมือคือกุญแจสำคัญของความสำเร็จ”

จากนั้น คณะฯ มีกำหนดการเดินทางไปยังโรงเรียนสัมพันธ์วิทยา ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เพื่อพบปะผู้บริหารสถานศึกษาและหารือถึงการพัฒนาด้านการศึกษาในพื้นที่เพื่อวางแนวทางพัฒนาพื้นที่ชายแดนใต้ให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนพร้อมทั้งรับประทานอาหารเที่ยง

รองนายกรัฐมนตรีนำคณะเยี่ยมโรงเรียนสัมพันธ์วิทยา ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส หารือถึงการพัฒนาด้านการศึกษาในพื้นที่

ต่อมา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) พร้อมด้วย ดร.ทักษิณ ชินวัตร ที่ปรึกษาประธานอาเซียน พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พันตำรวจโท วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เดินทางมายังโรงเรียนสัมพันธ์วิทยา ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เพื่อพบปะผู้บริหารสถานศึกษาและหารือถึงการพัฒนาด้านการศึกษาในพื้นที่เพื่อวางแนวทางพัฒนาพื้นที่ชายแดนใต้ให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนพร้อมทั้งรับประทานอาหารเที่ยง โดยมี ผู้บริหารโรงเรียน คณะครูอาจารย์ ตลอดจนนักเรียน และบัณฑิตอาสา ร่วมให้การต้อนรับ

โอกาสนี้คณะฯได้เยี่ยมชมนิทรรศการผลงานนักเรียนและกิจกรรมแต่ละระดับชั้นที่ให้นักเรียนสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้พร้อมต่อยอดในการเรียนในระดับชั้นที่สูงขึ้น  

จากนั้นคณะได้เข้ารับฟังข้อเสนอแนะ ปัญหาอุปสรรคจากผู้แทนที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา ผู้นำศาสนา ข้าราชการ เพื่อเดินหน้าแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายด้านการศึกษาในพื้นที่พร้อมกันนี้ผู้แทนสถานศึกษาได้ให้ข้อเสนอแนะในด้านการพัฒนาการศึกษาโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพิ่มค่าตอบแทนครู บุคลากรทางศึกษา ซึ่งครูถือเป็นทรัพยากรที่สำคัญในการพัฒนาศักยภาพเด็กนักเรียน

ดร.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวตอนหนึ่งว่า จังหวัดนราธิวาสมีหลายอย่าง ซึ่งควรที่จะได้รับการผลักดัน เลยลงมาดู เพื่อนำข้อมูลไปหารือกับ นายอันวา อิบรอฮิม นายกรัฐมนตรีประเทศมาเลเซีย  และกลุ่มประเทศอาเซียน  เพื่อเตรียมที่จะนำของดีเหล่านี้กลับมาพัฒนาและส่งเสริมอีกรอบหนึ่ง “เด็กเปรียบเหมือนผ้าขาวขึ้นอยู่กับการหล่อหลอมของผู้ใหญ่อยากให้เด็กทุกคนเติบโตขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาของพื้นที่ส่วนเรื่องการศึกษาคือหัวใจของการพัฒนาในปัจจุบัน  การสร้างแรงจูงใจให้เด็กคือสิ่งที่เราต้องทำผมอยากเห็นสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งมีศักยภาพสูงในด้านทรัพยากรทางธรรมชาติ และได้รับการพัฒนาในทุกด้าน”

สำหรับอยากโรงเรียนสัมพันธ์วิทยาเป็นโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามควบคู่สามัญ มีนักเรียนทั้ง 3 ระดับ ระดับอนุบาล ระดับประถามศึกษาและระดับมัธยมศึกษา ปัจจุบันมีนักเรียนทั้งสิ้น 2,020 คน มีบุคลากรทั้งหมด 150 คน เป็นโรงเรียนที่มุ่งเน้นพัฒนาการศึกษาให้มีคุณภาพเพื่อให้เยาวชนเป็นคนดี คนเก่ง กล้าคิด กล้าแสดงออกและเป็นการเรียนรู้ที่พร้อมปลูกฝังด้านคุณธรรมจริยธรรมเพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของอิสลามและมีความเจริญก้าวหน้าทันต่อยุคเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เพราะโรงเรียนเชื่อมั่นว่าการศึกษาเท่านั้นที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของคนให้มีอนาคตที่ดี เพื่อไปพัฒนาตนเองและประเทศชาติให้มีความเจริญยิ่งขึ้นต่อไป 

ทักษิณลงปัตตานีหารือผู้นำศาสนาหาแนวทางใหม่ดับไฟใต้  นิรโทษกรรม VS คืนศักดิ์ศรี หรือแก้มาตรา 21 พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ

วันเดียวกัน 13.30 น. ที่ร.ร.สายบุรีอิสลามวิทยา อ.สายบุรี จ.ปัตตานี  ดร.ทักษิณ ชินวัตร ที่ปรึกษาปธ.อาเซียน พร้อมกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รมต.ว่าการกระทรวงกลาโหมและพัน ต.อ ทวี สอดส่อง รมต.ว่าการยุติธรรม พร้อมคณะ ในโอกาสเป็นตัวแทนรัฐบาลเดินหน้าหาแนวทางแก้ปัญหาและการพัฒนาในจังหวัดชายแดนภาคใต้  ซึ่งมีนางพาตีเมาะ สะดียามู ผวจ.ปัตตานี หัวหน้าส่วนราชการ นายนิเดร์ วาบา บริหารสถานศึกษา ผู้นำศาสนา  ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น ภาคประชาสังคมและประชาชน นักเรียนให้การต้อนรับ กว่า1,000 คน  บรรยากาศเต็มไปด้วยความยิ้มแย้ม เด็กๆ นักเรียนทั้งหญิงและชายต่างขอถ่ายรูปเซลฟี่กันอย่างคับคั่ง

โดยการลงมาเยือนชายแดนใต้ครั้งนี้ มีวาระประเด็นสำคัญว่า มีแนวคิดอ้างอิงจาก “โมเดล 66/2523” ซึ่งเคยใช้แนวทาง “นิรโทษกรรม” ต่ออดีตผู้ก่อความไม่สงบในช่วงหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 จะกลับมาใช้อีกครั้ง หรือไม่ ซึ่งกำลังดำเนินการทำรายละเอียด ทางสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ย้ำว่าแนวทางใหม่นี้จะไม่ใช่การนิรโทษกรรมโดยตรง แต่จะมีหลักเกณฑ์ชัดเจน และใช้แนวคิด “การเมืองนำการทหาร” ในการดำเนินการ

 โดยล่าสุด นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้แต่งตั้ง นายทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษาประธานเลขาธิการอาเซียน ซึ่งส่งผลต่อยุทธศาสตร์ทางการเมืองในพื้นที่ตอนเหนือของมาเลเซียที่ติดกับจังหวัดชายแดนใต้ของไทย คือปัญหาความไม่สงบ

นายอันวาร์ อิบริฮิม หวังใช้โอกาสนี้ขยายฐานเสียงในพื้นที่พรรคอิสลามแห่งมาเลเซีย (PAS) ซึ่งมีอิทธิพลในรัฐที่ติดกับชายแดนไทยด้วยเช่นกัน

ครั้งนี้ยังถูกจับตาว่า นายทักษิณ อดีตนายกฯ ต้องการรักษาฐานเสียงของพรรคประชาชาติ ซึ่งเป็นพันธมิตรของพรรคเพื่อไทยในพื้นที่ชายแดนใต้ด้วย

 ท่านได้พบปะหารือกัน มีการแลกเปลี่ยน พูดคุยก่อนรับฟังข้อเสนอ และได้กล่าวว่าดร.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า วันนี้ยินดีมากที่ได้กลับมา พบกับท่านนิเดร วาบา เพื่อนเก่า ผมเคยมาที่นี้ 20 กว่าปีที่แล้ว และออกไปอยู่ในตะวันออกกลางและในหลายประเทศ เข้าใจพี่น้องมุสลิมเป็นอย่างดี ผมได้โอกาสได้ฟังความคิดเห็นิหารือจากเพื่อนๆต่างประเทศมานานแล้วต้องการให้ช่วยแก้ปัญหาพัฒนาเรื่องเศรษฐกิจ แก้ปัญหาอื่นๆ ทั้งความรุนแรง ผมสมัยเคยเป็นนายกรัฐมนตรี เคยทำงานอาจจะใจร้อน มีข้อผิดพลาดบ้าง ก็ขอกราบขอโทษทุกๆท่านมา ณที่นี้

ตอนนี้เหตุการณ์สถานการณ์ดีขึ้นมากแล้ว เราคุยกันรู้เรื่องมากขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีทรัพยากร และมีศักยภาพพัฒนาไปข้างหน้าให้ดีกว่านี้การพูดคุยสันติสุข สมัยนายกปู นายกยิ่งลักษณ์   ผมมีโอกาสได้ช่วยเหลือและริเริ่ม เข้าลงไปช่วยอยู่บ้าง ซึ่งได้คุยกับคนที่อยู่ต่างประเทศ ว่าทุกคนอยากกลับบ้านของตนเอง ตอนนี้ผมกลับบ้านได้แล้ว แต่อีกหลายๆคนยังไม่ได้กลับ ต้องถึงเวลสที่ผมมาช่วยให้ทุกคนได้กลับบ้านด้วยเช่นกัน 

และในโอกาสอีกไม่กี่วัน พี่น้องมุสลิมจะเข้าสู่เดือนรอมฎอนแล้ว ขอให้ทุกคนได้ทำบุญ ทำกุศล เข้าทำความดีสู่เดือนรอมฎอนด้วยสันติ พระเจ้าทรงรับผลงามความดีของทุกๆท่าน ผมขอสันติสุขแก่พี่น่องมุสลิม ณที่นี่ และทั่วประเทศด้วยขอบคุณครับ

โดย…แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

“หยิน” ทุบสถิติแอลพีจีเอ คว้าแชมป์ฮอนด้า แอลพีจีเอฯ “จีโน่” จบที่ 3

แองเจิล หยิน มืออันดับ 17 ของโลกจากสหรัฐฯ รักษาฟอร์มดีต่อเนื่อง หวดได้อีก 7 อันเดอร์พาร์ 65 จบด้วยสกอร์รวม 28 อันเดอร์พาร์ 260 คว้าแชมป์ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ พร้อมสร้างสถิติสกอร์รวมต่ำสุดในแอลพีจีเอทัวร์ที่สนามสยามคันทรี คลับ พัทยา โอลด์ คอร์ส จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ขณะที่นักกอล์ฟชาวไทยผลงานดีสุดเป็น จีโน่-อาฒยา ฐิติกุล จบที่อันดับ 3

แอลพีจีเอทัวร์ จัดศึก ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ เปิดฤดูกาลแอลจีเอ ทัวร์ ฤดูกาล 2025 ชิงเงินรางวัลรวม 1.7 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 60 ล้านบาท มีนักกอล์ฟระดับโลก 72 คนลงแข่งขันแบบไม่มีตัดตัว ระหว่างวันที่ 20-23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ผลปรากฎว่า แองเจิล หยิน โปรสาวชาวอเมริกันวัย 26 ปี มืออันดับ 17 ของโลก ออกสตาร์ทรอบสุดท้ายในฐานะผู้นำรอบสาม รักษาฟอร์มดีต่อเนื่องหวด 7 เบอร์ดี้ โดยไม่เสียแม้โบกี้เดียว จบ 18 หลุมเข้ามา 7 อันเดอร์พาร์ 65 คว้าแชมป์ไปด้วยสกอร์รวม 28 อันเดอร์พาร์ 260 รับเงินรางวัล 255,000 เหรียญสหรัฐ หรือราว 8.9 ล้านบาท พร้อมสร้างสถิติสกอร์รวมต่ำสุดในทัวร์นาเมนท์แอลพีจีเอทัวร์ โดยมี อากิเอะ อิวาอิ รุ้กกี้แอลพีจีเอชาวญี่ปุ่น ผู้นำสองวันแรก ที่ระเบิดฟอร์มร้อนแรงหวดสถิติสนามเข้ามา 11 อันเดอร์พาร์ 61 รวมสี่วันมี 27 อันเดอร์พาร์ 261 ไม่เพียงพอต่อการช่วงชิงชัยชนะ พ่ายแชมป์ไปเพียงสโตรคเดียว

จีโน่-อาฒยา ฐิติกุล (ภาพ: Honda LPGA)

แองเจิล หยิน เผยหลังคว้าแชมป์แอลพีจีเอทัวร์รายการที่สองให้กับตนเองว่า “การเล่นวันสุดท้ายไม่ได้คิดว่าตัวเองได้เปรียบเลยเพราะว่า อิวาอิ ตีได้ดีมาก เช่นเดียวกับ จีโน่ และ โมรียา ที่เล่นได้ดีเช่นกัน โดยการเล่นที่หลุม 18 ก็มีความตื่นเต้นอย่างมาก เพราะ อิวาอิ ทำอีเกิ้ล แต่ตัวเองก็ทำหน้าที่ได้สำเร็จในหลุมสุดท้าย สำหรับการคว้าแชมป์ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งแรกเพราะตลอดช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา เล่นได้ดีและรู้สึกผ่อนคลายพอสมควร จนกระทั่งมาประสบความสำเร็จในครั้งนี้”

ขณะที่นักกอล์ฟชาวไทยผลงานดีสุดเป็น จีโน่-อาฒยา ฐิติกุล ออกสตาร์ทไม่ดีเสียดับเบิ้ลโบกี้ที่หลุม 2 พาร์ 4 แต่แก้ตัวเก็บคืนได้ 8 เบอร์ดี้ จบ 18 หลุมเข้ามา 6 อันเดอร์พาร์ 66 รั้งอันดับ 3 ร่วมด้วยสกอร์รวม 21 อันเดอร์พาร์ 267 เจ้าตัวกล่าวว่า “เกมช่วงแรกยังไม่ได้บุกเต็มตัวเท่าใดนัก แต่ผลที่ออกมาถือว่าทำได้ตามเป้าหมายแล้ว และไม่เสียใจที่ไม่ได้แชมป์ เพราะเป็นเรื่องของจังหวะและเวลา กีฬาก็เป็นแบบนี้ มีแพ้ มีชนะ แต่สำหรับตนเองก็ยังมีอีกหลายจุดที่ยังต้องแก้ไขและพัฒนาในการแข่งขันรายการต่อไป”

ส่วนนักกอล์ฟไทยอีก 11 คน ทำผลงานดังนี้ แพตตี้-ปภังกร ธวัชธนกิจ (65) และ โมรียา จุฑานุกาล (68) สกอร์รวมคนละ 19 อันเดอร์พาร์ 269 อยู่อันดับ 4 ร่วม, เอรียา จุฑานุกาล (66) สกอร์รวม 13 อันเดอร์พาร์ 275 อันดับ 14 ร่วม, ปาจรีย์ อนันต์นฤการ (66) สกอร์รวม 12 อันเดอร์พาร์ 276 อันดับ 17 ร่วม, ชเนตตี วรรณแสน (71) สกอร์รวม 10 อันเดอร์พาร์ 278 อันดับ 24 ร่วม, พิมพ์พิศา รับรอง นักกอล์ฟสมัครเล่นทีมชาติไทย (72) สกอร์รวม 5 อันเดอร์พาร์ 283 อันดับ 41 ร่วม, จารวี บุญจันทร์ (71) สกอร์รวม 3 อันเดอร์พาร์ 285 อยู่อันดับ 45 ร่วม, วิชาณี มีชัย (69) สกอร์รวม 2 อันเดอร์พาร์ 286 รั้งอันดับ 50 ร่วม, จัสมิน สุวัณณะปุระ (73) และ ตรีฉัฐ จีนกลับ (64) สกอร์รวมคนละ 1 โอเวอร์พาร์ 289 รั้งอันดับ 57 ร่วม และ อาภิชญา ยุบล (76) สกอร์รวม 4 โอเวอร์พาร์ 292 รั้งอันดับ 61 ร่วม

อากิเอะ อิวาอิ (ภาพ: Honda LPGA)

“ทักษิณ”โวลั่นต้องสร้างสันติสุข 3 จังหวัดชายแดนใต้ให้ได้ในรัฐบาลชุดนี้

เมื่อวันที่ 23 ก.พ 2568 ที่จ.นราธิวาส นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษาประธานอาเซียน กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งให้ความสำคัญกับสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงตั้งใจมาดูสถานการณ์ในปัจจุบัน และอยากมารับฟังด้วยตัวเองว่าเป็นสถานการณ์เป็นอย่างไร และมาสานงานที่ทำไว้เมื่อครั้งเป็นนายกรัฐมนตรีก็อยากจะเห็นว่าเมื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนั้นและการดูแลแก้ไขปัญหาใช้เวลานานมากก็ยังไม่ยุติเสียที มันก็ควรจะยุติได้ในสมัยที่รัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งเป็นรัฐบาลเพื่อไทยและลูกสาวตนเป็นนายกรัฐมนตรี

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า อยากเห็นการทำงานร่วมกัน เพราะเชื่อว่าเราอยากเห็นการแก้ปัญหาร่วมกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ เมื่อก่อนสมัยตนเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ เราจะน้อมนำแนวทางพระราชดำริในหลวงรัชกาล 9 เข้าใจ เข้าถึงและพัฒนา ซึ่งตนคิดว่ายังเป็นหลักการที่สำคัญ

“เข้าถึงจิตใจว่าพวกเขาคิดอย่างไร เมื่อเข้าถึงแล้ว เพื่อให้เขาพูดความจริงก่อน เมื่อเขาพูดความจริงแล้ว เราต้องเข้าใจเป้าหมายร่วมกัน ร่วมกันพัฒนาในสิ่งที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 เคยตรัสไว้ในการที่จะแก้ปัญหาภาคใต้ ณ.วันนี้ ผมเข้าใจว่ายังเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งและเป็นสิ่งที่ถูกต้องเลยอยากมาฝากกับน้องๆว่าเราลองหยุดหายใจสักระยะ เรามัวอยู่กับเหตุการณ์ที่เคยมีมา 20 ปีแล้ว ให้กลับมาดูว่าเราจะเข้าถึงหรือแค่ไหนและเข้าใจมาคิดร่วมกันว่าจะทำให้พี่น้องจังหวัดชายแดนภาคใต้อยู่อย่างสันติสุข นั่นคือหลักการที่ผมมาที่นี่” นายทักษิณ กล่าว

นายทักษิณ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าทุกคนมีความตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหา ตนเชื่อว่าปัญหามีทั้งสองฝ่าย ทั้งผู้เห็นต่างและฝ่ายข้าราชการ ดีที่สุดคือการพูดคุย ซึ่งตนได้เริ่มต้นการพูดคุยด้วยการที่ตนเองไปที่มาเลเซียในสมัยอดีตนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ได้พบกับผู้ที่เห็นต่างทั้งหลายที่อยู่ในมาเลเซีย ได้มีการพูดคุยกัน พวกเขาบอกอยากกลับบ้าน แล้วเมื่อไหร่จะได้กลับ แสดงเห็นว่าทุกฝ่ายพร้อมจะหันหน้าเข้ามาพูดคุยกัน เริ่มต้นชีวิตใหม่

“หลายคนในวันนั้นที่ได้ส่งตัวแทนมามาคุยกับผมที่ต่างประเทศก็ได้มาคุยกัน คิดว่าวันนี้แนวทางในการพูดคุย ยังเป็นแนวทางที่ถูกต้องอยู่ เราต้องพูดคุยในระดับระดับท้องถิ่น ระดับชาวบ้าน จนถึงระดับข้าราชการที่ต้องพูดคุยกัน นักการเมืองท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่นที่มีความใกล้ชิดกับกลุ่มเห็นต่าง นี่คือสิ่งที่ผมว่าเป็นแนวทางที่อยากเห็น” นายทักษิณ กล่าว

นายทักษิณ กล่าวย้ำว่า ที่ผ่านมาความล้มเหลวของการบริหารก็คือเศรษฐกิจที่แย่  เมื่อเศรษฐกิจที่แย่สิ่งที่ทำมาคือ ยาเสพติด  สิ่งยาเสพติดเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ ทั้งชาวพุทธและมุสลิม ก็อยากจะขอให้เริ่มยาเสพติดเป็นวาระสำคัญที่เราจะต้องจัดการเพราะในเมื่อคนใช้ยาเสพติดมาก  ก็ไม่มีความยั้งคิดย้ำทำ   ก็อยากฝากให้ทุกท่านแก้ปัญหาเรื่องยาเสพติดด้วย

“ฮุนได”เปิดตัว IONIQ 5 N Line รุ่นปี 2025 เสริมไลน์อัป IONIQ 5

ฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย เปิดตัว IONIQ 5 N Line รุ่นปี 2025 เสริมไลน์อัป IONIQ 5 เจ้าของรางวัลระดับโลกด้วยดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น ผสานกับการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ พัฒนาไดนามิกการขับขี่ด้วยแบตเตอรี่ใหม่ การเปิดตัวรุ่น N Line ยังเป็นก้าวสำคัญของฮุนไดในการนำสุนทรียศาสตร์การออกแบบจากมอเตอร์สปอร์ตมาสู่กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า ตอบโจทย์ผู้ที่มองหาทั้งดีไซน์สปอร์ตและความอเนกประสงค์ในหนึ่งเดียว

นายเจ กิว จอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “N Line คือการออกแบบพิเศษของฮุนไดเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจมากขึ้นสำหรับรถไฟฟ้า โดยฮุนไดมุ่งทลายข้อจำกัดของการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ผ่านการนำเสนอนวัตกรรม สมรรถนะ และการออกแบบที่ล้ำสมัย ซึ่งรถยนต์ในรุ่น N Line ยังเป็นมากกว่าความสวยงาม เพราะผสมผสานทั้งองค์ประกอบดีไซน์แนวสปอร์ต ในขณะเดียวกันยังคงความสะดวกสบายสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองหรือเดินทางไกลบนทางหลวง IONIQ 5 N Line จึงเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสความเร้าใจในชีวิตประจำวัน”

IONIQ 5 N Line เปี่ยมพลังและนวัตกรรมที่ดีขึ้นการอัปเกรดครั้งสำคัญของ IONIQ 5 N Line ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยชุดแบตเตอรี่แบบใหม่ขนาด 84.0 กิโลวัตต์ชั่วโมง เพิ่มระยะทางการขับขี่ได้สูงสุดถึง 530 กม. (จากเดิม 481 กม. ในแบตเตอรี่ขนาด 72.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง) มอบประสิทธิภาพและความมั่นใจในการเดินทางที่ไกลขึ้น นอกจากนี้ดีไซน์ภายนอกยังได้รับการออกแบบใหม่เพื่อให้ดูสปอร์ต ด้วยดีไซน์ด้านหน้าอันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมกันชนหน้า-หลัง และล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ที่ออกแบบใหม่เฉพาะรุ่น N Line เพื่อเพิ่มสมรรถนะด้านอากาศพลศาสตร์

ภายในห้องโดยสารของ IONIQ 5 N Line ผสานความสปอร์ตและความสะดวกสบายระดับพรีเมียมอย่างลงตัว พวงมาลัยหุ้มหนังฉลุลายพร้อมตะเข็บด้ายแดง เบาะนั่งสไตล์สปอร์ตหุ้มด้วยหนัง Alcantara พร้อมโลโก้ N เบาะผู้ขับขี่ปรับเอนนอนได้แบบ Zero Gravity ด้วยไฟฟ้าพร้อมที่พักขา เพิ่มบรรยากาศสปอร์ตด้วยคันเร่งและเบรกดีไซน์สปอร์ต แผงหน้าปัดดีไซน์ N Line และแผงบุหลังคาสีดำ คอนโซลกลางแบบ Universal Island ที่ปรับปรุงใหม่ วางปุ่มควบคุมต่าง ๆ ในตำแหน่งที่เข้าถึงง่าย พร้อมแท่นชาร์จไร้สายที่ย้ายมาตำแหน่งด้านบนของคอนโซลกลาง เพื่อความสะดวกสบายสูงสุดในทุกการเดินทาง

“Spark your drive. เติมตัวตนที่ใช่” ด้วย IONIQ 5 N Line

IONIQ 5 N Line เป็นโมเดลแรกที่ทำตลาดพร้อมชุดแต่ง N Line ของฮุนได เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจมากขึ้น โดยถูกวางตำแหน่งให้อยู่ระหว่าง IONIQ 5 และ รุ่นสมรรถนะสูงอย่าง IONIQ 5 N ผสมผสานแรงบันดาลใจจากโลกมอเตอร์สปอร์ตมายังการออกแบบ IONIQ 5 N Line ภายใต้สโลแกน “Spark your drive. เติมตัวตนที่ใช่” ที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณของยานยนต์กลุ่ม N ของฮุนได ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการโดดเด่นบนท้องถนนด้วยการออกแบบที่แตกต่าง ในขณะที่ยังคงความสะดวกสบายสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน

เทคโนโลยีการขับขี่ที่ปลอดภัย และล้ำสมัยIONIQ 5 N Line ผสานเทคโนโลยีล่าสุดของฮุนไดเพื่อมอบความมั่นใจในการขับขี่ที่ปลอดภัยและชาญฉลาด มาพร้อมระบบอินโฟเทนเมนต์ล้ำสมัย ด้วยหน้าจอสัมผัสมัลติมีเดียขนาด 12.3 นิ้วและแผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว รองรับ wireless Apple CarPlay และ Android Auto เพื่อการเชื่อมต่อสมาร์ตโฟนที่สะดวกไร้สาย เพื่อเพิ่มความปลอดภัย IONIQ 5 N Line ยังติดตั้งระบบ Hyundai SmartSense™ ซึ่งมีทั้งระบบช่วยหลีกเลี่ยงการชนในจุดบอด (BCA) ระบบหลีกเลี่ยงการชนด้านหน้า (FCA) ระบบช่วยรักษาตำแหน่งในช่องเดินรถ (LKA) และระบบควบคุมในช่องเดินรถ (LFA) รวมถึงระบบควบคุมความเร็วคงที่อัจฉริยะ (SCC) พร้อมระบบ Stop & Go โดยคุณสมบัติเหล่านี้ช่วยเพิ่มความมั่นใจและความสะดวกสบายในการขับขี่ทางไกลของคุณ

ด้านนายวัลลภ เฉลิมวงศาเวช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การเปิดตัว IONIQ 5 N Line ถือเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย ในการเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้า ด้วยการนำเสนอนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยที่กำลังเปลี่ยนแปลง รถยนต์รุ่นนี้ถือเป็นการขยายไลน์อัปของ IONIQ 5 โดยผสานการออกแบบที่นำแรงบันดาลใจจากวงการมอเตอร์สปอร์ตเข้ากับเทคโนโลยีไฟฟ้าขั้นสูง เพื่อนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าที่เน้นสมรรถนะมาสู่ตลาดเมืองไทย ยกระดับพอร์ตโฟลิโอของ IONIQ และเสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ฮุนไดในกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียม”

IONIQ 5 N Line เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 1,988,000 บาท ผู้ที่สนใจสามารถสัมผัสรถคันจริง ได้ที่ IONIQ Lab อาคารทรูดิจิทัลพาร์ค ฝั่งเวสต์ ได้ระหว่างวันที่ 21-28 กุมภาพันธ์ 2568 หรือพบกับข้อเสนอสุดพิเศษได้ที่ งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายน 2568 ณ IMPACT Challenger กรุงเทพฯ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.hyundai.com/th/th

บริษัท ฮุนได มอเตอร์ จำกัด

ฮุนได มอเตอร์ ก่อตั้งขึ้นในปี 1967 จนถึงปัจจุบัน บริษัทได้ดำเนินธุรกิจในมากกว่า 200 ประเทศทั่วโลก และมีบุคลากรร่วมงานมากกว่า 120,000 ตำแหน่ง พร้อมอุทิศตนให้กับการรับมือความท้าทายด้านโมบิลิตี้ในทุกพื้นที่ ฮุนได มอเตอร์ เร่งเปลี่ยนถ่ายรูปแบบการดำเนินธุรกิจ สู่การเป็นผู้ให้บริการด้านสมาร์ทโมบิลิตี้ ภายใต้วิสัยทัศน์ “ก้าวไปข้างหน้าเพื่อมนุษยชาติ” (Progress for Humanity) บริษัทยังลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูงด้านหุ่นยนต์ และยานพาหนะเพื่อการขนส่งทางอากาศ เอเอเอ็ม (AAM – Advanced Air Mobility) เพื่อเร่งเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ของบริการขนส่งแห่งอนาคต ซึ่งจะมาปฏิวัติวงการโมบิลิตี้ ฮุนไดยังเดินหน้าเปิดตัวยานพาหนะไร้มลพิษซึ่งมาพร้อมกับเทคโนโลยีระดับชั้นนำอย่างพลังงานไฮโดรเจนและพลังงานไฟฟ้า เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของโลก สำหรับข้อมูลอื่นของ ฮุนได มอเตอร์ รวมถึงข้อมูลผลิตภัณฑ์ ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่: http://worldwide.hyundai.com หรือ http://globalpr.hyundai.com

#ฮุนไดโมบิลิตี้ประเทศไทย

ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการในประเทศไทย เมื่อเดือนเมษายน 2566 ในฐานะบริษัทในเครือของฮุนได มอเตอร์ โดยมีเป้าหมายในการเป็นผู้นำวงการรถยนต์และผู้ให้บริการด้านโมบิลิตี้ นอกจากนั้น บริษัทยังเตรียมมอบเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ ที่เป็นประโยชน์และรองรับทุกไลฟ์สไตล์ให้กับผู้บริโภค ด้วยผลิตภัณฑ์ด้านโมบิลิตี้ที่ครบถ้วนในทุกมิติ ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) พร้อมแล้วที่จะเติบโตไปกับลูกค้าทุกท่าน และพร้อมดูแลผู้บริโภคชาวไทย ในฐานะเพื่อนร่วมทางที่แท้จริงในทุกการเดินทาง

ผู้ว่าฯชลบุรีถวายภัตตาหารพระราชทานแด่พระภิกษุ สามเณร สอบบาลีสนามหลวง

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 10.00 น. นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานในพิธีถวายภัตตาหารพระราชทาน ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แด่พระภิกษุ สามเณร ในการสอบบาลีสนามหลวง ครั้งที่ 1 ประจำปี พ.ศ. 2568 ณ วัดชัยมงคลพระอารามหลวง อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี โดยมีพระธรรมวชิราลังการ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 13 เจ้าอาวาสวัดบางพระ วรวิหาร ประธานสงฆ์ พระเทพวชิรปัญญาภรณ์ (อนันต์ ธัมมโชโต) รองเจ้าคณะจังหวัดชลบุรี เจ้าอาวาสวัดชัยมงคลพระอารามหลวง เป็นประธานฝ่ายสงฆ์รับภัตตาหารพระราชทาน น.ส.อสิตา รัตตะมณี หัวหน้าสำนักงานจังหวัดชลบุรี นางหนึ่งฤทัย พูลลาภ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดชลบุรี นางคนึง ไข่ลือนาม ผู้อำนวยการสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดชลบุรี หัวหน้าส่วนราชการและประชาชน ร่วมพิธีฯ

ด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เชิญภัตตาหาร และสิ่งของพระราชทาน ถวายแด่พระภิกษุ สามเณร ผู้เข้าสอบบาลีสนามหลวง และกรรมการกำกับห้องสอบในการสอบบาลีสนามหลวง ครั้งที่ 1 ประจำปี พ.ศ. 2568 ห้วงวันที่ 22-24 กุมภาพันธ์ 2568 ในสนามสอบทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ โดยจังหวัดชลบุรี มีสนามสอบ จำนวน 1 แห่ง คือวัดชัยมงคลพระอารามหลวง มีพระภิกษุ สามเณร เข้าสอบ 315 รูป

การจัดสอบบาลีสนามหลวง นับเป็นการวัดความรู้ชั้นสูงของคณะสงฆ์ไทย ที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยอยุธยาจนถึงปัจจุบัน เดิมการสอบในสมัยก่อนนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงรับเป็นพระราชภาระ ถวายความอุปถัมภ์การจัดสอบขึ้นในพระบรมมหาราชวัง โดยจัดสอบแบบปากเปล่า คือ พระภิกษุหรือสามเณรผู้ศึกษาบาลีมีความรู้พอสมควรแล้ว เข้าสอบบาลีสนามหลวงโดยการแปลคัมภีร์ภาษาบาลีเป็นภาษาไทย หรือแต่งภาษาไทยเป็นภาษาบาลี ในปัจจุบัน มีการจัดการศึกษาบาลีอย่างเป็นระบบ โดยอยู่ภายใต้การกำกับของมหาเถรสมาคม ในความอุปถัมภ์ของรัฐบาล

เตรียมรื้อสวนทุเรียน 100 ไร่นายทุนรุกพื้นที่อ่างเก็บน้ำห้วยแร้ง จ.ตราด

นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา (ปธ.กมธ.ทรัพย์ฯ สว.) พร้อมคณะเดินทางลงพื้นที่อ่างเก็บน้ำห้วยแร้ง ต. ด่านชุมพล อ.บ่อไร่ จ.ตราด ตรวจสอบพื้นที่เพาะปลูกทุเรียน กว่า 100 ไร่ ในอ่างเก็บน้ำห้วยแร้ง บริเวณด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

S 118390819

จากการตรวจสอบพบว่า พื้นที่ในอ่างเก็บน้ำ และริมอ่าง ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมชลประทาน มีการปรับพื้นที่และยกโคกปลูกทุเรียน มีการวางระบบน้ำอย่างดี ซึ่งคาดว่า คนที่ดำเนินการปรับพื้นที่ปลูกทุเรียนที่นี่ ต้องมีทุนหรือเป็นนายทุน เพราะระบบจัดการทุกอย่างเป็นแบบสมัยใหม่ที่ใช้เงินลงทุนมหาศาล ส่วนจะเป็นของใคร ทางเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

S 118390820

เบื้องต้นสวนทุเรียนกว่า 100 ไร่ ถูกเจ้าที่ชลประทาน ลงบันทึกจับกุมและปิดประกาศให้เจ้าของพื้นที่ได้ทราบว่าเป็นการบุกรุกหลังจากนี้ประธานกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอให้กรมชลประทานและกรมป่าไม้ประสานการทำงานร่วมกันโดยใช้ พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 มาตรา 25 มาตรา (มาตรา 25 เมื่อได้กำหนดป่าใดเป็นป่าสงวนแห่งชาติ และรัฐมนตรีได้แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ ผู้ควบคุมและรักษาป่าสงวนแห่งชาตินั้นแล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจดังต่อไปนี้

S 118390821

(1) สั่งให้ผู้หนึ่งผู้ใดออกจากป่าสงวนแห่งชาติ หรือให้งดเว้นการกระทำใด ๆ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ในกรณีที่มีข้อเท็จจริงปรากฏหรือเหตุอันควรสงสัยว่ามีการกระทำผิดตามพระราชบัญญัตินี้

(2) สั่งเป็นหนังสือให้ผู้กระทำผิดต่อพระราชบัญญัตินี้ รื้อถอนแก้ไขหรือทำประการอื่นใดแก่สิ่งที่เป็นอันตราย หรือสิ่งที่ทำให้เสื่อมสภาพในเขตป้าสงวนแห่งชาติ ภายในเวลาที่กำหนดให้

S 118390816

(3) ยึด ทำลาย รื้อถอน แก้ไขหรือทำประการอื่น เมื่อผู้กระทำผิดไม่ปฏิบัติตาม (2) ไม่ปรากฏตัวผู้กระทำผิดหรือรู้ตัวผู้กระทำผิดแต่หาตัวไม่พบ ถ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดดังกล่าวและได้เสียค่าใช้จ่ายเพื่อการนั้น ให้ผู้กระทำผิดขดใช้หรือออกค่าใช้จ่ายนั้นทั้งหมด หรือให้พนักงานเจ้าหน้าที่นำทรัพย์สินที่ยึดไว้ไว้ได้ออกขายทอดตลาดหรือขายโดยวิธีอื่นตามที่เห็นสมควรเพื่อชดใช้ค่าใช้จ่ายนั้น และให้นำความในมาตรา 1327 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาใช้บังคับแก่เงินที่ได้จากการขายทรัพย์สินนั้นโดยอนุโลม

(4) ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดที่เห็นสมควร ทั้งนี้เพื่อป้องกันหรือบรรเทาความเสียหายแก่ป่าสงวนแห่งชาติในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉิน

S 118390815

เข้าไปควบคุมผู้ดำเนินการนั่น คือการรื้อถอนและปรับสภาพพื้นที่ให้เป็นป่า โดยจะเริ่มดำเนินการให้เร็วที่สุด เพราะหากดำเนินคดีแต่ยังมีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง หรือแปลงทุเรียนผู้กระทำผิดก็จะย้อนกลับมาทำต่อแล้วแก้ปัญหาไม่จบ

นายชีวะภาพฯ ระบุว่า ได้รับข้อมูลว่าเมื่อ 4-5 ปีก่อน มีเจ้าหน้าที่ชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยแร้ง ถูกลอบฆ่าด้วยการวางยาเสียชีวิต เพราะเข้ามาแก้ปัญหาการบุกรุกพื้นที่อ่างเก็บน้ำนั้นจนอาจทำให้ผู้เสียผลประโยชน์ไม่พอใจ เรื่องนี้เป็นที่น่ากังวลยิ่ง เพราะทำให้เห็นว่าในพื้นที่บริเวณที่เกิดปัญหามีกลุ่มผู้มีอิทธิพลจริงถึงได้กล้าทำร้ายเจ้าหน้าที่รัฐ จึงได้ให้คำแนะนำกับผู้ปฏิบัติงานให้ระมัดระวังตัวในการบังคับใช้กฎหมายหากต้องการกำลังเสริมให้ประสานโดยตรงได้ที่ตัวเอง

อกจากนี้ยังพบว่า พื้นที่ป่าสงวนฯ รอบอ่างเก็บน้ำห้วยแร้ง มีการบุกรุกแผ้วถางและปลูกทุเรียนบนเขาน้อย ด้านทิศตะวันออกติดแนวเทือกเขาบรรทัดหลายแปลงซึ่งทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้ทำการตรวจยึดไว้ตอนนี้อยู่ระหว่างดำเนินการหรือถอนเช่นกัน