เปิดตลาดหมู-ไก่ ให้สหรัฐ ไทยต้องรอบคอบ ควรยกเลิกโควต้าและภาษีนำเข้าวัตถุดิบเสริมแกร่งปศุสัตว์ไทย

หลังรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาของโดนัลด์ ทรัมป์ นโยบาย “America First Trade Policy” ได้ส่งผลกระทบต่อประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย โดยเฉพาะในด้านการเปิดตลาดสินค้าเกษตร ซึ่งหนึ่งในสินค้าที่อาจถูกผลักดันให้เปิดตลาด คือ เนื้อหมูและเนื้อไก่ เนื่องจากสหรัฐฯ ที่มีความสามารถในการแข่งขันสูงด้วยต้นทุนและราคาที่ต่ำกว่าผลิตภัณฑ์ของไทยมาก การเจรจากับสหรัฐฯ ภายใต้นโยบายนี้จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบบนพื้นฐานที่เป็นธรรมและยั่งยืน (Fair Trade) เพื่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ

การเปิดตลาดให้กับสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ มีทั้งข้อดีและข้อเสีย การเปิดตลาดสามารถเสริมสร้างโอกาสในภาคการส่งออกของไทย โดยเฉพาะในการส่งออกสินค้าเกษตรสู่ตลาดสหรัฐฯ ที่เป็นตลาดขนาดใหญ่ แต่ในขณะเดียวกัน ภาคปศุสัตว์ของไทยก็อาจได้รับผลกระทบจากการแข่งขันที่รุนแรงจากสินค้าราคาถูกจากสหรัฐฯ ซึ่งอาจทำให้เกษตรกรไทยไม่สามารถแข่งขันได้ในระยะยาว

เพื่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย (win-win benefit) รัฐบาลไทยจำเป็นต้องพิจารณาข้อแลกเปลี่ยนที่เป็นธรรมทั้งกับประเทศและเกษตรกรไทยในการเปิดตลาดสินค้าเกษตรกับสหรัฐฯ และหนึ่งในข้อเสนอสำคัญที่เกษตรกรภาคปศุสัตว์ของไทย คือ การลดภาษีนำเข้าและการยกเลิกโควต้าสำหรับอาหารสัตว์ ที่นำเข้าจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และกากถั่วเหลือง และอาจเพิ่มเติมในส่วนของข้าวสาลี มีบทบาทสำคัญในการผลิตอาหารสัตว์ของไทย การลดอุปสรรคดังกล่าวจะช่วยลดต้นทุนการผลิตให้เนื้อสัตว์ไทยสามารถแข่งขันกับเนื้อสัตว์ของสหรัฐฯได้ ที่สำคัญเนื้อสัตว์ของไทยยังมีมาตรฐานด้านสุขอนามัยที่ดีกว่าเนื้อสัตว์ของสหรัฐฯ เช่น ไทยห้ามการใช้สารเร่งเนื้อแดง ที่สำคัญเนื้อสัตว์ที่ผลิตในประเทศย่อมมีความสดและสะอาดกว่าเนื้อสัตว์ที่ต้องใช้เวลาในการขนส่งนานแน่นอน

ปัจจุบัน ประเทศไทยต้องพึ่งพาการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และกากถั่วเหลืองจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้ส่งออกหลักของวัตถุดิบเหล่านี้ แต่การเก็บภาษีสูงและการตั้งโควต้านำเข้า เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปัจจุบันมีโควต้านำเข้าและค่าธรรมเนียมนำเข้าซึ่งอัตราแตกต่างกันขึ้นกับประเทศที่นำเข้า ขณะที่กากถั่วเหลืองเก็บภาษีนำเข้า 2% ทำให้ต้นทุนการผลิตอาหารสัตว์ในไทยสูง ส่งผลกระทบต่อการแข่งขันของภาคปศุสัตว์ไทยทั้งตลาดภายในและการส่งออกไปต่างประเทศ

สมาพันธุ์ปศุสัตว์และเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ (2552) รายงานว่า ปัจจุบันไทยมีความต้องการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 9.2 ล้านตัน แต่ผลิตในประเทศได้เพียง 5 ล้านตัน นำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน 2 ล้านตัน และนำเข้าข้าวสาลีมาใช้ทดแทน 1.7 ล้านตัน แต่เนื่องจากเกิดปัญหาฝุ่น PM2.5 และหมอกควันข้ามแดนจากประเทศเพื่อนบ้าน จึงเป็นโอกาสที่ไทยจะนำเข้าวัตถุดิบดังกล่าวจากสหรัฐฯ

การลดภาษีนำเข้าและยกเลิกโควต้าวัตถุดิบอาหารสัตว์จากสหรัฐฯ จึงเป็นข้อเสนอที่สามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตได้โดยตรง ทั้งยังช่วยให้ผู้ผลิตในประเทศสามารถเข้าถึงวัตถุดิบที่มีคุณภาพดีในราคาที่เหมาะสม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการแข่งขันในตลาดโลก โดยเฉพาะเมื่อมีการเปิดตลาดสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ ซึ่งรัฐบาลไทยสามารถกำหนดช่วงเวลาในการนำเข้าไม่ให้ตรงกับช่วงเวลาเก็บเกี่ยวของพืชดังกล่าวได้ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบด้านราคาที่จะเกิดขึ้นกับเกษตรกรไทยได้

นอกจากนี้ การลดภาษีและยกเลิกโควต้านำเข้าวัตถุดิบดังกล่าวไม่เพียงแต่จะลดต้นทุนการผลิตในภาคปศุสัตว์เท่านั้น แต่ยังกระตุ้นและส่งเสริมให้ไทยพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตภายในประเทศ ทั้งการเพิ่มผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และกากถั่วเหลือง ให้เพียงพอต่อความต้องการในประเทศและลดการพึ่งพาการนำเข้าได้ โดยรัฐบาลไทยต้องให้การสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตและการวิจัยในการเพิ่มผลผลิต ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางการผลิตในระยะยาว และส่งผลดีต่อเกษตรกรในท้องถิ่นที่อาจได้รับประโยชน์จากการเพิ่มผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นและลดต้นทุนในระดับประเทศ

การเจรจากับสหรัฐฯ ภายใต้นโยบาย “America First Trade Policy” จำเป็นต้องคำนึงถึงการรักษาผลประโยชน์ของประเทศและภาคเกษตรไทยอย่างรอบคอบ การลดภาษีนำเข้าและยกเลิกโควต้าจะช่วยให้ต้นทุนการผลิตลดลง เพิ่มความสามารถในการแข่งขันของเกษตรกรไทยในประเทศและในตลาดโลกได้ดีขึ้น ที่สำคัญไทยยังสามารถใช้โอกาสนี้ในการต่อรองกับสหรัฐฯ เพื่อขอความช่วยเหลือในด้านการพัฒนาเทคโนโลยีการเกษตร การพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ และการให้การสนับสนุนด้านการตลาดเพื่อให้ประเทศไทยสามารถเข้าถึงตลาดต่างประเทศได้อย่างยั่งยืน

รัฐบาลไทยควรพิจารณาการลดภาษีนำเข้าและการยกเลิกโควต้าวัตถุดิบอาหารสัตว์จากสหรัฐฯ ตามแนวทางการรักษาผลประโยชน์แบบ win-win โดยไทยจะสามารถลดต้นทุนการผลิตในภาคปศุสัตว์และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก ขณะที่สหรัฐฯ ก็จะได้ประโยชน์จากการขยายตลาดสินค้าเกษตรของตนเอง การเจรจาการค้าครั้งนี้จึงควรเป็นโอกาสในการสร้างความร่วมมือที่ยั่งยืนและเป็นประโยชน์ร่วมกันในฐานะประเทศคู่ค้า รัฐบาลไทยควรพิจารณาข้อเสนอที่เป็นธรรมนี้อย่างละเอียด เพื่อให้การเปิดตลาดสินค้าเกษตรกับสหรัฐฯ เกิดผลประโยชน์สูงสุดทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

โดย…สมสมัย หาญเมืองบน นักวิชาการอิสระ

สืบสานประเพณีบุญข้าวจี่ มหัศจรรย์ของดีโพธิ์ศรีสุวรรณ กระตุ้นศก.ชุมชน

ศรีสะเกษ-ชาวบ้านอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณนึ่งข้าวเหนียวทำข้าวจี่ยักข์ร่วมงานบุญข้าวจี่มหัศจรรย์ของดีโพธิ์ศรีสุวรรณ 2568 ที่วัดบ้านหนองม้า ตำบลหนองม้า อำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ

นายเทิดไท แสงผล นายอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ นางขวัญตา คิดดี ปลัดอาวุโส อำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ และ ร.ต.อ.เสถียร พรหมสุวรรณ  นายก อบต.หนองม้า นำชาวบ้านชาย/หญิง ผู้สูงวัย ผู้นำชุมชนหมู่บ้าน กำนัน – ผู้ใหญ่บ้าน  ร่วมกันทำข้าวจี่ยักข์และตบแต่งรถที่บรรทุกข้าวจี่ยักษ์ ซึ่งเป็น 1 แห่งใน 5 จุด 5 ตำบล และ 1 เทศบาล ของอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ ที่วัดบ้านหนองม้า ตำบลหนองม้า อำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ จังหวักศรีสะเกษ

โดยชาวบ้านได้ร่วมแรงร่วมใจรักนึ่งข้าวเหนียวให้สุก นำมาติดกับโครงไม้ไผ่ขนาดขนาดใหญ่ แล้วนำมาย่างหรือจี่ ข้าวจี่ยักษ์และตกแต่งรถบรรทุกเข้าจี่ยักษ์ที่จะร่วมขบวนนางรำ ประกอบในกิจกรรม 1 อำเภอ 1 กิจกรรมสร้างสรรค์ ของงานประเพณีบุญเข้าจี่ มหัศจรรย์ ของดีโพธิ์ศรีสุวรรณ ประจำปี 2568 ในระหว่างวันที่ 21-27 กุมภาพันธ์ 2568 ณ.หน้าที่ว่าการอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ โดยจะมีพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 นี้ ทุกตำบลจะจัดขบวนแห่เข้าจี่ยักษ์และของดีประจำตำบลตนเอง

พร้อมด้วยสาวสวยนางรำ จำนวน 60 -100 คนต่อขบวน จำนวนทั้งหมด 6 ขบวน แห่ข้าวจี่ยักษ์เข้าสู่บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอ นอกนี้ยังจะการจัดนิทรรศการผลผลิตทางการเกษตร ผ้าไหมโพธิ์ศรีสุวรรณ สินค้าหัตถกรรม การแข่งขันชกมวยไทย ทั้งชาย – หญิง การแล่นหรือวิ่งเอาบุญ เที่ยววัดไตรสามัคคี เกาะนาค วังบาดาล และอื่นๆของดีอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ นำมาแสดงออกร้านร่วมและจำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยว ที่จะมาร่วมงานเพื่อสร้างรายได้ให้แก่ชาวอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณในครั้งนี้

นายเทิดไท แสงผล นายอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ กล่าวว่า งานบุญประเพณีข้าวจี่โพธิ์ศรีสุวรรณ ได้จัดมาเป็นประจำทุกปีกว่า 28 ปีอย่างต่อเนื่องกันมาแล้ว  ซึ่งในปีนี้อำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ  ได้จัดให้ยิ่งใหญ่กว่าทุกปีที่ผ่านมา  และในวันนี้ได้มีกำนัน ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้าน ได้ร่วมกันออกมานึ่งข้าว ติดแปะกับโครงไม้ไผ่ ทำข้าวจี่ยักษ์ ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง กว่า 1 เมตร ความยาวราว 2.50 เมตร เมื่อทำการติดแปะข้าวเหนียว เสร็จแล้ว ก็จะนำไปย่างหรือจี่ให้สุก นำไข่ไก่มาชุบทาขณะย่าง จะทำให้ส่งกลิ่นหอมเหมือนข้าวจี่

เมื่อสุกแล้ว สามารถรับประทานได้ และจะเปิดงานประเพณีบุญข้าวจี่ มหัศจรรย์ ของดีโพธิ์ศรีสุวรรณ  ประจำปี 2568 ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 ณ.สนามหน้าที่ว่าการอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ จึงขอเชิญชวนข้าราชการพ่อค้าประชาชนและสื่อมวลชนจังหวัดศรีสะเกษ  ร่วมเปิดงานประเพณีบุญข้าวจี่ มหัศจรรย์ ของดีโพธิ์ศรีสุวรรณ  ประจำปี 2568 ในครั้งนี้ ด้วย

เสนาะ วรรักษ/รายงาน

ชลประทานพิจิตรเทงบ 55.47ล.ต่อท่อน้ำป้อนนาปรังกว่า 2 พันไร่สู้วิกฤติภัยแล้ง

เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์  2567 นายฉัตรชัย ทองปอนด์  ผอ.โครงการชลประทานพิจิตร พร้อมด้วย นายณัฐภูมิ อนันตภูมิ หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรม ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้างานก่อสร้างโครงการก่อสร้างอาคารบังคับน้ำคลองหนองจอกพร้อมระบบส่งน้ำ ตำบลหอไกร อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร โดยโครงการชลประทานพิจิตร สำนักงานชลประทานที่ 3 กรมชลประทาน ได้จัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินการ  โครงการดังกล่าวเป็นค่าก่อสร้าง 55,473,130 บาท  ซึ่งเป็นการดำเนินงานโดยโครงการชลประทานพิจิตรดำเนินการเอง

โดยวัตถุประสงค์ของของโครงการ คือการสร้างความมั่นคงให้กับเกษตรกรได้มีน้ำเพื่อการทำนาข้าว ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าบ้านย่านท่าเสาพร้อมระบบส่งน้ำ ให้เข้าไปยังพื้นที่ชลประทานกว่าอีก 2,000 ไร่   ในเขตพื้นที่ของ ต.หอไกร และ ต.ลำประดา อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร  สำหรับการลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อเร่งรัดติดตามความคืบหน้าของการก่อสร้าง ซึ่งเป็นการวางท่อส่งน้ำระยะทาง 3,690 เมตร ท่อมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 60 ซม. วางท่อจากแม่น้ำน่านที่มีสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าส่งน้ำผ่านท่อส่งน้ำเข้าไปยังนาข้าวและรวมทั้งก่อสร้างอาคารท่อระบายน้ำขนาด 2.40×2.40 เมตร จำนวน 3 ช่อง

ทั้นี้เพื่อเก็บกักน้ำในลำคลองห้วยกรวด ทำให้สามารถส่งน้ำและเก็บกักน้ำให้พื้นที่เกษตรกรได้รับประโยชน์รวมทั้งสิ้นกว่า 3,000 ไร่ ให้ได้มีน้ำต้นทุนในการทำการเกษตรอย่างอุดมสมบูรณ์ตลอดทั้งปี จะสูบน้ำจากแม่น้ำน่านส่งน้ำมาตามท่อส่งน้ำและมีก๊อกน้ำให้เปิดน้ำเข้าสู่แปลงนาเป็นช่วงๆครอบคลุมพื้นที่ดังกล่าว เกษตรกรจะสามารถทำนาปลูกข้าวพันธุ์ดีได้ถึงปีละ 2 ครั้ง ซึ่งจะส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น รวมถึงยังเป็นการแก้ปัญหาภัยแล้งขาดแคลนน้ำทำนาให้กับพื้นที่ดังกล่าวนี้อีกด้วย

สำหรับระยะเวลาการดำเนินการโครงการชลประทานพิจิตรจะเร่งงานการก่อสร้างอาคารบังคับน้ำและการเดินท่อส่งน้ำในช่วงฤดูแล้งนี้ให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด ขณะนี้ดำเนินงานไปแล้วประมาณ 20% โดยมั่นใจว่าโครงการดังกล่าวจะสร้างให้แล้วเสร็จภายใน 30 กันยายน 2568 เพื่อให้เกษตรกรได้ใช้ประโยชน์ให้เร็วที่สุดอีกด้วย

โดย…สิทธิพจน์ เกบุ้ย /พิจิตร/

ไฟป่าเขาคอกช้างเขตอุทยานฯทับลานเพลิงยังโหมไหม้ไม่หยุด ลามทุ่งต่อเนื่อง

filter: 0; fileterIntensity: -0.01; filterMask: 0; captureOrientation: 0; algolist: 0; multi-frame: 1; brp_mask:8; brp_del_th:0.0000,0.0000; brp_del_sen:0.0000,0.0000; motionR: 0; delta:null; bokeh:0; module: night;hw-remosaic: false;touch: (0.2380163, 0.5890625);sceneMode: 1048576;cct_value: 0;AI_Scene: (-1, -1);aec_lux: 517.07056;aec_lux_index: 0;albedo: ;confidence: ;motionLevel: 0;weatherinfo: null;temperature: 30;

นครราชสีมา –หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าทับลานยังคงนำกำลังเจ้าหน้าที่และงเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์อุทยานฯเข้าดับไฟป่าที่ลุกไหม้บริเวณเขาคอกช้างในเขตอุทยานแห่งชาติทับลานแต่ยังไม่สามารถสกัดกั้นได้อีกทั้งยังลามลงหุบเข้าด้านในทำให้การเข้าไปควบคุมเพลิงยิ่งยากลำบาก

เมื่อวันที่ 16 ก.พ.2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ตลอดทั้งคืนวันที่ 15 ก.พ.68 ต่อเนื่องวันนี้ นายสมเกียรติ พวงเกาะ หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าทับลาน  ยังคงนำกำลังเจ้าหน้าที่ ที่ประสานกำลังร่วมระหว่างเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์อุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช (อส.อส.) บ้านตลิ่งชัน บ้านมาบพิมาน และบ้านคอกช้าง รวมถึงกำลังพลทหารจากกองพันปืนใหญ่ที่ 3 กรมทหารปืนใหญ่ที่  3 กองทัพภาคที่ 2 รวมเกือบ 100 นาย  กระจายกำลังเข้าดับไฟป่าที่ลุกไหม้บริเวณเขาคอกช้างในเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน บริเวณแนวนอยต่อระหว่างตำบลจระเข้หิน และตำบลครบุรีใต้ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา  ที่ไหม้ต่อเนื่องกันมาเข้าสู่วันที่ 3 แล้ว

โดยสถานการณ์ในภาพรวมพบว่าไฟป่ายังคงลุกลามขยายวงกว้างขึ้นอย่างต่อเนื่อง  แม้ว่าทางเจ้าหน้าที่จะระดมกำลังกันดับไฟอยู่ตลอดเวลา แต่เนื่องจากพื้นที่ที่เกิดไฟป่าเป็นพื้นที่บริเวณกว้าง ประกอบกับในทุกพื้นที่มีเชื้อไฟ ซึ่งเป็นเศษกิ่งไม้ ใบไม้ รวมไปถึงหญ้าแห้งหนาแน่นทุกจุด  รวมถึงสภาพอากาศที่เป็นอุปสรรค ไม่ว่าจะเป็นลมที่พัดกรรโชกเป็นช่วงๆตลอดทั้งวัน สภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่ที่เป็นภูเขาสูงลาดชัน ทำให้การเข้าทำทำได้ลำบาก จึงทำให้เกิดไฟป่าลุกลามอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดจนถึงเมื่อช่วงเช้าวันที่ 16 ก.พ.68 ยังพบกลุ่มไฟอยู่บริเวณรอบนอกของภูเขาทางด้านทิศตะวันตกอยู่เล็กน้อย  ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งจะเข้าทำการดับไฟในส่วนนี้ก่อนเพื่อหยุดไม่ให้ไฟลุกลามเพิ่มเติม ก่อนที่จะเข้าไปทำการดับไฟที่ได้เริ่มลุกไหม้ภายในหุบเขา  ซึ่งมีหมู่บ้านคอกช้างอยู่ด้านล่าง ที่ตอนนี้ได้มีการทำแนวกันไฟรอบหมู่บ้านเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ซึ่งตั้งแต่ที่เริ่มเกิดไฟป่ามาตั้งแต่เมื่อช่วงเย็นวันที่ 13 ก.พ.68 จนถึงปัจจุบัน ทางนายสมเกียรติ พวงเกาะ หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าทับลานประเมินว่ามีพื้นที่ป่าที่ถูกไฟไหม้ไปแล้วประมาณ 700 – 800 ไร่.

โดย…ประสิทธิ์  ตั้งประเสริฐ//นครราชสีมา

คนขอนแก่นร่วมใจทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งพระสงฆ์ 1,234 รูปฉลองครบรอบ 234 ปี

ชาวขอนแก่นร่วมใจทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง พระสงฆ์ 1,234 รูปเนื่องในโอกาสการก่อตั้ง เมืองขอนแก่น 234 ปี เพื่อแบ่งปันผู้ยากไร้ ตามโครงการคนขอนแก่นไม่ทอดทิ้งกัน

เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 16 ก.พ.2568 ที่ลานวัฒนธรรมวัดธาตุ พระอารามหลวง ริมบึงแก่นนคร เขตเทศบาลนครขอนแก่น พระเทพวิสุทธิคุณ เจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น ในฐานะประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วย นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.ขอนแก่น ประธานฝ่ายฆราวาส,นายวัฒนา ช่างเหลา นายก อบจ.ขอนแก่น,พระครูศรีวิสุทธิวัฒน์ เจ้าคณะอำเภอเมืองขอนแก่น,นายธีระศักดิ์ ฑีฆายุพันธ์ นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น ร่วม เป็นประธานในกิจกรรม ตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง เพื่อแบ่งปันผู้ยากไร้ คนขอนแก่นไม่ทอดทิ้งกันโดยมีพระสงฆ์จากทุกวัดในอำเภอเมืองขอนแก่น จำนวน 1,234 รูป รับบิณฑบาต

นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า กิจกรรมครั้งนี่เป็นการรวมบุญใหญ่ของคนขอนแก่นและผู้ใจบุญที่จะให้การช่วยเหลือคณะสงฆ์และประชาชนคนขอนแก่น ในโครงการกองบุญแห่งการให้  ใน 5 เรื่อง คือ ด้านที่อยู่อาศัย ด้านรายได้/สุขภาพ การมอบทุนศึกษา ด้านยาเสพติด และด้านภัยพิบัติ ซึ่งมีภาคีเครือข่าย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พุทธศาสนิกชนชาวขอนแก่น ร่วมทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งและร่วมบริจาคปัจจัยในการดำเนินงานโครงการเป็นจำนวนมาก

ขณะที่ พระครูศรีวิสุทธิวัฒน์ เจ้าคณะอำเภอเมืองขอนแก่น กล่าวว่า โครงการร่วมใจตักบาตรเพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้ คนขอนแก่นไม่ทอดทิ้งกัน เนื่องในโอกาสการก่อตั้ง เมืองขอนแก่น 234 ปี และเพื่อฉลองพระลับ ซึ่งเป็นพระประจำจังหวัดขอนแก่นครบ 500 ปี และในโอกาสวันแห่งความรักพระพุทธศาสนา คือวันมาฆบูชา เป็นวันที่พระพุทธองค์ทรงแสดงโอวาทปฏิโมกข์ เป็นการแสดงความรักต่อเพื่อนร่วมโลก อำเภอเมืองขอนแก่น คณะสงฆ์อำเภอเมืองขอนแก่น ร่วมกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน และเครือข่ายชาวพุทธ ร่วมกันกำหนดจัดงานเพื่อส่งเสริมและสืบสานพุทธประเพณีวัฒนธรรมอันดีงาม รำลึกถึงคุณปการของบรรพบุรุษ ผู้ก่อตั้งเมืองขอนแก่น เพื่อแสดงพลังความรัก ความสามัคคี และเพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้ คนขอนแก่นไม่ทอดทิ้งกัน โดยสมทบทุนทุนกองบุญแห่งการให้ อำเภอเมืองขอนแก่น

“ปัจจุบันการสงเคราะห์ช่วยเหลือประชาชนยังมีการขยายขอบเขตออกไปเรื่อยๆ มีปริมาณเพิ่มขึ้น เป็นเหตุให้การช่วยเหลือไม่ทั่วถึง ทั้งเครื่องอุปโภคบริโภค ข้าวสาร อาหารแห้ง สุขภัณฑ์ เวชภัณฑ์ต่างๆไม่เพียงพอ เพื่อให้ทุกฝ่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน คณะสงฆ์และประชาชนได้ร่วมช่วยเหลือ ร่วมกันเป็นเจ้าภาพในกองบุญแห่งการให้อำเภอเมืองขอนแก่น เพื่อช่วยให้คนยากจน คนด้อยโอกาสได้มีโอกาสเหมือนกับคนอื่นในสังคมต่อไป”

ระทึก!ไฟป่าเขาคอกช้างทับลานลามไม่หยุดวอดแล้วเกือบ 500 ไร่

filter: 0; fileterIntensity: 0.0; filterMask: 0; captureOrientation: 0; algolist: 0; multi-frame: 1; brp_mask:8; brp_del_th:0.0000,0.0000; brp_del_sen:0.0000,0.0000; motionR: 0; delta:null; bokeh:0; module: photo;hw-remosaic: false;touch: (-1.0, -1.0);sceneMode: 2097152;cct_value: 0;AI_Scene: (10, 0);aec_lux: 371.97372;aec_lux_index: 0;albedo: ;confidence: ;motionLevel: 0;weatherinfo: null;temperature: 42;

เจ้าหน้าที่สถานีควบคุมไฟป่าทับลาน พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทับลาน เครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์อุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช (อส.อส.) รวมถึง จิตอาสา รวมประมาณ 60 คน ยังคงเร่งช่วยกันเข้าไปดับไฟป่าที่เกิดขึ้นบนเขาคอกช้าง ซึ่งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน ระหว่างแนวเขตรอยต่อพื้นที่ ต.ครบุรีใต้ และ ต.จระเข้หิน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา

โดยสถานการณ์ที่เกิดไฟป่าตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถดับไฟป่าได้สนิท เนื่องจากมีอุปสรรคทั้งสภาพภูมิประเทศที่เป็นเขาสูงชัน ทำให้การเข้าไปดับไฟลำบาก  แต่สามารถควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้แล้ว  โดยมีนายพีรวัฒน์ ธีระวัฒนา นายอำเภอครบุรี  พร้อมด้วย นายประวัติศาสตร์ จันทร์เทพ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน และนายสมเกียรติ พวงเกาะ หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่านครราชสีมา ร่วมบัญชาการเหตุการณ์ตลอดทั้งคืน  ซึ่งประเมินความเสียหายเบื้องต้น คาดว่า จนถึงขณะนี้น่าจะมีพื้นที่ป่าที่ได้รับผลกระทบประมาณ 300 – 400 ไร่  แต่ส่วนใหญ่จะเป็นไฟที่ลุกไหม้เศษกิ่งไม้ ใบไม้ และหญ้าแห้ง ที่เป็นเชื้อไฟที่ลุกลามได้รวดเร็ว ทำให้ต้นไม้ใหญ่ได้รับความเสียหายไม่มากนัก

นายประวัติศาสตร์ จันทร์เทพ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน กล่าวว่า “บริเวณเขาคอกช้างจุดนี้ เป็นพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่คาดการณ์เอาไว้แล้วว่า เป็นพื้นที่เสี่ยงที่จะมีการลักลอบเผาเกิดขึ้น  เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ ไม่ใช่ไฟที่ขึ้นจากธรรมชาติหรือเป็นไฟที่ลุกลามออกมาจากพื้นที่การเกษตรแน่นอน ตอนนี้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึง ชาวบ้านจิตอาสา ยังคงเร่งดับไฟกันมาอย่างต่อเนื่อง เป็นเวลาเกือบ 24 ชั่วโมงแล้ว และลักษณะของการเกิดไฟป่าในครั้งนี้ น่าเป็นความตั้งใจจุดไฟเผาป่าของผู้ที่หวังผลบางอย่าง เพราะก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก็เกิดเหตุไฟป่าขึ้นบนเขาคอกช้างแห่งนี้ แต่อยู่ห่างออกไปจากจุดปัจจุบันประมาณ 1 กิโลเมตรเศษ และทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการดับไฟจนหมดแล้ว  แต่หลังจากที่เจ้าหน้าที่พบกำลังกลับไปพักผ่อน  ปรากฏว่า เมื่อช่วงประมาณ 09.00 น. วันต่อมา (14 กุมภาพันธ์ 2568) ได้เกิดไฟป่าขึ้นมาอีก

ตอนนี้ ทางเจ้าหน้าที่ฯ พยายามที่จะติดตามหาตัวผู้ก่อเหตุเพื่อนำมาดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด เพื่อให้เป็นเยี่ยงอย่างตามนโยบายของทางจังหวัด  โดยพุ่งเป้าไปยังกลุ่มที่ต้องการให้ต้นไม้ตาย อย่างเช่น พวกกลุ่มผู้ลักลอบตัดฟืนเพื่อนำไปขาย เพราะตอนนี้พบว่า มีขบวนการนี้อยู่ในพื้นที่และสามารถจับกุมได้แล้วบางส่วน ซึ่งไฟป่าที่เขาคอกช้างจุดนี้ เคยเกิดขึ้นแล้วเมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ฯ ได้เข้าทำการดับไฟเพิ่งแล้วเสร็จไปเมื่อช่วงเที่ยงคืนของวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 โดยมีพื้นที่ความเสียหายจากเหตุการณ์ครั้งนั้นประมาณ 200 ไร่ ก่อนที่จะมาเกิดเหตุซ้ำขึ้นอีก แต่จุดที่เกิดเหตุใหม่อยู่ห่างจากจุดเดิมไปประมาณ 1 กิโลเมตรเศษ ประเมินความเสียหายเพิ่มเติมอีกประมาณ 300 – 400 ไร่

โดย…ประสิทธิ์ ตั้งประเสริฐ / นครราชสีมา

ฟอร์มร้อนแรง! “จีโน่” คว้าแชมป์ซาอุ รอลุ้นแชมป์สอง “ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์”

จีโน่-อาฒยา ฐิติกุล ประเดิมคว้าแชมป์แรกของปี ในศึกเลดีส์ ยูโรเปียน ทัวร์ ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย พกเอาความมั่นใจเต็มเปี่ยม พร้อมขอกำลังใจแฟนกอล์ฟชาวไทยไล่ล่าอีกหนึ่งแชมป์ ในการแข่งขัน ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2025 ที่สยามคันทรี คลับ โอลด์คอร์ส พัทยา จังหวัดชลบุรี วันที่ 20-23 กุมภาพันธ์ 2568

จีโน่ มืออันดับ 4 ของโลกเจ้าของแชมป์อาชีพในแอลพีจีเอทัวร์ 4 รายการ ประเดิมแข่งขันรายการแรกของตัวเองในการแข่งขัน ซาอุดิ เลดีส์ อินเตอร์เนชั่นแนล ที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดิอาระเบีย ระหว่างวันที่ 14-16 กุมภาพันธ์ โดยรายการนี้เป็นการเล่นแบบสโตรกเพลย์ 54 หลุม โดยที่ 2 วันแรกนับคะแนนทีม ๆ ละ 4 คน  จีโน่ ซึ่งเป็นกัปตันทีมนำหวดจบอันดับ 5 ร่วม และประเภทบุคคลคิดคะแนนท็อป 60 และเสมอ เข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายเพื่อชิงแชมป์ ก่อนที่เธอจะนำเดี่ยวทำ 3 อันเดอร์พาร์ 69 รวม 16 อันเดอร์พาร์ 200 ชนะ อี โซมี นักกอล์ฟจากเกาหลีใต้ที่คว้าอันดับ 2 ถึง 4 สโตรก

นักกอล์ฟอดีตมือ 1 ของโลกชาวไทย จีโน่ ปัจจุบันอายุ 21 ปี เป็นชาวจังหวัดราชบุรี  เจ้าของรางวัลรุกกี้แห่งปี 2022 เปิดใจก่อนการแข่งขัน ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2025 ว่า “แชมป์จากการแข่งขันรายการนี้ ถือว่าสำคัญกับจีนมากเพราะเป็นแมตช์แรกที่ทีมทำงานของจีนได้วางแผนเอาไว้ ไม่ได้คาดหวังว่าจะคว้าแชมป์หรือตั้งเป้าอย่างไร แน่นอนการได้แชมป์มาครั้งนี้ ก็ทำให้ตัวเองมั่นใจมากขึ้น แม้ว่าจะยังกังวลเรื่องเหล็กอยู่บ้าง ต้องกลับไปซ้อมอีก สัปดาห์หน้าจะได้เล่นที่ ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ แล้ว ก็จะทำให้เต็มที่ ขอกำลังใจให้จีนและนักกอล์ฟทุกคนด้วยนะคะ รับรองสนุกและสนามแตกแน่นอนค่ะ”

สำหรับการแข่งขันในฤดูกาล 2024 จีโน่ คว้าแชมป์ได้ 2 รายการคือ ดาว แชมเปียนชิพ เป็นรายการทีมคู่กับ รัวหนิง หยิน เพื่อนสนิทจากจีน และรายการซีเอ็มอี กรุ๊ป ทัวร์ แชมเปียนชิพ และยังคว้ารางวัล AON Risk Reward Challenge รับเงินรางวัลโบนัส 1 ล้านดอลลาร์ พร้อมกับครองอันดับ 1 ของแอลพีจีเอ ในฐานะนักกอล์ฟทำเงินรางวัลรวมสูงสุดของทัวร์ 6,059,309 ดอลลาร์ ทำให้ตลอดปี 2024 เธอทำเงินรางวัลไปทั้งหมด 7,059,309 ดอลลาร์

สัปดาห์หน้า จีโน่ จะเข้าร่วมการแข่งขัน ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2025 ที่สยามคันทรีคลับ โอลด์คอร์ส พัทยา จังหวัดชลบุรี ระหว่างวันที่ 20-23 กุมภาพันธ์ 2568 ในการชิงเงินรางวัลรวม 1.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 60 ล้านบาท) พร้อมลุ้นรางวัลพิเศษโฮลอินวัน ได้แก่ รถยนต์ฮอนด้า ซีอาร์-วี อี:เอชอีวี รุ่น e:HEV RS ที่หลุม 16 และ รถจักรยานยนต์ฮอนด้า โกล์ดวิง ที่หลุม 8 ซึ่งจะเป็นแอลพีจีเอทัวร์รายการแรกของเธอในปีนี้ และจะลงเล่นรายการนี้เป็นครั้งที่ 6 โดยสถิติที่ผ่านมาของ จีโน่ จบอันดับ 3 ปี 2023 อันดับ 8 ร่วมปี 2022 อันดับ 2 ปี 2021 อันดับ 54 ร่วมปี 2019 (สมัครเล่น) อันดับ 37 ร่วมปี 2017 (สมัครเล่น)

สำหรับการแข่งขัน ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2025 มีนักกอล์ฟไทยที่เข้าร่วมการแข่งขันปีนี้รวมทั้งสิ้น 12 คน นอกจาก จีโน่ แล้วยังมี แพตตี้-ปภังกร ธวัชธนกิจ แชมป์รายการนี้ปี 2024 พร้อมด้วย เม-เอรียา จุฑานุกาล แชมป์ปี 2021 พราว-ชเนตตี วรรณแสน, เมียว-ปาจรีย์ อนันต์นฤการ, จัสมิน-ธิฎาภา สุวัณณะปุระ, โม-โมรียา จุฑานุกาล, เปียโน-อาภิชญา ยุบล พร้อมด้วยนักกอล์ฟรับเชิญชาวไทยอีก 4 คน ได้แก่ ฝ้าย-พิมพ์พิศา รับรอง ทีมชาติไทยมือสมัครเล่นวัย 18 ปี แชมป์การแข่งขัน Honda LPGA Thailand 2025 National Qualifiers แจน-วิชาณี มีชัย มาย-ตรีฉัฐ จีนกลับ และ ว่าน-จารวี บุญจันทร์ ขณะที่นักกอล์ฟชั้นนำของโลก นำโดย รัวหนิง หยิน มือ 2 ของโลกจากจีน, ลิเลีย วู มือ 5 ของโลกจากสหรัฐอเมริกา, จินยอง โค มือ 7 ของโลกจากเกาหลีใต้ และ แฮรัน ริว มือ 8 ของโลกจากเกาหลีใต้, อายากะ ฟูรูเอะ มือ 9 ของโลกจากญี่ปุ่น และ เซลีน บูติเยร์ มือ 10 ของโลกจากฝรั่งเศส

จีโน่ ฐิติกุล_เครดิตภาพ Mark Runnacles- LET

“ภูมิธรรม”พร้อมผู้นำเหล่าทัพ-ตำรวจ ถกนายกฯลุยปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์

รอง นรม./รมว.กห. พร้อมผู้นำเหล่าทัพ-ตำรวจ หารือร่วมกับนายก ถกความคืบหน้าเร่งเดินหน้านโยบายรัฐ ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขบวนการค้ามนุษย์ และยาเสพติดให้หมดไปโดยเร็ว

วันนี้ (15 กุมภาพันธ์ 2568) พลตรีธนาธิป สว่างเเสง โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ร่วมหารือกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยมี พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม, พลเอกสนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม, พลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด, พลเอกพนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก, พลอากาศเอกพันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ พลเรือเอกจิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุม ณ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อหารือถึงการเสริมสร้างความมั่นคงและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การค้ามนุษย์ และปัญหายาเสพติด ซึ่งเป็นภัยร้ายแรงที่คุกคามชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

ในที่ประชุมได้มีการพูดคุยถึงแนวทางการบูรณาการกำลังพลและทรัพยากรของกองทัพ เพื่อสนับสนุนมาตรการของรัฐบาล ซึ่งที่ผ่านมามาตรการการตัดเส้นทางลำเลียงน้ำมันเชื้อเพลิง-ตัดไฟ-สัญญานอินเทอร์เน็ต ถือเป็นมาตรการที่เด็ดขาดและได้ผล โดยนายกรัฐมนตรีได้ขอเร่งรัดคณะกรรมการนโยบายด้านชายแดนให้ขยายแผนการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และขอให้รายงานกลับมาอีกครั้งในเวลา 1 เดือน 

จากผลการดำเนินดังกล่าวข้างต้นเป็นผลทำให้การก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์ การพนันผิดกฎหมาย การหลอกลวงทางคอลเซ็นเตอร์ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นผลมาจากความร่วมมือของประเทศเพื่อนบ้านที่มีนโยบายที่เด็ดขาดต่อกลุ่มอาชญกรรมที่ผ่านมา

รอง นรม./รวม.กห. ได้กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ปฏิบัติงานอย่างที่เต็มที่ และขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนในการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล ทั้งเรื่องภัยพิบัติธรรมชาติ คอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ ยาเสพติด การค้ามนุษย์ ที่ร่วมกันแก้ปัญหาต่างๆ จนทำให้ปัญหาต่างๆ สามารถคลี่คลายไปได้ด้วยดี พร้อมกับฝากความห่วงใยไปถึงเจ้าหน้าที่ทุกท่านขอให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวังไม่ประมาท และขอเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ร่วมแก้ปัญหาด้วยกัน โดยรัฐบาลจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อแก้ไขให้ปัญหาหมดไปโดยเร็ว

นอกจากนี้ รอง นรม./รมว.กห. ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงกลาโหมพร้อมสนับสนุนมาตรการรัฐบาลในการแก้ไขการก่ออาชญกรรมข้ามชาติ รวมถึงการประสานความร่วมมือขยายแผนการทำงานของคณะกรรมการนโยบายด้านชายแดน เพื่อปิดช่องโหว่ของขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติให้หมดไป  โดยจะทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดเพื่อสร้างสังคมที่ปลอดภัยสำหรับคนไทยทุกคน ส่วนการส่งตัวบุคคลต่างชาติที่ถูกหลอกลวงและค้ามนุษย์ กลับไปยังประเทศต้นทางที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือที่ดีจากทุกฝ่าย รวมถึงกองกำลังป้องกันชายแดน ซึ่งคนเหล่านี้จะเข้าสู่กระบวนการตามขั้นตอน พร้อมมีการซักถามประวัติรายละเอียดต่างๆเพื่อบันทึกจัดทำเป็นฐานข้อมูลในไปสู่การแก้ปัญหาในระยะยาวต่อไป

หมึก -ดนัย  (ชมรมเพื่อนสื่อมวลชนสร้างสรรค์ประเทสไทย) รายงาน

แห่แก้บน-ขอโชคลาภ หลวงพ่อปากแดงศักดิ์สิทธิ์แน่นวัดพราหมณี

ว่าที่ สจ.นครนายกนำเครื่องไหว้มาแก้บนหลวงพ่อปากแดง พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์หลังสมความปรารถนาได้รับเลือกตั้ง ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวแห่มาแก้บนขอโชคลาภกันแน่นวัด

เมื่อวันที่ 15 ก.ด. ที่วัดพราหมณี หรือวัดหลวงพ่อปากแดง ตำบลบ้านใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก นายพลชัย สีลาเขต ว่าที่ สจ.นครนายก เขต 6 ได้นำหัวหมู เป็ด ไก่ ผลไม้ หมากพลู กล้วยน้ำหว้า น้ำแดง เข้ามาแก้บนองค์หลวงพ่อปากแดงศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเป็นการแก้บนที่ได้สมความปรารถนาได้รับเลือกตั้ง

ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวจำนวนมากเข้ามากราบไหว้บูชาองค์หลวงพ่อปากแดงศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวจังหวัดนครนายกและนักท่องเที่ยวให้ความเคารพบูชา มากราบไหว้บูชา ขอพร ขอโชคลาภ ธุรกิจการงาน แก้บน พร้อมลอดท้องช้าง กราบไหว้องค์ท้าวเวสสุวรรณองค์สีทอง ทำบุญปล่อยปลา และไหว้เรือโบราณเก่าแก่ พร้อมส่องเลขอ่างน้ำมนต์ที่เจ้าหน้าที่วัดหลวงพ่อปากแดงได้นำมาว่างใส่พานไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ส่องเลขเด็ดใกล้วันหวยออก

สำหรับ วัดพราหมณีเป็นวัดเก่าแก่อีกวัดหนึ่งที่มีอายุกว่า 100 ปี เป็นวัดที่มีแต่ความร่มรื่นมีหลวงพ่อปากแดงศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูป ที่มีพุทธศาสนิกชนให้ความเคารพบูชา หลั่งไหลมากราบไหว้ ขอพรกันไม่ขาดสาย โดยนำเอากล้วยน้ำว้า หมากพลูพวงมาลัย และน้ำแดง มาถวายองค์หลวงพ่อปากแดง ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าภายในอุโบสถ

พระราชพรหมคุณ (หลวงพ่อตึ๋ง วาจาสิทธิ์ ) เจ้าคณะจังหวัดนครนายก เจ้าอาวาสวัดพราหมณี กล่าวว่า ขอให้ญาติโยมทุกคนประสบแต่ความสำเร็จคิดอะไรขอให้สมความปราถนา ควรหมั่นสร้างแต่ความดีกันเอาไว้สักวันหนึ่งความดีก็จะสนองตัวเราเอง

ข่าว/ภาพ : สมบัติ เนินใหม่/รัชชานนท์ เนินใหม่ ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครนายก

มกธ.ระดมความคิดเห็นทุกภาคส่วนเสวนาร่างพรบ.การศึกษาแห่งชาติ

มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี(มกธ.)จัดเวทีระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน การเสวนา “ร่างพรบ.การศึกษาแห่งชาติ การศึกษาที่ตอบโจทย์”

เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 ณ ศูนย์ปฏิบัติการการโรงแรม มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี(มกธ.) ได้จัดการเสวนาเรื่อง “ร่างพรบ.การศึกษาแห่งชาติ การศึกษาที่ตอบโจทย์” โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายภาคส่วนร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น นำโดย รศ.ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติและรองประธานกรรมาธิการการศึกษา ได้นำเสนอสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติฉบับใหม่ ซึ่งมุ่งเน้นการปฏิรูประบบการศึกษาให้ทันสมัยและตอบสนองความต้องการของประเทศ

ภาคเอกชนนำโดย คุณแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ได้เน้นย้ำถึงคุณสมบัติที่ผู้ประกอบการต้องการจากบุคลากร ทั้งในมุมมองของ SME และบริษัทมหาชน พร้อมให้มุมมองเกี่ยวกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่ตอบโจทย์ภาคธุรกิจ และ ผอ.ณัฐิกา นิตยาพร ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย สภาการศึกษา ได้วิเคราะห์ภาพรวมของร่างพระราชบัญญัติการศึกษาฉบับใหม่ ว่าสามารถตอบสนองความต้องการของประเทศได้อย่างไร

ด้านการศึกษา อาจารย์ ดร.รัชชัย ศรสุวรรณ อาจารย์ประจำคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี และนายกสมาคมพิทักษ์สิทธิ์ผู้บริหาร และดร.ณัฐวรินธร บวรภัควุฒิสิริที่ปรึกษากรรมาธิการศึกษา พร้อมครูและบุคลากรทางการศึกษา ได้นำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาคุณภาพผู้เรียนที่ไม่กระทบโครงสร้างหลัก และนายเตชทัต หล้าหิบ หัวหน้าโครงการพิเศษ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ธนบุรี ได้สะท้อนมุมมองจากห้องเรียนสู่การร่าง พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ เพื่อให้ตอบโจทย์ทั้งครูและผู้เรียน

ปิดท้ายด้วย รศ.ดร.กมลมาลย์ ไชยศิริธัญญา คณบดีคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี และที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการการศึกษาในการร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติฉบับปัจจุบัน ได้นำเสนอแนวทางการปรับตัวของผู้บริหารสถานศึกษาและผู้บริหารการศึกษา เพื่อรองรับทิศทางการศึกษาในกระบวนทัศน์ใหม่

การเสวนาในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการพัฒนาการศึกษาไทย โดยมุ่งหวังให้ร่าง พรบ.การศึกษาแห่งชาติฉบับใหม่เป็นเครื่องมือสำคัญในการยกระดับคุณภาพการศึกษาของประเทศ