ร.ล. จักรีนฤเบศร เปิดโรงครัวพระราชทานลอยน้ำ ปรุงอาหาร 3,000 ชุด ส่ง‘ฮ.’ช่วย สงขลา

เรือหลวง (ร.ล.) จักรีนฤเบศร เปิดโรงครัวพระราชทานลอยน้ำ ปรุงอาหาร 3,000 ชุด ส่ง‘ฮ.’ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมสงขลา

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า หลังจากเรือหลวง (ร.ล.) จักรีนฤเบศรได้ทอดสมอบริเวณชายฝั่งจังหวัดสงขลาเมื่อกลางดึกของคืนที่ผ่านมา โดยโรงครัวพระราชทานบนเรือหลวงจักรีนฤเบศร จัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ได้เริ่มดำเนินงานตั้งแต่เช้ามืด

ทั้งนี้ กำลังพลประจำโรงครัวได้จัดเตรียมอาหารปรุงสุกและน้ำดื่ม จำนวน 3,000 ชุด เพื่อส่งมอบให้ประชาชนในพื้นที่ประสบภัยในหลายจุดที่การสัญจรทางบกยังเข้าถึงได้ยาก โดยได้จัดอากาศยานเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพเรือทำการลำเลียงสิ่งของบรรเทาทุกข์ดังกล่าวขึ้นบินในช่วงเช้าของวันนี้แล้ว

โดยกองทัพเรือจะเดินหน้าทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มกำลัง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้เร็วที่สุด และจะยืนหยัดเคียงข้างประชาชน จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

อากาศหนาวเย็นทำสัตว์เลี้ยงอ่อนแอ!ชัยภูมิลุยฉีดวัคซีนกัน “ปากและเท้าเปื่อย”แพร่ระบาด

ชัยภูมิ – สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดชัยภูมิ เร่งดำเนินการตามแผนป้องกันโรคระบาดสัตว์อย่างเข้มข้น ล่าสุดวันนี้ (27 พ.ย. 68) ได้เปิดปฏิบัติการ “Kick Off ฉีดวัคซีนป้องกันโรคปากและเท้าเปื่อย” พร้อมทำลายเชื้อโรคในพื้นที่เสี่ยง เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจและลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นกับเกษตรกรในช่วงที่สภาพอากาศแปรปรวน

นายพีรศักดิ์ ไชยนะแสง ปศุสัตว์จังหวัดชัยภูมิ ได้มอบหมายให้ สพ.ญ. ทับทอง สัตวแพทย์ประจำสำนักงานฯ นำทีมงานเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ให้บริการฉีดวัคซีนแก่เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ ณ บ้านโนนเสาเล้า หมู่ที่ 1 ตำบลโนนแดง อำเภอบ้านเขว้า โดยมีเกษตรกรนำโคเข้ารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคกว่า 100 ตัว การรณรงค์นี้จะดำเนินการอย่างต่อเนื่องและพร้อมเพรียงในทุกอำเภอของจังหวัดชัยภูมิไปจนถึงเดือนมกราคม 2569

หวั่นอากาศเปลี่ยนเป็นปัจจัยเสี่ยง

การเร่งดำเนินการดังกล่าวเป็นผลมาจากสภาพอากาศที่กำลังปรับเปลี่ยนเข้าสู่ฤดูหนาว ซึ่งอุณหภูมิกลางวันและกลางคืนแตกต่างกันมาก รวมถึงบางพื้นที่ยังมีฝนตกและน้ำท่วมขัง สภาพอากาศเช่นนี้ส่งผลให้สัตว์เลี้ยงเกิดความเครียด ภูมิคุ้มกันโรคลดลง และมีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ โดยเฉพาะ โรคปากและเท้าเปื่อย ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเกษตรกรผู้เลี้ยง โค กระบือ แพะ และแกะ

สพ.ญ. ทับทอง สัตวแพทย์ประจำสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดชัยภูมิ เปิดเผยว่า ขณะนี้จังหวัดชัยภูมิ ยังไม่มีรายงานการเกิดโรค แต่ด้วยอากาศที่หนาวเย็นทำให้เชื้อโรคอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานขึ้น ประกอบกับอยู่ในช่วงรอยต่อของรอบการฉีดวัคซีน ทำให้ระดับภูมิคุ้มกันในสัตว์ลดต่ำลงและมีโอกาสเสี่ยงที่โรคจะระบาดในวงกว้างได้

เน้นย้ำฉีดวัคซีนทุก 6 เดือน คือเกราะป้องกันสำคัญ

สพ.ญ. ทับทอง ให้ข้อมูลว่า โรคปากและเท้าเปื่อยเกิดจากเชื้อไวรัส และแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว สัตว์ป่วยจะมีอาการไข้สูง มีแผลหรือตุ่มพองบริเวณลิ้น ช่องปาก เต้านม และกีบเท้า ทำให้สัตว์กินอาหารไม่ได้และเดินกะเผลก

“โรคนี้สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนเป็นประจำทุก ๆ 6 เดือน” สพ.ญ. ทับทอง กล่าวย้ำ เกษตรกรควรเริ่มฉีดเมื่อลูกสัตว์อายุ 4 เดือนขึ้นไป และฉีดกระตุ้นอีกครั้งในเดือนถัดไป ซึ่งวัคซีนจะสร้างความคุ้มโรคได้นาน 6 เดือน

ปศุสัตว์จังหวัดชัยภูมิ จึงขอให้เกษตรกรหมั่นสังเกตอาการของสัตว์เลี้ยงอยู่เสมอ หากพบสัตว์แสดงอาการป่วยหรือตายผิดปกติโดยไม่ทราบสาเหตุ ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ อาสาปศุสัตว์ กำนัน หรือผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ทันที เพื่อให้การช่วยเหลือและควบคุมโรคได้อย่างทันท่วงที เกษตรกรสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่กลุ่มพัฒนาสุขภาพสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดชัยภูมิ โทรศัพท์ 044-812-334 ต่อ 13 หรือสำนักงานปศุสัตว์อำเภอในพื้นที่

มัฆวาน  วรรณกุล – อารยา ผู้สื่อข่าวภูมิภาคชัยภูมิ

ลมหนาวมาเยือน!เที่ยวผาสุดแผ่นดินชัยภูมิ 12 องศา สูดโอโซนบริสุทธิ์ เติมสุขให้เต็มปอด

ชัยภูมิหนาวแล้ว! เชิญชวนนักท่องเที่ยวไปสูดโอโซนบริสุทธิ์ 12 องศา เติมสุขให้เต็มปอด ณ ผาสุดแผ่นดิน เปิดฤดูกาลท่องเที่ยวสุดฟิน

เมื่อวันที่27 พฤศจิกายน 2568  จังหวัดชัยภูมิ ขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวสัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวรับลมหนาวที่สมบูรณ์แบบที่สุดแห่งปี! ในเช้าวันนี้ อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ได้รายงานอุณหภูมิสุดขั้วที่ลดต่ำลงถึง 12 องศาเซลเซียส ถือเป็นการเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวฤดูหนาวอย่างเป็นทางการ

บรรยากาศบริเวณ “ผาสุดแผ่นดิน” เต็มไปด้วยความสดชื่นจาก โอโซนบริสุทธิ์ ที่โอบล้อมระเบียงชมวิว ลานกางเต็นท์ และพื้นที่โดยรอบ ผู้มาเยือนต่างตื่นตาตื่นใจกับทัศนียภาพยามเช้าอันน่าอัศจรรย์ เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นเหนือขอบฟ้าเหนือ ทะเลหมอกจาง ๆ ที่ปกคลุมทิวเขา

ไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดคือการพิชิต “บันไดสวรรค์” เพื่อขึ้นไปชมวิวสุดแผ่นดิน เป็นจุดเช็กอินที่การันตีความประทับใจและความคุ้มค่าของการเดินทาง

“การมาเยือนป่าหินงามในฤดูหนาวนี้ ไม่เพียงแต่จะได้รับชมความงามตามธรรมชาติอันน่าทึ่งเท่านั้น แต่ยังเป็นการเติมพลังกายและใจด้วยอากาศที่บริสุทธิ์ที่สุด” เจ้าหน้าที่อุทยานฯ กล่าว “เราขอเชิญทุกท่านที่กำลังมองหาสถานที่พักผ่อนใกล้กรุงเทพฯ ที่ให้บรรยากาศหนาวจริง หนาวถึงใจ มาร่วมสัมผัสความฟินที่ชัยภูมิ”

อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม พร้อมแล้วที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกท่านให้มาสัมผัสความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ และเก็บภาพความประทับใจในอ้อมกอดของลมหนาวตลอดช่วงฤดูกาลนี้ นายสมศักดิ์ กาญนคช หัวหน้าอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม กล้าวทิ้งท้าย…

มัฆวาน วรรณกุล – อารดา ผู้สื่อข่าวภูมิภาคชัยภูมิ

.

มวลน้ำมหึมาจากยะลาทะลักลงแม่น้ำปัตตานีเอ่อท่วมชุมชนริมคลองสูง1-2เมตร

น้ำท่วมปัตตานีวิกฤตต่อเนื่อง มวลน้ำมหาศาลจากยะลาไหลทะลักลงสมทบแม่น้ำปัตตานีส่งผลให้ชุมชนริมคลองจมน้ำสูง 1-2 เมตร ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก

สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดปัตตานียังคงทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง หลังมวลน้ำจำนวนมหาศาลจากจังหวัดยะลายังคงไหลสมทบลงในแม่น้ำปัตตานีไม่ขาดสาย ส่งผลให้หลายพื้นที่ริมแม่น้ำได้รับผลกระทบหนัก ระดับน้ำเพิ่มสูงอย่างรวดเร็วจนสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นวงกว้าง

ชาวบ้านจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ใน บ้านชั้นเดียว ต้องเร่งอพยพไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวของแต่ละอำเภอ เนื่องจากน้ำท่วมสูงจนไม่สามารถอยู่อาศัยได้ ขณะเดียวกันถนนหลายสายถูกน้ำตัดขาด ทำให้หลายชุมชนต้องใช้ เรือเป็นยานพาหนะเพียงชนิดเดียว สำหรับการเข้าออกหมู่บ้าน

นอกจากนี้ยังประสบปัญหาด้านอาหาร เนื่องจากเสบียงที่กักตุนไว้ก่อนหน้านี้เริ่มหมดลง ชาวบ้านหลายครอบครัวต้องรอการสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐและองค์กรช่วยเหลือต่าง ๆ อย่างเร่งด่วน

โดยเฉพาะในพื้นที่ชุมชนริมคลอง ตำบลจะบังติกกอ อ.เมือง จ.ปัตตานี ซึ่งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองปัตตานีและตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำปัตตานี ระดับน้ำได้เพิ่มสูงถึง 1-2 เมตร ถนนหลายสายจมอยู่ใต้น้ำทั้งหมด อีกทั้งกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวทำให้การเดินทางเข้าออกเป็นไปด้วยความลำบากอย่างมาก บ้านเรือนที่เป็นบ้านชั้นเดียวไม่สามารถอยู่อาศัยได้ 

ชาวบ้านจำนวนมากต้องอพยพไปอยู่บ้านญาติหรือย้ายขึ้นที่สูง เหลือเพียงทรัพย์สินบางส่วนที่ยังคงอยู่ในบ้านซึ่งได้รับความเสียหายอย่างหนัก ทั้งเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และสิ่งของอุปโภคบริโภคจำนวนมากถูกน้ำท่วมจนหมดสภาพ โดยการท่วมครั้งนี้ถือว่า หนักกว่าปี 2567 ที่ผ่านมา ทำให้ชุมชนริมคลองมีครัวเรือนทั้งหมด 553 ครัวเรือน ประชากร 1,688 คน ต่างได้รับผลกระทบแทบทุกครอบครัว

โดยชาวบ้านจำเป็นต้องรอการเข้าช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งเรื่องเรือรับ-ส่ง การจัดเสบียงอาหาร น้ำดื่ม และยารักษาโรค

ขณะทีเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยยังคงเร่งลงพื้นที่สำรวจความเสียหายและประเมินความต้องการเร่งด่วนของประชาชนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ระดับน้ำยังไม่มีแนวโน้มลดลง เนื่องจากยังคงมีมวลน้ำจากตอนเหนือไหลสมทบเข้าสู่ตัวเมืองอย่างต่อเนื่อง

นายอลงกรณ์ คลังขล้อง ปลัดอำเภอยะหริ่ง และเป็นชาวชุมชนริมคลองซึ่งได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม เปิดเผยว่า ขณะนี้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ภายในบ้านของผมชั้นล่างถูกน้ำท่วมจนถึงระดับหัวเข่า ส่วนบริเวณหน้าบ้านระดับน้ำสูงถึงเอว แต่ยังพออาศัยอยู่ชั้นบนได้เนื่องจากเป็นบ้านสองชั้น อย่างไรก็ตาม ยังมีบ้านของชาวบ้านอีกหลายหลังที่เป็นบ้านชั้นเดียว จำเป็นต้องอพยพออกจากพื้นที่ เพราะห้องน้ำไม่สามารถใช้การได้ และหากน้ำประปาหยุดไหลก็จะเกิดความเดือดร้อนมากขึ้น

นายอลงกรณ์ เผยตอนท้ายว่า ขณะนี้ยังรู้สึกกังวลว่าระดับน้ำอาจเพิ่มขึ้นอีก แม้ว่าทางจังหวัดจะมีมาตรการช่วยเหลือชาวบ้านอย่างต่อเนื่องก็ตาม หลังน้ำลดเจ้าหน้าที่จะต้องเร่งสำรวจความเสียหายและดำเนินการเยียวยาตามขั้นตอน

ตอนนี้หน่วยงานภาครัฐได้ลงพื้นที่เข้ามาช่วยเหลือแล้ว โดยเฉพาะการนำถุงยังชีพมาแจกจ่ายให้ประชาชนในจุดต่างๆ ถือเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นได้มาก

กันทรลักษ์เปิด “อำเภอยิ้ม…เคลื่อนที่” บริการภาครัฐเชิงรุก–มอบถุงสุข–มอบทุน–เยี่ยมผู้ป่วย สร้างรอยยิ้มให้ชุมชน

ที่อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ วันนี้ (26 พฤศจิกายน 2568 ระหว่างเวลา 08.30 – 12.00 น.) จ่าเอก สมควร สิงห์คำ นายอำเภอกันทรลักษ์ เป็นประธานเปิดโครงการ “อำเภอยิ้ม…เคลื่อนที่” ประจำปีงบประมาณ 2569 เพื่อนำบริการของภาครัฐ ข้อมูลข่าวสาร และการช่วยเหลือต่าง ๆ ลงสู่ประชาชนอย่างทั่วถึง ตามแนวคิด “บริการเชิงรุก เข้าถึงทุกบ้าน ทุกชุมชน”

กิจกรรมจัดขึ้น ณ วัดหนองศาลา บ้านหนองศาลา หมู่ที่ 8 ตำบลบึงมะลู ท่ามกลางการมีส่วนร่วมของส่วนราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน และประชาชนจำนวนมาก โดยมีหน่วยงานร่วมออกบริการรวม 17 หน่วยงาน ภายในงานประกอบด้วยกิจกรรมสำคัญ ได้แก่ พิธีปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ ส่วนราชการพบปะประชาชน นำข้อราชการชี้แจง พร้อมให้บริการในพื้นที่ ถวายพัตราหารเพลพระภิกษุในตำบลบึงมะลูจำนวน 5 รูป มอบ “ถุงปันสุข”

จากสำนักงานกิ่งกาชาดอำเภอกันทรลักษ์ จำนวน 10 ชุด ให้ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส ผู้ป่วยติดเตียง ลงพื้นที่ เยี่ยมผู้ป่วยติดเตียง 1 ราย เพื่อให้กำลังใจและสำรวจความต้องการเพิ่มเติม มอบชุดนักเรียน 60 ชุด แก่นักเรียนในพื้นที่ตำบลบึงมะลู ครอบคลุม 6 โรงเรียน และมอบทุนการศึกษา 6 ทุน ๆ ละ 1,000 บาท ให้แก่นักเรียนจากทั้ง 6 โรงเรียน

การจัดกิจกรรมครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างพร้อมเพรียงจาก นางนุชรีย์ สิงห์คำ นายกกิ่งกาชาดอำเภอกันทรลักษ์, หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารท้องถิ่น หน่วยงานมั่นคง ทหาร–ตำรวจ ข้าราชการ สมาชิกกิ่งกาชาด อสม. และประชาชนที่มาร่วมกันสร้างรอยยิ้มให้กับชุมชน โครงการ “อำเภอยิ้ม…เคลื่อนที่” จึงเป็นอีกบทบาทสำคัญของอำเภอกันทรลักษ์ที่ย้ำให้เห็นว่าภาครัฐพร้อมเดินเข้าหาประชาชน รับฟังปัญหา ให้บริการ และส่งต่อความช่วยเหลืออย่างจริงใจ เพื่อให้ทุกครอบครัวในพื้นที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง

เสนาะ วรรักษ์/รายงาน

ยอดผู้เสียชีวิตมหาอุทกภัยภาคใต้ 7 จังหวัดพุ่งทะลุ 33 ศพแล้ว

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย (ศป.กฉ.) เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุขได้รายงานจำนวนผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตต่อสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ครั้งนี้ ในพื้นที่ 7 จังหวัด ประกอบด้วย นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ตรัง สตูล ปัตตานี และยะลา มีผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์น้ำท่วม ทั้งสิ้น 33 ราย แบ่งเป็น นครศรีธรรมราช 9 ราย พัทลุง 4 ราย สงขลา 6 ราย ตรัง 2 ราย สตูล 2 ราย ปัตตานี 5 ราย ยะลา 5 ราย โดยแบ่งสาเหตุการเสียชีวิต เช่น ถูกน้ำพัด ไฟฟ้าช็อต ดินถล่ม พลัดตกน้ำและจมน้ำ

 ปัดข่าวลือรพ.หาดใหญ่เสียชีวิตนับร้อย-ฮ.ตก ของดแชร์เฟคนิวส์

ส่วนกระแสข่าวโรงพยาบาลหาดใหญ่มีจำนวนผู้เสียชีวิต 80-100 ราย นั้น โฆษก ศป.กฉ.ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง โดยได้รับรายงานจากโรงพยาบาลหาดใหญ่ว่า มีจำนวนผู้เสียชีวิต 40 คน ซึ่งเป็นผู้เสียชีวิตที่อยู่ในโรงพยาบาลอยู่แล้ว โดยผู้เสียชีวิต 14 คน ไม่ใช่จากสถานการณ์น้ำท่วม แต่เป็นผู้ที่เสียชีวิตจากการรักษาพยาบาล เป็นต้น

รวมถึงกระแสข่าวเฮลิคอปเตอร์ตกใกล้โรงพยาบาลศิครินทร์ ได้มีการตรวจตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่มีเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ตกแต่อย่างใด ซึ่งจะเห็นได้ว่าตลอด 2-3 วันที่ผ่านมา มีข่าวในลักษณะเฟคนิวส์จำนวนมาก จึงขอความกรุณาในการเผยแพร่ข่าวและแชร์ข่าวด้วยความระมัดระวัง

สถานการณ์น้ำโดยรวมเริ่มลดลง คาดคลี่คลายใน 5 วัน

สำหรับภาพรวมสถานการณ์น้ำ ปริมาณฝนที่เติมเข้ามานั้นลดน้อยลง แนวโน้มของน้ำในพื้นที่ภาคใต้มีแนวโน้มที่ลดลง และจากการคาดการณ์ของ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) หากสถานการณ์เป็นเช่นนี้อีก 5 วันจะคลี่คลายไปกว่านี้มาก แต่อาจจะมีบางจุดที่เป็นแอ่งลึกหรือพื้นที่ต่ำ น้ำอาจจะยังลงไม่หมด แต่วันนี้สถานการณ์น้ำโดยรวมเริ่มลดลงแล้ว

สำหรับในจังหวัดอื่นทางภาคใต้ เช่น สตูล นครศรีธรรมราช ได้มีการแจ้งอพยพตั้งแต่เมื่อวานนี้ และวันนี้ทางศูนย์ฯ ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการสำรวจกลุ่มเปราะบางให้ไปอยู่ในศูนย์พักพิง เพื่อป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นในอนาคต

เปิด “ศูนย์ธารน้ำใจไทย สู้อุทกภัย 2568”

พร้อมกันนี้ ได้เปิด”ศูนย์อำนวยการประสานงานธารน้ำใจไทยสู้อุทกภัย 2568″ ที่พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ ดอนเมือง ส่วนในต่างจังหวัดอาจจะนำสิ่งของไปรวมที่ศูนย์ต่างจังหวัด และส่งต่อมายังศูนย์นี้

“นอกจากสิ่งของเครื่องใช้แล้ว ยังยินดีที่จะรับบริจาคการช่วยเหลือในเรื่องของกำลังและทรัพยากรอย่างเช่น เจ็ทสกี คนขับสปีดโบ๊ท รถยนต์ยกสูง รถลากจูง อุปกรณ์กู้ภัย สิ่งของจำเป็นต่อการดำรงชีพ การช่วยเหลือเหล่านี้ หากต้องการสนับสนุนทางศูนย์จะมีเครื่องบิน C130 บินส่งให้ทุกวัน ๆ ละ 5 รอบ” นายสิริพงศ์ กล่าว

เปิดรับอาสาสมัคร ลงทะเบียนผ่านแอปฯ “ทางรัฐ”

จะมีการเปิดให้ลงทะเบียนสำหรับผู้ที่จะเป็นอาสาสมัครไปร่วมทำงานกับกู้ภัย ผ่านแอปพลิเคชั่น “ทางรัฐ” โดยรัฐยินดีสนับสนุนค่าเดินทาง ค่าอาหาร ค่าที่พัก และค่าน้ำมันในการเติมยานพาหนะในการปฎิบัติการ ในส่วนของกู้ภัยอาสาสมัครที่ดำเนินการก่อนหน้านี้ ทางรัฐจะมีการลงทะเบียนย้อนหลังให้เพื่อสนับสนุนในการดำเนินงาน ซึ่งสถานการณ์ครั้งนี้เป็นสถานการณ์ที่ปฎิเสธไม่ได้ว่าถ้าอาศัยเพียงภาครัฐอย่างเดียว กำลังอาจจะไม่เพียงพอและอาจจะเกิดความล่าช้า ทำให้เกิดความเสียหายมาก อาสาสมัครเป็นสิ่งที่จำเป็นที่ช่วยเหลือให้ทันสถานการณ์และรัฐบาลไม่ได้ปล่อยให้เป็นอาสาสมัครไปสู้โดยลำพัง

แจงภารกิจบริหารจัดการน้ำท่วม 4 ด้าน

ขณะที่ พล.ท.วันชนะ สวัสดี โฆษกศป.กฉ. กล่าวว่า สถานที่จัดตั้ง ศป.กฉ.ส่วนหน้า คือกองบิน 56 โดยมีผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เป็นผู้รับผิดชอบ การจัดตั้งศูนย์จะมีส่วนบังคับบัญชา ส่วนสนับสนุนอำนวยการ ส่วนปฏิบัติการ และส่วนประสานงาน โดยส่วนประสานงานจะรับผิดชอบในเรื่องของหน่วยงานองค์กรภายนอก

โดยการช่วยเหลือจะแบ่งออกเป็น 4 การบริหารจัดการ คือ หนึ่งบริหารจัดการคน คือ การขนถ่ายคนการแบ่งพื้นที่ต่าง ๆ สำหรับคนที่ไม่มีความประสงค์จะออกจากพื้นที่ก็จะอยู่ที่บ้านและนำอาหารเข้าไปส่งให้ ส่วนที่สองคือการบริหารจัดการสิ่งของและส่งความช่วยเหลือ ส่วนที่สามคือการบริหารจัดการน้ำ ต้องพยายามทำให้น้ำลดลง ระบายน้ำให้เร็ว และส่วนที่สี่ คือการบริหารจัดการข้อมูลข่าวสาร โดยทั้งหมดเรียกสั้นๆ คือ “คน ของ น้ำ ข่าว” โดยศป.กฉ.จะมีการประชุมทุกวันในเวลา 09:00 น. หลังจากนั้นจะมีการแถลงข่าวและในช่วงเย็นอีกครั้ง

สุดเศร้าสลด!ไฟไหม้ตึกระฟ้าฮ่องกงเสียชีวิตพุ่ง 44 ศพ สูญหาย

เจ้าหน้าที่ฮ่องกงกำลังยังคงพยายามดับเพลิงที่ลุกไหม้อาคารสูงหลายแห่งตั้งแต่เมื่อช่วงบ่ายวันพุธ โดยล่าสุดมีผู้เสียชีวิตแล้ว 44 ศพ ขณะที่ตำรวจจับกุมผู้ต้องสงสัยแล้ว 3 คน

เจ้าหน้าที่ตำรวจฮ่องกง เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 พ.ย. 2568 ว่า  ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้ตึกอพาร์ตเมนต์สูงหลายแห่งในโครงการที่พักอาศัย “หว่อง ฟุก คอร์ต” (Wang Fuk Court) ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อช่วงบ่ายวันพุธที่ผานมา เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 44 ศพ แล้ว ในขณะที่มีผู้บาดเจ็บอีก 45 รายที่อาการอยู่ในขั้นวิกฤติ

ทางการฮ่องกง ระบุว่า มีผู้สูญหายอย่างน้อย 279 ราย  หลังจากที่เกิดเพลิงไหม้ครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบสามทศวรรษของฮ่องกง โดยไฟลุกลามไปทั่วอาคารสูงที่ถูกหุ้มด้วยนั่งร้านไม้ไผ่ที่ติดไฟได้ง่าย และสะเก็ดไฟถูกลมพัดไปติดอาคารใกล้เคียงอีกหลายแห่งซึ่งมีนั่งร้านห่อหุ้มอยู่ในสภาพเดียวกัน

“เป็นเวลาหลายชั่วโมงหลังจากที่เพลิงเริ่มไหม้ในเขตไท่โปทางตอนเหนือของเมือง เปลวไฟและกลุ่มควันหนาทึบยังคงปกคลุมอาคารสูง 32 ชั้น ซึ่งเชื่อว่ามีผู้คนจำนวนมากติดอยู่ข้างใน ขณะที่ทีมกู้ภัยระดมพลเดินทางไปยังที่เกิดเหตุอย่างเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัย”

อย่าไรก็ตามจนถึงตอนนี้ยังไม่แน่ชัดว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเพลิงไหม้ โดยฮ่องกงเป็นหนึ่งในสถานที่สุดท้ายในโลกที่ยังคงใช้ไม้ไผ่เป็นวัสดุก่อสร้างนั่งร้าน โดยทางการฮ่องกงทยอยเลิกใช้งานนั่งร้านไม้ไผ่เหล่านี้ตั้งแต่เดือนมีนาคมด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย

สถานีโทรทัศน์สาธารณะ RTHK ของฮ่องกงรายงานว่า ตำรวจจับกุมชาย 3 คน ในฐานะผู้ต้องสงสัยทำให้มีผู้เสียชีวิตโดยไม่เจตนาจากเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ โดยที่ไม่เปิดเผยรายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติม

ด้านเจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องทำงานตลอดทั้งคืนเพื่อพยายามเข้าถึงชั้นบนของโครงการที่พักอาศัยหว่อง ฟุก คอร์ต ซึ่งมีอพาร์ตเมนต์ 2,000 ห้องในอาคารซึ่งแบ่งเป็น 8 บล็อก เนื่องจากความร้อนที่รุนแรง

ขณะที่นาย จอห์น ลี ผู้บริหารสูงสุดของเขตบริหารพิเศษฮ่องกงบอกกับผู้สื่อข่าวว่า มีเจ้าหน้าที่ดับเพลิง 1 นายเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ด้วย ในขณะที่มีประชาชนประมาณ 900 คน ต้องอพยพไปอาศัยอยู่ในที่พักพิงชั่วคราวซึ่งจัดเอาไว้แล้ว 8 แห่ง

“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการดับเพลิงและช่วยเหลือผู้อยู่อาศัยที่ติดอยู่ภายใน ประการที่สองคือการสนับสนุนผู้บาดเจ็บ ประการที่สามคือการสนับสนุนและฟื้นฟู จากนั้น เราจะทำการสอบสวนอย่างละเอียด” นายลีกล่าว

ส่วนนายเดเร็ก อาร์มสตรอง ชาน รองผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการของหน่วยดับเพลิง กล่าวว่า “อุณหภูมิในที่เกิดเหตุสูงมาก และมีบางชั้นที่เราไม่สามารถเข้าถึงผู้คนที่ร้องขอความช่วยเหลือได้ แต่เราจะพยายามต่อไป”

.

ทอ.ตั้งศูนย์ประสานงานรับ-ส่งต่อความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้

กองทัพอากาศ สนับสนุนรัฐบาลจัดตั้งศูนย์ประสานงานรับ-ส่งต่อความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย พร้อมจัดเครื่องบิน C-130 บินนำส่งความช่วยเหลือเร่งด่วน

เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 กองทัพอากาศได้จัด เครื่องบิน C-130 จำนวน 3 เที่ยวบิน เคลื่อนย้ายกำลังพล ยุทโธปกรณ์ที่จำเป็น และสิ่งของบรรเทาทุกข์ จากกองบิน 6 ดอนเมือง ไปยังกองบิน 56 หาดใหญ่ เพื่อเสริมกำลังเข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ โดยมีรายละเอียดดังนี้

เที่ยวบินที่ 1 ลำเลียงเจ้าหน้าที่สาธารณสุข กำลังพลกองทัพอากาศ เวชภัณฑ์ยา จากโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ รวมถึงถุงยังชีพของกองทัพอากาศ

เที่ยวบินที่ 2 ลำเลียงเรือยาวและเรือท้องแบน เพื่อใช้เข้าถึงพื้นที่ที่มีระดับน้ำท่วมสูง

เที่ยวบินที่ 3 ลำเลียงเจ็ทสกี และสิ่งของบริจาคต่าง ๆ เพื่อเร่งกระจายความช่วยเหลือสู่พื้นที่ประสบภัย

พร้อมกันนี้ กองทัพอากาศได้เปิด “ศูนย์ประสานงานรับ-ส่งต่อความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย” ตามสั่งการของรัฐบาล ณ พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ ถนนพหลโยธิน กรุงเทพฯ เพื่อรับบริจาคและรวบรวมสิ่งของจำเป็นสำหรับส่งต่อถึงผู้ประสบภัย

ประชาชนสามารถร่วมมอบกำลังใจและสิ่งของบรรเทาทุกข์ได้ทุกวัน เวลา 09.00–15.00 น. ไม่เว้นวันหยุดราชการ โดยศูนย์จะเปิดดำเนินการจนกว่าสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้จะคลี่คลายลง

.

บุกรวบโจ๋สาววัย 16 ปี เครือข่ายค้ามนุษย์ข้ามชาติ ชักชวนเด็กหญิงมาค้าบริการ

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคม.ได้ร่วมกันจับกุม นางสาวเอ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี ตามหมายจับของศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ จ.3/2568 และหมายจับที่ จ.4/2568 ลงวันที่ 10 ก.ย.68 ในฐานความผิด

1. ร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปเป็นธุระจัดหา ซื้อ ขาย จำหน่าย พามาจากหรือส่งไปยังที่ใด หน่วงเหนี่ยวกักชัง จัดให้อยู่อาศัย หรือรับไว้ซึ่งเด็ก ถ้าการกระทำนั้นได้กระทำโดยมีความมุ่งหมายเพื่อเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณี โดยได้กระทำแก่บุคคลอายุไม่เกินสิบห้าปี ผู้นั้นกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์

2. ร่วมกันเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไป ซึ่งบุคคลใดเพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม และไม่ว่าการกระทำต่าง ๆ อันประกอบเป็นความผิดนั้นจะได้กระทำภายในราชอาณาจักร หรือนอกราชอาณาจักร โดยเป็นการกระทำแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี

3. ร่วมกันเพื่อสนองความใคร่ผู้อื่น จัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งชายหรือหญิง แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม และเป็นการกระทำแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี

4. ร่วมกันโดยปราศจากเหตุอันสมควร พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจาร สถานที่จับกุม บริเวณหน้าบ้าน ต.เวียงใต้ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน

คดีนี้สืบเนื่องจากได้รับแจ้งความร้องทุกข์ กรณีได้มีกลุ่มคนร้ายชักชวนและนำพาเด็กหญิง ขอสงวนชื่อและนามสกุล ซึ่งขณะเกิดเหตุอายุเพียง 13 ปี 5 เดือน กับเด็กหญิง จ. ขณะเกิดเหตุ อายุ 14 ปี 11 เดือน ไปค้าประเวณีกับลูกค้าคนจีนที่ร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งในประเทศเมียนมา ซึ่งเจ้าของร้านเป็นหญิงคนไทย และให้ทำงานรับลูกค้าตั้งแต่เวลา 20.00 น. ถึงเวลา 03.00 น.

 โดยจะเป็นผู้ติดต่อกับลูกค้าชาวจีนที่จะมาซื้อบริการและรับเงินค่าซื้อบริการทางเพศของเด็ก ซึ่งเงินค่าบริการทางเพศของเด็กจะมีราคาตั้งแต่ 5,000 – 18,000 บาท แล้วแต่ลูกค้าจะเลือก ทั้งนี้เจ้าของร้านรายดังกล่าวจะได้รับเงินส่วนแบ่งจากการขายบริการทางเพศของเด็กในแต่ละครั้งตั้งแต่ 3,500 – 12,000 บาท ส่วนเด็กจะได้รับเงินเพียง 1,500 – 6,000 บาทเท่านั้น โดยคนไทยที่พาเด็กหญิงทั้ง 2 คน ข้ามไปยังประเทศเมียนมา ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคม. จับกุมดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้แล้ว

ซึ่งจากการสืบสวนขยายผลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคม. พบว่า น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี  ผู้ต้องหาที่ถูกจับรายนี้ ทำหน้าที่เป็นผู้ติดต่อชักชวนและแนะนำการทำงานให้กับ เด็กหญิง ร. และ เด็กหญิง จ. ในการไปค้าประเวณีที่ประเทศเมียนมา ทั้งนี้จากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่า น.ส.เอ ได้รับเงินค่านายหน้าจากเจ้าของร้านหญิงไทย เป็นเงิน 5,000 บาท ต่อมาพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคม. จึงได้ขออนุมัติหมายจับ น.ส.เอฯ ต่อศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดแม่ฮ่องสอน

ต่อมาจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคม. ทราบว่า น.ส.เอ ผู้ต้องหา ได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.เวียงใต้ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน โดยได้ประสานการปฏิบัติร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ป. และเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เพื่อเข้าทำการจับกุม จากนั้นจึงได้นำกำลังไปตรวจสอบที่บ้านหลังดังกล่าว และได้พบ น.ส.เอฯ นั่งอยู่หน้าบ้าน จึงได้เรียกให้ออกมาหน้าบ้านพร้อมกับมารดา เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานพร้อมกับแสดงหมายจับทั้ง 2 หมายให้ น.ส.เอฯ ดู ต่อหน้ามารดา เมื่อ น.ส.เอฯ ได้ดูและรับทราบตามหมายจับแล้ว จึงแจ้งให้ทราบว่าจะต้องถูกจับกุมในข้อหาดังกล่าวข้างต้น พร้อมทั้งแจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ น.ส.เอฯ ทราบ ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคม. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น รับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับทั้ง 2 หมายจริง และยังไม่เคยถูกจับกุมตามหมายจับทั้ง 2 หมายนี้มาก่อน โดยในชั้นจับกุมให้การ รับสารภาพทุกข้อกล่าวหา และยังรับว่า ได้ติดต่อชักชวนเด็กหญิง ร. และ เด็กหญิง จ. ไปค้าประเวณีที่ประเทศเมียนมา โดยได้รับเงินค่านายหน้า จำนวน 5,000 บาท จากหญิงไทยเจ้าของร้านข้างต้นจริง

อุทกภัยหาดใหญ่น้ำเริ่มลด แต่หลายจุดน้ำไหลเชี่ยวแรง ยังเข้าช่วยเหลือไม่ได้

แม้น้ำในหลายเส้นทางเริ่มลดลง แต่หลายจุดยังถูกกระแสน้ำแรงปิดล้อม การช่วยเหลือทำได้อย่างยากลำบาก ขณะที่กู้ภัย–ทหาร–อาสาสมัครเร่งอพยพผู้ติดค้างและส่งอาหารเข้าพื้นที่เสี่ยงต่อเนื่อง

สถานการณ์น้ำท่วมในเขตอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ล่าสุดระดับน้ำในหลายพื้นที่เริ่มมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง แต่บางจุดยังคงมีกระแสน้ำเชี่ยวและเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเข้าช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะในซอยและพื้นที่ลุ่มต่ำที่น้ำยังคงทรงตัว ทำให้การปฏิบัติภารกิจต้องดำเนินด้วยความระมัดระวังอย่างสูง ขณะที่การสัญจรในภาพรวมเริ่มคลี่คลายลงบางส่วน แต่ยังคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

บริเวณ 3 แยกคอหงส์ จุดเชื่อมต่อถนนกาญจนวานิชและถนนเพชรเกษม ซึ่งเป็นหนึ่งในเส้นทางหลักของเมืองหาดใหญ่ ระดับน้ำลดลงจนรถเล็กสามารถผ่านได้ ทำให้ในช่วงบ่ายวันนี้ บรรยากาศเต็มไปด้วยการระดมกำลังจากหลายหน่วยงาน ทั้งทหาร ร.5 พัน 1 หน่วยกู้ชีพกู้ภัย มูลนิธิปอเต็กตึ๊ง ทีมกู้ภัยจากจังหวัดต่าง ๆ ทีม อบจ.สุราษฎร์ธานี ตลอดจนภาคเอกชนและอาสาสมัครที่มีความชำนาญด้านเรือ ต่างร่วมกันตั้งจุดบัญชาการเพื่อกระจายกำลังเข้าช่วยเหลือประชาชน 

โดยใช้ทั้งรถยกสูง เรือท้องแบน และเจ็ตสกี ในการลำเลียงผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง และกลุ่มเปราะบางไปยังศูนย์อพยพภายในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ขณะที่ประชาชนที่ยังอาศัยอยู่บนอาคารสูง เจ้าหน้าที่ได้จัดส่งอาหารปรุงสุกและน้ำดื่มเข้าไปช่วยเหลืออย่างทั่วถึง

ที่ถนนเพชรเกษม ตั้งแต่สามแยกคอหงส์ โซนพาสว่าง ไปจนถึงบริเวณหน้าบิ๊กซีเอ็กซ์ตร้าและหน้าโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย ระดับน้ำเริ่มลดลงจนเรือสามารถเดินทางได้สะดวกขึ้น แต่เมื่อเข้าใกล้โซนวงเวียนน้ำพุ โรงพยาบาลหาดใหญ่ สี่แยกไปรษณีย์ NBT สงขลา และสถานีรถไฟหาดใหญ่ แม้ระดับน้ำจะค่อย ๆ ลดลงเช่นกัน แต่กระแสน้ำยังคงเชี่ยว ทำให้เรือไม่สามารถเข้าไปได้ เจ้าหน้าที่ต้องเลี่ยงเส้นทางเพื่อความปลอดภัย ขณะเดียวกัน หน่วยบัญชาการจากมณฑลทหารบกที่ 42 ได้ใช้เฮลิคอปเตอร์หย่อนอาหารและสิ่งของจำเป็นให้กับผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ที่ยังติดอยู่ภายใน

ด้านภาคเอกชนและจิตอาสาที่ลงพื้นที่ ระบุว่า สิ่งของจำเป็นเร่งด่วนที่สุดในขณะนี้คือ “น้ำดื่มและอาหาร” โดยชี้ว่าในหลายพื้นที่ประชาชนเริ่มขาดแคลนและร้องขอความช่วยเหลือจำนวนมาก โดยเฉพาะโซนก่อนถึงสถานีรถไฟเขต 8 ซึ่งถูกมองว่าเป็นหนึ่งในจุดวิกฤตที่ยังมีคนตกค้างจำนวนมากและสถานการณ์น่าเป็นห่วง ทีมงานอยู่ระหว่างประเมินการนำเรือบรรทุกน้ำเข้าไปเสริม แต่ต้องทำด้วยความระมัดระวังสูงสุดเนื่องจากกระแสน้ำยังแรง ผู้ปฏิบัติงานจึงขอให้ประชาชนที่ยังอยู่ด้านในโบกมือเรียกเรือเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครทุกครั้งเมื่อพบเห็นเพื่อให้สามารถเข้าให้ความช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว

เจ้าหน้าที่กู้ภัยบริเวณหน้าไดอาน่า ถนนศรีภูวนารถ ระบุว่า พื้นที่ดังกล่าวเผชิญน้ำลึกและกระแสน้ำแรง ทำให้การเข้าช่วยเหลือเป็นไปอย่างยากลำบาก แม้จะทยอยนำประชาชนออกมาได้จำนวนมากแล้วก็ตาม อุปสรรคสำคัญคือสิ่งกีดขวางใต้น้ำ เช่น รถที่จอดไว้จนมองไม่เห็น ทำให้เสี่ยงต่อการเสียหายของใบพัดเรือ เจ้าหน้าที่ยอมรับว่านี่เป็นหนึ่งในสถานการณ์น้ำท่วมที่รุนแรงที่สุด และตนเคยลงปฏิบัติภารกิจในพื้นที่นี้มาแล้วหลายครั้ง แต่ครั้งนี้หนักที่สุด.

ขณะเดียวกัน บริเวณวัดโคกนาว มูลนิธิปอเต็กตึ๊งได้ตั้งกองอำนวยการเฉพาะกิจและโรงครัวพระราชทาน เพื่อประกอบอาหารแจกจ่ายผู้ประสบภัย โดยวัตถุดิบต่าง ๆ ต้องจัดหาจากพื้นที่นอกเมืองหาดใหญ่ไกลกว่า 30 กิโลเมตร เนื่องจากร้านค้าและตลาดภายในเมืองไม่สามารถเปิดทำการได้ ขณะนี้มีเจ้าหน้าที่กว่า 200 คน เรือกว่า 37 ลำ จากทั้งกรุงเทพฯ และจังหวัดทางภาคใต้เข้าร่วมสนับสนุน รวมถึงมูลนิธิอาสาสร้างสุขที่ร่วมจัดตั้งโรงครัวอีกหนึ่งจุด โดยยังคงต้องการวัตถุดิบฮาลาลเพิ่มเติมเพื่อกระจายอาหารให้ครอบคลุมทั้งศูนย์อพยพและประชาชนที่ยังติดค้างอยู่ตามอาคารบ้านเรือน

ด้านนายพหล พงษ์ราช เจ้าหน้าที่กู้ชีพปอเต็กตึ๊ง เปิดเผยว่า แม้ทุกหน่วยจะเร่งปฏิบัติหน้าที่อย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีอุปสรรคสำคัญ ทั้งระบบสื่อสารที่ติดขัด สัญญาณอินเทอร์เน็ตไม่เสถียร วิทยุสื่อสารติดต่อกับทีมเรือไม่ได้ และมีการร้องขอความช่วยเหลือเข้ามาจำนวนมาก บางวันเจ้าหน้าที่ 4 คนรับสายรวมกันกว่า 1,000 สายต่อวัน โดยเฉพาะพื้นที่ “เขต 8” และย่านหาดใหญ่ในซึ่งเป็นจุดอับที่ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้าถึงได้ตั้งแต่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จึงวิงวอนให้ประชาชนโทรแจ้งเฉพาะช่วงกลางวัน เพื่อให้ทีมงานสามารถประสานงานได้อย่างปลอดภัย และให้เจ้าหน้าที่ภาคสนามได้พักผ่อนในเวลากลางคืน เพื่อเตรียมกำลังทำงานช่วยเหลือประชาชนในวันถัดไป