สุดปัง!เกษตรกรโคราชปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง ส่งออกออก สร้างรายได้กว่า 4 ล้าน

เกษตรกร อ.บัวลาย อ.บัวลาย จ.นครราชสีมา ปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง ส่งออกต่างประเทศปีละกว่า 70 ตัน สร้างรายได้กว่า 4 ล้าน พร้อมตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนมะม่วงบัวลายเพื่อการส่งออก ลงนาม MOU ซื้อขายมะม่วงล่วงหน้ากับบริษัทเอกชน สร้างความมั่นใจให้เกษตรกร เผยจุดเด่นมะม่วงบัวลาย หวาน หอม อร่อย

นายทองล้วน แก้วไพฑูรย์ อายุ 60 ปี เกษตรกรบ้านศาลาดิน หมู่ที่ 7 ตำบลโนนจาน อำเภอบัวลาย จังหวัดนครราชสีมา ได้ใช้พื้นที่ 80 ไร่ลงทุนปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง จำนวนกว่า 4,800 ต้น โดยให้ระบบน้ำสปริงเกอร์ ใช้ระยะเวลาปลูกเพียง 3 ปีสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตออกจำหน่ายได้

เกษตรกร บ้านศาลาดิน บอกว่า ขั้นตอนการปลูกมะม่วงนั้นง่ายไม่ยุ่งยาก ใช้ต้นพันธุ์มะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง ปลูกห่างกันประมาณ 4 เมตร ให้น้ำสปริงเกอร์ เมื่อมะม่วงอายุได้ 3 ปีจะมีบางต้นเริ่มติดผลบ้างแล้ว และพอใกล้ถึงฤดูหนาวจะคอยสังเกตและคาดการณ์ระยะเวลาว่ามะม่วงน่าจะออกช่อดอก จึงหยุดให้น้ำเป็นเวลา 2 สัปดาห์ และให้เด็ดทิ้งเหลือช่อละเพียง 2-3 ผล แล้วห่อด้วยถุงคาร์บอน หลังจากนั้นสามารถเก็บผลผลิตมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองส่งขายได้ ซึ่งส่งขายในราคากิโลกรัมละ 70-100 บาท ตามขนาดของผลมะม่วง

ในแต่ละปีสามารถเก็บมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองส่งขายได้ ปีละกว่า 10-20 ตัน ซึ่งปัจจุบันได้ตั้งเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนมะม่วงบัวลายเพื่อการส่งออก โดยมีสมาชิกในกลุ่ม 14 ราย มีพื้นที่เพาะปลูกมะม่วงทั้งหมดกว่า 400 ไร่ ส่งออกต่างประเทศมาแล้วปีละกว่า 70 ตัน เป็นเงินกว่า 4 ล้านบาท วันนี้จึงได้ลงนามความร่วมมือ MOU ซื้อขายมะม่วงล่วงหน้ากับบริษัทเอกชน เพื่อให้กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้มั่นใจว่าสามารถขายผลผลิตของตนเองได้อย่างแน่นอน พร้อมมุ่งเน้นพัฒนาคุณภาพผลผลิตเพื่อการส่งออกให้มากที่สุด ซึ่งจุดเด่นของมะม่วงน้ำดอกไม้บัวลาย คือเนื่องจากพื้นที่เป็นดินทรายละเอียดทำให้มะม่วงมีรสชาติหวาน หอม อร่อย

ทหารราชมนูสกัดจับแก๊งลักลอบส่งน้ำมันป้อนเมียนมาหลังขาดแคลนหนัก

“ผู้การติ๊บ”ผบ.ฉก.ราชมนู สั่งทหารสนธิกำลังตำรวจและฝ่ายปกครองตรวจเข้มข้นสกัดจับกุมบุคคลลักลอบส่งน้ำมันข้ามแดนไปยังเมียนมาตามมาตรการยกดับตัดน้ำมัน ตัดไฟฟ้า ปราบปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์

เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2568 เมื่อคืนกลางดึกที่ผ่านมา พ.อ.ณัฐกร เรือนติ๊บ “ผู้การติ๊บ” ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจราชมนู ซึ่งดูแลพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา 5 อำเภอชายแดน จังหวัดตาก(แม่สอด-ท่าสองยาง-พบพระ-อุ้มผาง-แม่ระมาด)  ฉก.ราชมนู  กองกำลังนเรศวร ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พบพระ , และฝ่ายปกครอง ปฏิบัติภารกิจตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด ร่วม 3 ฝ่าย บริเวณจุดตรวจ ชรบ.บ้านช่องแคบ  หมู่ 1. ต.ช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก

ทั้งนี้เพื่อป้องกัน และสกัดกั้นการกระทำความผิด  จาการปฎิบัติการ ของเจ้าหน้าที่ ได้ตรวจพบรถยนต์กระบะบรรทุก ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีเทา ทะเบียน……..ตาก บรรทุกถังสีน้ำเงินขนาด 30 ลิตร ภายในบรรจุน้ำมันดีเซล จำนวน 20 ถัง รวมทั้งหมด 600 ลิตร ซึ่งมี นายนะ……..เป็นผู้ขับขี่ และมี นางพอแอ้  บุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียน  นั่งมากับรถยนต์คันดังกล่าว

จากการสอบถาม ทราบว่าทั้ง 2 คนให้การรับสารภาพว่า ได้เดินทางไปซื้อน้ำมันที่ บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ที่ ต.แม่กุ อ.แม่สอด  จ.ตาก จำนวน 600 ลิตร ราคา 19,728 บาท เพื่อนำไปส่่งขายในฝั่ง สหภาพเมียนมาหน่วยเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จึงได้ร่วมทำการตรวจยึดถังน้ำมันดีเซล จำนวน 20 ถัง เพื่อตรวจสอบ และดำเนินการตามกฏหมายต่อไป

เคยเห็นกันไหม!… ชวนชมถนนประดู่แดงหากดูยาก ออกดอกสะพรั่งที่ครบุรี

filter: 0; fileterIntensity: 0.0; filterMask: 0; captureOrientation: 0; algolist: 0; multi-frame: 1; brp_mask:8; brp_del_th:0.0000,0.0000; brp_del_sen:0.1000,0.0000; motionR: 0; delta:null; bokeh:0; module: photo;hw-remosaic: false;touch: (0.39071453, 0.4983485);sceneMode: 7864320;cct_value: 0;AI_Scene: (10, 0);aec_lux: 169.87349;aec_lux_index: 0;albedo: ;confidence: ;motionLevel: 0;weatherinfo: null;temperature: 30;

หากนักท่องเที่ยวเดินทางผ่านเส้นทางเข้าไปยังอ่างเก็บน้ำบ้านห้วยเพียก บ้านหนองแคทราย หมู่ที่ 8 ต.ลำเพียก อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ต้นประดู่แดงที่ทางกลุ่มกางเต้นท์ รวมถึงจิตอาสาต่างๆ ร่วมกับทางโครงการชลประทานจังหวัดนครราชสีมา ได้นำมาปลูกไว้ตลอด 2 ข้างทางระยะทางเกือบ 3 กิโลเมตร จำนวนหลายร้อยต้น  กำลังเริ่มพากันทิ้งใบร่วงหล่น แต่เพิ่มเติมสีสันขึ้นมาแทน ด้วยช่อดอกสีแดงสดใส  ที่กำลังทยอยพากันออกดอกอวดความสวยงามสร้างสีสันยามหน้าแล้ง  ซึ่งคาดว่าต้นประดู่แดงเหล่านี้จะพากันออกดอกบานสะพรั่งกลายเป็นถนนประดู่แดงทั้งเส้นในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้

นายบุญคง มิเล ผู้ใหญ่บ้านหนองแคทราย หมู่ที่ 8 บอกว่า ต้นประดู่แดงเหล่านี้ เกิดขึ้นมาจากความร่วมมือร่วมใจกันระหว่างภาครัฐและเอกชน อย่างเช่นกลุ่มจุดกางเต้นท์ท่องเที่ยวที่นำกล้าพันธ์ประดู่แดงมามอบให้  ในขณะที่ก็มีจิตอาสาจากหลายภาคส่วนทั้งในอำเภอครบุรีและต่างพื้นที่มาร่วมด้วยช่วยกันปลูกเมื่อประมาณปี พ.ศ.2561 ที่ผ่านมา โดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็นการเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ รักษาพันธุ์ไม้หายาก

เนื่องจากประดู่แดงในปัจจุบันหายากมาในธรรมชาติ เพื่อให้คนรุ่นหลังได้รู้จัก และปลูกฝังให้เยาวชนได้รักและหวงแหนในทรัพยากรธรรมชาติ อีกทั้งยังหวังที่จะสร้างให้ถนนสายนี้ ซึ่งเป็นเส้นทางเข้าไปเยี่ยมชมจุดท่องเที่ยวอย่างอ่างห้วยเพียก ให้กลายเป็นถนนอุโมงค์ต้นประดู่แดง  เพื่อที่จะได้เป็นจุดอันซีนอีกจุด ที่จะมีส่วนทำให้เป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยว และสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ต่อไปในอนาคต

สำหรับต้นประดู่แดงนั้น เป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่มีความสูงประมาณ 10 -12 เมตร ผิวเปลือกลำต้นมีสีน้ำตาลอ่อน เรือนยอดแผ่กว้างกิ่งลู่ลง ผลัดใบ ใบเป็นรูปมนรีออกเป็นคู่ สลับกันตามลำต้น ลักษณะของใบปลายแหลม โคนใบมน ขอบใบเรียบ มีสีเขียว ออกดอกเป็นช่อ ช่อดอกสีแดงสด ดอกจะบานไม่พร้อมกัน จะทยอยกันบานไล่ขึ้นไปตั้งแต่โคนก้านช่อจนถึงปลายช่อ เวลาบานจะแดงสะพรั่งทั้งต้น เกสรยาวยื่นออกมากลางดอก ดอกมีกลิ่นหอม ออกดอกช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม.

โดย….ประสิทธิ์ ตั้งประเสริฐ // นครราชสีมา

ฉก.ลาดหญ้าตรวจเข้มชายแดนติดพญาตองซูป้องลักลอบขนน้ำมัน-เครื่องปั่นไฟข้ามแดน

ผบ.ฉก.ลาดหญ้าตรวจชายแดนติดกับพญาตองซู กำชับเจ้าหน้าที่ให้ดูแลเข็มงวด ตรวจสอบป้องกันไม่ให้มีการลักลอบขนส่งน้ำมัน เครื่องปั่นไฟข้ามแดนทุกชนิด

พ.อ.พรรณศักย์ เพรียวพานิช ผบ.ฉก.ลาดหญ้า จ.กาญจนบุรี ลงพื้นตรวจการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ตชด. อส. ประจำจุดตรวจความมั่นคงน้ำเกิ๊ก ด่านในช่องทางบ้านบ่อญี่ปุ่น และช่องหกพันไร่ จุดซื้อขายบริเวณบ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ที่มีขายแดนติดกับ อำเภอพญาตองซู ประเทศเมียนมา

ผบ.ฉก.ลาดหญ้า ได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจรถยนต์ทุกคันที่เดินทางผ่านเพื่อออกไปยังพื้นที่เมืองพญาตองซู เมียนมา เพื่อป้องกันไม่ให้มีการลักลอบขนส่งน้ำมัน เครื่องปั่นไฟ อุปกรณ์ที่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าทุกชนิด หากตรวจพบให้ทำการสกัดกั้นจับกุมดำเนินคดี

นอกจากนั้น ยังได้ร่วมกับนายอำเภอสังขละบุรี ขอความร่วมมือผู้ประกอบการปั๊มน้ำมันทั้ง 2 แห่งในพื้นที่อำเภอสังขละบุรี ไม่จำหน่ายน้ำมันให้บุคคลที่จะนำไปขายในเมืองพญาตองซู เพื่อให้มาตราการที่รัฐบาลดำเนินการในครั้งนี้ประสบความสำเร็จเห็นผลชัดเจนต่อไป

ข่าว/ภาพ : ปรีชา ไหลวารินทร์ ผู้สื่อข่าวภูมิภาคจังหวัดกาญจนบุรี

สัมผัสความงดงามผ่านรถไฟฟ้า BTSและ MRTในกรุงเทพฯ:ค้นหามนต์เสน่ห์ท่องเที่ยวไต้หวัน

สำนักงานการท่องเที่ยวไต้หวัน ได้จัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องในปีนี้ นับตั้งแต่การเปิดตัวภาพยนตร์สั้น ส่งเสริมการท่องเที่ยวประจำปี 2568 ที่มีชื่อเรื่องเดียวกับสโลแกนโปรโมต “ไต้หวันมะ” หรือ “Taiwan(na) Go with Me?” ซึ่งได้รับกระแสการตอบรับและการพูดถึงอย่างมากจากผู้ใช้โซเชียลมีเดีย โดยครั้งนี้สำนักงานการท่องเที่ยวไต้หวัน ได้ร่วมมือกับช่างภาพและศิลปินกราฟิตี้ชื่อดังของประเทศไทยอีกครั้ง เพื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ภาพการท่องเที่ยวไต้หวันในระบบขนส่งสาธารณะของกรุงเทพฯ ผ่านแคมเปญ Taiwan Through Your Lens ที่จะเริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ เป็นต้นไป

ไต้หวัน กลายเป็นหมุดหมายที่ต้องไปเยือนของนักท่องเที่ยวชาวไทย ด้วยสภาพอากาศอบอุ่น อาหารหลากหลาย วัฒนธรรมเปิดกว้าง ผู้คนเป็นมิตร และความปลอดภัยสูง โดยในปี 2024 มีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางไปเที่ยวไต้หวันเกือบ    4 แสนคน ประเทศไทยจึงเป็นหนึ่งในกลุ่มเป้าหมายหลักของไต้หวัน สำนักงานการท่องเที่ยวไต้หวัน ได้เปิดตัวโฆษณาประชาสัมพันธ์ภาพการท่องเที่ยวไต้หวันในระบบขนส่งสาธารณะของกรุงเทพฯ และร่วมมือกับช่างภาพ-ศิลปินชาวไทยครั้งแรกในปี 2023 ซึ่งประสบความสำเร็จในการสร้างกระแสและสร้างความประทับใจให้กับผู้โดยสารรถไฟฟ้าเป็นอย่างมาก สำนักงานการท่องเที่ยวไต้หวันเล็งเห็นว่าคนไทยรุ่นใหม่ชื่นชอบอะไรที่มีสไตล์ ทันสมัย และสร้างกระแสได้ จึงร่วมมือกับช่างภาพและศิลปินกราฟิตี้ชื่อดังของประเทศไทย เพื่อสร้างรถไฟท่องเที่ยวไต้หวัน รวมถึงร่วมมือกับ 3 สายการบินประจำชาติไต้หวันและ      9 บริษัททัวร์ของไทยในการนำเสนอแพ็กเกจท่องเที่ยวคุณภาพบนรถไฟฟ้าด้วย เพื่อให้ผู้คนสามารถถ่ายรูปเช็คอินระหว่างนั่งรถไฟ พร้อมทั้งแบ่งปันความสวยงามของไต้หวันให้กับเพื่อนหรือครอบครัว ทั้งยังสามารถสแกน QR Code เพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแพ็กเกจจากสายการบินหรือบริษัททัวร์ได้โดยตรง

สำนักงานการท่องเที่ยวไต้หวัน กล่าวว่า แคมเปญนี้ได้ผสมผสานกับสโลแกนใหม่ของแบรนด์การท่องเที่ยวไต้หวัน TAIWAN – Waves of Wonder” ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การท่องเที่ยวตลอดทั้ง 4 ฤดูกาลและ 5 ธีมหลัก ได้แก่ อาหาร ทัศนียภาพ จักรยาน ชุมชนพื้นเมือง และ เส้นทางรถไฟ โดยได้เชิญช่างภาพสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียงอย่าง คุณกัน– กัณกวี กาญจนาเดชา (Kan Kankavee) และ ศิลปินกราฟิตี้ที่มีผลงานร่วมกับแบรนด์ดังระดับโลกมากมายอย่าง คุณเบนซ์– ปริญญา ศิริสินสุข หรือที่รู้จักกันในนาม Benzilla มาร่วมสร้างสรรค์ผลงานในครั้งนี้ ซึ่งทุกท่านสามารถชื่นชมผลงานของทั้ง   2 ท่าน ได้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป ณ บริเวณสถานี MRT สวนจตุจักร (กุมภาพันธ์-มีนาคม) ขบวนรถไฟฟ้า BTS (กุมภาพันธ์-เมษายน) สถานี BTS ศาลาแดง (เมษายน-พฤษภาคม) และขบวนรถไฟฟ้า MRT (พฤษภาคม-กรกฎาคม) บางส่วนของผลงานได้ใช้เทคนิคการถ่ายภาพมุมสูงสร้างเอฟเฟ็กต์ 3 มิติ เพื่อให้ทุกคนได้ชื่นชมและสัมผัสกับความงามของไต้หวันแบบสมจริงขณะเดินทาง

ในงานแถลงข่าวได้รับเกียรติจาก คุณต่งซือฉี รองผู้แทนประจำสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย ร่วมแสดงความยินดีและกล่าวเปิดงาน รองผู้แทนกล่าวว่าโฆษณาประชาสัมพันธ์นี้แสดงให้เห็นถึงการทำงานร่วมกันของไต้หวันและไทยโดยใช้ภาพถ่าย กราฟิตี้และเพลงในการนำเสนอความงดงามของไต้หวัน ทั้งยังขอเชิญชวนชาวไทยทุกคนให้มาเยือนไต้หวันและสร้างความทรงจำอันสวยงามในแบบฉบับของตัวเอง

นอกจากนี้ช่างภาพและศิลปินกราฟิตี้ทั้ง 2 ท่านได้แบ่งปันแนวคิดในการสร้างสรรค์ผลงานของพวกเขาด้วย คุณกัน – กัณกวี กาญจนาเดชะ ช่างภาพ สร้างสรรค์ผลงานภายใต้แนวคิด “ไต้หวัน 4 ฤดู” โดยถ่ายทอดสถานที่ต่าง ๆ ในเมืองเจียอี้ไถหนาน เกาสง ผิงตง ฮวาเหลียน และไถตง ผ่านเลนส์ของเขาแสดงให้เห็นถึงความงามที่ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมและธรรมชาติของไต้หวันได้อย่างลงตัว ทั้งในฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาวที่มีเสน่ห์แตกต่างกันออกไป ในขณะที่ คุณเบนซ์– ปริญญา ศิริสินสุข (Benzilla) ศิลปินกราฟิตี้ เดินทางไปทั่วไต้หวันทั้งเหนือ กลาง ใต้ และตะวันออก โดยนำเทศกาลและวัฒนธรรมในแต่ละพื้นที่มาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายความเป็นไต้หวัน

ผลงานภาพถ่ายและกราฟิตี้เหล่านี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมการท่องเที่ยวไต้หวันเท่านั้น แต่ยังเป็นคู่มือสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยที่วางแผนจะเดินทางไปไต้หวันอีกด้วย ซึ่งสามารถนั่งรถไฟหรือปั่นจักรยานในไต้หวัน เพื่อสัมผัสบรรยากาศอย่างสบายๆ สามารถเดินชมงานเทศกาลหรือศาสนา เพื่อสัมผัสความมีชีวิตชีวาของวัฒนธรรมไต้หวันอย่างลึกซึ้ง สามารถลิ้มลองอาหารหลากรสเพื่อสัมผัสกับรสชาติของไต้หวัน สามารถดื่มด่ำกับบรรยากาศในทุ่งดอกไม้เพื่อปลอบประโลมร่างกายและจิตใจ ดังนั้นไต้หวันจึงเป็นประเทศที่มีหลากหลายมุมอันน่าสนใจและควรค่าแก่การกลับไปเยี่ยมชมครั้งแล้วครั้งเล่า

นอกจากที่กล่าวไปข้างต้น แคมเปญนี้ยังได้เชิญ วง No One Else กลุ่มศิลปินที่มีเอกลักษณ์ในเรื่องของดนตรีและเสียงร้องในสไตล์ Soul R&B ชื่อดังของไทยมาร่วมสัมผัสประสบการณ์ที่ไต้หวัน พร้อมสร้างสรรค์บทเพลงที่ถ่ายทอดความสวยงามของไต้หวันผ่านเนื้อร้องและทำนองที่มีเสน่ห์และติดหู ผสานกับเสียงร้องที่เต็มไปด้วยความรู้สึก แสดงให้เห็นพลัง อันอ่อนโยนแต่ทรงพลังของไต้หวันและไทยที่ผสมผสานกัน ดังที่เนื้อเพลงร้องว่า “Wan(na) Go with Me?” วง No One Else หวังว่าเพลงนี้จะสามารถเชิญชวนและเป็นแรงบันดาลใจให้แฟน ๆ อยากไปเที่ยวไต้หวันได้ในทันที

หลังจากโฆษณาได้เริ่มเผยแพร่ในระบบรถไฟฟ้าและสถานีแล้ว ทางสำนักงานก็มีการจัดกิจกรรมออนไลน์ควบคู่ไปด้วยผ่านทางเพจ Facebook : Taiwan Tourism TH เพียงแค่กดไลก์และแชร์โพสต์กิจกรรม ถ่ายภาพหรือวิดีโอโฆษณาที่จัดแสดงบริเวณสถานี BTS, MRT, บนขบวนรถไฟฟ้า BTS, MRT และอัปโหลดภาพถ่ายหรือวิดีโอในช่องคอมเมนต์โพสต์กิจกรรม พร้อมติด #TaiwanThroughYourLens ก็มีสิทธิ์ลุ้นรับของรางวัลมากมาย เช่น ตั๋วเครื่องบินไป-กลับกรุงเทพฯ-ไทเป แพ็กเกจท่องเที่ยวไต้หวัน บัตรกำนัลที่พัก และของที่ระลึกสุดพิเศษโดย Benzilla  สำนักงานการท่องเที่ยวไต้หวัน หวังว่าจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวไทยให้มาสัมผัสความงามและเสน่ห์ของไต้หวันได้มากยิ่งขึ้นผ่านแคมเปญและกิจกรรมเหล่านี้

ไทยลงนามพิธีสารเตรียมส่ง‘ปลากะพงขาว’ไปจีนมูลค่ากว่า 4,900 ล้านบาทต่อปี

ไทย-จีนลงนามพิธีสารเตรียมส่งปลากะพงขาวไปจีน สร้างมูลค่ากว่า 4,900 ล้านต่อปี ลุยขยายตลาดสินค้าประมงต่อเนื่อง

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ ดร. ซุน เหมยจวิน เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำสำนักงานศุลกากรแห่งชาติจีน ได้ลงนามในพิธีสารว่าด้วยหลักเกณฑ์การตรวจสอบกักกันโรค และสุขอนามัยทางสัตว์แพทย์ของกรมประมงที่มาจากการเพาะเลี้ยงส่งออกมายังสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทย และสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เนื่องในโอกาสการเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

“พิธีสารฯ ฉบับนี้มีเป้าหมายเพื่อให้ไทยสามารถส่งออกปลากะพงขาว ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จากการเพาะเลี้ยงชนิดแรกภายใต้พิธีสารฯ ไปยังจีนได้ โดยคาดว่า จะสามารถส่งออกได้ปีละมากกว่า 50,000 ตันต่อปี คิดเป็นมูลค่ากว่า 4,900 ล้านบาทต่อปี”ศ.ดร.นฤมล กล่าว

ศ.ดร.นฤมล ยังเปิดเผยด้วยว่า การลงนามครั้งนี้ยังเป็นการกำหนดแนวทางและมาตรฐานด้านสุขอนามัยของผลิตภัณฑ์ประมงที่มาจากการเพาะเลี้ยง ซึ่งจะช่วยให้กระบวนการพิจารณาอนุญาตการส่งออกสินค้าประมงชนิดใหม่เป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ถือเป็นความสำเร็จของความร่วมมือระหว่างไทยและจีน ที่จะช่วยส่งเสริมศักยภาพการส่งออกสินค้าประมงของไทย

รวมถึงสร้างโอกาสให้เกษตรกรและผู้ประกอบการไทยสามารถขยายตลาดสินค้าประมงคุณภาพสู่สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพทางการค้า และส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศในระยะยาว

คลื่นศรัทธาแห่สาธุ!พระสงฆ์เดินธุรดงค์นเทศกาลมาฆปูรมีศรีปราจีน ครั้งที่ 39

ปราจีนบุรี– เดินธุดงค์วันแรกในเทศกาลมาฆปูรมีศรีปราจีน ครั้งที่ 39 พร้อมกิจกรรมอื่นก่อนถึงวันมาฆบูชา และกิจกรรมอื่น ๆ อาทิ การประกวดสวดมนต์หมู่สรรเสริญพระรัตนตรัย ทำนองสรภัญญะ ประเภททีม 5 คน ระดับจังหวัดปราจีนบุรี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568

เนื่องในเทศกาลมาฆปูรมีศรีปราจีนครั้งที่ 39 ประจำปี 2568 ระหว่างวันที่ 5 -13 ก.พ.68 ที่โบราณสถานวัดสระมรกต ต.โคกไทย อ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี งานบุญใหญ่ที่สุดของภาคตะวันออกช่วงวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา “วันมาฆบูชา”

โดยวันนี้เป็นวันแรกที่ใน 6 อำเภอ ของ จ.ปราจีนบุรี  ได้มีการเดินธุดงค์วันแรก  ของขบวนพระสงฆ์ เพื่อมุ่งหน้าเดินธุดงค์  ไปรวมกันที่โบราณสถานวัดสระมรกต ต.โคกไทย อ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี เพื่อฟังโอวาทปาติโมกข์ และร่วมเวียนเทียนรอบรอยพระพุทธบาทคู่ ที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในประเทศ ยุคทวารวดีอายุมากกว่า1,500ปีใน“วันมาฆบูชา”

 พร้อมกันนี้ ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ อาทิ    สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดปราจีนบุรี นำโดย นางสุมลฑา เจริญศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดปราจีนบุรี   นำบุคลากรในสังกัดจัดกิจกรรมการประกวดสวดมนต์หมู่สรรเสริญพระรัตนตรัย ทำนองสรภัญญะ ประเภททีม 5 คน โอกาสนี้ นายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี มอบหมายให้ นางจารุณี กาวิล รองผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี เป็นประธานเปิดโครงการสวดมนต์หมู่สรรเสริญพระรัตนตรัย ทำนองสรภัญญะประจำปี พ.ศ. 2568 จังหวัดปราจีนบุรี ณ อาคารปฎิบัติธรรมบวชเนกขัมมะ วัดสระมรกต ตำบลโคกไทย อำเภอศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี

การจัดโครงการประกวดสวดมนต์หมู่สรรเสริญพระรัตนตรัยทำนองสรภัญญะ เพื่อให้สถานศึกษาได้สวดมนต์หมู่พร้อมกัน ในรูปแบบที่ถูกต้องเป็นการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมในสถานศึกษา โดยการประกวดแบ่งเป็น ๔ ระดับ ได้แก่   ระดับประถมศึกษา ทีมหญิงล้วน   ระดับมัธยมศึกษา ทีมขายล้วน  ระดับมัธยมศึกษา/อาชีวศึกษา (ปวช.) ทีมหญิงล้วน   ระดับมัธยมศึกษา/อาชีวศึกษา (ปวช.) ทีมชายล้วน

โดยมีสถานศึกษาทุกสังกัดนำนักเรียน นักศึกษาเข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก โดยทีมที่ได้รับรับรางวัลชนะเลิศ และรองชนะเลิศลำดับที่ 2 และ ลำดับที่ 3  จะเป็นตัวแทนเข้าร่วมการประกวดระดับภาคคณะสงฆ์ภาค 12 (นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว และฉะเชิงเทรา) และทุกทีมที่ได้รับรับรางวัลการแข่งขันทุกประเภทจะเข้ารับรางวัลและเกียรติบัตรในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 ในพิธีปิดงานเทศกาลมาฆปูรมีศรีปราจีน ครั้งที่ 39

นอกจากนี้ มีนิทรรศการโต๊ะหมู่บูชา ,นิทรรศการวันมาฆบูชา ,นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ 10 ,กิจกรรมประกวดบรรยายาธรรม,สวดมนต์หมู่สรรเสริญคุณพระรัตนตรัยทำนองสรภัญญะ , กิจกรรมการตอบปัญหาธรรมะ ,กิจกรรมการวาดภาพ ,กิจกรรมการสักการะพระบรมสารีริกธาตุ ,ผ้าป่าลอบฟ้า,ทำบุญพระประจำวันเกิด , กิจกรรมนำเที่ยวโบราณสถานเมืองศรีมโหสถ และ กิจกรรมการจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) ผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม ( CTOT)

สำหรับในวันที่ 10 ก.พ.68 จะมี พิธีเปิดงานมหกรรมสั่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเศรษฐกิจสร้างสรรค์ “เส้นทางธรรมแห่งศรัทธา รอยพระพุทธบาทคู่ เมืองอวัธยะปุระ” ชมการแสดง แสง สี เสียง สุดตระการตา การประกวดขบวนแห่พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ขบวนเดินธุดงค์พระสงฆ์กว่า 250 รูป เวียนเทียนรอบรอยพระพุทธบาทคู่ ปฏิบัติธรรมบวชเนกขันมะ นำเที่ยวเมืองโบราณ การนมัสการต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในประเทศ อายุมากกว่า 2,500 ปีนำหน่อมาจากเมืองพุทธคยาต้นเดียวกับพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ประเทศอินเดีย และ ตลาดวัฒนธรรมเมืองอวัธยะปุระ 50 ร้านค้า

โดย…มานิตย์  สนับบุญ /ปราจีนบุรี

มหกรรมอาหารทะเลสตูลสุดยิ่งใหญ่! “มรกตอันดามัน มหัศจรรย์อาหารอร่อย” ครั้งที่ 17

มหกรรมอาหารทะเลสตูลสุดยิ่งใหญ่! เนรมิตดงทิวลิปแรกอันดามันกลางเมืองละงู พร้อมเสิร์ฟความอร่อย 120 ร้านดัง มรกตอันดามัน มหัศจรรย์อาหารอร่อย  ครั้งที่ 17 ระหว่างวันที่ 10-16 กุมภาพันธ์ 2568

จังหวัดสตูลเตรียมจัดงานเทศกาลอาหารอย่างยิ่งใหญ่  โดยที่บริเวณหน้าสำนักงานเทศบาลตำบลกำแพง อำเภอละงู จังหวัดสตูล  ประกาศความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพจัดงาน “มรกตอันดามัน มหัศจรรย์อาหารอร่อย” ครั้งที่ 17 ระหว่างวันที่ 10 – 16 ก.พ.2568 นี้

ทั้งนี้ความพร้อมในครั้งนี้ได้เชิญ นางสาวดุษฎี พฤกษเศรษฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล , นายวริช วิชิต รองผอ.ททท.สำนักงานสตูล , นางสาวภัชกุล ตรีพันธ์  ผอ.ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสตูล , นายธีระพงษ์  คุ่มเคี่ยม  นายอำเภอละงู และนายวิชิต  แช่ลิ่ม  นายกเทศมนตรีละงู เจ้าภาพร่วมแถลงข่าว  ในการจัดงานมาร่วมประกาศความพร้อมที่จะเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวใกล้และไกลมาสัมผัสเสน่ห์ของอำเภอละงู  ผ่านเทศกาลอาหารที่นับเป็นครัวธรรมชาติของจังหวัดสตูล

ที่มีทั้งกุ้ง  หอย  ปู และปลา ที่พร้อมเสิร์ฟ กับ 120 บูธอาหารที่ขึ้นชื่อมาจัดจำหน่าย  พร้อมกันนี้ได้เตรียมเนรมิตดอกไม้นานาพันธ์มาประทับตกแต่งให้ถ่ายรูปกันอย่างจุใจ  โดยเฉพาะ ดงดอกทิวลิป  ที่เชื่อว่าจะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวชมในงานไม่น้อย  พร้อมทั้งการเข้มงวดในมาตรฐานของอาหารให้สด สะอาดปลอดภัยพร้อมทานได้อย่างมั่นใจ  ไปพร้อมกับการรักษาความปลอดภัยที่ทุกฝ่ายมาคอยอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่

การจัดงานในครั้งนี้เชื่อว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดสร้างงาน สร้างรายได้ให้ชุมชนอย่างมหาศาล  พร้อมกับการประกาศให้  จ.สตูล  เป็นที่รู้จักไปทั่วถึงความสวยงามของธรรมชาติ ท้องทะเล และวัตถุดิบด้านอาหารที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว โดยตลอด 10 คืนนี้จะมีการแสดงจากชุมชน  และศิลปินมาขับกล่อมทุกค่ำคืน  เชิญชวนทุกคนมาชิม ช้อป และเช็คอิน กระตุ้นเศรษฐกิจ  จ.สตูล

สร้างสุขภาพดี มีรายได้ยั่งยืน “โก โฮลเซลล์” รับซื้อผักออร์แกนิกชาวสวนสงขลา

เมื่อคนเริ่มกลัวการตายแบบผ่อนส่ง! เครือข่ายปลูกผักเกษตรอินทรีย์จึงเข้มแข็ง “โก โฮลเซลล์” รับซื้อผักออร์แกนิก หนุนชาวสวนสงขลา สร้างสุขภาพดี มีรายได้ยั่งยืน

ชื่อของ “เครือข่ายใต้ร่มบุญ เกษตรอินทรีย์” เป็นที่รู้จักและพูดถึงกันในกลุ่มปลูกผักออร์แกนิก และผู้บริโภคปลายทางที่ตามหาสินค้าอินทรีย์จากกลุ่มนี้ เพราะเชื่อมั่นในผลผลิตที่ได้จากกระบวนการผลิตจากธรรมชาติ และแนวคิดในการทำเกษตรที่ต้อง win win ทั้งคนปลูก คนขาย คนซื้อ และธรรมชาติ

“จันทร์เพ็ญ เพ็ชรัตน์” หรือ แม่เอียด เจ้าของฟาร์มพ่อไข่แม่เอียด หนึ่งในสมาชิกของเครือข่ายใต้ร่มบุญ เกษตรอินทรีย์ เล่าว่า เห็นเกษตรกรรุ่นปู่ย่าตายาย ป่วยเป็นมะเร็งกันเยอะ ก็หันมาทำเกษตรอินทรีย์ และได้พบคนที่มีแนวคิดเดียวกัน รวมกลุ่มกัน เกิดเป็นเครือข่ายเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม ที่นอกจากผู้ปลูกจะมีหัวใจเดียวกันแล้ว ยังมีภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชน เข้ามาร่วมกันสร้างความเข้มแข็ง อาทิ วิสาหกิจชุมชนต่างๆ  เกษตรจังหวัด สาธารณสุขจังหวัด  พัฒนาที่ดิน  กรมวิชาการเกษตร พาณิชย์จังหวัด ภาคเอกชนต่างๆ ฯลฯ

นอกจากจะช่วยเรื่องสุขภาพคนปลูกแล้ว การหันมายึดวิถีปลูกผักออร์แกนิก หรือทำเกษตรอินทรีย์ ยังช่วยในเรื่องสิ่งแวดล้อม ยึดวิถีการทำเกษตรแบบไม่เอาเปรียบธรรมชาติ ซึ่งจะใช้ปุ๋ยหมัก เลี้ยงไส้เดือนเอามูลมาบำรุงดิน ใช้สารชีวภัณฑ์จากธรรมชาติในการกำจัดศัตรูพืช และที่สำคัญยังได้ส่งต่อผลิตผลที่ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพไปยังผู้บริโภคอีกด้วย

“สิ่งที่ยากสำหรับคนทำเกษตรก็คือ ทำแล้วจะเอาไปขายที่ไหน การที่เรารวมกลุ่มเป็นเครือข่ายทำให้มีความเข้มแข็ง ช่วยกันวางแผนการปลูกร่วมกัน หาตลาดร่วมกัน และช่วยกันขาย จนล่าสุดก็ได้พบกับ โก โฮลเซลล์ ในงานจับคู่ธุรกิจที่จัดโดยพาณิชย์จังหวัด และในเบื้องต้นได้ตกลงรับซื้อสินค้าเกษตรในกลุ่มผัก ไปขายที่ สาขาหาดใหญ่ โดจะเริ่มส่งผัก กรีนโอ๊ค เรดโอ๊ค คอส เบบี้คอส ผักสลัดรวม กวางตุ้ง กวางตุ้งฮ่องเต้ คะน้า เคล เป็นสาขานำร่องก่อน”

นับเป็นการขยายตลาด เพิ่มช่องทางจำหน่าย จากเดิมที่ส่งขายใน โรงพยาบาล ตลาดสด  ทำให้เกษตรกรในเครือข่ายมีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งเครือข่ายใต้ร่มบุญเกษตรอินทรีย์ มีสมาชิกกว่า 450 คนกระจายอยู่ใน 11 อำเภอของสงขลา ทั้ง หาดใหญ่  คลองหอยโข่ง เทพา สะบ้าย้อย สะเดา จะนะ นาทวี อำเภอเมือง บางกล่ำ รัตภูมิ ควนเนียง โดยมี “มนูญ แสงจันทร์สิริ” หรือ ตานูน เป็นประธาน ฯ

ผักที่ได้จากเกษตรกรกลุ่มนี้ นอกจากจะสด ปลอดภัยแล้ว คนปลูกยังสุขภาพดี ส่วนคนกินก็จะสุขภาพดีไปด้วยเช่นกัน!

พบกับ “ผักอินทรีย์” จากเครือข่ายใต้ร่มบุญเกษตรอินทรีย์ ได้ที่ โก โฮลเซลล์ สาขาหาดใหญ่ (ตรงข้าม ม.อ.)  ที่กำลังจะเปิดอย่างเป็นทางการวันที่ 12 กุมภาพันธ์นี้

‘สี จิ้น ผิง’ถกนายกฯ’อุ๊งอิ๊งค์’ลั่นจีนพร้อมหนุนไทยปราบแก๊งคอลฯ-ความร่วมมือทั้งสองชาติทุกมิติ

นายกฯอุ๊งอิ๊งค์ คุย “สี จิ้นผิง” สานสัมพันธ์ครบ 50 ปี ร่วมปราบอาชญากรรมข้ามชาติ ชมไทยตัดน้ำไฟ เพื่อตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พร้อมยกระดับบังคับใช้กฎหมายระดับทวิภาคี-อนุภูมิภาค

วานนี้ 6 ก.พ.2568  เวลา 10.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงปักกิ่ง) ที่มหาศาลาประชาชน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าเยี่ยมคารวะนายสี จิ้นผิง (H.E. Xi Jinping) ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในโอกาสเดินทางเยือนสาธารณประชาชนจีนอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 5-8กุมภาพันธ์ 2568 โดยนายกรัฐมนตรีกล่าว “สวัสดีปีใหม่จีน” และยินดีที่ได้มาเยือนจีนในปี 2568 ซึ่งเป็นปีที่พิเศษครบรอบ 50 ปีของความสัมพันธ์ไทย-จีน โดยในปัจจุบัน จีนถือเป็นหุ้นส่วนสำคัญทางเศรษฐกิจของไทย และเป็นประเทศคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทยต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 อีกทั้งจีนยังเข้ามาเป็น นักลงทุนอันดับต้นๆของไทยต่อเนื่องหลายปี มูลค่ากว่าแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ สะท้อนให้เห็นว่าไทย-จีน มีมิติทางความสัมพันธ์เป็นพิเศษ ทีั้งนี้ทั้งสองฝ่ายจะร่วมส่งต่อความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันต่อไปอีก 50 ปีข้างหน้า เพื่อสานต่อความร่วมมือไปยังคนรุ่นต่อไป

ในโอกาสนี้ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กล่าวถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และกล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 50 ปี ไทย-จีน มีหลักการและวิสัยทัศน์ความร่วมมือในการแบ่งปันความเจริญรุ่งเรือง (shared prosperity) ซึ่งจีนยังสนับสนุนบทบาทไทยในทุกกรอบความร่วมมือทั้งระดับทวิภาคี พหุภาคีและภูมิภาค ซึ่งยังเห็นควรขยายความร่วมมือในด้านต่างๆ ทั้งการพัฒนารถไฟความเร็วสูง เศรษฐกิจดิจิทัล เขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC และการใช้ประโยชน์ความร่วมมือเศรษฐกิจ ไทย ลาว จีน อีกทั้งจีนยังส่งเสริม ภาคเอกชนไทยในทุกมิติ ทั้งนี้ประเทศจีนจะมีการจัดงาน“ China International Import Expo ”ซึ่งถือเป็นงานสำคัญของการค้าขายระหว่างกัน ซึ่งจีนยังสนับสนุนสินค้าและบริการที่ดีของไทย มาที่ประเทศจีนส่วนความร่วมมือในด้านยุทโธปกรณ์ทางทหารนั้น ไทย จีนมีจุดเริ่มต้นจากโครงการเรือดำน้ำอีกด้วย

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในความร่วมมือ ด้านความเชื่อมโยงระหว่างไทย-จีน โดยรัฐบาลได้มีมติคณะรัฐมนตรี (4 ก.พ. 2568) ที่ผ่านมาอนุมัติดำเนินการโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร – หนองคาย ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา – หนองคาย รวมทั้งจะให้การรถไฟแห่งประเทศ ยกระดับความร่วมมือด้านการรถไฟ ระหว่างไทยและจีน ให้เพิ่มเติมมากกว่าระบบรางอีกด้วย นอกจากนี้ไทยยังมีโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ โครงการ Entertainment complex และ Land bridge ซึ่งจะเป็นโอกาสใหม่ทางเศรษฐกิจ พร้อมเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันจัดทำมาตรฐานร่วมกันในการจัดการ ณ ด่านศุลากร เพื่ออำนวยความสะดวกในการนำเข้าสินค้า โดยเฉพาะสินค้าเกษตร ใช้เหลือผู้ประกอบการทั้งไทย-จีน รวมทั้งเพื่อประโยชน์ ของผู้บริโภคจีนด้วย

“ด้านความปลอดภัยของประชาชน และนักท่องเที่ยวที่มาประเทศไทย เป็นสิ่งที่รัฐบาลไทยให้ความสำคัญสูงสุด ซึ่งไทยพร้อมเดินหน้าความร่วมมือกับจีนในการสะกัดกั้นกระบวนการอาชญากรรมที่เดินทางผ่านประเทศไทยและจะเตือนภัย ผ่านกลไกความร่วมมือกันอย่างเป็นระบบ ทั้งนี้เป็นที่น่ายินดีที่ทั้งสองฝ่าย รวมถึงประเทศที่เกี่ยวข้องในภูมิภาค ได้มีความร่วมมือที่ใกล้ชิดในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ขบวนการ call center อย่างจริงจังแล้วในปัจจุบัน”นายกรัฐมนตรี กล่าว

โดย ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง กล่าวว่า “จีนสนับสนุนอย่างเข็มแข็งในการปราบปราม ขบวนการหลอกหลวง( online scam ) การลักพาตัว การค้ามนุษย์ ซึ่งถือเป็นการบั่นทอนผลประโยชน์ของประชาชนจีน เป้าหมายหลักของทั้งสองประเทศ คือ การปราบปรามกิจกรรมผิดกฎหมาย ที่ผ่านมาจีนได้ร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านและท้องถิ่นสามารถปราบปรามยาเสพติด จนประสบความสำเร็จ โดยอาชญากรรมข้ามชาติ ถือเป็นความท้าทาย มีความเสี่ยงสูง และชื่นชมรัฐบาลไทยที่พยายามอย่างเต็มที่และเป็นรูปธรรมโดยเฉพาะการตัดน้ำ ไฟ อินเตอร์เน็ตและน้ำมัน ที่จะสามารถตัดวงจรกิจกรรมที่เป็นอาชญากรรมต่างๆ ได้ และเชื่อว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปราม จะดูแลความปลอดภัยและผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศด้วยการยกระดับการบังคับใช้กฏหมายทั้งในระดับทวิภาคีและอนุภูมิภาค

ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง กล่าวว่า ส่วนการยกระดับความร่วมมือในระดับประชาชน อาทิ​ การจัดกิจกรรมเพื่อเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ 50 ปี ไทย -จีน ในการอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วมาประดิษฐานที่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราว ร่วมทั้งการจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนการแสดงวัตถุโบราณ การส่งมอบแพนด้ายักษ์ รวมไปถึงการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างกลุ่มคนรุ่นใหม่ และการให้ทุนการศึกษา และการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและ soft power เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ทั้งในด้านวัฒนธรรมดั้งเดิมและสื่อวัฒนธรรมสมัยใหม่ ความร่วมมือด้านสื่อ วัฒนธรรม เพื่อส่งต่อความร่วมมือจากรุ่นสู่รุ่น เป็นสิ่งที่ทั้งสองประเทศจะได้ร่วมมือกัน

จากนั้น น.ส.แพทองธาร ได้แสดงความยินดีที่ไทยและจีนเห็นถึงความสำคัญของความร่วมมือในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะในสาขาแห่งอนาคต เนื่องจาก “คน” ถือเป็นอนาคตของประเทศและความสัมพันธ์ไทย – จีน นอกจากนี้ ไทยยังมุ่งส่งเสริมและแลกเปลี่ยนด้านการศึกษา วัฒนธรรม soft power เพื่อสร้างรากฐานที่เข้มแข็งให้แก่ประชาคมไทย-จีนที่มีอนาคตร่วมกัน

อย่างไรก็ตาม ในการประชุมหารือครั้งนี้ นายกรัฐมนตรี และประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ยังเห็นพ้องกันที่จะสนับสนุนบทบาทของทั้งสองประเทศ ในเวทีระหว่างประเทศ อาทิการส่งเสริมบทบาทขององค์การสหประชาชนชาติ UN ให้เป็นศูนย์กลางการพัฒนาความร่วมมือของโลก เพื่อความร่วมมีอทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุม การส่งเสริมการเป็นแกนกลางของอาเซียน ทั้งนี้ ประธานาธิบดีจีนยังยินดีที่ไทยได้เข้าเป็นสมาชิกประเทศ หุ้นส่วนของ BRICS พร้อมมั่นใจว่า นายกรัฐมนตรีจะประสบความสำเร็จในการเยือนนี้ ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีได้กล่าวอวยพรให้การแข่งขันเอเชียนเกมส์ฤดูหนาวครั้งที่ 9 ประสบความสำเร็จ