5 วัน 5 คืน เทศกาลอาหารย่าง Thailand BBQ Festival 2025 โคราช คาดเงินสะพัดกว่า 50 ล้านบาท

นครราชสีมา – หอการค้าโคราชจัดใหญ่ เทศกาลอาหารย่าง Thailand BBQ Festival 2025 คาดเงินสะพัดกว่า 50 ล้านบาท ตำรวจบังคับใช้กฎหมายอย่างสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจของคนโคราช

เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 บริเวณลานไทมุง ตลาดเซฟวัน หอการค้าจังหวัดนครราชสีมาเปิดงาน “เทศกาลอาหารย่าง ณ โคราช ครั้งที่ 18 Thailand BBQ Festival @ Korat 2025” อย่างยิ่งใหญ่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ “ปิ้ง ม่วน ก๊วน ย่าง – ZERO WASTE LOW CARBON” คาดดึงคนร่วมงานกว่า 500,000 คน ตลอด 5 วัน 5 คืน สร้างเงินสะพัดในจังหวัดไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท พิธีเปิดได้รับเกียรติจาก นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี นายกิตติศักดิ์ ธีระวัฒนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พ.ต.อ.วีณวัฒน์ ศรีแย้ม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง รวมทั้งแขกผู้มีเกียรติจากหน่วยงานรัฐ–เอกชนเข้าร่วมอย่างคับคั่ง ผลักดันเศรษฐกิจโคราชสู่โมเดลเมืองท่องเที่ยวกลางคืน

นายไพจิตร มานะศิลป์ ประธานหอการค้าโคราช เปิดเผยว่า เทศกาลอาหารย่างปีนี้ถูกจัดขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจยามค่ำคืน สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนให้ผู้ประกอบการในจังหวัด พร้อมได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐเอกชนหลายภาคส่วน อาทิ จังหวัดนครราชสีมา, ททท., ตำรวจภูธรภาค 3, อบจ., เทศบาลนครฯ, บริษัทไทยเบฟเวอเรจ, ตลาดเซฟวัน ฯลฯ

ขณะที่นายธงชัย ขอเพิ่มทรัพย์ ประธานจัดงาน กล่าวว่า ปีนี้ยกระดับงานให้ครบรสกว่าเดิม มีบูธอาหาร–ฟู้ดทรัคกว่า 100 บูธ พร้อมกิจกรรมแยกขยะและลดขยะตามแนวคิด ZERO WASTE ทั้งยังนำเสนอ “ไอติมรสชาติไฟ” เมนูซิกเนเจอร์เฉพาะงานนี้เท่านั้น

ทั้งนี้ ระดมศิลปินชื่อดัง เติมสีสัน 5 วัน 5 คืน ศิลปินระดับประเทศ ได้แก่  นงผณี ฟักกิ้งฮีโร่ Chamook Bom Slayer Purenessly the Voice พร้อมกิจกรรมแจกของรางวัลมากกว่า 100,000 บาท ทั้งบัตรชมภาพยนตร์ บัตรที่พัก คาเฟ่ ร้านอาหารทั่วโคราช

อย่างไรก็ตาม ภายในงานจัดขึ้นระหว่าง 26–30 พฤศจิกายน 2568 โดยเตรียมโต๊ะนั่งบริการประชาชนกว่า 700 โต๊ะ

ด้าน พ.ต.อ.วีณวัฒน์ ศรีแย้ม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง เปิดเผยถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยว่า สภ.โพธิ์กลางได้จัดเจ้าหน้าที่ประจำพื้นที่งานตลอด 5 วัน พร้อมเพิ่มชุดเฉพาะกิจทั้งฝ่ายป้องกันปราบปราม สืบสวน และจราจร เพื่อดูแลความเรียบร้อยของประชาชนที่หลั่งไหลเข้าร่วมจำนวนมาก ตำรวจบังคับใช้กฎหมายอย่างสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจของคนโคราช พร้อมดูแลเต็มกำลังให้ประชาชนเที่ยวงานอย่างปลอดภัย ทั้งการรักษาความสงบ การจราจร และการเฝ้าระวังเหตุ โดยมีทั้งตำรวจในและนอกเครื่องแบบ รวมถึงกล้องวงจรปิดครอบคลุมทั่วพื้นที่ ผกก.วีณวัฒน์กล่าว

พร้อมกันนี้ ผู้กำกับฯ ฝากเตือนงดดื่มแล้วขับ ให้ใช้บริการรถสาธารณะหรือ Grab วัยรุ่นให้เที่ยวอย่างสร้างสรรค์ ไม่พกอาวุธ ไม่ก่อเหตุทะเลาะวิวาท ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่เพื่อความปลอดภัยของทุกคน

ตำรวจย้ำว่าทุกมาตรการถูกวางไว้เพื่อให้ประชาชนเที่ยวงานอย่างสบายใจ และช่วยให้เศรษฐกิจโคราชเดินหน้าคึกคักต่อเนื่อง

โดย…ประสิทธิ์ วนะชกิจ ภาพ/ข่าว  จังหวัดนครราชสีมา

นราธิวาสอ่วม! น้ำท่วมลุกลาม 12 อำเภอเสียชีวิตเพิ่มเป็น 4 ราย

เมื่อวันที่ 26 พ.ย. สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสเข้าสู่ภาวะวิกฤต หลังมีฝนตกหนักกระจายทั่วทั้ง 13 อำเภอตลอดหลายวันที่ผ่านมา ส่งผลให้พื้นที่ต้นน้ำสำคัญอย่างอำเภอสุไหงโก-ลกและอำเภอแว้งเฝ้าระวังเป็นพิเศษ โดยที่ อ.แว้ง มีการติดตั้ง ธงสีเหลือง ตลอดแนวแม่น้ำ เพื่อเตือนประชาชนริมตลิ่งให้เตรียมอพยพ หลังระดับน้ำในแม่น้ำโก-ลกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เหลือห่างจากตลิ่งเพียง 0.35 เมตร

ขณะเดียวกัน แม่น้ำสายหลัก 2 สาย คือ แม่น้ำสายบุรีและแม่น้ำบางนรา ได้เอ่อล้นตลิ่งแล้ว ส่งผลให้น้ำท่วมขังในพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนประชาชนขยายวงกว้าง ครอบคลุม 12 อำเภอ 61 ตำบล 379 หมู่บ้าน 46 ชุมชน ประชาชนเดือดร้อนกว่า 76,639 ครัวเรือน รวม 274,546 คน

น่าเศร้า ล่าสุดพบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย ในพื้นที่ อ.ระแงะ คือ ด.ช.มูฮัมหมัดริฟกิ สาแล๊ะ อายุ 9 ปี พลัดตกน้ำขณะเดินออกจากบ้านที่ถูกกระแสน้ำเชี่ยวพัดผ่าน ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 4 ราย

ด้านเส้นทางคมนาคมได้รับผลกระทบหนัก ถนนสายหลักและสายรองถูกตัดขาดรวม 31 สาย โดยเฉพาะ อ.บาเจาะ ที่มีถนน 3 สายไม่สามารถสัญจรได้ ได้แก่

  1. ถนนเอเชียสาย 42 ช่วงต้นไทร–สายบุรี
  2. เส้นทางต้นไทร–ปะลุกาสาเมาะ
  3. เส้นทางต้นไทร–ไม้แก่น

ส่วน อ.สุคิริน ถนนสายบูเก๊ะตากับสาวอนอกถูกน้ำกัดเซาะทางเบี่ยงที่กำลังก่อสร้างสะพานจนเสียหาย พื้นที่เกษตรเสียหายแล้ว 1,092 ไร่

ผลกระทบด้านการศึกษา โรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาส 101 แห่งต้องปิดเรียนไม่มีกำหนด ส่งผลกระทบเด็กนักเรียนกว่า 4,902 คน และครูบุคลากรอีก 600 คน เบื้องต้นประเมินความเสียหายกว่า 8.08 ล้านบาท

ในพื้นที่ อ.บาเจาะ ผู้สื่อข่าวพบว่าชาวบ้านจำนวนหนึ่งต้องอพยพครอบครัวและสัตว์เลี้ยงขึ้นมาพักอาศัยริมถนน โดยมีการจัดตั้งเต็นท์เป็นที่พักชั่วคราว นายอาหามะ สนิ หนึ่งในผู้ประสบภัย เล่าว่า

“น้ำปีนี้หนักกว่าปีก่อน พอรู้ข่าวว่าฝนจะตกหนักวันที่ 27 ก็รีบยกของขึ้นที่สูงไว้ทัน ไม่อย่างนั้นคงเสียหายหมด”

หลายครอบครัวยังคงเฝ้ารอการช่วยเหลือ ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐและจิตอาสายังคงเร่งเข้าพื้นที่เพื่อช่วยเหลือประชาชนตลอดทั้งวันทั้งคืน

ยิ่งใหญ่อลังการสืบสานประเพณีปีใหม่ม้งปี’69 กระตุ้นท่องเที่ยว-เศรษฐกิจท้องถิ่น

“นายกจอย”- “ผู้ช่วยเฟริ์ส” ร่วมงานแถลงข่าวงานสืบสานประเพณีปีใหม่ม้ง ประจำปี 2569 กระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ปีใหม่ หลาย 10 ล้านบาท กระจายรายได้สู่หมู่บ้าน ชุมชน ท้องถิ่น-อบจ.ตากสนับสนุนงบประมาณ 500,000 บาท

เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2568. นางอัฉรา ทวีเกื้อกูลกิจ “นายกจอย” นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)ตาก,นายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ “ผู้ช่วยเฟริ์ส” กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ เดินทางมาเป็นประธานการแถลงข่าวการจัดงานสืบสานประเพณีปีใหม่ม้ง ประจำปี 2569 ณ โมริยาห์สวนดอกไม้ หมู่ 10 ต.คีรีราษฎร์ อ.พบพระ จังหวัดตาก

การจัดงานปีใหม่ม้ง ในปี 2569. นี้ คาดว่าจะมีเงินหมุนเวียน และกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ปีใหม่ หลาย 10 ล้านบาท กระจายรายได้ สู่หมู่บ้าน ชุมชน ท้องถิ่น ซึ่งในการจัดงานปีใหม่ม้งครั้งนี้ ทาง อบจ.ตาก โดย “นายกจอย” ได้สนับสนุนงบประมาณในการจัดงาน 500,000 บาท

โดยมีสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)ตาก จากทุกอำเภอ ของจังหวัดตาก พร้อมด้วย นายยงยุทธ แซ่ม้า นายกองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)คีรีราษฎร์ ,นายมณฑล สว่างนภาลัย นายก.อบต.รวมไทยพัฒนา ,น.ส.ธมลวรรณ เจริญวงศ์พิสิฐ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)สำนักงาน ตาก ,ผู้แทนวัฒนธรรมจังหวัดตาก ,ฝ่ายปกครอง, ส่วนราชการ ร่วมแถลงข่าว

นางอัจฉรา ทวีเกื้อกูลกิจ “นายกจอย” นายก.อบจ.ตาก ได้กล่าวเชิญชวนพี่น้องประชาชน นักท่องเที่ยว ได้มาร่วมงานสืบสานประเพณีปีใหม่ม้ง ประจำปี 2569 เพื่อสืบสานและเผยแพร่ศิลปะ จารีตประเพณี วัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่น ชนเผ่า สร้างความสมัครสมานสามัคคีของประชาชนในชุมชน พร้อมกับส่งเสริมการท่องเที่ยว กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น และเพื่อบำรุงรักษาวัฒนธรรมอันดีของท้องถิ่นให้เยาวชนรุ่นหลังได้ปฏิบัติสืบทอดต่อไป จากรุ่นสู่รุ่น

.

กองทัพภาคที่ 2 ส่งกองร้อยบรรเทาสาธารณภัย ช่วยน้ำท่วมหาดใหญ่

พล.ท.วีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 สั่งการส่งกองร้อยบรรเทาสาธารณภัย กองพลพัฒนาที่ 2 จำนวน 102 นาย ขนยุทโธปกรณ์ รถบรรทุกขนาดใหญ่ ครัวสนาม เครื่องปั่นไฟ เรือ สนับสนุนกองทัพภาคที่ 4 ช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบภัยน้ำท่วมหาดใหญ่

โดย พล.ต.กิติศักดิ์ ถาวร ผู้บัญชาการกองพลพัฒนาที่ 2 ตรวจความพร้อมของกองร้อยบรรเทาสาธารณภัย ที่หน้ากองบัญชาการกองพลพัฒนาที่ 2 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ จ.นครราชสีมา เพื่อเตรียมเคลื่อนย้ายลงพื้นที่เพื่อสนับสนุนกองทัพภาคที่ 4

#กองทัพภาคที่2
#กองทัพบก #RTA
#น้ำท่วมหาดใหญ่

มหาอุทกภัยถล่มอาเซียน ” ไทย- เวียดนาม -มาเลเซีย”อ่วมอรทัย

ไม่ใช่แค่ภาคใต้ของประเทศไทยเท่านั้นที่กำลังประสบกับมหาอุทกภัยครั้งรุนแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษ แต่ในหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็กำลังเผชิญกับอุทกภัยครั้งใหญ่คู่ขนานกันส่งผลให้หลายประเทศกำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤตน้ำท่วม สื่อต่างประเทศชี้ว่า ภัยพิบัติเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายด้านสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเผชิญอยู่ และหลายประเทศกำลังดำเนินการบรรเทาทุกข์อย่างแข็งขันเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้ผ่านพ้นความยากลำบากในครั้งนี้

เช่นเดียวกับประเทศมาเลเซีย เผชิญกับฝนตกหนักต่อเนื่องส่งผลกระทบต่อ 7 รัฐ ส่งผลให้ประชาชนกว่า 15,000 คนต้องอพยพออกจากบ้านเรือน ไม่แตกต่างกับอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ทางภาคใต้ของไทย ประสบอุทกภัยครั้งรุนแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ส่งผลกระทบต่อประชาชนเกือบ 2 ล้านคน ซึ่งระดับน้ำสูงถึงตึกชั้นเดียว สถานการณ์ในภาคกลางของเวียดนามยิ่งเลวร้ายลงไปอีก โดยมีผู้เสียชีวิตเกือบ 100 คน ไฟฟ้าดับ 1.2 ล้านครัวเรือน และถนนถูตัดขาดขยายวงกว้าง ส่งผลให้ประชาชนเดือดร้อนอย่างหนักขณะนี้

สำนักข่าว Bernama ของทางการมาเลเซีย รายงานว่า เฉพาะรัฐทางตะวันออกเฉียงเหนือเพียงรัฐเดียวมีผู้พลัดถิ่น 9,634 คน จาก 3,022 ครอบครัว โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่า สถานการณ์ในกลันตันยังคงอยู่ในภาวะวิกฤต โดยมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในพื้นที่

ที่รัฐปะลิส จำนวนผู้ประสบภัยเพิ่มขึ้นอย่างมากเป็น 811 คน จาก 243 ครอบครัว เมื่อเทียบกับเพียง 114 คน จาก 35 ครอบครัวในคืนก่อนหน้า รัฐปีนังมีจำนวนผู้ประสบภัยน้ำท่วมเพิ่มขึ้นเป็น 404 คน จาก 104 ครอบครัว ขณะที่รัฐเปรักก็รายงานว่ามีจำนวนผู้ประสบภัยเพิ่มขึ้นเช่นกัน ขณะที่รัฐเกดะห์และตรังกานูมีจำนวนผู้ประสบภัยน้ำท่วมลดลง ซึ่งช่วยบรรเทาความเดือดร้อนได้บ้างท่ามกลางวิกฤตการณ์ นอกจากนี้รัฐสลังงอร์กลายเป็นรัฐล่าสุดที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ทำให้มีภูมิภาคแห่งนี้ต้องรับมือเหตุฉุกเฉินและความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเพิ่มมากขึ้น

ภัยพิบัติครั้งนี้รุนแรงยิ่งขึ้นในภาคกลางของเวียดนาม สื่อเวียดนาม VTV รายงานว่า มีเที่ยวบินบรรเทาทุกข์กำลังเดินทางไปยังพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด รวมถึงจังหวัดดั๊กลัก อุทกภัยทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 100 ราย อาคารบ้านเมืองพังทลาย และถนนถูกน้ำพัดหายไป ครั้งหนึ่งมีบ้านเรือน 1.2 ล้านหลังคาเรือนไม่มีไฟฟ้าใช้ จำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดที่บันทึกไว้ในเวียดนามเกิดขึ้นที่จังหวัดดั๊กลักซึ่งอยู่ทางตอนกลางของภูเขา โดยมีผู้จมน้ำเสียชีวิตอย่างน้อย 63 ราย

จากสถิติท้องถิ่นของเวียดนาม ระบุว่า ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงตุลาคมปีนี้ อุทกภัยและภัยพิบัติทางธรรมชาติอื่นๆ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหรือสูญหายในเวียดนาม 279 ราย คิดเป็นมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจมากกว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

โดยเฉพาะอุทกภัยครั้งล่าสุด เวียดนามได้รับความเสียหายอย่างน้อย 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อันเป็นผลมาจากฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เมืองทั้งตึกถูกน้ำท่วมและพื้นที่เกษตรกรรมจมอยู่ใต้น้ำ ความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานทำให้ครัวเรือนและธุรกิจ 1.1 ล้านครัวเรือนไม่มีไฟฟ้าใช้ ขณะที่บ้านเรือนกว่า 200,000 หลัง พื้นที่เพาะปลูก 200,000 เฮกตาร์ (494,210 เอเคอร์) และฟาร์มปลา 1,157 เฮกตาร์ (2,859 เอเคอร์) ถูกน้ำท่วม

บุคลากรแพทย์ ‘รพ.หาดใหญ่’ อดอาหาร 3 วัน 3 คืน เร่งขอความช่วยเหลือด่วน

‘กาย อมรชัย’ บุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาลหาดใหญ่ โพสต์ขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

“ขออนุญาตขอความช่วยเหลือนะครับ เพื่อนๆ บุคคลากรทางการแพทย์ที่ยังติดอยู่ในโรงพยาบาลหาดใหญ่ และไม่สามารถออกไปไหนได้ ซึ่งบุคลากรเหล่านั้นกำลังปฏิบัติหน้าที่ดูแลผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง 3 วัน3 คืน ไม่ได้พัก

ขณะนี้อาหารในโรงพยาบาลหาดใหญ่หมด มีไม่พอสำหรับบุคลากร ซึ่งทุกคนเสียสละให้ผู้ป่วยได้ทาน ทำให้แพทย์และบุคลากรบางส่วนที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ ไม่มีอาหารรับประทาน 

หากมีใครสามารถช่วยนำอาหารหรือเครื่องดื่มมาส่งให้ได้ จะเป็นพระคุณอย่างยิ่งครับ

ขอบคุณมากๆ ครับ”

ขณะที่ ทัพเรือภาคที่ 2 ใช้อากาศยาน ฮ.ลล.4 (S-76B) ส่งเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator) จำนวน 2 เครื่อง จากการสนับสนุนของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ถึงโรงพยาบาลหาดใหญ่ เพื่อให้สามารถผลิตไฟฟ้าและดูแลรักษาผู้ป่วยได้อย่างต่อเนื่อง

ชาวนาโคราชทุกข์หนัก ทำนาขาดทุน แถมเจอน้ำท่วมนาข้าวหนักสุดรอบ10ปี

ชาวนาในอำเภอจักราช จังหวัดนครราชสีมา ทุกข์หนัก ทำนาขาดทุน เจอน้ำท่วมนาข้าวหนักสุดในรอบ 10 ปี น้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทำผลผลิตได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก วอนภาครัฐเร่งช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อน

นางดวง ชัยตาดี อายุ 56 ปี ชาวนาบ้านโนนเสมา หมู่ที่ 3 ตำบลหินโคน อำเภอจักราช จังหวัดนครราชสีมา บอกว่า ปีนี้ตนเองลงทุนทำนาปลูกข้าว จำนวน 10 ไร่ ซึ่งเป็นข้าวหอมมะลิกำลังจะได้เก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวนาปีแต่ก็มาประสบกับปัญหาน้ำท่วมนาข้าวได้รับความเสียหาย ไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวนาปีได้ เพราะระดับน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร ข้าวที่กำลังจะได้เก็บเกี่ยว รวงข้าวจมน้ำเสียหาย

ปีนี้นับว่าเป็นปีที่ชาวนาได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เนื่องจากฝนที่ตกลงมาติดต่อกันในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาทำให้ปริมาณน้ำไหลหลากเข้าท่วมนาข้าวของชาวนาได้รับความเสียหายกว่า 40 ไร่ ชาวนาจึงอยากวอนภาครัฐเร่งช่วยเหลือชาวนาที่ได้รับความเดือดร้อนด้วย

.

น้ำท่วมใต้โรงงานสงขลาเสียหาย 715 แห่ง คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,282 ล้านบาท

นายธนกร วังบุญคงชนะ รมว.อุตสาหกรรม ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.สงขลาว่า สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสงขลารายงานว่า จำนวนโรงงานที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม ในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จะนะ นาทวี เทพา สะบ้าย้อย บางกล่ำ รัตภูมิ สะเดา ระโนด ควนเนียง นาหม่อม และคลองหอยโข่ง ประกอบด้วย อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร จำนวน 29 โรงงาน, อุตสาหกรรมแปรรูปไม้ยางพารา จำนวน 97 โรงงาน, อุตสาหกรรมทำผลิตภัณฑ์ยางพารา จำนวน 103 โรงงาน, อุตสาหกรรมทำผลิตภัณฑ์จากพลาสติก จำนวน 44 โรงงาน, อุตสาหกรรมทำผลิตภัณฑ์จากโลหะ จำนวน 53 โรงงาน, อุตสาหกรรมขุดตักดินและดูดทราย จำนวน 310 โรงงาน และอุตสาหกรรมบริการ จำนวน 79 โรงงาน ทั้งนี้ รวมโรงงานที่ได้รับผลกระทบทั้งสิ้น 715 โรงงาน คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 1,282 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีโรงไฟฟ้า 17 โรง ทั้งภาครัฐและเอกชน ก็ไม่สามารถผลิตไฟให้ได้ อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งประสานกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เพื่อขอให้โรงไฟฟ้ากระบี่ และโรงไฟฟ้าขนอม เพิ่มกำลังการผลิตทดแทนเพื่อให้การช่วยเหลือแล้ว สำหรับโรงงานในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมนั้น แม้ว่าขณะนี้น้ำยังไม่ท่วมเข้านิคมฯ แต่ก็ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากไม่สามารถนำวัตถุดิบเข้าไปภายในโรงงานได้ โดยลักษณะพื้นที่ขณะนี้เหมือนเป็นไข่แดง ถูกน้ำล้อมรอบ

สำหรับ มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยนั้น นายธนกร กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) เร่งออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว ดังนี้ สำหรับลูกค้าปัจจุบัน 1.พักชำระหนี้ : สินเชื่อประเภทเงินกู้ (FL) พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยสูงสุด 12 เดือน, สินเชื่อประเภทเงินทุนหมุนเวียน เช่น PN แฟคตอริ่ง ขยายระยะเวลาตั๋วสูงสุด 180 วัน และ 2.เติมทุนฉุกเฉิน : นำไปฟื้นฟูธุรกิจเฉพาะหน้า วงเงินกู้ 10% ของวงเงินเดิม สูงสุด 200,000 บาท ดอกเบี้ย MLR ระยะกู้ 3 ปี ปลอดชำระเงินต้น 12 เดือน

ส่วนลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่นั้น สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ลงทุน เสริมสภาพคล่อง อัตราดอกเบี้ยพิเศษ คงที่ 3% 3 ปี ผ่อนนานสูงสุด 10 ปี วงเงินสูงสุด 15 ล้านบาท ได้แก่ ปลุกพลัง SME , Beyond ติดปีก SME และ SME Green Productivity ทั้งนี้ รัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงวางแนวทางช่วยเหลือ พร้อมทั้ง มาตรการเยียวยาต่างๆ เพื่อที่เราจะผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน

รมว.อุตสาหกรรม กล่าวด้วยว่า ท่านนายกฯ ได้ลงพื้นที่และสั่งการด้วยตัวเอง ให้หน่วยงานทุกภาคส่วนช่วยเหลือพี่น้องประชาชนโดยเร็วที่สุด ดังนั้น ตนจึงประสานกับนายศาสตรา ศรีปาน ส.ส.สงขลา พรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งเปิดศูนย์ประสานงานช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อยู่ในขณะนี้ด้วย เพื่อเข้าไปช่วยเหลือประชาชนที่ไม่สามารถอพยพออกมาจากพื้นที่ได้ เพราะทราบว่านอกจากนายศาสตราจะเข้าไปในพื้นที่ด้วยตนเองแล้ว ยังมีการประสานกับภาคเอกชน และนักศึกษา เพื่อช่วยกันอีกทางหนึ่งด้วย

ตำรวจปส.บุกจับหนุ่มจีนลักลอบผลิต”พอตบุรีไฟฟ้า”ผสม”อีโทมิเดท”ขายลูกค้าย่านห้วยขวาง

ตำรวจปราบปรามยาเสพติดบุกจับชายชาวจีน อายุ 30 ปี ที่เปิดโรงงานผลิตพอตบุหรี่ไฟฟ้าผสมสารอีโทมิเดท ในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งย่านห้วยขวางยึดของกล่าง กว่า 1,000 ชิ้น และอุปกรณ์การผลิตอีกจำนวนมาก รวมมูลค่ากว่า 600,000 บาท

พลตำรวจโท อาชยน ไกรทอง ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เปิดเผยว่า การตรวจค้นครั้งนี้ ขยายผลมาจากการจับกุมชาวจีนที่ลักลอบขายพอตบุหรี่ไฟฟ้าผสมสารอีโทมิเดท ในเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี จนทราบว่ามีแหล่งผลิตหลักอยู่ในย่านห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร จึงทำการสืบสวนและเข้าจับกุมในครั้งนี้

โดยผู้ต้องหารายนี้ได้ค่าจ้างเดือนละ 150,000 บาท ในการผลิตพอตบุหรี่ไฟฟ้าดังกล่าว แล้ววิธีการปั่นจักรยานไปส่งของตามจุดนัดพบ ซึ่งพอร์ตบุหรี่ไฟฟ้าที่ผสมสารอีโทมิเดทเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติและคนไทยบางกลุ่ม เมื่อถึงมือผู้เสพจะมีราคาอยู่ที่ประมาณชิ้นละ 600 บาท

สำหรับสารอีโทมิเดท เป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 ซึ่งใช้เป็นยาสลบทางการแพทย์ ราคาซื้อขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 600,000 บาท เป็นสารเคมีที่อยู่ในความควบคุม การสั่งนำเข้าต้องได้รับอนุญาตจาก อย.

ส่วนผู้ที่สูบพอตที่มีสารอีโทมิเดท ก็จะทำให้เกิดอาการสั่นและมึนเมา ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมของผู้เสพในประเทศจีน เป็นอันดับ 2 รองจากไอซ์ กำลังสร้างปัญหาในประเทศจีนเป็นอย่างมาก สำหรับในประเทศไทยยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก จึงจำเป็นต้องตัดไฟแต่ต้นลมปราบปรามไม่ให้มีการแพร่ระบาด ซึ่งอยู่ระหว่างการขยายผลถึงนายทุนผู้ว่าจ้างให้ผู้ต้องหาผลิตพอต อีกทั้งจะขยายผลถึงแหล่งที่มาของสารอีโทมิเดทด้วย

.

สลด!กระทิงป่าถูกกับดักปืนผูกบาดเจ็บสาหัสเสียชีวิตแล้ว อุทยานฯ ปางสีดา เร่งล่าพรานป่ามาลงโทษ

สลด!กระทิงป่าถูกกับดักปืนผูกบาดเจ็บสาหัสเสียชีวิตแล้ว อุทยานฯ ปางสีดา เร่งรวบรวมหลักฐานดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด

เมื่อเวลา 00.05 น.วันที่ 26 พ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ปราจีนบุรี  นายยศวัฒน์ เธียรสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 (ปราจีนบุรี) เปิดเผยว่า อุทยานแห่งชาติปางสีดา จังหวัดสระแก้ว แจ้งสถานการณ์ความคืบหน้า     ล่าสุดว่า กระทิงป่าที่ถูกกับดักอาวุธปืนผูกจนได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ขา ได้เสียชีวิตลงแล้วเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 เวลา 13.20 น. ก่อนที่คณะสัตวแพทย์จะสามารถเข้าทำการรักษาได้ทันท่วงที ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการผ่าพิสูจน์ซากเพื่อรวบรวมหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์อย่างละเอียด เพื่อเร่งรัดการดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด

นายญาณวุฒิ แสงวงศ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติปางสีดา รายงานว่า ชุดเฝ้าระวังและติดตามอาการกระทิงได้รายงานการเสียชีวิตของสัตว์ดังกล่าว ทางอุทยานฯ จึงได้ประสานนายสัตวแพทย์ประจำสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าช่องกล่ำบนเข้าดำเนินการผ่าพิสูจน์ซาก โดยจะเคลื่อนย้ายซากไปยังเขตอุทยานแห่งชาติปางสีดา และเมื่อแล้วเสร็จจะขออนุมัติพนักงานสอบสวนดำเนินการทำลายซากด้วยวิธีการฝังกลบตามระเบียบต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไป   ย้อนรอยเหตุการณ์และการสืบสวนวันที่ 20 พฤศจิกายน 2568 เวลา 17.30 น. เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่ 2 (ขุนดง 2) ได้ยินเสียงคล้ายปืนดังสนั่น คาดว่าเป็นเสียงอาวุธปืนผูก ซึ่งเป็นกับดักสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมาย บริเวณนอกแนวเขตอุทยานฯ ในพื้นที่ทำกินของราษฎร จังหวัดสระแก้ว เจ้าหน้าที่จึงรีบเข้าตรวจสอบและตรึงกำลังในพื้นที่ตลอดทั้งคืน เนื่องจากคาดว่าอาจมีอาวุธปืนผูกมากกว่า 1 กระบอก

วันที่ 21 พฤศจิกายน 2568 เจ้าหน้าที่ตรวจพบกับดักอาวุธปืนผูกจำนวน 2 กระบอก ในแปลงปลูกยูคาลิปตัสนอกแนวเขตอุทยานฯ พร้อมกับพบกระทิงป่าได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ตัว อยู่ใกล้จุดที่พบอาวุธ แต่ไม่สามารถเข้าใกล้เพื่อช่วยเหลือได้ เนื่องจากกระทิงมีอาการตื่นตระหนกและอาจโจมตีเจ้าหน้าที่ จึงต้องเฝ้าระวังจากระยะปลอดภัย

วันที่ 22 พฤศจิกายน 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรปางสีดา พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดสระแก้ว ได้เข้าตรวจพื้นที่และนำอาวุธปืนผูกทั้ง 2 กระบอกไปตรวจสอบลายนิ้วมือและ DNA เพื่อสืบหาผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี

วันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 อุทยานฯ ประสานหัวหน้าสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าช่องกล่ำบนเข้าตรวจรักษา พบว่ากระทิงบาดเจ็บสาหัส ขาหน้าซ้ายหักจากการถูกกระสุนปืนโดยตรง และขาหลังซ้ายหักตามมาเนื่องจากไม่สามารถรับน้ำหนักตัวได้ คณะสัตวแพทย์ได้ให้ยาฆ่าเชื้อ ยาแก้อักเสบ และยาบรรเทาอาการเจ็บปวด แต่เนื่องจากอาการบาดเจ็บรุนแรงเกินกว่าจะรักษาได้ทัน

นายยศวัฒน์ เธียรสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 (ปราจีนบุรี) กล่าวว่า เหตุการณ์นี้สะท้อนปัญหาการล่าสัตว์ป่าผิดกฎหมายที่ยังคงเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อสัตว์ป่าหายาก โดยเฉพาะกระทิงซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง

ปัจจุบัน อุทยานแห่งชาติปางสีดาได้จัดตั้งชุดค้นหาและกวาดล้างอาวุธปืนผูก โดยขยายขอบเขตการค้นหาให้ครอบคลุมพื้นที่เสี่ยงและบริเวณรอบแนวเขตอุทยานฯ เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าอื่นได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากกับดักอันตรายเช่นนี้อีก จึงขอความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง หากพบเห็นพฤติกรรมการล่าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย หรือพบอาวุธปืนผูกและกับดักสัตว์ ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติปางสีดาทันที เพื่อดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป

โดย…มานิตย์  สนับบุญ  / ปราจีนบุรี