ชาวนาเฮ!ข้าวหอมดีดตัวพุ่งเตะ 11.6 หมื่นบาท/ตัน-เปลือกเจ้าตันละ7.2พันบาท

พาณิชย์รายงานราคาข้าวเปลือกหอมมะลิดีดตัวแรงแตะ 16,000 บาทต่อตัน เพิ่มขึ้นตันละ 1,000 บาท ด้านข้าวเปลือกเจ้า ปรับเพิ่มขึ้นสูงสุด 400 บาท เป็นตันละ 7,200 บาทต่อตัน หลังรัฐบาลเร่งเดินหน้ามาตรการดูแลข้าวทั้งระบบตามมติ นบข. ส่งผลให้ตลาดเกิดการปรับตัวเชิงบวกอย่างรวดเร็ว ทั้งในด้านการรับซื้อ การดูดซับผลผลิต และความเชื่อมั่นของเกษตรกร

นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์ราคาข้าวนาปี ปีการผลิต 2568/69 ปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญต่อสินค้าเกษตรหลัก โดยเฉพาะ “ข้าว” ซึ่งเป็นรายได้สำคัญของเกษตรกรทั่วประเทศ นายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้กำชับทุกหน่วยงานให้เดินหน้ามาตรการเชิงรุกและลงปฏิบัติการในพื้นที่ทันที เพื่อป้องกันภาวะราคาตกต่ำในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมากช่วงปลายปีนี้

อธิบดีกรมการค้าภายใน ระบุว่า ภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ล่าสุด เมื่อ 18 พฤศจิกายน 2568 ได้ออกมาตรการเร่งด่วนในการช่วยดูดซับปริมาณข้าวเปลือกออกจากระบบ รวมทั้งมาตรการก่อนหน้านี้ ทั้งชะลอการขายข้าว มาตรการรับฝากเก็บ รวมถึงการเร่งจัดตลาดนัดข้าวเปลือกทั่วประเทศ เพื่อพยุงราคา สร้างตลาด และเสริมรายได้ให้เกษตรกรในช่วงผลผลิตออกกระจุกตัว

โดยสถานการณ์ราคาล่าสุด ณ วันที่ 20 พฤศจิกายน 2568 ยืนยันว่ามาตรการทั้งหมดเริ่มเห็นผลชัดเจน ราคาข้าวเปลือกความชื้น 15% ปรับเพิ่มในแทบทุกชนิด โดยข้าวเปลือกหอมมะลิอยู่ที่ 14,700–16,100 บาทต่อตัน ข้าวเปลือกปทุมธานี 8,000–8,300 บาทต่อตัน ข้าวเปลือกเจ้า 6,300–7,200 บาทต่อตัน และข้าวเหนียว 7,000–10,000 บาทต่อตัน โดยราคาข้าวเปลือกหอมมะลิได้มีการปรับตัวขึ้นสูงสุด 1,000 บาทต่อตัน ข้าวเปลือกเจ้าปรับเพิ่มขึ้นสูงสุด 400 บาทต่อตัน เมื่อเทียบกับช่วงก่อนสัปดาห์ก่อน (14 พ.ย. 68) ถือเป็นหนึ่งฤดูกาลที่ราคาปรับตัวดีขึ้นเร็วที่สุดในรอบหลายปี

นายวิทยากร กล่าวต่อว่า “ในส่วนของการดำเนินโครงการตลาดนัดข้าวเปลือก กรมการค้าภายในร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัด โดยเริ่มจัดมาตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 และจะจัดต่อเนื่องรวมกว่า 50 ครั้งใน 32 จังหวัด ครอบคลุมภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง จนถึงเดือนเมษายน 2569 โดยตลาดนัดข้าวเปลือกเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้ผู้ประกอบการจากนอกพื้นที่เข้าไปรับซื้อถึงแหล่งผลิตของเกษตรกร ลดภาระค่าขนส่ง เพิ่มช่องทางขายโดยตรง และแก้ปัญหาบางพื้นที่ที่ไม่มีผู้รับซื้ออย่างมีประสิทธิภาพ

ผลการจัดตลาดนัดในช่วงที่ผ่านมาพบว่า มีผู้ประกอบการหลายรายเข้าไปรับซื้อในราคานำตลาดอย่างคึกคัก โดยราคารับซื้อในพื้นที่ตลาดนัดสูงกว่าตลาดทั่วไปเฉลี่ย 200–400 บาทต่อตัน ทำให้เกิดการแข่งขันทางด้านราคา ส่งผลให้ราคาข้าวเปลือกในหลายจังหวัดปรับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ขณะที่สำนักงานชั่งตวงวัดในพื้นที่โดยเฉพาะจุดที่มีการซื้อขายข้าว ได้ลงพื้นที่เพื่อกำกับดูแลการรับซื้อข้าวเปลือกของพี่น้องเกษตรกรโดยตรวจสอบความถูกต้องของการชั่งน้ำหนัก การวัดความชื้น และการหักสิ่งเจือปน รวมถึงการแสดงราคารับซื้อ เพื่อให้การซื้อขายเป็นธรรม เที่ยงตรง และโปร่งใสให้เกษตรกร

นายวิทยากรกล่าวทิ้งท้ายว่า “มาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกปีการผลิตนี้ของ นบข. และการจัดตลาดนัดข้าวเปลือกทั่วประเทศ ได้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม ทั้งในด้านราคาที่ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว สร้างรายได้เพิ่มขึ้นให้แก่พี่น้องเกษตรกร โดยกรมจะขับเคลื่อนมาตรการต่อเนื่องเพื่อรักษาราคาและสร้างเสถียรภาพให้ตลาดข้าวตลอดฤดูกาลผลิตปีนี้”

ดอยอินทนนท์ต่ำกว่าจุดเยือกแข็งเหมยขาบขาวโผล่วันที่ 2 อุณหภูมิยอดหญ้า 0.2 องศา

อินทนนท์ไม่แผ่วเกิดเหมยขาบติดต่อกันเป็นวันที่ 2 อุณหภูมิบนยอดหญ้าวัดได้ 0.2องศาฯ ยอดดอย 5 องศาฯ นักท่องเที่ยวแห่ขึ้นไปสัมผัสอากาศหนาว

เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 68 นักท่องเที่ยวที่ขึ้นไปสัมผัสอากาศหนา ที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์  อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ต่างตื่นตาตื่นใจที่ได้เห็นปรากฎการณ์เหมยขาบ ขาวโพลนเต็มพื้นหญ้า บริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ที่ 5

หลายคนต่างพากันถ่ายภาพเหมยขาบเก็บไว้เป็นที่ระลึกและถ่ายลงโซเชียล  

หลังวันนี้ที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์เกิดปรากฏการณ์เหมยขาบขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ของฤดูหนาวปี 2568 แล้ว โดยอุณหภูมิบนยอดหญ้าวัดได้  0.2 องศาฯ ส่วนอุณหภูมิบนยอดดอยต่ำสุดวัดได้ 5 องศาฯ  ซึ่งก็ไม่ทำให้นักท่องเที่ยวผิดหวังที่ขึ้นไปสัมผัสอากาศหนาวและชมแสงพระอาทิตย์แรกของวันที่จุดชมวิวกิ่วแม่ปาน

ข้อมูลจากอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์พบว่าวันที่ 24 พ.ย. 68 มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวทั้งหมด 3,572 คน

ขณะที่สถิติการพบเหมยขาบฤดูหนาวปี 2568

ครั้งที่ 1 วันที่ 24.11.2568 อุณหภูมิต่ำสุด 4 องศาเซลเซียสที่กิ่วแม่ปาน (06.00 น.) อุณหภูมิต่ำสุดของหนาวปีนี้

-พบบริเวณ ลานจอดรถ หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ที่ อน.5 (ยอดดอย) (t=5°C ,tยอดหญ้า=0.7°C)

ครั้งที่  2 วันที่ 25.11.2568 อุณหภูมิต่ำสุด 5 องศาเซลเซียส หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อน.5 (ยอดดอย)(06.00 น.) 

-พบบริเวณ ลานจอดรถ หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ที่ อน.5 (ยอดดอย) (t=5°C ,tยอดหญ้า=0.2°C)

.

พลิกวิกฤติน้ำท่วมเป็นโอกาส “ชาวนาหมื่นศรี”จับปลาขายสร้างเงินหลักพัน/วัน

ชาวบ้านนาหมื่นศรีจำนวนมากได้ออกไปหาปลาบริเวณทุ่งนาดิน ที่ถนนเลียบคลองชลประทานทุ่งนาหมื่นศรี หมู่ที่ 5 ตำบลนาหมื่นศรี อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง กันอย่างคึกคัก ทั้งวางกัดดักปลา ยกยอ วางมุ้งดักปลา วางโพงพาง และตกปลา ซึ่งนอกจากจะเพื่อใช้ประกอบอาหารรับประทานในครอบครัวแล้ว ยังขายสร้างรายได้ในช่วงฤดูน้ำหลากด้วย

 ทั้งนี้ เนื่องจากช่วงน้ำท่วมเช่นนี้ ทุ่งนาหมื่นศรี จะเป็นพื้นที่รับน้ำจากเทือกเขาบรรทัด ที่ผ่านมายังอำเภอนาโยง ทำให้เปลี่ยนสภาพจากนาข้าว เป็นเวิ้งน้ำขนาดกว้างใหญ่ และทำให้มีปลาน้ำจืดชุกชุม เช่น ปลาสลิด ปลาหมอ ปลาช่อนนา ปลาดุกนา ปลาลูกกริม ปลาลูกหยก เป็นต้น ชาวบ้านจึงอาศัยช่วงจังหวะนี้ออกจับปลาขายสร้างรายได้

 นางวรรณดี เชยชื่นจิตร อายุ 53 ปี ชาวบ้านตำบลนาหมื่นศรี กล่าวว่า ตนออกหาปลาพร้อมกับสามี และวางแผงขายบริเวณริมถนน ซึ่งขายดีมาก ลูกค้าส่วนใหญ่มาจากในตัวเมืองตรัง ยิ่งเมื่อถึงช่วงน้ำท่วมเช่นนี้ เขาจะขับรถมาวนหาซื้อปลาน้ำจืด เนื่องจากปลาฤดูนี้จะมีเนื้อมันอร่อยเป็นพิเศษ ทำให้ตนมีรายได้จากการขายปลา วันละ 500 บาท ทั้งปลาดุก ปลาช่อน ปลาสลิด จะขายในราคากิโลกรัมละ 150-200 บาท

 ส่วน นางสมฤทัย จินดาแก้ว อายุ 42 ปี ชาวบ้านตำบลนาหมื่นศรีอีกราย กล่าวว่า บ้านของตนอยู่ติดกับทุ่งนาหมื่นศรี และบ้านของตนก็โดนน้ำท่วมเช่นกัน จึงพลิกวิกฤตเป็นโอกาสมาดักลูกปลาขายด้วยมุ้ง ซึ่งปลาที่ได้เรียกว่า ปลาลูกกริม ปลาลูกหยก ขายในราคาขีดละ 20 บาท หรือกิโลกรัมละ 200 บาท ทำให้ตนมีรายได้จากขายลูกปลา วันละกว่า 1,000 บาทเลยทีเดียว

โดย…ศิรินทร์พัชร์ ทองศักดิ์/ตรัง

ททท.เตรียมคลอดมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการ-ส่งเสริมตลาดนักท่องเที่ยวปลายปี

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เร่งติดตามสถานการณ์และประสานการให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่จังหวัดภาคใต้ โดยเฉพาะพื้นที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของการท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย พร้อมติดตามประเมินสถานการณ์ผลกระทบทางการท่องเที่ยว และสื่อสารมาตรการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้เตรียมหารือมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการในพื้นที่ ชงมาตราการส่งเสริมการขายและและส่งเสริมตลาดจัดกิจกรรม เพื่อกระตุ้นการเดินทางเข้าพื้นที่ช่วงปลายปี

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานของ ททท. ติดตามสถานการณ์และประสานการให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบร่วมกับหน่วยงานต่างๆ อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในพื้นที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลาที่เป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของนักท่องเที่ยวและได้รับผลกระทบหนักที่สุด โดยทุกพื้นที่เร่งจัดทำรายงานสถานการณ์ ติดตามและประเมินผลกระทบของแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ เพื่ออัปเดตสถานการณ์การเดินทางและแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบ ในส่วนสำนักงานต่างประเทศ

โดยเฉพาะในตลาดมาเลเซีย อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดหลักที่เดินทางเข้าหาดใหญ่ ได้เร่งสื่อสารสถานการณ์ไปยังพันธมิตรบริษัทนำเที่ยวในพื้นที่ เพื่อให้ทราบข้อมูลรายวัน ทั้งการช่วยเหลือนักท่องเที่ยว และอัปเดตแหล่งท่องเที่ยวที่ยังคงเดินทางได้ตามปกติ เพื่อลดผลกระทบให้อยู่ในวงจำกัด  และรวมถึงเร่งประเมินผลกระทบทางด้านการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งในตลาดระยะใกล้และไกล นอกจากนี้ ททท. ยังได้ดำเนินการสื่อสารมาตรการให้ความช่วยเหลือทางด้านการเดินทางของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ท่าอากาศยาน สายการบิน การรถไฟแห่งประเทศไทย โดยระยะต่อไป

เมื่อสถานการณ์ในพื้นที่คลี่คลาย ททท. จะเร่งสร้างความเชื่อมั่นในการเดินทาง และส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบซึ่งปัจจุบันได้เตรียมหารือมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการในพื้นที่ และส่งเสริมตลาดจัดกิจกรรมในช่วงปลายปี อาทิ เทศกาล Countdown หาดใหญ่ เทศกาลตรุษจีน และอีเวนต์อื่นๆ อื่นๆ รวมถึงชงมาตรการส่งเสริมการขายหรือ มาตรการฟื้นฟูด้านการเงินสำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบหนัก ที่จะช่วยกระตุ้นนักท่องเที่ยวเข้าพื้นที่ และช่วยเหลือผู้ประกอบการและฟื้นฟูเศรษฐกิจในพื้นที่

ทั้งนี้ จากสถานการณ์อุทกภัยในหลายจังหวัดของพื้นที่ภาคใต้ ท่าอากาศยานในพื้นที่ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ  โดยนักท่องเที่ยวสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลการให้บริการได้ ดังนี้ ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ หมายเลขโทรศัพท์ 074-227-000, 074-227001-3,  ท่าอากาศยานนานาชาตินครศรีธรรมราช หมายเลขโทรศัพท์ 075-450-545, ท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี หมายเลขโทรศัพท์ 077-441-230, ท่าอากาศยานตรัง หมายเลขโทรศัพท์ 075-572-152-4, ท่าอากาศยานนราธิวาส หมายเลขโทรศัพท์ 073-511-161

สำหรับพื้นที่หาดใหญ่ จ.สงขลา สายการบินต่าง ๆ ได้มีมาตรการให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบในการเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินได้ ทั้งนี้สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ Facebook ของสายการบิน หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  สายการบินไทย หมายเลขโทรศัพท์ 023-561-111 หรือ ตัวแทนจำหน่ายของการบินไทย สายการบินนกแอร์ หมายเลขโทรศัพท์ 1318 สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส หมายเลขโทรศัพท์ 1771 หรือ 02-270-6699 (8.00-20.00 น.) สายการบินไทย ไลอ้อน แอร์ หมายเลขโทรศัพท์ 02 – 529 – 9999

ทุ่งปอเทืองไร่ธรรมชัย ทุ่งดอกไม้กลางหุบเขา วิวหลักลานสวยงามอลังการ!

ในช่วงเดือนพ.ย.ของทุกปีจะเป็นเวลาที่เริ่มเทศกาลท่องเที่ยว ทุ่งดอกปอเทืองไร่ธรรมชัย ตั้งอยุ่ที่อำเภอตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ นักท่องเที่ยวจะพบกับความงามของดอกไม้ ที่มีทั้งดอกปอเทือง คอสมอส ดอกหงอนไก่ ทานตะวันเม็กซิโก บนเนื้อที่กว่า 40 ไร่

นอกจากนี้ยังมีสกายวอล์ก และบันไดท้าความสูง ให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปถ่ายรูปกับฉากหลัง ที่เป็นภูเขาหน้าผาตัดขนาดใหญ่ หรือจะถ่ายคู่กับบอลลูนสายรุ้งซึ่งนำเข้ามาเป็นปีแรก ก็สวยงามไปอีกแบบหนึ่ง

ด้านอาหารการกิน นักท่องเที่ยวเป็นห่วงเรื่องอาหารการกิน ก็หมดห่วงไปได้เลยเพราะภายในทุ่งก็มีร้านค้าของชาวบ้าน ยังมีสินค้าทั้งคาวหวานและขนม ผลไม้ตามฤดูกาล ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ชาวบ้านเพาะปลูกและแปรรูปขึ้นมาเอง ส่วนคอกาแฟก็ห้ามพลาด เพียงปีละครั้ง กับร้านกาแฟกลางทุ่งที่คัดสรรเมล็ดพันธุ์กาแฟแท้ เหมือนจะเป็นชา นมสด เรียกได้ว่าเที่ยวที่นี่ที่เดียวครบวงจร

สำหรับเส้นทางไปยังทุ่งดอกปอเทืองไร่ธรรมชัย ขณะนี้ สะดวกสบายเป็นอย่างมาก เพราะมีการขยายถนนเป็นถนนคอนกรีต ส่วนของค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็กเพียง 10 บาทเท่านั้น

ทุ่งดอกปอเทืองแห่งนี้จะเบ่งบานประมาณ 45 วัน เปิดให้เข้าชมตั้ง 08.00-18.00 น.ทุกวันไม่มีวันหยุด ใครผ่านไปผ่านมาก็อย่าลืมแวะชมความสวยงามหรือสอบถามเส้นทางได้ที่หมายเลข 08-7207-1718

.

ปัตตานีจมทั้งเมือง! น้ำเอ่อล้นตลิ่งท่วมย่านเศรษฐกิจฉับพลัน

ปัตตานี – น้ำท่วมในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี หัวใจเศรษฐกิจของจังหวัดน่าเป็นห่วง ทั้งเมืองระดับน้ำสูงเฉลี่ย 40–50 ซม. หลังน้ำเอ่อล้นตลิ่งฉับพลัน

หลังเกิดฝนตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 17 พ.ย. 2568 ที่ผ่านมาในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ประกอบกับมวลน้ำจำนวนมากจากตอนเหนือของจังหวัดยะลา รวมถึงน้ำฝนสะสมและน้ำป่าที่ไหลหลากลงมาสมทบในแม่น้ำปัตตานี ส่งผลให้ระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนเอ่อล้นตลิ่งอย่างฉับพลันท่วมพื้นที่ต่าง ๆ ของจังหวัดปัตตานีเป็นวงกว้าง ประชาชนได้รับผลกระทบเกือบทุกพื้นที่

สถานการณ์ในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี ซึ่งเป็นหัวใจเศรษฐกิจของจังหวัดยิ่งน่าเป็นห่วง ตั้งแต่เมื่อกลางดึกเมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา น้ำจากแม่น้ำปัตตานีได้พังแนวป้องกันและทะลักเข้าสู่ถนนแทบทุกสาย ประกอบด้วย ถนนพิพิธ ถนนกะลาพอ ถนนฤาดี ถนนปรีดา ถนนอุดมวิถี ถนนรามโกมุท ถนนยะรัง ถนนนาเกลือ และถนนปัตตานีภิรมย์ สภาพกลายเป็นเกาะกลางน้ำทั้งเมือง ระดับน้ำสูงเฉลี่ย 40–50 ซม. รถเล็กไม่สามารถสัญจรได้ ทำให้การจราจรแทบเป็นอัมพาตทันที

ส่วนร้านค้าและบ้านเรือนในย่านเศรษฐกิจจำเป็นต้องปิดกิจการชั่วคราว เพราะน้ำมาแรงและรวดเร็ว หลายร้านไม่มีเวลาย้ายของหนีน้ำ ขณะที่รถจักรยานยนต์ของประชาชนจำนวนมากถูกน้ำท่วมจมเครึ่งคันเพราะไม่ทันเคลื่อนย้าย
ในหลายจุดของเทศบาลเมือง เจ้าหน้าที่เร่งนำแผงเหล็กมากั้นถนนที่มีระดับน้ำลึกเพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนเสี่ยงลุยน้ำ ป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ หลังพบว่ามีผู้ใช้รถที่ไม่คุ้นชินกับเส้นทางพยายามขับฝ่าระดับน้ำลึก จนรถดับกลางน้ำและต้องจอดทิ้งบนที่สูงหลายคัน

สถานการณ์โดยรวมยังน่าเป็นห่วง เนื่องจากมวลน้ำจากตอนเหนือยังคงไหลลงมาสมทบอย่างต่อเนื่อง ทำให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายต้องเร่งติดตามอย่างใกล้ชิด พร้อมเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงการสัญจรในพื้นที่น้ำลึก และเตรียมเก็บของขึ้นที่สูงตลอดเวลา เพื่อเตรียมรับน้ำเหนือเพิ่มอีกจาก จ.ยะลา และอีกหลายอำเภอของจังหวัดยะลาที่กำลังเข้าใจกลางเมืองปัตตานี

น้ำท่วมหาดใหญ่วิกฤต!ผบ.ตร.สั่งระดมกองร้อยกู้ชีพ ค่ายนเรศวร-ตร.น้ำเร่งอพยพปชช.

ผบ.ตร. สั่งระดมกำลัง ตชด.-ตำรวจน้ำ-กองร้อยกู้ชีพ ลงพื้นที่หาดใหญ่ รับวิกฤตน้ำท่วมหนัก เร่งอพยพประชาชน ตั้งโรงครัวช่วยเหลือจนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ปกติ

เมื่อวันที่ 24 พ.ย.2568 พล.ต.ท.ชัยตพจน์ สูวรรณรักษ์ ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล ในฐานะรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ จนเกิดวิกฤตน้ำท่วม อ.หาดใหญ่เนื่องจากปริมาณฝนที่ตกอย่างหนัก และล่าสุดเมื่อสถานการณ์ยกระดับ ระดับน้ำท่วมสูงขึ้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการด่วนให้ระดมกำลังตำรวจตระเวนชายแดนในพื้นที่ภาคใต้ กองร้อยกู้ชีพ

จากกองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ ค่ายนเรศวร ตำรวจน้ำในพื้นที่ใกล้เคียง นำกำลังพล เรือ รถยกสูง และอุปกรณ์กู้ภัยเข้าพื้นที่ เพื่อเข้าช่วยเหลืออพยพประชาชนสู่พื้นที่ปลอดภัยอย่างเร่งด่วน และกำชับให้ทุกหน่วยในพื้นที่จัดตั้งโครงครัวประกอบเลี้ยง จัดปรุงอาหารส่งให้ประชาชนที่ยังอยู่ในที่พักอาศัย และศูนย์พักพิงต่าง ๆ

“ผบ.ตร.กำชับให้ผู้บังคับบัญชาในพื้นที่ควบคุมการปฏิบัติอย่างใกล้ชิด โดยให้ตำรวจทุกนายปฏิบัติภารกิจโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ และทุ่มเทการปฏิบัติอย่างเต็มกำลังจนกว่าจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติต่อไป”รองโฆษก ตร.ระบุ

.

“โปรจีโน่”ปิดฤดูกาลสุดหรู!ผงาดคว้าแชมป์“ซีเอ็มอีฯ”รับเงินรางวัล 129.5 ล้านบาท

“จีโน่” อาฒยา ฐิติกุล มือหนึ่งของโลก โชว์ผลงานยอดเยี่ยม คว้าแชมป์ “ซีเอ็มอี กรุ๊ป ทัวร์ แชมเปียนชิพ” สมัยที่สองติดต่อกัน หลังจากทำสกอร์ 4 อันเดอร์พาร์ 68 ในวันสุดท้ายของการแข่งขัน ที่รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน 2568 สกอร์รวม 26 อันเดอร์พาร์ 262 ชนะ “เมียว” ปาจรีย์ อนันต์นฤการ รุ่นพี่จากประเทศไทยไป 4 สโตรกพร้อมกับรับเงินรางวัล 4 ล้านดอลลาร์ หรือราว 129.5 ล้านบาท นับเป็นแชมป์ที่ 3 ในปีนี้ และแชมป์ที่ 7 ในการเล่นอาชีพแอลพีจีเอทัวร์ ทำสถิติเงินรางวัลรวมทะลุ 7 ล้านดอลลาร์คนแรก พร้อมรับรางวัลนักกอล์ฟยอดเยี่ยมแห่งปี และวาร์โทรฟี ในฐานะนักกอล์ฟทำสกอร์เฉลี่ยต่ำที่สุดอีกด้วย

การแข่งขันกอล์ฟ “ซีเอ็มอี กรุ๊ป ทัวร์ แชมเปียนชิพ” ชิงเงินรางวัลรวม 11 ล้านดอลลาร์ หรือราว 356.3 ล้านบาท ที่ ทีบูรอน กอล์ฟ คลับ พาร์ 72 ในเมืองเนเพิลส์ รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 20-23 พฤศจิกายน 2568 นำเอานักกอล์ฟ 60 อันดับ และเสมอของคะแนนสะสมเรซทู ซีเอ็มอี โกลบ เข้าร่วมชิงชัย เล่นแบบสโตรกเพลย์ 72 หลุม ไม่มีตัดตัว แชมป์ได้รับเงินรางวัลไป 4 ล้านดอลลาร์หรือราว 129.5 ล้านบาท

วันสุดท้าย อาฒยา ฐิติกุล มือหนึ่งของโลก แชมป์เมื่อปีที่แล้ว ออกสตาร์ทในฐานะผู้นำ โดยทิ้งห่าง ปาจรีย์ อนันต์ฤการ และ เนลลี คอร์ดา อันดับสองอยู่ 6 สโตรก และเริ่มต้นทำเบอร์ดี้หลุมแรก แม้ว่าจะพลาดเสียโบกี้หลุมถัดมา แต่ำทำเบอร์ดี้หลุม 6,10,13 และหลุมสุดท้ายสกอร์ 4 อันเดอร์พาร์ 68 สกอร์รวม 4 วัน 26 อันเดอร์พาร์ 262 เกือบเท่ากับสถิติสกอร์ต่อสุดที่ เอมี ยาง ทำเอาไว้ 27 อันเดอร์พาร์ 261 เมื่อปี 2023 รับเงินรางวัล 4 ล้านดอลลาร์ หรือราว 129.5 ล้านบาท ทำเงินรางวัลรวม 7,578,330 ดอลลาร์ หรือราว 245.4 ล้านบาท จากการเล่น 20 รายการ เป็นคนแรกที่ทำเงินรางวัลรวม ทะลุ 7 ล้านดอลลาร์ ต่อหนึ่งฤดูกาล ในประวัติศาสตร์แอลพีจีเอทัวร์

อาฒยา คว้าแชมป์ที่ 3 ในแอลพีจีเอทัวร์ปีนี้ ต่อจากรายการ มิซูโฮ อเมริกา โอเพ่น และ บิวอิค แอลพีจีเอ เชียงไฮ้ และเป็นแชมป์ที่ 7 ในการเล่นอาชีพแอลพีจีเอ ก่อนหน้านี้ คว้าแชมป์ เจทีบีซี คลาสสิก 2022 วอลมาร์ต เอ็นดับเบิลยู อาร์คันซอ แชมเปียนชิพ 2023 และซีเอ็มอี กรุ๊ป ทัวร์ แชมเปียนชิพ 2024

เธอกลายเป็นนักกอล์ฟคนที่สอง ที่คว้าแชมป์รายการนี้ 2 สมัยติดต่อกัน ต่อจาก โค จิน-ยอง ปี 2020 และ 2021 และเป็นนักกอล์ฟคนที่ 3 ที่คว้าแชมป์ ซีเอ็มอี กรุ๊ป ทัวร์ แชมเปียนชิพ สองสมัยต่อจาก ลีเดีย โค ปี 2014 และ2022 และโค จิน-ยอง ปี 2020 และ2021 โดยผลงานในแอลพีจีเอทัวร์ฤดูกาลนี้ เล่น 20 รายการจบลงใน 10 อันดับแรกมากที่สุดในทัวร์รวม 14 รายการ

นอกจากนี้แล้ว อาฒยา ยังคว้ารางวัลนักกอล์ฟยอดเยี่ยมแห่งปี ด้วยคะแนนรวม 199 คะแนน ชนะห่าง มิยู ยามาชิตะ โปรสาวจากญี่ปุ่น อันดับสอง 46 คะแนน กลายเป็นนักกอล์ฟไทยคนที่สอง ที่คว้ารางวัลนักกอล์ฟต่อจาก เอรียา จุฑานุกาล ทำได้ในปี 2016 และ2018 และยังคว้าอีก 1 รางวัล รางวัลวาร์โทรฟี ในฐานะนักกอล์ฟทำสกอร์เฉลี่ยต่ำสุดอยุ่ที่ 68.681 นับเป็นสถิติสกอร์ต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ทัวร์ ทำลายสถิติของ อันนิกา โซเรนสตัม โปรจากสวีเดน ทำเอาไว้ 68.696 และเป็นนักกอล์ฟคนที่ 3 ที่ทำสกอร์เฉลี่ยต่ำ 69 ต่อจาก อันนิกา ปี 2002 และลีเดีย โค ปี 2022 ทำให้เธอก้าวตามเอรียาที่คว้า 2 รางวัลนี้ในปีเดียวกันซึ่งเอรียาทำในปี 2018 และเป็นนักกอล์ฟคนแรกที่คว้าสองรางวัลตั้งแต่ ลีเดีย โค เคยทำในปี 2022

สำหรับ ปาจรีย์ อนันต์นฤการ เจ้าของแชมป์แอลพีจีเอ 2 รายการ ออกสตาร์ท ทำ 3 เบอร์ดี้รวด และทำเพิ่มอีกสองเบอร์ติดหลุม 6-7 จากนั้นไปพลาดเสียโบกี้หลุม 12 แต่กลับมาด้วยการทำเบอร์ดี้หลุม 16 และ17 สกอร์จบลง 6 อันเดอร์พาร์ 66 สกอร์รวม 4 วัน 22 อันเดอร์พาร์ 266 จบอันดับสอง รับเงินรางวัล 1 ล้านดอลลาร์ หรือราว 32.3 ล้านบาท นับเป็นเงินรางวัลที่มากที่สุดที่เคยทำได้ในการเล่นกอล์ฟอาชีพ

ผลงานนักกอล์ฟไทยคนอื่น ๆ “แพตตี้” ปภังกร ธวัชธนกิจ ทำ 5 อันเดอร์พาร์ 67 รวม 14 อันเดอร์พาร์ 274 จบอันดับ 7 ร่วมรับเงินรางวัล 137,000 ดอลลาร์ หรือราว 4.4 ล้านบาท, “เม” เอรียา จุฑานุกาล ทำ 1 อันเดอร์พาร์ 71 รวม 9 อันเดอร์พาร์ 279 จบอันดับ 33 ร่วม รับเงินรางวัล 67,000 ดอลลาร์ หรือราว 2.1 ล้านบาท และ “พราว” ชเนตตี วรรณแสน ทำ 3 โอเวอร์พาร์ 75 รวม 6 โอเวอร์พาร์ 294 จบอันดับ 60 รับเงินรางวัล 55,000 ดอลลาร์ หรือราว 1.7 ล้านบาท

เครดิตภาพ: LPGA/Getty Images

นักท่องเที่ยวแห่กางเต็นท์ยนอน “เขาแผงม้า”วังน้ำเขียวโต้ลมหนาว ชมกระทิงยามเช้า

ที่จุดสกัดเขาสูงเขาแผงม้า เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาแผงม้า บ้านคลองทราย ตำบลวังน้ำเขียว อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เช้าบรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุด มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางแห่มาสัมผัสอากาศหนาวในยามเช้า และชมกระทิงที่มีมากที่สุดในประเทศไทย จนได้ชื่อว่าวังน้ำเขียวเมืองกระทิง หรือ ซาฟารีกระทิงเมืองไทย หลายครอบครัวมานอนกางเต็นท์สัมผัสอากาศหนาวตั้งแต่เมื่อวานนี้ จนทำให้พื้นที่ลานกางเต็นท์เต็ม

ด้านนายมงคลศิลป์ ลีนะกนิษฐ์ นายกสมาคมการท่องเที่ยวอำเภอวังน้ำเขียว ประธานวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรอำเภอวังน้ำเขียว เปิดเผยว่า ในช่วงนี้บรรยากาศการท่องเที่ยวในพื้นที่อำเภอวังเขียวเต็มไปด้วยความคึกคัก มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าพื้นที่ส่งผลให้ร้านค้าร้านอาหารที่พักของชุมชนได้รับอานิสงส์ สร้างรายได้กระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชน ในช่วงสภาพอากาศหนาวเย็น โดยอุณหภูมิลดเหลือ 12-14 องศา ส่งผลให้บรรยากาศการท่องเที่ยวในพื้นที่เต็มไปด้วยความคึกคัก

สำหรับแหล่งท่องเที่ยวลานกางเต็นท์ อาทิ ลานกางเต็นท์ จุดสกัดเขาสูงเขาแผงม้า เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาแผงม้า , ลานกางเต็นท์ ผาเก็บตะวัน อุทยานแห่งชาติทับลาน  หรือ ลานกางเต็นท์ ขญ.4 บ้านคลองบ้านกั้ง และลานกางเต็นท์ ภูร่าเริง ต.ระเริง มีนักท่องเที่ยวจองเต็ม

ขณะที่ สวนดอกไม้ในพื้นที่ออกดอกบานสะพรั่งต้อนรับลมหนาว อาทิ ศูนย์เรียนรู้ฯ ฟลอร่าพาร์ค วังน้ำเขียว กับเทศกาลดอกไม้เมืองหนาว สวนดอกไม้ฟูจิฟูใจ สวนดอกไม้ฮักดอยสตอเบอรี่วังน้ำเขียว สวนสับปะรดสี วังน้ำเขียว มีนักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชมเป็นจำนวนมากเช่นกัน

สมาคมการท่องเที่ยววังน้ำเขียวจึงใคร่ขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวเข้าร่วมงานเทศกาล “ของขวัญจากป่า” ซีซั่น 3 ตอน “ดินแดนแห่งสายหมอก” จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน – 7 ธันวาคม 2568 จัดโดย ชุมชนท่องเที่ยวบ้านสุขสมบูรณ์ ตำบลไทยสามัคคี ภายในงานมีการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชน ผลไม้ พุทรานมสดของดีวังน้ำเขียว รวมถึงการแสดงของชุมชน และตักบาตรพระถ่อแพไม้ไผ่ในอ่างเก็บน้ำ วันที่ 29 พฤศจิกายนนี้

โดย…นายประสิทธิ์ วนะชกิจ/นครราชสีมา

เตรียมสั่ง ! “พักงาน–ออกจากราชการ” 20 จนท.คุก วีไอพี “นิติวิทย์–ดีเอสไอ” ลงตรวจห้องลับใต้บันได

บรรยากาศหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครเป็นไปอย่างคึกคัก ผู้สื่อข่าวหลายสำนักปักหลักติดตามความคืบหน้ากรณีตรวจพบความผิดปกติภายในเรือนจำ รวมถึง “ห้องลับใต้บันได” ที่อยู่ระหว่างการสืบสวน โดยเจ้าหน้าที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของกรมราชทัณฑ์ เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ได้เข้าพื้นที่เพื่อตรวจเก็บพยานหลักฐานและสอบปากคำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเป็นวันแรก

วันนี้  (24 พ.ย.) ที่ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นายยุทธนา นาคเรืองศรี รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ และรักษาการผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เปิดเผยกับทีมผู้สื่อข่าวที่โทรศัพท์สอบถามว่า ขณะนี้มีการประสานสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เพื่อสนับสนุนการตรวจเก็บพยานวัตถุในห้องลับใต้บันได ซึ่งถูกซีลพื้นที่ไว้แล้ว โดยผลตรวจจะถูกส่งให้คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงพิจารณา

ทั้งนี้ คาดว่าระหว่างวันที่ 25–26 พฤศจิกายน พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จะออกแถลงการณ์ความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครจำนวน 20 รายที่ถูกสั่งย้าย หลังพบหลักฐานเชื่อมโยงการกระทำผิดหลายประเด็น โดยมีความเป็นไปได้ว่าคำสั่งย้ายอาจถูกปรับเปลี่ยนเป็น “พักราชการ” หรือ “ให้ออกจากราชการไว้ก่อน” เนื่องจากพยานหลักฐานเริ่มชัดเจนมากขึ้น รวมถึงพบข้อมูลว่าบางรายมีการเดินทางไปมาเก๊าโดยไม่รายงานให้ต้นสังกัดทราบ

ด้าน พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ รองอธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยกับทีมผู้สื่อข่าวที่โทรศัพท์สอบถามว่า ว่า เจ้าหน้าที่ดีเอสไอกำลังสอบสวนข้อมูลเกี่ยวกับการเยี่ยมญาติ การรับ–โอนเงิน การเบิกตัวผู้ต้องขังจากแดน และธุรกรรมทางการเงินที่เกี่ยวข้อง พร้อมตรวจสอบคำให้การของเจ้าหน้าที่ทั้ง 20 ราย ผู้ต้องขังชาวจีน 2 ราย รวมถึงหญิงสาวชาวจีน 2 รายที่มีส่วนเกี่ยวข้อง หากพบประเด็นที่ต้องสอบสวนเพิ่ม ดีเอสไอเตรียมออกหมายเรียกเจ้าหน้าที่เรือนจำทั้ง 20 รายอีกครั้ง

ดีเอสไอยังเตรียมประสานสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเพื่อตรวจสอบประวัติการเดินทางเข้า–ออกประเทศของนายมานพ ชมชื่น อดีตผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร พร้อมพิจารณาประเด็นทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งอยู่ในอำนาจตรวจสอบของ ป.ป.ช. ว่ามีรายการใดผิดปกติหรือไม่ โดยคดีนี้ยังอยู่ในขั้นตอนสืบสวนว่ามีการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 หรือไม่

ในเวลา 09.35 น. รถตู้ของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ 2 คันได้เดินทางเข้าสู่ภายในเรือนจำเพื่อเก็บหลักฐานเพิ่มเติม ขณะที่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้เข้าไปก่อนหน้านั้นไม่นาน กระบวนการตรวจสอบยังคงดำเนินอย่างเข้มข้นเพื่อคลี่คลายข้อเท็จจริงในเหตุการณ์อื้อฉาวภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครครั้งนี้