ปิดฉากเรซสุดท้ายยิ่งใหญ่ “อภิวัฒน์-นธีธาร-ต่อศักดิ์” คว้าแชมป์ BRIC Superbike 2025

ศึกซูเปอร์ไบค์มาตรฐานโลก “เน็กซ์เตอร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2025” รูดม่านปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยเกมการลุ้นแชมป์สุดมันส์ทุกรุ่นในเรซสุดท้าย โดย “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว นักบิดดาวรุ่งจาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม คริสมาส เข้าวินส่งท้ายปี ขณะ “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ จาก อีสต์ เอ็นเจที เรซซิ่ง ทีม ผงาดแชมป์ประจำปีรุ่นใหญ่ ด้าน นธีธาร ทองโคตร จาก ยามาฮ่า ทีเอ็นพี พีทีที ลูบริแคนท์ส ทีม คว้าชัย ซูเปอร์สต็อกพร้อมครองแชมป์ประจำปี ส่วน ต่อศักดิ์ นวลสาย จาก ยามาฮ่า ทีเอ็นที พีทีที ลูบริแคนท์ส ครองบัลลังก์ ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี

การแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ เน็กซ์เตอร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2025 สนามสุดท้าย ดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศเรซสุดท้ายของปี วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน 2568 ภายใต้การติดตามของแฟนมอเตอร์สปอร์ตกับการลุ้นแชมป์ประจำปีของทุกรุ่น

รุ่นใหญ่ที่สุดของประเทศไทยอย่าง ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี ยังคงเข้มข้นเหมือนเดิม แม้ “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ นักบิดจอมเก๋าจาก อีสต์ เอ็นเจที เรซซิ่ง ทีม จะคว้าแชมป์ประเทศไทยไปครองได้สำเร็จ หลังซิวชัยชนะในเรซที่ 1 ไปครองแล้วก็ตาม

ในเรซที่ 2 นักบิดดาวรุ่งอย่าง “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม คริสมาส ทะยานออกนำตั้งแต่ต้นเรซ ก่อนจะบิดคว้าชัยชนะไปครองด้วยเวลา 19 นาที 25.887 วินาที เหนือ อภิวัฒน์ อันดับ 2 อยู่ 2.239 วินาที ส่วนอันดับ 3 ได้แก่ มาร์วิน ฟริตซ์ นักบิดเอ็นดูรานซ์แชมป์โลกชาวเยอรมันจาก บัตเลอร์ การาจ เรซซิ่ง ทีม ตามหลัง 13.430 วินาที ขณะที่ “เบนซ์ เรซซิ่ง” อริย์ธัช วรโรจน์เจริญเดช จาก เรปโซล อาร์-ซีรีส์ ทีม พลาดล้มต้องออกจากการแข่งขันในช่วงต้นเรซ

ส่วนในรุ่น ซูเปอร์สต็อก 1,000 ซีซี เป็นการดวลกันอย่างสนุกของแคนดิเดตลุ้นแชมป์ประจำปีทั้ง 2 คน อย่าง นธีธาร ทองโคตร จาก ยามาฮ่า ทีเอ็นพี พีทีที ลูบริแคนท์ส และ ตะวัน ตั้งจิตเจริญกุล จาก ทีเค ฮอนด้า อิเดมิตสึ สิทธิผล ดิเรก ทีม โดยทั้งคู่ต่อสู้กันตั้งแต่ต้นเรซจนครบ 12 รอบสนาม

ผลปรากฏว่า นธีธาร แซงขึ้นนำและคว้าชัยชนะไปครองด้วยเวลา 20 นาที 11.597 วินาที เฉือน ตะวัน อันดับ 2 เพียง 0.401 วินาที ขณะที่อันดับ 3 ตกเป็นของ ณัฐวุฒิ คำหอม จาก ไบค์ สตอรี พีทีที ลูบริแคนท์ส ยามาฮ่า เรซซิ่ง ทีม ตามหลัง 1.784 วินาที โดยแชมป์ประจำปีในรุ่นนี้ตกเป็นของ นธีธาร ที่โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมตลอดทั้งฤดูกาล เก็บไปได้มากถึง 116 คะแนน

ด้าน “โอม” ภวัต จิตต์สว่างดี พระเอกวัยรุ่นชื่อดัง ที่ลงแข่งขัน ภายใต้สังกัด ยามาฮ่า ทีเอ็นพี พีทีที ลูบริแคนท์ส ที่เพิ่งคว้าโพเดียมแรกในชีวิตจากเรซแรกในรุ่น ซูเปอร์สต็อก 1,000 (ST3) มีลุ้นคว้าชัยชนะเต็มตัว หลังเริ่มเกมได้ดี เกิดพลาดล้มในช่วงต้นเรซ แต่ยังใจสู้ลุกขึ้นมาบิดจนจบเรซ ส่วนผู้ชนะในรุ่นนี้ได้แก่ ประวุฒิ สุขสากล

ขณะที่เกมในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี เรซสุดท้ายเป็นการไล่บดกันอย่างสุดมันส์ของ 3 นักบิดในกลุ่มหน้า ก่อนที่ “ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม คริสมาส จะปลดล็อคคว้าชัยชนะให้ตัวเองได้สำเร็จด้วยเวลา 20 นาที 23.628 วินาที เฉือน ต่อศักดิ์ นวลสาย จาก ยามาฮ่า ทีเอ็นที พีทีที ลูบริแคนท์ส อันดับ 2 เพียง 0.512 วินาที ส่วนอันดับ 3 ได้แก่ “ไฮเปค” กฤษฎา ธนโชติ ดาวรุ่งจาก อีสต์ เอ็นเจที พีทีที ลูบริแคนท์ส เรซซิ่ง ทีม ตามหลัง 1.412 วินาที โดยแชมป์ประจำปีตกเป็นของ ต่อศักดิ์ มีทั้งสิ้น 106 คะแนน

เกมในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 250 ซีซี ชิงชัยกัน 10 รอบสนาม ชัยชนะเรซสุดท้ายตกเป็นของ “เอิร์ธ” ธุรกิจ บัวผา นักบิดดาวรุ่งจาก ไฮสปีด เรซซิ่ง ทีม ที่ออกตัวได้ดีก่อนบิดนำม้วนเดียวจบด้วยเวลา 19 นาที 2.994 วินาที โดยมี ชนะชัย บุญงาม จาก กิกะไบค์ เรซซิ่ง สเปเชียล พาร์ทส์ ซีวาย มอเตอร์สปอร์ต ไฮ-สปีด สุรินทร์ ทีม เป็นอันดับ 2 ตามหลัง 0.765 วินาที ส่วนอันดับ 3 ได้แก่ “เชลล์” ศักดิ์ชัย คงดวงดี จาก ไออาร์ซี ดีไอดี สมาร์ทสปอร์ต สนองไซเคิลเรซ ตามหลัง 2.200 วินาที โดยแชมป์ประจำปีในรุ่นนี้้เป็นของ ธุรกิจ บัวผา ซึ่งเก็บ 90 แต้มเท่ากันกับ “เติ้ล” พีระพงษ์ หลุยบุญเป็ง จาก สปีด800 แต่มีผลงาน “เฮดทูเฮด” ที่เหนือกว่า

สำหรับรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 400 ซีซี ชัยชนะเปลี่ยนมืออีกครั้ง โดย หนี่ เถียน นักบิดชาวจีนจาก ศักดิ์สิริ เรซซิ่ง ทีม บุรีรัมย์ เข้าป้ายเป็นคันแรกด้วยเวลา 13 นาที 15.357 วินาที เฉือน จื่อ จ้าว ทีมเมทชาวจีนเพียง 0.048 วินาทีเท่านั้น ส่วนอันดับ 3 ได้แก่ ทัสมาย คาเรียปป้า นักบิดอินเดียจาก เน็กซเตอร์ ลิควิ โมลี ยามาฮ่า โมริเทค เอวีอาร์พี เรซซิ่ง ตามหลัง 0.354 วินาที โดยแชมป์ประจำปีในรุ่นนี้ได้แก่ ทัสมาย ซึ่งเก็บไปทั้งสิ้น 77 คะแนน

นอกจากนี้ ยังเป็นครั้งแรกของ เน็กซ์เตอร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ ที่บรรจุการแข่งขันเอ็นดูรานซ์ 2 ชั่วโมงรุ่น ซูเปอร์สต็อก 1,000 ซีซี เอ็นดูรานซ์ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสุดสัปดาห์ โดยมีนักแข่ง-ทีมแข่งทั้งไทยและต่างชาติ ตอบรับเข้าร่วมมากมาย

ผลปรากฏว่าชัยชนะตกเป็นของ รถแข่ง หมายเลข 11 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม คริสมาส จากผลงานของ 3 นักบิดอย่าง ตะวัน ตั้งจิตเจริญกุล, ภัทรพงศ์ วัชรอยู่ และ ธนาธิป เลิศธนากร เข้าป้ายเป็นคันแรกหลังผ่าน 2 ชั่วโมงเต็ม โดยมีรถแข่งหมายเลข 12 ซึ่งขับโดย พุฒินัฐ สินทรัพย์, พฤฒิพงศ์ ทรัพย์เจริญ และ จักรกฤษณ์ ศุขศรีไพศาล จากทีมเดียวกัน ตามเข้าป้ายเป็นอันดับ 2 ตามหลัง 1 นาที 31.413 วินาที ส่วนอันดับ 3 เป็นของ นักบิดรัสเซียอย่าง โทมัส ลอทาร์ด, อเล็กซานเดอร์ คลีเยฟ และ เซอร์เก โปรโครอฟ ในรถแข่งหมายเลข 47 จาก ทีซี เรซซิ่ง ตามหลัง 1 นาที 48.692 วินาที

ทั้งนี้ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ฝ่ายจัดการแข่งขัน เน็กซ์เตอร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ ประกาศอย่างเป็นทางการ เดินหน้าสร้างสรรค์ความมันส์ต่อไปในฤดูกาลหน้า โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนานักแข่งไทย และทีมแข่งไทยเพื่อก้าวสู่ระดับสากลอย่างต่อเนื่อง

ปราจีนบุรีจัดงาน“ควายงาน ควายงาม 2569” ส่งเสริมพันธุ์ควายไทย–ยกระดับรายได้เกษตรกร

ปราจีนบุรี – จังหวัดปราจีนบุรีจัดงาน “ควายงาน ควายงาม 2569” ส่งเสริมพันธุ์ควายไทย–ยกระดับรายได้เกษตรกรชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระขนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ครั้งที่ 8

เมื่อวันที่ 23 พ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ปราจีนบุรี ณ หนองน้ำสาธารณะบ้านหนองรี ต.เมืองเก่า อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี นายธนาธิป โคกมณี รองผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรีเป็นประธานเปิดงานประเพณี”อนุรักษ์ควายงาน-ควายงาม”ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระขนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ครั้งที่ 8

ทั้งนี้จัดโดยองค์การบริหารส่วนตำบลเมืองเก่า (อบต.) อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรีร่วมกับภาคีเครือข่ายขณะที่ จ.ปราจีนบุรีมีการพัฒนาเลี้ยงควายเชิงพาณิชย์หรือยายสู่ภาคธุรกิจขนาดใหญ่ในปัจจุบันระดับแนวหน้าของประเทศ  เป็นฟาร์มแบบระบบปิด มีควายอยู่ทั้งหมด 300 กว่าตัว โดยแบ่งเป็นแม่พันธุ์ 200 ตัว และที่เหลือจะเป็น พ่อพันธุ์และลูกควาย ฟาร์มนี้มีการจำหน่ายทั้ง พ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ และลูกควาย รวมทั้งมีผลิตภัณฑ์จากควาย อาทิเช่น นมควาย รวมทั้งมีการเพาะพันธุ์ควายเพื่อการประกวด

ภายในงานมีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก ทั้งวัฒนธรรมจังหวัดปราจีนบุรี นายอำเภอกบินทร์บุรี หัวหน้าส่วนราชการ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี(ส.อบจ.)  นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเมืองเก่า(อบต.)  คณะผู้บริหาร กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าของฟาร์มและเกษตรกรผู้เลี้ยงควายพันธุ์ดีจากหลายจังหวัด รวมถึงประชาชนในพื้นที่ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีเปิดอย่างคับคั่ง

มีกิจกรรมการประกวดควายไถนา และมีการประกวดควายเผือกเพศเมียรุ่นอายุไม่เกิน 18 เดือน เผือกเพศผู้อายุไม่เกิน 18 เดือน เผือกเพศเมียอายุไม่เกิน 26 ปี เผือกเพศเมียอายุไม่เกิน 36 ปี ประกวดควายดำ ดำเพศเมียรุ่นอายุไม่เกิน 18 เดือน ดำเพศผู้ รุ่นอายุไม่เกิน 18 เดือน ดำเพศเมีย รุ่นอายุไม่เกิน 26 ปี ดำเพศผู้อายุไม่เกิน 26 ปี ดำเพศผู้รุ่นอายุไม่เกิน 36 ปี ประกวดควายเผือกดำ รวมเผือกดำเพศเมียรุ่นอายุไม่เกิน 36 ปี รวมเผือกดำเพศผู้ รุ่นอายุไม่เกิน 46 ปี ประกวดควายแข่งขันไถนา ไม่จำกัดอายุเพศและสี และประกวดควายยอดเยี่ยมเพศเมียรวมเผือกดำ

รางวัลควายสวยงาม-ควายงาน ชนะเลิศถ้วยรางวัลพร้อมเงินสดรางวัล 4,000 บาท รองชนะเลิศอันดับ 1 ถ้วยพระราชทานพร้อมเงินรางวัล 3,000 บาท รองชนะเลิศอันดับที่ 2 ถ้วยพระราชทานพร้อมเงินรางวัล 2,000 บาท ชมเชยอันดับ 1 ใบประกาศพร้อมเงินรางวัล 1,000 บาท ชมเชยอันดับ 2 ใบประกาศ พร้อมเงินรางวัล 1,000 บาท

นายกรกต อุ่นเสนา เจ้าของควายอายุไม่เกิน 3 ปี ได้รางวัลชนะเลิศพร้อมถ้วยรางวัลและเงินสด 4,000 บาทกล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ได้รับรางวัลจากการงานประกวดควายงาน-ควายงานในครั้งนี้จัดงานได้ดีมากและขอบคุณทางคณะกรรมการที่ตัดสินยังเป็นธรรมจนได้รับรางวัล

นายพรประสิทธิ์ หนูแก้ว นายกอบต. เมืองเก่า กล่าวว่า อบต. เมืองเก่าได้จัดทำโครงการอนุรักษ์ควายงาม-ควายงานขึ้นวัตถุประสงค์ของการจัดงานของเมืองเก่าของเราเป็นเมืองเกษตรทำนาเสียส่วนใหญ่ จึงมีความผูกพันกับควาย    ดังนั้นโครงการอนุรักษ์ควายงามควายงานอยากอนุรักษ์ไว้เพื่อชนรุ่นหลังน้องๆอยากได้รู้คุณค่าของควายที่มีความผูกพันกับชาวนาแต่ไหนแต่ไรมาก็มีควายทำไร่ไถนาลากเกวียนและเป็นพาหนะตลอดรวมถึงขยายสู่ภาคธุรกิจหรือเชิงพาณิชย์

มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพและเพิ่มปริมาณการผลิตควายพันธุ์ดี พร้อมส่งเสริมตลาดและสร้างรายได้ให้เกษตรกรจากมูลค่าเพิ่มของควายพันธุ์ดี โดยภายในงานมีกิจกรรมหลากหลาย อาทิ การมอบควายแก่เกษตรกร การปรับปรุงพันธุ์และส่งเสริมสุขภาพควาย การจัดนิทรรศการด้านปศุสัตว์ รวมถึงการประกวด “ควายงาน ควายงาม” ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  นายพรประสิทธิ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมสำหรับ จ.ปราจีนบุรีมีการเลี้ยงควายเชิงพาณิชย์หรือยายสู่ภาคธุรกิจขนาดใหญ่ในปัจจุบันระดับแนวหน้าของประเทศ  “สอนศิริฟาร์มควายไทย” หมู่ 2 ต.บางยาง อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี มีนายพรหมพิริยะ สอนศิริ หรือ เอก เจ้าของฟาร์ม ได้พาเยี่ยมชมฟาร์มบนพื้นที่ 70 ไร่

โดยภายในฟาร์มมีโรงเลี้ยงทั้งหมด 9 โรงเลี้ยง และเลี้ยงเป็นฟาร์มแบบระบบปิด มีควายอยู่ทั้งหมด 300 กว่าตัว โดยแบ่งเป็นแม่พันธุ์ 200 ตัว และที่เหลือจะเป็น พ่อพันธุ์และลูกควาย ฟาร์มนี้มีการจำหน่ายทั้ง พ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ และลูกควาย รวมทั้งมีผลิตภัณฑ์จากควาย คือ อาทิเช่น นมควาย รวมทั้งมีการเพาะพันธุ์ควายเพื่อการประกวด

ฟาร์มสอนศิริ นี้จะมีพ่อพันธุ์ควายที่มีลักษณะเด่นพิเศษสามารถสร้างมูลค่ามากกว่า 60 ล้านบาท

โดย… มานิตย์ สนับบุญ-ข่าว/ทองสุข สิงห์พิมพ์-ภาพ/ ปราจีนบุรี- ###

เขตศก.”ย่านตาขาว”ยังอ่วม หลายพื้นที่ชุมชนริมคลองยังมีน้ำท่วมสูง

เขตเทศบาลตำบลย่านตาขาว ซึ่งเป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจของอำเภอย่านตาขาว ยังคงเป็นชุมชนใหญ่ของจังหวัดตรังที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้ อันเนื่องมาจากสภาพพื้นที่ที่เป็นจุดรองรับมวลน้ำจำนวนมาก ที่ไหลหลากลงมาจากเทือกเขาบรรทัด ลงสู่คลองลำชาน คลองลำพิกุล และคลองย่านตาขาว จนเข้าท่วมพื้นที่ในเขตเทศบาลตำบลย่านตาขาว อย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ทั้งที่พื้นที่นี้ไม่ได้เกิดน้ำท่วมรุนแรงแบบนี้มานานประมาณ 15 ปีแล้ว หลังจากที่ได้มีการก่อสร้างคลองเพื่อผันน้ำระบายลงสู่ทะเลอันดามัน

อย่างไรก็ ล่าสุดแม้บริเวณถนนสายหลัก อย่างถนนตรัง-สตูล จะเริ่มมีระดับน้ำลดลงบ้างแล้ว แต่ภายในชุมชนตามตรอกซอกซอยริมคลองย่านตาขาว บริเวณหลังตลาดสดย่านตาขาว ซึ่งเป็นที่ลุ่มต่ำ และมีลักษณะเป็นแอ่งกระทะ บางจุดยังคงมีระดับน้ำท่วมสูงมากถึง 1 เมตร จนส่งผลกระทบต่อผู้คนที่อาศัยอยู่ตามบ้านเรือน ซึ่งบางส่วนได้อพยพมาอยู่ในที่สูง แต่บางส่วนยังติดค้างอยู่บนบ้าน 2 ชั้น และออกมายังพื้นที่ภายนอกไม่ได้ จนขาดแคลนอาหาร น้ำ และสิ่งของจำเป็น ทำให้หลายหน่วยงานต้องเร่งเข้าไปช่วยเหลือส่งเสบียง

นอกจากนั้น นางสาวสุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ ส.ส.ตรัง เขต 3 พรรคประชาธิปัตย์ และประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ก็ได้นำทีมงานนั่งเรือและลงเดินฝ่ากระแสน้ำไปตามชุมชนต่างๆ เพื่อแจกจ่ายอาหาร น้ำ และสิ่งของจำเป็นให้กับชาวบ้าน ที่เริ่มเดือดร้อนกันมากขึ้น เพราะต้องเจอกับสภาพน้ำท่วมรุนแรงเป็นวันที่ 2 แล้ว เนื่องจากในเขตเทศบาลตำบลย่าวตาขาว มีทั้งพื้นที่ที่เป็นร้านค้า อาคารพาณิชย์ และบ้านเรือน จึงมีผู้คนอาศัยอยู่กันอย่างหนาแน่น ที่สำคัญคือ เป็นจุดเศรษฐกิจสำคัญของจังหวัดตรังฝั่งทิศใต้

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดตรัง ตั้งแต่วันที่ 19-23 พฤศจิกายน 2568 ล่าสุดมีประชาชนได้รับผลกระทบแล้ว 9 อำเภอ ยกเว้นเพียงอำเภอเดียวคือ อำเภอหาดสำราญ รวมพื้นที่ประสบภัย 52 ตำบล 220 หมู่บ้าน 7 เทศบาล 19 ชุมชน 9,117 ครัวเรือน

โดย…อำนาทร์ สุวรรณคีรี/ตรัง

พริตตีสาวร้องสายไหมฯโดนอายัดบัญชีกลายเป็นบัญชีม้าหลังได้รับเงินค้าจ้าง

จากกรณีที่พริตตี้พีอาร์สาวรายหนึ่งได้เข้าร้องเรียนต่อเพจ “สายไหมต้องรอด” ว่าเธอถูกกลุ่มผู้หลอกลวงเรียกไปให้บริการเอนเตอร์เทน ก่อนที่จะใช้กลยุทธ์ในการหลอกลวงเพื่อให้เธอโอนเงินค่าตัวในจำนวนที่มากเกินจริง และให้เธอกดเงินสดส่วนที่เกินคืนให้กับพวกเขา แต่ภายในระยะเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง บัญชีธนาคารทั้งหมดของเธอกลับถูกอายัด ทำให้ผู้เสียหายเชื่อว่าเป็นฝีมือของแก๊งสแกมเมอร์ไทยที่เคยทำงานในประเทศกัมพูชา ซึ่งมีการฝึกฝนแผนการประทุษร้ายมาอย่างแนบเนียน

ล่าสุดในวันที่ 23 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังที่ทำการเพจสายไหมต้องรอดเพื่อติดตามความคืบหน้า โดยมีนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ เป็นผู้รับเรื่องร้องเรียน และได้มีการพูดคุยกับน้องนาเดีย (นามสมมติ) อายุ 24 ปี ซึ่งเป็นพริตตี้พีอาร์สาวผู้เสียหาย

น้องนาเดียได้เล่าเหตุการณ์ว่า เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เธอได้รับงานเอนเตอร์เทนผ่านโมเดลลิ่ง โดยคนร้ายได้โทรศัพท์นัดหมายให้เธอไปชงเหล้าและเอนเตอร์เทนที่โรงแรมแห่งหนึ่งในย่านซอยอุดมสุข 56 โดยตกลงค่าตัวที่ 4,000 บาท สำหรับการทำงาน 5 ชั่วโมง และต้องกลับไม่เกินตี 2 ของวันที่ 19 พฤศจิกายน คนร้ายแจ้งว่าจะโอนเงินให้หลังจากเสร็จงาน โดยอ้างว่าเขาไม่มีเงินในบัญชีและจะให้คนรู้จักโอนมาให้แทน

ด้วยความไว้วางใจ น้องนาเดียจึงได้เดินทางไปยังสถานที่นัดหมาย และถูกคนร้ายชักชวนให้ซื้อเหล้าและเครื่องดื่มขึ้นไปด้วย โดยอ้างว่าจะคืนเงินให้ทั้งหมดหลังเลิกงาน

เมื่อถึงโรงแรม น้องนาเดียได้พบกับคนร้ายซึ่งเป็นชายอายุประมาณ 40 ปี รูปร่างท้วมเล็กน้อย และมีทรงผมเกรียน ในระหว่างที่นั่งชงเหล้า คนร้ายไม่ได้มีพฤติกรรมลวนลามหรือแตะต้องเนื้อตัวแต่อย่างใด แต่ได้อ้างตนว่าเป็น “อดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจ” ที่เพิ่งถูกปลดประจำการจากภาคใต้ เพื่อสร้างความเชื่อถือให้กับเหยื่อ

จนกระทั่งเวลาประมาณตี 2 น้องนาเดียเลิกงานและเดินทางกลับ โดยคนร้ายแจ้งว่าจะให้คนโอนเงินรวมเป็นจำนวน 274,365 บาท และขอให้เธอไปกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มจำนวน 270,000 บาท โดยอ้างว่าจะนำเงินไปซื้อรถ ส่วนที่เหลือ 4,365 บาท คือค่าตัวและค่าเหล้าเครื่องดื่มของเธอ

ด้วยความที่ไม่ได้คิดอะไรมาก น้องนาเดียจึงได้ไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มหน้าธนาคารกสิกรไทย สาขาอโศก-ดินแดง ในเวลาประมาณ 10 โมงเช้าของวันที่ 19 พฤศจิกายน และนำเงินสด 270,000 บาทไปมอบให้คนร้ายที่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเดอะสตรีทรัชดา ก่อนที่จะมีการทวงค่าเหล้าที่ออกไป จนได้เงินคืนมา 1,000 บาท แล้วคนร้ายก็ขึ้นรถแท็กซี่แยกทางไป

หลังจากแยกกัน ในเวลาประมาณ 5 โมงเย็นของวันเดียวกัน บัญชีธนาคารของน้องนาเดียก็ถูกอายัด ทั้งหมดทุกบัญชี ไม่ใช่แค่บัญชีที่ใช้ถอนเงินให้กับคนร้ายเท่านั้น

น้องนาเดียเชื่อว่าเธอถูกหลอกให้เป็น “บัญชีม้า” โดยไม่รู้ตัว ในรูปแบบของการโอนเงินผิดหรือโอนเงินเกิน ซึ่งเป็นกลโกงของแก๊งสแกมเมอร์ที่หลอกให้เหยื่อกดเงินสดส่วนเกินมาคืน ก่อนที่เจ้าของบัญชีที่แท้จริง (ซึ่งอาจถูกฉ้อโกงมาก่อน) จะแจ้งอายัดบัญชีทั้งหมด

เธอได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวถึงความรู้สึกในขณะนี้ว่า ทั้งโกรธและเจ็บใจที่ถูกหลอก และต้องการให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์กับเพื่อนร่วมอาชีพทุกคนว่า ควรระมัดระวังในการรับงาน และหากเป็นไปได้ควรรับเงินสดจะดีกว่า โดยเธอไม่เคยคิดว่าจะถูกสแกมเมอร์หลอก เพราะที่ผ่านมาเห็นแต่อยู่ต่างประเทศเช่นกัมพูชา ไม่คิดว่าปัจจุบันจะมีการพัฒนารูปแบบใหม่เข้ามาหลอกคนไทยในเมืองขนาดนี้ เธอจึงอยากให้ตำรวจเร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว เนื่องจากเชื่อว่ายังมีเหยื่อที่เป็นสาวพีอาร์ที่ถูกหลอกในลักษณะนี้อีกไม่น้อย

“ภูมิใจไทย”เดินเกมเลือกตั้ง 2569 เปิดตัวผู้สมัครรอบใหญ่ เสริมทัพหลายจังหวัด

เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2568 การเมืองเริ่มเดือดก่อนถึงศึกเลือกตั้งต้นปีหน้า เมื่อพรรคภูมิใจไทยจัดประชุมใหญ่วิสามัญ พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครและนักการเมืองหลายกลุ่มที่ตบเท้าเข้าร่วมงาน โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุว่า พรรคได้ตั้งคณะกรรมการสรรหาแล้ว เพื่อเดินหน้าคัดเลือกผู้ลงสมัครในหลายพื้นที่อย่างเป็นทางการ

หนึ่งในจุดสนใจสำคัญ คือการปรากฏตัวของกลุ่มการเมืองจังหวัดเพชรบุรี นำโดยนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่พาผู้สมัครและนักการเมืองท้องถิ่นสำคัญ ได้แก่ นายกปราย นายชัยยะ อังกินันทน์ นายก อบจ.เพชรบุรี นางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ ส.ส.เขต 1 จ.อ.อภิชาติ แก้วโกศล สส.เพชรบุรี เขต 3 เดิมสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติมาสังกัดพรรคภูมิใจไทยด้วย

โดยนาย อนุทินมั่นใจ หากทำงานร่วมกันในนามพรรคภูมิใจไทยจ.เพชรบุรีมีลุ้นครองที่นั่ง สส.มากกว่าเดิม พร้อมประกาศกลางวงสื่อว่า “ไม่มีแบ่งก๊ก แบ่งกลุ่ม มีก๊วนเดียว…ก๊วนหนูนี่แหละ”

ด้านพื้นที่ชลบุรีก็เริ่มลงตัวเช่นกัน หลัง นายสนธยาและนายวิทยา คุณปลื้ม เข้าร่วมกับพรรคภูมิใจไทยในวันนี้ด้วย ขณะที่นายสุชาติเสริมว่า การแบ่งพื้นที่ไม่ทับซ้อนกัน และทุกฝ่ายคุยกันชัดเจนแล้ว

อีกไฮไลต์ของวันคือการปรากฏตัวของนายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ที่เดินทางมาร่วมในวันประชุมพรรคภูมิใจไทด้วย ทำให้เกิดคำถามว่า นี่คือสัญญาณย้ายบ้านการเมืองหรือไม่ ซึ่งอนุทิน ตอบแบบมีนัยว่า “บางทีไม่ต้องพูดเยอะ ให้การกระทำบอกก็พอ”

นายอนุทิน ยังเผยว่า ตนกับนายวราวุธผูกพันกันมานาน ตั้งแต่สมัยนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกฯยังอยู่ และเชื่อว่าการรวมพลังจะช่วยทำประโยชน์ให้ประชาชนได้มากกว่าแยกกันเดิน ส่วนเรื่องการชิงตำแหน่งนายกฯ สมัยหน้า ไม่ฟันธง แต่ยอมรับว่า พรรคจะเตรียมชื่อแคนดิเดตมากกว่า 1 คน เพื่อความพร้อมและรองรับสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่แน่นอน

หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยยังกล่าวถึง เรื่องพันธมิตรหลังเลือกตั้งยังไม่ชัดเจน พร้อมเลือกเลี่ยงตอบด้วยการยกมือห้าม ก่อนจะเดินข้ามวงสื่อไปเปิดตัว สส.พรรคเพื่อไทยสองคนที่ยืนรออยู่ พร้อมทิ้งประโยคสั้น ๆ “ให้ภาพเล่าเรื่อง”ืพร้อมพา สส.ดังกล่าวขึ้นห้องประชุม ทิ้งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะกลางแฟลชกล้องสื่อมวลชน

บรรยากาศและสัญญาณการขยับครั้งนี้ จึงถูกจับตาว่า นี่คือจุดเริ่มต้นของศึกเงียบก่อนการเลือกตั้งที่อาจเปลี่ยนสมการทางการเมืองไทยแบบไม่ทันตั้งตัว

ยะลาวิกฤต!ฝนถล่ม 4 วันติดน้ำทะลักจมบาดาล สั่งอพยพ 10 ชุมชนลุ่มต่ำ

น้ำท่วมยะลา วิกฤติ ขยายวงกว้าง ฝนถล่มหนักต่อเนื่อง 4 วัน มวลน้ำไหลเข้าเขตเทศบาลอย่างรวดเร็ว สั่งเตือน 10 ชุมชนเสี่ยงภัยเร่งอพยพด่วน ด้านแม่น้ำสายบุรียังเอ่อท่วมหลายหมู่บ้านใน อ.รามัน

เมื่อวันที่ 23 พ.ย.2568 สถานการณ์ฝนตกหนักต่อเนื่องเป็นวันที่สี่ ทำให้หลายพื้นที่ในจังหวัดยะลาเผชิญภาวะน้ำท่วมขยายวงกว้างอย่างรวดเร็ว โดยตลอดคืนที่ผ่านมาเกิดฝนตกหนักยาวนาน ส่งผลให้น้ำท่วมขังในหลายจุดมีระดับสูง ชาวบ้านจำนวนมากเริ่มทยอยอพยพและขนย้ายทรัพย์สิน รวมถึงรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ไปไว้ในพื้นที่ปลอดภัย โดยเฉพาะในเขตอำเภอเมืองยะลา ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนัก

เทศบาลนครยะลาได้ออกประกาศแจ้งเตือนภัยน้ำท่วม ฉบับที่ 2 โดยระบุว่าปริมาณน้ำฝนสะสมตลอด 3–4 วันที่ผ่านมา ส่งผลให้หลายพื้นที่นอกเขตเทศบาล เช่น ตำบลท่าสาป ตำบลยุโป ตำบลสะเตงนอก และตำบลบุดี ถูกน้ำท่วมตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน และสถานการณ์เช้าวันที่ 23 พฤศจิกายนทวีความรุนแรงจนเริ่มมีน้ำหลากเข้าสู่เขตเมืองแล้ว

เทศบาลฯ จึงขอให้ประชาชนใน 10 ชุมชนลุ่มต่ำที่มีประวัติน้ำท่วมซ้ำซาก เร่งขนย้ายสิ่งของและเตรียมอพยพทันที ได้แก่ ชุมชนหลังวัดยะลาธรรมาราม, ชุมชนวิฑูรอุทิศสัมพันธ์ (ซอย 10), ชุมชนหลังโรงเรียนเทศบาล 5, ชุมชนดารุสลาม, ชุมชนจารูนอก, ชุมชนเมืองทอง, ชุมชนเสรี, ชุมชนธนวิถี, ชุมชนหลังโรงเรียนจีน, ชุมชนมะลิสัมพันธ์

เทศบาลนครยะลาย้ำให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษเกี่ยวกับปลั๊กไฟและเครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อป้องกันอันตราย และขอให้ดูแลกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และผู้ป่วย อย่างใกล้ชิด ประชาชนสามารถอพยพไปยังศูนย์พักพิงของเทศบาลได้ทันที หากต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อ งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลนครยะลา โทร. 073-212-345, สายด่วน 199 หรือศูนย์ประสานงาน ศอ.บต. 1880 ตลอด 24 ชั่วโมง

ด้านน้ำในแม่น้ำสายบุรีซึ่งไหลผ่านพื้นที่ อำเภอรามัน ได้เอ่อล้นเข้าท่วมหมู่บ้านหลายแห่ง เช่น หมู่ 6 บ้านตลาดล่าง หมู่ 3 บ้านปายอยือนิ หมู่ 4 บ้านพอเม็ง หมู่ 5 บ้านอูยงบาโร๊ะ ตลอดจนพื้นที่ ต.ตะโละหะลอ ทำให้บ้านเรือนบางส่วนจมน้ำ ชาวบ้านต้องอพยพไปอยู่กับญาติในพื้นที่ปลอดภัย โดยบางหมู่บ้านต้องใช้เรือท้องแบนในการเดินทางเนื่องจากถนนถูกน้ำท่วมสูง.

มหาอุทกภัย “หาดใหญ่”ชาวบ้านอ่วมหนัก ข้าวของพังเสียหายมหาศาล

สถานการณ์น้ำป่าเขาคอหงส์ ได้ไหลลงอ่างกักเก็บน้ำแก้มลิงคลองเรียน ก่อนจะล้นสปริงเวย์ไหลเข้าท่วมพื้นที่ชุมชนบ้านทุ่งรี ตำบลคอหงส์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ทำให้ชาวบ้านและนักศึกษาในพื้นที่ต่างได้รับผลกระทบ ก่อนจะไหลเข้าท่วมตัวเมืองหาดใหญ่จนได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง

ทั้งนี้ ในช่วงเย็นวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา ฝนได้ทิ้งช่วงไม่ตกลงมาในพื้นที่ชุมชนบ้านทุ่งรี ทำให้ระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่องและเกือบเข้าสู่สภาวะปกติ จากการสำรวจความเสียหายในพื้นที่พบมีเศษขยะต่างๆ ตกอยู่ริมถนนตลอด 2 ข้างทาง และยังพบร้านอาหารตามสั่ง โดนกระแสน้ำป่าเขาคอหงส์พัดเอาโต๊ะเก้าอี้อุปกรณ์ต่างๆ ในการทำอาหารลอยไปกับกระแสน้ำหมดทั้งร้าน

เจ้าของร้านรายหนึ่งในอำเภอหาดใหญ่ เล่าว่า ช่วงที่กระแสน้ำไหลลงมาซึ่งค่อนข้างมีความรุนแรงได้ไหลมาตรงร้านตนเองพร้อมกับพัดเอาขยะต่างๆ มาด้วย ช่วงที่กระแสน้ำแทงเข้ามาภายในร้านตนกับสามี ก็ได้ช่วยกันดันโต๊ะที่วางอุปกรณ์ทำกับข้าว เพื่อไม่ให้กระแสน้ำไหลแทงเข้ามา แต่ด้วยกระแสน้ำที่ไหลมาแรงจึงต้านเอาไว้ไม่อยู่ ทำให้กระแสน้ำพัดเอาอุปกรณ์ต่างๆ ที่ทำกับข้าว โต๊ะเก้าอี้ทั้งหมดไปกับกระแสน้ำด้วย ซึ่งตนและสามีได้ลงทุนไปเป็นหมื่นๆ ต้องมาลงทุนซื้อใหม่ทั้งหมดอีก

จากการสำรวจเส้นทางที่เข้าสู่ตัวเมืองหาดใหญ่ อาทิ ถนนเพชรเกษม ถนนธรรมวิถี ถนนศุภสารรังสรรค์ และ ถนนศรีภูวนาถ พบว่าถนนบางเส้นที่เข้าตัวเมืองระดับน้ำลดลงมาแค่ 30 ซม. ซึ่งสามารถใช้เส้นทางไปถึงช่วงวงเวียนน้ำพุได้เท่านั้น ซึ่งทุกเส้นทางก็ยังคงมีน้ำท่วมปิดเส้นทางอยู่และระดับน้ำก็ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ส่วนถนนนิพัทธ์สงเคราะห์ 1 ตั้งแต่หลังโรงพยาบาลหาดใหญ่ยาวไปถึงสี่แยกไฟแดงโรงปูนและสะพานลอยสัจกุล (เข้าเส้นถนนเขต 8) พบระดับน้ำยังคงท่วมสูงและมีกระแสน้ำที่ไหลค่อนข้างเฉี่ยวกราด ซึ่งยังไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่อยู่จุดลุ่มต่ำได้ 

สืบกระทุ่มแบนรวบ 2 ผัวเมีย เอเยนต์ค้ายาไอซ์-ยาบ้า ยึดอาวุธปืนเครื่องกระสุนเพียบ

สืบกระทุ่มแบนจังหวัดสมุทรสาครสกัดจับโจร 2 ผัวเมียคารถเก๋ง เอเยนต์ยานรก ค้ายาไอซ์-ยาบ้า ยึดอาวุธปืนเครื่องกระสุนเพียบ

เมื่อวันที 23 พฤศจิกายน 2568 พ.ต.ท. ศักดิ์สิทธิ์ ชูบุญเรือง รองผกก.สืบสวน สภ.กระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ได้แจ้งกับผู้สื่อข่าวว่าได้จับกุมนักค้ายารายสำคัญ2คนชายหนึ่งหญิงหนึ่งพร้อมของกลางยาเสพติดและอาวุธปืน

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้รับแจ้งเมื่อช่วงกลางดึกของคืนที่ผ่านมา จากสายว่าจะมีการซื้อขายยาเสพติดกันที่หน้าตลาดกระทุ่มแบน จึงได้ร่วมกันวางแผนพร้อมกับนำกำลังชุดสืบสวนไปซุ่มดักรอเป้าหมาย พบรถโตโยตา คัมรี่ ขับมาจอด ริมถนนสุคนธวิท หน้าตลาดกระทุ่มแบน ตรงตามที่สายรายงาน พร้อมกับดับเครื่องยนต์รถและแง้มประตูรถไว้

จากนั้นชุดสืบสวนได้มีการส่งสัญญานที่จะทำการเข้าชาร์จรถคนร้าย โดยทางผู้กองอัฐ และ หมวดโนช ได้ทำทีแฝงตัวเดินปะปนกับชาวบ้านเพื่อไม่ให้คนร้ายสงสัยหรือผิดสังเกตเมื่อเข้าไปจนถึงรถของคนร้ายแล้วจึงได้กระชากเปิดประตูรถคนละด้านทันทีกำลังตำรวจที่ซุ่มอยู่จึงรีบกรูกันเข้าไปล้อมรถไว้เพื่อทำการจับกุมคนร้าย ภายในรถพบชายหนึ่งหญิงหนึ่งนั่งอยู่เบาะด้านหน้า มี ยาบ้ายาไอซ์ และอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนวางอยู่ที่เบาะข้างตัวเจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนทำการตรวจค้นรถอย่างละเอียด

หลังจากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนทราบชื่อต่อมาคือ นายสาโรจน์ หรือเอ็ม  และ น.ส.สโรชา หรือจิ๊บ ทั้ง2คนเป็นสามีภรรยากันพร้อมของกลาง ยาบ้า 1,922 เม็ด  ไอซ์ น้ำหนักสุทธิ 73กรัม อาวุธปืนกึ่งอัตโนมัติ Sig sauer รุ่น p228 ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 33 นัดโดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า,ไอซ์) โดยการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยเป็นการกระทำเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต”

ส่วนนายสาโรจน์ หรือเอ็ม ได้แจ้งข้อหาเพิ่มอีก 1 ข้อหา คือ “มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณโดยไม่ได้รับอนุญาต และโดยไม่มีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ และโดยไม่มีเหตุอันสมควร”ส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

.

“เขาชัยสน”เมืองพัทลุง หลายพื้นที่ยังจมบาดาล ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก

“ริมทะเลสาบสงขลา” อ่วมหนัก คอสะพานหน้าที่ว่าการอำเภอตะโหมด สายถนนเศรษฐกิจ ทรุดรถเบี่ยงเส้นทางเดิน เกษตรเลี้ยงหมูภาคใต้ ยังมีผลรายงานความเสียหาย

เมื่อวันที่ 23 พย.68 ระดับน้ำริมเทือกเขาบรรทัดในพื้นที่  อ.กงหรา  อ.ศรีนครินทร์ อ.ตะโหมด อ.ป่าบอน อ.ป่าพะยอม   และ อ.ศรีบรรพต ระดับน้ำได้ลดลง เนื่องจากกระแสน้ำได้ไหลลงสู่ริมพื้นที่ริมทะเลสาบลำปำ ทะเลสาบสงขลาตอนใน จนทำให้พื้นที่ อ.ควนขนุน อ.เมืองพัทลุง อ.เขาชัยสน อ.บางแก้ว ระดับน้ำได้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มต่ำริมทะเลสาบสงขลา

ในส่วนของพื้นที่ อ.ควนขนุน มีพื้นที่ที่ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนในตำบลทะเลน้อย ต.มะกอกเหนือ ต.พนางตุง  โดยเฉพาะเส้นทางในหมู่ที่ 2 ต.มะกอกเหนือ หมู่ 9 ต.พนางตุง เส้นทางเข้าหมู่บ้านรถเล็กไม่สามารถสัญจรไปมาได้
ส่วนในพื้นที่ หมู่ 4  ต.ลำปำ อ.เมืองพัทลุง ระดับน้ำภายในหมู่บ้านสูงกว่า 2 เมตร

ส่วนสะพานเหล็กข้ามคลองลำปำ  หมู่ 4  ต.ลำปำ ถูกกระแสน้ำพัดสะพานขาด ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถใช้เส้นทางออกสู่ภายนอกได้  ส่วนในพื้นที่ หมู่ 9,10,12  ต.หานโพธิ์ อ.เขาชัยสน ชาวบ้านหลายครัวเรือนก็ได้รับความเดือดร้อนเช่นกันเนื่องจากกระแสคลื่นลมในทะเลสาบัดหนุนอย่างตอเนื่อง ส่วนคอสะพานที่เยื้องที่ว่าการอำเภอตะโหมด ถนนสายแม่ขรี โล๊ะจังกระ รอยต่อระหว่างเทศบาลตำบลแม่ขรี เทศบาลตำบลควนเสาธง  ถนนสายหลังทางเศรษฐกิจ ยังไม่สามารถเปิดดำเนินการได้ ต้องเปลี่ยนเส้นทางการสัญจร เพราะเกิดชำรุดคอสะพานทรุด

ทางด้านชาวบ้าน หมู่ 15  ต.ควนมะพร้าว  อ.เมืองพัทลุง  เปิดเผยว่า ให้รัฐบาลเร่งขุดคลองควนกุฎิ ความยาว 4 เมตร  เพื่อระบายน้ำจากคลองลำเบ็ดลงสู่ทะเลสาบสงขลาอีกทางหนึ่งให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี เนื่องจากกระแสน้ำจากคลองจากการดูแลของกรมชลประทานได้สร้างความเสียหายแก่ชาวบ้าน  พื้นที่เกษตร สัตว์เลี้ยง ในพื้นที่หมู่ 15 ,16 ต.ควนมะพร้าว ในช่วงน้ำท่วมมาเป็นระยะเวลานาน

ขณะนี้ในหมู่บ้านดังกล่าวบังมีน้ำท่วมขังที่สูงมาก  บางจุดสูงมากกว่า 2  เมตร และเป็นพื้นที่ของ อ.เมืองพัทลุงที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดในทุกปีและจากการที่เกิดฝนตกหนักและมีน้ำท่วมขังของจังหวัดพัทลุง ขณะนี้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 รายเป็นชาย.

ทางด้านนายปรีชา กิจถาวร นายกสมาคมการค้าเลี้ยงสุกรภาคใต้ เปิดเผยว่า จากภาวะน้ำท่วม เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรทั่วภาคใต้ยังไม่ได้รายงานถึงผลกระทบที่เกิดน้ำท่วม แต่ถึงอย่างไรในการเลี้ยงสุกรเกษตรกรต่างเป็นมืออาชีพเรื่องน้ำ น่าจะมีการดำเนินการล่วงหน้าไว้ก่อนแล้วเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในรูปแบบต่าง ๆ เอาไว้แล้ว.

ก้าวข้าม “กำแพงทางใจ”คนอีสานติดหนี้พุ่ง-รายได้ต่ำ สู่เกษตรวิถีใหม่

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ห้อง Convention 2–3 โรงแรมอวานี ขอนแก่น โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ธปท. สภอ.) จัดสัมมนาประจำปี 2568 ภายใต้หัวข้อ “เกษตรวิถีใหม่เพื่อการพัฒนาท้องถิ่น” เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนแนวคิดและประสบการณ์จากกลุ่มเกษตรกร ผู้ประกอบการ หน่วยงานรัฐ ภาควิชาการ สถาบันการเงิน และประชาชนทั่วไป ในการร่วมกันหาแนวทางเพิ่มรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรอีสานให้ยั่งยืน โดยการสัมมนาแบ่งเป็น 4 ช่วงหลัก

งานเริ่มด้วยการปาฐกถาของนายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เน้นย้ำบทบาทสำคัญของ ธปท. ในการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ ทั้งด้านเงินเฟ้อ ระบบสถาบันการเงิน และระบบการชำระเงิน พร้อมย้ำว่าในระยะต่อไป ธปท. จะลงพื้นที่ทำงานใกล้ชิดประชาชนมากขึ้น เพื่อแก้ปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจ โดยเฉพาะหนี้ครัวเรือน การเข้าถึงสินเชื่อของ SMEs ปัญหาทุนสีเทา และสแกมเมอร์

นายวิทัย กล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2568–2569 คาดว่าจะขยายตัวในระดับต่ำมาก เพียง 2.1% และ 1.6% ตามลำดับ ซึ่งสะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น ขีดความสามารถการแข่งขันลดลง และไทยอยู่ในภาวะสังคมผู้สูงอายุ ขณะที่ภาคอีสานซึ่งพึ่งพาภาคการเกษตรเป็นหลักนั้นกำลังเผชิญปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ รายได้ไม่สอดคล้องรายจ่าย นำไปสู่หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นอย่างน่ากังวล โดยหนี้ครัวเรือนภาคอีสานเพิ่มขึ้นถึง 55% ในช่วงปี 2560–2566 สูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศมาก ทำให้การแก้ไขปัญหาหนี้เป็นภารกิจเร่งด่วน

ธปท. จึงต้องเดินหน้าแก้ปัญหาอย่างตรงจุด ผ่าน โครงการแก้หนี้เสีย (NPL) สำหรับรายย่อยไม่เกิน 1 แสนบาท ผ่าน Social AMC ช่วยให้ประชาชนปิดหนี้ได้จริง พร้อมเตรียมพัฒนารูปแบบการค้ำประกันใหม่เพื่อให้ SMEs เข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น ตั้งเป้า 1 แสนล้านบาท ซึ่งรวมถึงกลุ่มเกษตรกรจำนวนมากในภาคอีสาน นอกจากนี้ ยังร่วมมือกับกองทุนหมู่บ้าน ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. เดินหน้าสร้างความรู้ทางการเงินในพื้นที่ 3 จังหวัดนำร่องได้แก่ หนองบัวลำภู ชัยภูมิ และบุรีรัมย์ รวมกว่า 5,000 กองทุน รวมถึงโครงการ “ครูสตางค์” เพื่อสร้างทักษะทางการเงินให้ครูและเยาวชน

ถัดมาในช่วงที่สองเป็นการเสวนาในประเด็น “เพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน ด้วยเทคโนโลยีเกษตร” โดย รศ.ดร.ขวัญตรี แสงประชาธนารักษ์ จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ชี้ให้เห็นเหตุผลสำคัญว่าเหตุใดเกษตรกรจำนวนมากยังไม่ใช้เทคโนโลยี โดยพบว่าเกษตรกรยังไม่เชื่อมั่นว่าการลงทุนคุ้มค่า แม้คุณภาพผลผลิตดีขึ้น แต่ราคาที่ได้รับไม่สะท้อนคุณภาพ ทำให้ขาดแรงจูงใจ อีกทั้งยังขาดบุคลากรด้านเทคโนโลยี เพราะแรงงานสูงวัยไม่กล้าลงทุน และคนรุ่นใหม่เข้าสู่อาชีพเกษตรน้อยลง

อย่างไรก็ตาม เริ่มเห็นตัวอย่างเกษตรกรยุคใหม่ที่ประสบความสำเร็จ เช่น กลุ่มทำนาประณีตที่ชัยภูมิ และทายาทอ้อยร้อยล้านที่บุรีรัมย์ ที่หันมาใช้เทคโนโลยีและสร้างอาชีพใหม่ เช่น บริการโดรนพ่นยา และให้เช่าเครื่องจักรสมัยใหม่ ซึ่งช่วยลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และสร้างรายได้มั่นคง

ต่อมาในช่วงที่สาม มีการนำเสนอหัวข้อ “พลิกมุมคิดเพื่อยกระดับผลผลิตข้าวอีสาน” โดยนายสินสมุทร ศรีแสนปาง ผู้ก่อตั้งโครงการศรีแสงดาวหมู่บ้านนาหยอด กล่าวย้ำถึงปัญหาสำคัญของชาวนาคือ “กำแพงทางใจ” ที่ทำให้ไม่กล้าปรับตัว ทั้งที่เพียงเปลี่ยนมุมคิดก็เพิ่มรายได้ได้จริง พร้อมเผยเคล็ดลับ 3 อย่าง ได้แก่ ใส่ปุ๋ยให้ถูกสูตร–ถูกเวลา ปรับปรุงดินเพื่อลดปุ๋ยเคมี และการทำนาหยอด ซึ่งใช้เมล็ดพันธุ์เพียง 1.6 กิโลกรัม/ไร่ แต่ให้ผลผลิตสูงถึง 600 กิโลกรัม/ไร่ ลดต้นทุนลงหลายเท่า พร้อมเน้นทัศนคติที่ดีและกล้าลงมือทำ

ขณะที่ช่วงสุดท้าย เป็นการเสวนาเรื่อง “เกษตรวิถีใหม่เพื่อการพัฒนาท้องถิ่น” โดยผู้ประกอบการรุ่นใหม่ และผู้บริหารจาก ธ.ก.ส. ที่ร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลว่า…ทำไมเกษตรกรจำนวนมากยังไม่กล้าปรับตัว แม้จะเห็นโอกาสจากการทำเกษตรสมัยใหม่ เนื่องจากกลัวความเสี่ยงและไม่รู้จะเริ่มอย่างไร อย่างไรก็ดี ผู้ที่ประสบความสำเร็จมักเริ่มจากการรู้จักตลาด เรียนรู้จริงจากการลงมือทำ และมองเกษตรเป็นธุรกิจที่สร้างคุณค่าได้ พร้อมทั้งได้รับการสนับสนุนจากรัฐที่ช่วยสร้างความมั่นใจ

โดยสรุปประเด็นสำคัญจากการจัดสัมมนาในครั้งนี้ สะท้อนภาพชัดเจนว่า “การปรับตัวไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นทางรอดของเกษตรอีสาน” เพราะรายได้จากการขายผลผลิตไม่ได้โตแต่กลับมีหนี้เพิ่ม หากไม่ปรับตัว ภูมิภาคจะก้าวต่อไม่ได้ แต่วันนี้มีตัวอย่างสำเร็จเกิดขึ้นจริงมากมาย ชี้ให้เห็นว่าการเปลี่ยนวิธีคิดสามารถเพิ่มรายได้ได้ และเมื่อพร้อมจึงค่อยยกระดับสู่ผู้ประกอบการเต็มตัว ทั้งนี้ภาครัฐยังคงมุ่งสนับสนุนอย่างจริงจัง เพื่อให้เกษตรกรอีสานสามารถ “ก้าวทัน–ก้าวไกล” ด้วยวิธีคิดใหม่ และสร้างอนาคตที่มั่นคงให้กับภูมิภาคอย่างยั่งยืน.