สืบสานประเพณีบุญบั้งไฟเมืองปากน้ำโพยิ่งใหญ่สนุกครึกครื้น

ชาวบ้านและหน่วยงานราชการที่ อ.แม่เปิน จ.นครสวรรค์ จัดงานสืบสานประเพณีบุญบั้งไฟประจำปี 2567 ขบวนแห่อลังการ ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ปีที่ผ่านมา โดย อ.แม่เปิน มีชาวอีสานมาอาศัยจำนวนมาก จึงมีการจัดงานในช่วงเดือน 6 ของทุกปี  

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านและหน่วยงานราชการ อ.แม่เปิน จ.นครสวรรค์ ได้จัดงานประเพณีบุญบั้งไฟ ครั้งที่ 22 จัดระหว่าง 11-12 พ.ค.67 ที่ผ่านมา ที่อ่างเก็บน้ำคลองโพธิ์ อำเภอแม่เป็น จังหวัดนครสวรรค์ โดยมีขบวนแห่การจุดบั้งไฟล้าน การจุดตะไลแสน มีการประกวดการประดับบั้งไฟ การประกวดรำเซิ้ง และกลางคืนมาการแสดงของหมอลำคณะหนูภารวิเศษศิลป์ และกิจกรรมอื่นๆ มากมาย โดยมีประชาชน เข้าร่วมงานดังกล่าวเป็นคึกคัก และปีนี้ได้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่อลังการไม่แพ้ปีที่ผ่านมา

งานสืบสานประเพณีบุญบั้งไฟ ตำบลแม่เปิน อำเภอแม่เปิน จังหวัดนครสวรรค์ เป็นประเพณีหนึ่งของทางภาคอีสานของประเทศไทย ซึ่งชาวบ้านได้ร่วมใจกันจัดงานบุญบั้งไฟขึ้น เพื่อเป็นการบูชาเทพเจ้า พระยาแถนหรือเทพวัสสกาลเทพบุตร ชาวบ้านเชื่อว่า พระยาแถนมีหน้าที่คอยดูแลให้ฝนตกถูกต้องตามฤดูกาลและมีความชื่น ชอบไฟเป็นอย่างมาก หากหมู่บ้านใดไม่จัดงานบุญบั้งไฟบูชาฝน ฝนก็จะไม่ ตกถูกต้องตามฤดูกาล หลายภูมิภาคทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคใต้ ต่างมีการจัดงานบุญบั้งไฟบูชาพระยาแถน ในช่วงเดือน 6 ตามปฏิทินจันทรคติหรือเดือนพฤษภาคมของทุกปี

สำหรับบริเวณ อำเภอแม่เปิน และอำเภอใกล้เคียงของจังหวัดนครสวรรค์ เป็นพื้นที่ที่มีชาวไทยอีสานที่ย้ายถิ่นฐานมาอยู่กันจำนวนมาก จึงได้นำเอาประเพณีการละเล่นต่าง ๆ ของภาคอีสานตามมาด้วย ซึ่งวัฒนธรรมประเพณีบุญบั้งไฟ เป็นงานบุญที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวไทยอีสาน ทำให้นักท่องเที่ยวได้เห็นวิถีชีวิตของชุมชน ซึ่งมีเสน่ห์ไม่เหมือนที่ใด กิจกรรมประกอบด้วย ขบวนแห่บั้งไฟ การแสดงหมอลำพื้นบ้าน การประกวดรำเซ็ง การจัดการแข่งขันจุดบั้งไฟขึ้นที่สูงและมีอาหารอร่อยให้เลือกซื้อเลือกชมหลากหลาย.

แม่ร่ำให้รับศพ “ดาบโก้” ยันไม่อโหสิกรรม ขอคนร้ายให้รับโทษสูงสุด

แม่รับศพ “ดาบโก้” น้ำตานองหน้า สงสารลูกถูกยิงพร้อมเมียท้องอย่างโหดเหี้ยม กรวดน้ำอุทิศให้ เผยชาติหน้ามีจริงขอให้เกิดมาเป็นลูกแม่อีก โดยจะประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิด อำนาจเจริญ “น้องสาว” ยันไม่ขออโหสิกรรม ขอให้คนทำได้รับโทษสูงสุด ด้าน รองผู้การ เผยเบื้องต้นจะได้รับค่าชดเชยตามระเบียบ 1 ล้านเศษ 

 เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ครอบครัว และญาติ ได้นำร่างของ ด.ต.สกล บรรลุ ที่ถูกยิงพร้อมภรรยาชาวลาว เสียชีวิต มาถึงที่ วัดโพธิ์ศรี บ้านนาหมอม้า ต.นาหมอม้า อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ เพื่อมาประกอบพิธีทางศาสนา โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้ามีญาติพี่น้อง มาช่วยกันจัดเตรียมสถานที่ ตั้งเต็นท์ ประกอบอาหารเลี้ยงผู้มาร่วมงาน 


ขณะเดียวกันพ่อแม่ของ ด.ต.สกล ยังอยู่ในอาการช็อก ทำใจไม่ได้และไม่พร้อมที่จะให้สัมภาษณ์ใดๆ เนื่องจากเมื่อช่วงเช้าหลังจากที่รับศพลูกชายก็เป็นลมล้มลงไป จากที่เคยเห็นหน้าลูกชายตอนนี้ทำได้เพียงแค่จัดชุด เตรียมรองเท้าและข้าวของของลูกชาย เพื่อประกอบพิธีทางศาสนา

 จากการพูดคุยกับ นางสาวบุษยพรรณ บรรลุ อายุ 25 ปี น้องสาวของ ด.ต.สกล บรรลุ ผู้ตาย เผยว่า ตลอดทั้งชีวิตมีพี่ชายคอยดูแลมาตลอด ทั้งเลี้ยงดู ส่งเสียให้เรียนหนังสือจนจบปริญญาตรี ทุกปัญหาที่พบเจอพี่ชายจะคอยจัดการให้เสมอ ในชีวิตไม่คิดว่าจะเจอเหตุการณ์แบบนี้ พี่ชายบรรจุรับราชการตำรวจ ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ จ.นราธิวาส ทำงานได้ประมาณ 10 ปี คือย้ายมาที่ จ.ปราจีนบุรี อยู่มาเกือบ 10 ปี ก็ย้ายกลับมาบ้านที่ จ.อำนาจเจริญ ได้ประมาณ 2 ปีกว่า เนื่องจากพ่อกับแม่อายุมากแล้ว ไม่มีคนดูแล จึงขอย้ายกลับบ้าน ปกติพี่ชายจะเป็นคนอารมณ์ดี เฮฮากับเพื่อนๆ พี่น้อง ไม่เคยมีปัญญากับใคร 

“ล่าสุดที่คุยกันเมื่อเดือนที่แล้ว พี่ชายโทรหาอยากให้พี่สะใภ้ไปพักอยู่ด้วยที่ กทม.แต่ตนเองไม่สะดวก พี่ชายและพี่สะใภ้จึงมาอยู่ด้วยกันที่ อำนาจเจริญ สำหรับตนมองว่าเหตุการณ์นี้เป็นการกระทำที่อุกอาจมาก ทำเหมือนไม่เกรงกลัวกฎหมายมิหนำซ้ำยังฆ่าได้แม้กระทั่งคนท้อง ช่างโหดร้ายเหลือเกิน หากจับได้ก็อยากให้ลงโทษขั้นสูงสุดคือประหารชีวิต และตนก็ไม่อโหสิกรรมให้ ขอให้ไปรับกรรมต่อในนรก แต่ที่ยังห่วงคือ ลูกสองคนของดาบโก้ ที่กำลังจะโตกำลังจะเรียนต่อ จากนี้จะทำยังไงต่อยังไม่รู้เลยแต่ทางครอบครัวก็จะพยายามเลี้ยงดูหลานทั้งสองคนอย่างเต็มที่เท่าที่จะทำได้”

 ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ โดยได้พบกับ พ.ต.อ.วิเชียร โชคพิพัฒน์ทวี รอง ผบก.ภ.จว.อำนาจเจริญ เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้สั่งการให้ กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ ซึ่งเป็นต้นสังกัดที่ ด.ต.สกล สังกัดอยู่ สภ.น้ำปลีก เจ้าของพื้นที่เข้าไปช่วยเหลือในการจัดงานศพ ส่วนเรื่องสวัสดิการนั้น ตามระเบียบเบื้องต้น ด.ต.สกล จะได้รับเงินช่วยเหลือราวๆ 1,400,000 บาท และในส่วนอื่นๆ นั้น ยังไม่สามารถสรุปได้เนื่องจากต้องรอข้อเท็จจริงจากทางท้องที่ที่เกิดเหตุอีกที

ล้งรับซื้อทุเรียนนับ 10 รายโร่แจ้งความถูกนายหน้าเก๊ตุ๋นขายทุเรียนทิพย์

เจ้าของล้งรับซื้อทุเรียนนับ 10 รายขึ้นโรงพัก สภ.ทุ่งเบญจา หลังต่างถูกนายหน้ากำมะลอ ปลอมตัวเป็นเจ้าของสวนทุเรียนเมืองจันท์ หลอกทำสัญญาขายทุเรียนทิพย์ รวมค่าความเสียหาย 10 ล้าน หอบหลักฐานแจ้งความดำเนินคดี คาดว่าจะมีการทำเป็นขบวนการทุเรียนทิพย์

เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 67 ที่ สภ.ทุ่งเบญจา ต.ทุ่งเบญจา อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี น.ส.อริสรา นาพญาธีระกุล อายุ 37 ปี ผู้ประกอบการล้งทุเรียนอาหยาง ในพื้นที่หมู่ 6 ต.วังใหม่ อ.นายายอาม จ.จันทบุรี นำเอกสารเป็นหนังสือสัญญาซื้อขายทุเรียน/สลิปโอนเงิน/รูปถ่าย เดินทางเข้าพบกับ ร.ต.อ.อัษฎายุธ ทองสวรรค์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.ทุ่งเบญจา เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ กรณีถูกหลอกให้ทำสัญญาเหมาซื้อตัดทุเรียน ในสวนผลไม้แห่งหนึ่งใน ต.สองพี่น้อง อ.ท่าใหม่ แต่เมื่อถึงวันครบกำหนดเข้าตัด กลับพบว่าทุเรียนที่ทำสัญญาเหมาไว้ มีคนเข้ามาตัดไปแล้ว ขณะเจ้าของสวนก็ไม่ใช่ตัวจริง ขณะเดียวกันที่ น.ส.อริสรา ล้งผู้เสียหาย เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน ได้มีผู้ประกอบการรับซื้อทุเรียนอีกนับ 10 ราย ซึ่งตกเป็นผู้เสียหาย ทยอยนำเอกสารสัญญาซื้อขายทุเรียน พร้อมกับรูปถ่าย ที่ทำกับนายหน้ารายเดียวกัน เดินทางเข้ามาแจ้งความด้วยเช่นกัน

จากการสอบถาม น.ส.อริสรา และผู้เสียหายรายอื่นๆ ให้ข้อมูลซึ่งมีความคล้ายและสอดคล้องกันว่า ก่อนหน้านี้ ได้ให้ทีมงานตัดทุเรียนของแต่ละล้งติดต่อกับนายหน้ารายหนึ่ง เพื่อให้ช่วยหาเหมาสวนตัดทุเรียน โดยติดต่อกับนายหน้าชื่อ นายแว่น (นามสมมติ) อายุ 28 ปี ผ่านทาง นางพู (นามสมมติ) อายุ 56 ปี ซึ่งนายหน้าอีกคนที่เคยทำธุรกิจด้วยกันมาก่อน ต่อมา นายแว่น ได้พาทีมตัดทุเรียนไปดูสวนในพื้นที่ ต.ทุ่งเบญจา อ.ท่าใหม่ โดยอ้างว่าตัวเองเป็นเจ้าของสวน และมีการพูดคุยกันจนทีมตัดหลงเชื่อ ได้ทำสัญญาเหมาตัดสวนทุเรียนจำนวน 5 พันลูก เมื่อวันที่ 25 มี.ค. 67 ที่ผ่านมา โดยได้เรียกเงินค่ามัดจำไป 150,000 บาท แต่เมื่อถึงวันครบกำหนดสัญญา ได้เข้ามาที่สวนกลับพบว่าทุเรียนที่เหมาไว้ถูกตัดไปแล้ว ซ้ำ นายแว่น ก็ไม่ใช่เจ้าของสวนทุเรียนตัวจริง จึงได้นำไปโพสต์แจ้งเตือนภัยในโซเชียล

จากนั้น จึงได้มีเจ้าของล้ง ผู้ประกอบการรับซื้อทุเรียนอีกหลายราย ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า ถูกนายแว่น นายหน้าคนเดียวกัน หลอกพาไปดูสวน และปลอมตัวว่าเป็นเจ้าของ บางรายถูกอ้างว่าเป็นคนเช่า และมีการทำสัญญาซ้อนในสวนเดียวกันด้วย จึงต่างพากันนำหลักฐานไปแจ้งความกับตำรวจ เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายหน้าแสบในท้องที่ที่ได้รับความเสียหาย

น.ส.อริสรา ผู้ประกอบการล้งผู้เสียหาย กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า จากการที่มีเจ้าของล้งรับซื้อทุเรียนออกมาแจ้งความและให้ข้อมูล ยังพบว่ามีตัวละครทั้งที่ถูกจัดมาแสดงให้เป็นเจ้าของสวน นายหน้า และผู้เช่า ซึ่งล้วนมีความเกี่ยวข้องกับ นายแว่น นายหน้ากำมะลอ โดยตั้งข้อสังเกตว่า น่าจะเป็นการทำในรูปแบบขบวนการ ทั้งนี้ ได้มีผู้เสียหายออกมาแสดงตัว และเข้าแจ้งความกับตำรวจแล้วกว่า 10 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท และคาดว่าจะยังมีผู้เสียหายทยอยออกมาแจ้งความเรื่อยๆ ทั้งนี้ อยากให้ทางตำรวจติดตามจับกุมตัวนายหน้ากำมะลอ ซึ่งถือว่าเป็นภัยสังคมมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว เพื่อสร้างภาพพจน์ที่ดีให้กับชาวสวน และ จ.จันทบุรี โดยเร็ว.

ผู้นำศาสนาพร้อมชาวนราธิวาสรวมใจละหมาดฮาญัตขอพรพื้นที่สันติสุขใต้

ผู้นำศาสนา พร้อมประชาชน รวมใจ ละหมาดฮาญัต ขอพรพื้นที่สันติสุข หลังเกิดบอมบ์เจ็บหลายราย ที่เขื่อนพระยาสาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำคืน วันที่ 13 พ.ค.2567 ที่บริเวณหน้าเขื่อนพระยาสาย ในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาส ได้จัดให้มีพิธีการ ร่วมละหมาดฮาญัต โดยผู้นำศาสนาและชาวบ้าน ผู้นำชุมชน กว่า 200 คน รวมใจในกิจกรรม ละหมาดฮาญัต เพื่อให้พื้นที่เกิดความสงบและสันติสุข หลังจากมีเหตุการณ์คนร้ายได้วางระเบิดแสวงเครื่อง ซึ่งติดตั้งในรถจักรยานยนต์ และจอดไว้บริเวณหน้าเขื่อนท่าพระยาสาย ถนนภูผาภักดี ตำบลบางนาค อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2567 และจุดชวนระเบิดในเวลา 21.30 น. ขณะที่พี่น้องประชาชน ใช้พื้นที่ พาบุตรหลานมาพักผ่อนหย่อนใจ ในบริเวณเขื่อนพระยา แรงระเบิดทำให้เจ้าหน้าที่ อส.อ.เมือง จำนวน 2 นาย และประชาชนจำนวนหนึ่งได้รับบาดเจ็บรวม 10 คนดังกล่าว

ด้านนายมูฮำหมัด สันหมาน อิหม่ามประจำมัสยิดพงปือเราะ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ในฐานะผู้ร่วมละหมาดฮาญัตและผู้บรรยาย อิสลามกับการสร้างสันติ กล่าวว่า เขื่อนพระยาสาย เป็นอีก 1 แหล่งท่องเที่ยว และที่พักผ่อนของพื้นที่สาธารณะ ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และเกิดความรุนแรง โดยเฉพาะเหตุระเบิด จนประชาชนได้รับบาดเจ็บหลายราย ที่นี้จะมีเด็กประชาชนใช้พื้นที่ในทุกวัน ทั้งเช้าและค่ำ ไม่เพียงแต่คนพื้นที่ ยังเป็นพื้นที่นักท่องเที่ยวไทยมาชม และชาวมาเลเซีย มาแวะเวียน มาชมมาเที่ยว มากินในยานนี้ สร้างรอยยิ้มกับคนในพื้นที่ จึงอยากลดความขัดแย้ง หรือมองข้ามความขัดแย้ง และหันหน้ามาใช้แนวทางสันติวิธี เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ต่อพื้นที่ประชาชน จะได้มีกินมีใช้ ปากท้องอิ่ม สร้างรอมยิ้มกับคนพื้นที่ผู้มาเยือน การละหมาดฮาญัติ อนึ่ง เป็นการละหมาด ของพรจากพระเป็นเจ้า (อัลลอฮ) และดุอา เพื่อให้พื้นที่เกิดควาสงบสุขโดยเร็ว ประชาชนทุกคน ไม่ยากเห็นความรุนแรงอีก และยากเห็นการพัฒนาจังหวัดนราธิวาส และจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนตลอดไป

ขณะที่นายไพศอล อาแว นายกเทศมนตรีเมืองนราธิวาส ได้กล่าวหลังเสร็จสิ้นร่วมละหมาดฮาญัตว่า ต้องขอบคุณผู้นำศาสนาและประชาชน ที่ร่วมใจละหมาดฮาญัต เพื่อความสันติสุขและสงบสุข จากเหตุการณ์ความไม่สงบ เกิดเหตุระเบิด จุดบริเวณเขื่อนพระยาสายที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนตื่นตระหนกและหวาดผวา เพราะเป็นพื้นที่สาธารณะ แลนด์มาร์ค รวมนกเงือกนานาพันธ์ ที่จัดงานแข่งเรือ ที่พักผ่อน คลายเครียดประชาชน และอื่นๆสำคัญ ต่อภาพการท่องเที่ยว ที่นี้ ใน 3 จังหวัด คือ ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ที่นี้จะเป็นที่สำคัญ ที่นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศจะมา เที่ยมชม ณ.เขื่อนพระยาสาย ใช้จ่าย ค่าบริการอาหาร ที่พัก และอื่นๆ สร้างรายได้หมุนเวียนให้กับพื้นที่ ประชาชนมีรายได้ และเมืองนราธิวาส กำลังเป็นเมืองนักท่องเที่ยว มาเที่ยวมากสุด หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ซึ่งอยากให้ทุกฝ่ายเข้าใจ ไม่ควรเกิดเหตุที่สาธารณะ และควรให้เป็นพื้นที่ปลอดภัย การพัฒนาจะได้เดินไปข้างหน้า ประชาชนจะได้มีที่ทำกิน การค้าการขายการลงทุนจะเกิดขึ้น สร้างเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวสู่พื้นที่ ชุมชนประชาชนจะได้ประโยชน์ นราธิวาส จะน่าอยู่ ต่อไป

โดย….แวดาโอ๊ะ หะไร / อัสมา บินมะนุ จ.นราธิวาส

https://thebangkoktimes.com/25670511410

“บุ้ง ทะลุวัง” เสียชีวิตแล้ว ที่ รพ.ธรรมศาสตร์ หลังอดอาหารประท้วง

เปิดประวัติ ‘บุ้ง กลุ่มทะลุวัง’ หรือ น.ส.เนติพร นักเคลื่อนไหวทางการเมือง หลังอดอาหารประท้วง จนเสียชีวิตที่รพ.ธรรมศาสตร์ 

“บุ้ง” เนติพร (สงวนนามสกุล) ติวเตอร์และนักกิจกรรม วัย 27 ปี เรียนจบมัธยมปลายจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า และเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยที่ภาควิชาการเงิน คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีความสามารถทางภาษา บุ้งจึงทำงานเป็นครูสอนพิเศษภาษาอังกฤษ

บุ้งเติบโตขึ้นมาในครอบครัวตุลาการ พ่อเป็นผู้พิพากษา พี่สาวเป็นทนายความ บุ้งมีบทบาทเป็นเพียงผู้คอยสนับสนุนกิจกรรมของทะลุวัง แต่ทว่าเธอถูกดำเนินคดีจากการแสดงความคิดเห็นและแสดงออกทางการเมือง

เริ่มสนใจการเมืองและเข้ามาเคลื่อนไหว สมัยมัธยมปลายบุ้งเคยเป็นสลิ่ม เคยไปร่วมม็อบ กปปส. มาก่อน เริ่มสนใจการเมืองมาตั้งแต่นั้น จนกระทั่งคุณช่อเอารายชื่อคนที่ตายจากการเหตุการณ์สลายการชุมนุมคนเสื้อแดง ปี 2553 มาให้ดูว่ามีใครบ้าง แล้วปรากฏว่าหนึ่งในนั้นเป็นแค่ ‘คนไร้บ้าน’ ที่ถูกยิง จากข้อเท็จจริงนั้นทำให้สิ่งที่บุ้งเคยเชื่อในอดีตกลับกลายเป็นเรื่องที่ผิดหมดเลย หลังจากนั้นบุ้งก็หาข้อมูลมากขึ้น จนรู้สึกว่าตัวเองตาสว่าง แล้วก็รู้สึกผิดมากต่อคนเสื้อแดง

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เคยเผยบทสัมภาษณ์ บุ้ง ตอนหนึ่ง ระบุว่า ตอนที่ออกมาเคลื่อนไหวประเด็นเรื่องสถาบัน เราก็ประเมินไว้ว่าอาจจะหนักสุดถึงขั้น ‘ตาย’ ก็ได้ แต่ว่าในวันนั้นบุ้งไม่ได้เป็นคนที่อยู่ข้างหน้า บุ้งก็ไม่ได้คิดเลยว่าตัวเองจะโดน 112 ด้วย จนต้องเข้าเรือนจำ เรารู้อยู่แล้วว่าการออกมาเคลื่อนไหวอะไรแบบนี้ พวกเราจะต้องเสียอะไรไปเยอะมากแน่ๆ

บุ้งเริ่มต้นเคลื่อนไหวเรื่องการศึกษาก่อน ตั้งแต่กลางปี 2563 เพราะว่าเราเป็นติวเตอร์ด้วย เรารู้สึกว่าระบบการศึกษาในประเทศไทยมันล้าหลังหลายอย่างเลย หลักสูตรการสอนที่มันไม่อัพเดตให้ทันสมัย ตีกรอบความคิดของเด็กนักเรียนให้อยู่แต่ในโอวาท ไม่ให้มีความคิดเป็นของตัวเอง

เราเคลื่อนไหวโดยคอยสนับสนุนอยู่ข้างหลังเด็กๆ ที่เขาออกไปเคลื่อนไหว เพราะส่วนใหญ่ที่ออกมากันก็ยังเป็นเด็กอยู่ ยังไม่มีความพร้อมเรื่องทรัพยากร บุ้งก็จะช่วยหาเงินให้การเคลื่อนไหวของเขามันไปต่อได้

ขอบคุณที่มา : ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน

คุณตามัคทายก พลิกผืนดิน 1 ไร่ ปลูกผักหวานป่าขายโกยเดือนละ 1.5 หมื่นบาท

นครราชสีมา -โคราชไอเดียสุดปัง คุณตามัคทายกวัด ใช้พื้นที่สวน 1 ไร่ ปลูกผักหวานป่าขายสร้างรายได้เฉลี่ยเดือนละ 10,000-15,000 บาทเลยทีเดียว

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2567 คุณตา ถกล แก้วมะเริง อายุ 63 ปี ชาวบ้านช่องโค หมู่ที่ 3 ตำบลรังกาใหญ่ อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งปัจจุบัน เป็นมัคทายกวัดบ้านช่องโค ได้ใช้พื้นที่สวนหลังบ้าน จำนวน 1 ไร่ ลงทุนสวนผักหวานป่า โดยใช้วิธีปลูกผักหวานป่าแบบเพาะเมล็ด โดยลงทุนปลูกไว้จำนวน 1,000 ต้น ซึ่งปลูกแบบระบบน้ำหยด โดยปลูกต้นมะขามเทศไว้เป็นร่มเงาให้กับต้นผักหวาน ใช้ระยะเวลาปลูกเพียง 2 ปี ก็สามาถเก็บผลผลิตผักหวานขายได้

โดยเคล็ดลับในการปลูกผักหวานป่าง่ายๆ คือ ผักหวานไม่ชอบแสงแดด ฉะนั้นต้องปลูกต้นไม้ที่เกิดร่มเงา เช่น ต้นมะขามเทศ ควรปลูกเว้นระยะห่างประมาณ 3 เมตร หรือถ้าไม่ปลูกต้นไม้ที่ให้ร่มเงาก็เอาเข่งครอบได้ และจากผักหวานอายุครบ 1 ปี จึงสามารถนำเข่งที่คลุมเอาไว้ออกได้

สำหรับผักหวานนั้นสามารถปลูกได้ทั้งใช้เมล็ด และกิ่งตอน ซึ่งการเพาะเมล็ด จะนานกว่ากิ่งตอน ราว 2-3 ปี กว่าจะเก็บผลผลิตได้ ขณะที่กิ่งตอนใช้เวลาเพียง 6 เดือน – 1 ปี ก็สามารถเก็บผลผลิตออกขายได้ ซึ่งในปัจจุบันนี้ผักหวานป่าสามารถจำหน่ายได้ในราคากิโลกรัมละ 200 บาท ทำให้ในช่วงนี้ สามารถเก็บผักหวานขายได้เฉลี่ยเดือนละ 10,000-15,000 บาทเลยทีเดียว ซึ่งนับว่า ผักหวานสามาถสร้างได้ให้กับครอบครัวได้เป็นอย่างดี ลงทุนปลูกครั้งเดียว สามารถเก็บผักหวานขายได้หลายปี.

โดย…ประสิทธิ์ ตั้งประเสริฐ//นครราชสีมา

ร้านคาเฟ่กัญชาโคราชระทม หลังรัฐบาลดึงกัญชาเป็นยาเสพติด ลูกค้าหายเกือบ 100%

นครราชสีมา – ร้านคาเฟ่กัญชาโคราชระทม หลังรัฐบาลประกาศดึงกัญชามาเป็นยาเสพติดอีกครั้ง ลูกค้าหายเกือบ 100% ต้องหาอาชีพอื่นเสริม ทุนจมเกือบล้านจี้รัฐเยียวยา

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2567 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปที่สำรวจร้านคาเฟ่ต์กัญชา ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา โดยเฉพาะร้านสโตเนอร์ 420 ซึ่งเป็นคาเฟ่กัญชา ตั้งอยู่ริมถนนหน้าสำนักงานประกันสังคม ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา พบว่าบรรยากาศภายในร้านเป็นไปด้วยความเงียบเหงา มีเพียงพนักงานในร้าน และครอบครัว ที่ช่วยกันดูแลร้าน พร้อมทั้งเปิดร้านขายลูกชิ้นทอด ผลไม้แช่อิ่ม และกาแฟ เพื่อเป็นรายได้เสริมอีกทางหนึ่ง

นายจิระ ภูพาทพลอย อายุ 29 ปี ผู้จัดการร้านคาเฟ่กัญชาสโตเนอร์ 420 เปิดเผยว่า ช่วงที่รัฐบาลเปิดให้มีการขอใบอนุญาตเปิดร้านขายกัญชาเสรีนั้น ตนเองและเพื่อนๆ ก็ได้ร่วมหุ้นกันเปิดร้านคาเฟ่กัญชานี้ขึ้นมา โดยลงทุนไปเกือบ 1 ล้านบาท สำหรับค่าใช้จ่ายในการเช่าที่ ตกแต่งร้าน และสั่งซื้อกัญชา ทั้งจากต่างประเทศ และในประเทศ เข้าร้าน เพื่อให้บริการลูกค้าได้หลากหลายสายพันธุ์ ช่วงแรกๆ ก็มั่นใจว่านโยบายกัญชาเสรี จะทำให้ธุรกิจคาเฟ่กัญชาไปได้ดี แต่ภายหลังปรากฏว่าเริ่มมีความไม่แน่นอนจากนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่

โดยเฉพาะนโยบายล่าสุด ที่จะดึงกัญชากลับมาเป็นยาเสพติดอีกครั้ง ก็ทำให้ตนเองและเพื่อนๆ รู้สึกไม่มั่นใจ ไม่กล้าลงทุนอะไรเพิ่มอีก สับสนไปหมด ลำพังแต่ตอนนี้กระแสกัญชาก็เริ่มไม่ดีอยู่แล้ว ลูกค้าหายไปเกือบหมด เพราะกลัวจะผิดกฎหมาย ทำให้ตนเอง เพื่อนๆ และครอบครัว ต้องหาอย่างอื่นมาขายแทน เช่น ขายกาแฟ, ลูกชิ้นทอด และผลไม้แช่อิ่ม เป็นต้น เพื่อหารายได้เสริมเป็นค่าน้ำค่าไฟไปชั่วคราวเท่านั้น ตอนนี้เงินที่ลงทุนไปยังไม่ได้คืนเลย

ถ้ารัฐบาลประกาศให้กัญชาเป็นยาเสพติดแล้ว ร้านของพวกตนก็ต้องปิดไป ทุกคนก็คงจะตกงานกันหมด แล้วใครจะมาช่วยรับผิดชอบเยียวยา เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นนี้ ก็มาจากนโยบายของรัฐบาลทั้งนั้น ตนเองจึงไม่เห็นด้วยในเรื่องนี้ ถ้าเป็นไปได้อยากให้แค่ปรับกฎหมายควบคุมก็ได้ ส่วนร้านคาเฟ่กัญชาต่างๆ ที่ได้ใบอนุญาตแล้วก็ให้สามารถเปิดได้ตามปกติ ภายใต้กฎหมายควบคุมเข้มงวดมากขึ้นจะดีกว่า.

โดย…ประสิทธิ์ ตั้งประเสริฐ // นครราชสีมา

“พายุถล่ม” ทั้งลมทั้งฝน พัดบ้านนับ 100 พังยับ สลดต้นไม้โค่นทับ 3 ขวบดับ

อุทัยธานี- เกิดพายุฝนฟ้าคะนองอย่างหนักในพื้นที่ ต.หนองกลางดง อ.ทัพทัน ส่งผลให้ 4 หมู่บ้านได้รับผลกระทบ บ้านเรือนนับ 100 หลัง พังเสียหาย สลด ด.ญ. 3 ขวบ ถูกต้นไม้ทับเสียชีวิตคาที่ ตรงกับวันเกิด

เมื่อเวลา 16.30 น. วานนี้( 13 พ.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดพายุฝนฟ้าคะนองตกลงมาอย่างหนักในพื้นที่ อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี พายุฝนกระหน่ำอยู่นาน 30 นาที ส่งผลทำให้หลายหมู่บ้านได้รับความเสียหาย

จากการสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า ขณะเกิดเหตุมีทั้งลมทั้งฝน ลมพัดแรงมาก ส่งผลทำให้ต้นไม้ขนาดใหญ่หักโค่น แบบถอนรากถอนโคนล้มทับเพิงพักและทับเด็กหญิงอายุ 3 ขวบ เสียชีวิตคาที่ ส่วนยายที่กำลังนั่งเลี้ยงหลานอยู่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย มีแผลที่แขน

ด้าน นายประสาร วิมลมุข นายก อบต.หนองกลางดง ได้นำเจ้าหน้าที่และคนงานของ อบต. รวมทั้งชาวบ้าน เข้าตรวจสอบบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว จากนั้นพนักงานสอบสวน สภ.ทัพทัน และแพทย์เวร รพ.ทัพทัน ได้เดินทางมาที่เกิดเหตุ เพื่อร่วมกันชันสูตรพลิกศพเด็กหญิงรายดังกล่าว เบื้องต้นพบมีบาดแผลเล็กน้อยที่หลัง จากการถูกต้นไม้ทับ ส่วนสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิตนั้นเป็นเพราะคอหัก ซึ่งทางญาติไม่ติดใจสาเหตุ เจ้าหน้าที่จึงมอบศพให้ญาตินำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต.หนองกลางดง ได้รับความเสียหายจากพายุฝนฟ้าคะนองครั้งนี้ รวมทั้งหมด 4 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่ที่ 4 หมู่ที่ 9 หมู่ที่ 10 และหมู่ที่ 15 โดยมีบ้านเรือนประชาชนถูกแรงลมพังเสียหายทั้งหลังหลาย 10 หลังคาเรือน โรงจอดรถพังทับรถยนต์เสียหาย 1 คัน และหลังคาถูกลมพัดปลิวได้รับความเสียหายนับ 100 หลังคาเรือน นอกจากนี้ ยังมีต้นไม้ใหญ่ล้มกีดขวางถนนอีกหลายสาย เบื้องต้นนายก อบต.ในพื้นที่ ได้ระดมเจ้าหน้าที่ คนงาน รวมทั้งชาวบ้านจิตอาสา ช่วยกันเคลียร์พื้นที่แล้ว ส่วนบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับความเสียหายนั้น จะเร่งตรวจสอบเพื่อให้ความช่วยเหลือต่อไป

ตื่นเต้นตื่นใจประเพณีบุญบั้งไฟซอฟต์พาวเวอร์ยโสธรม่วนซื่น ปั้งไหนแตกถูกจับโยนโคลน

บรรยากาศงานบุญบั้งไฟ ยโสธรปี 2567 ที่ สวนสาธารณะพญาแถน อ.เมือง มีการจุดบั้งไฟแฟนซี บั้งไฟหมื่น และการจุดบั้งไฟแสน ตลอดทั้งวัน และหากทีมใดบั้งไฟแตก ก็จะถูกจับโยนบ่อโคลนสนุกสนานคลายร้อน ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้ร่วมปล่อยบั้งไฟเล็กสร้างความประทับใจ

เมื่อวันที่ 12 พ.ค.67 ที่บริเวณฐานจุดบั้งไฟสวนสาธารณะพญาแถน อ.เมือง จ.ยโสธร นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร พร้อมด้วยนายณัฐพล นาคสุข นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองยโสธร ร่วมเปิดงานจุดบั้งไฟปฐมฤกษ์และบั้งไฟเสี่ยงทาย ภายในงานประเพณีบุญบั้งไฟจังหวัดยโสธร ประจำปี 2567 มีประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าร่วมงานกันคับคั่งท่ามกลางอากาศที่ร้อนจัด

อย่างไรก็ตาม ฐานจุดบั้งไฟสวนสาธารณะพญาแถนเป็นสถานที่โล่งแจ้ง ห่างจากชุมชนประมาณ 500 เมตร โดยได้มีการกันพื้นที่บริเวณที่ปลอดภัย สำหรับให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ไปนั่งชมการจุดบั้งไฟอย่างปลอดภัย เพื่อดูการจุดบั้งไฟแฟนซี บั้งไฟหมื่น และการจุดบั้งไฟแสน ซึ่งจะจุดกันทั้งวันตั้งแต่เวลา 08.30 น. ไปจนถึง 16.00 น

นายณัฐพล กล่าวว่า งานประเพณีบุญบั้งไฟนับเป็นอีกงานประเพณีตามวิถีอีสาน และประเพณีที่สำคัญของ จ.ยโสธร โดยมีความเชื่อว่าเมื่อเข้าสู่ฤดูการทำนาจะต้องทำพิธีจุดบั้งไฟขึ้นไปบูชาพญาแถนเพื่อดลบันดาลให้ฝนตกถูกต้องตามฤดูกาล อีกทั้งยังเป็นประเพณีเกี่ยวข้องและสัมพันธ์กับวิถีชีวิตของชาวอีสาน โดยการจุดบั้งไฟในครั้งนี้ ประกอบด้วยการจุดบั้งไฟปฐมฤกษ์ บั้งไฟเสี่ยงทาย การแข่งขันบั้งไฟแฟนซี และการแข่งขันจุดบั้งไฟขึ้นสูง รวมทั้งสิ้น 36 บั้ง ท่ามกลางความตื่นตาตื่นใจ ความสนุกสนาน การเอาใจช่วยลุ้นของพี่น้องประชาชนที่ไปชมการจุดบั้งไฟ

นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติซื้อบั้งไฟขนาดเล็กที่ไม่เป็นอันตรายเข้ามาจุดได้โดยเทศบาลเมืองยโสธรได้เตรียมที่จุดไว้ให้นักท่องเที่ยวได้จุดบั้งไฟเล็กโดยเฉพาะ

ชาวสวนทุเรียนโคราช น้ำตาตกเจอ3เด้ง ภัยแล้ง พายุถล่ม โจรขโมยผลแก่ ชอกช้ำสุด

นครราชสีมา- ชาวสวนทุเรียนเสิงสาง น้ำตาตก เจอปัญหา 3 เด้ง ภัยแล้งลูกร่วง พายุพัดถล่ม ถูกโจรตระเวนขโมยผลใหญ่ เสียหายหนัก ชอกช้ำสุดๆ

เมื่อวันที่ 13 พ.ค. 67 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นางสาวศิรประภา แบบกลาง ลูกสาวเจ้าของสวนทุเรียนทรัพย์บุญแสง ตั้งอยู่เลขที่ 73 หมู่ที่ 6 บ้านดงเย็น ต.เสิงสาง อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา ว่ามีแก๊งโจรตระเวนขโมยทุเรียนที่กำลังจะเก็บขาย ทำให้ได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 พ.ค. 67 ที่ผ่านมา ช่วงเวลา 19.00 น. ตรวจสอบพบทุเรียนพันธุ์หลงลับแล และหมอนทองภายในไร่ ถูกโจรขโมยตัดลูกใหญ่ๆ ที่แก่จัด ซึ่งทางไร่กำลังจะเก็บผลผลิตออกไปขาย ถูกขโมยไป โดยหัวขโมยเลือกเข้ามาตัดต้นที่อยู่กลางสวน ไม่ได้ตัดต้นที่อยู่ติดถนน เพราะกลัวชาวบ้านจะพบเห็น

จากการสำรวจความเสียหาย พบลูกทุเรียนถูกตัดไปเป็นน้ำหนักประมาณ 200 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 25,000 บาท คาดว่า คนร้ายจะใช้รถจักรยานยนต์พ่วงเข้ามาขนออกไป ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าว เป็นช่วงที่น้องชายของตนกลับบ้านไปอาบน้ำ และคนเฝ้าสวนออกไปตลาดซื้อกับข้าว ไม่มีใครอยู่ที่สวน แก๊งหัวขโมยน่าจะรู้ว่าช่วงเวลาไหนเจ้าของและคนเฝ้าสวนไม่อยู่ จึงอาศัยจังหวะที่ไม่มีคนเฝ้าเข้ามาขโมยตัดทุเรียนอย่างรวดเร็ว

นางสาวศิรประภา กล่าวว่า ที่ผ่านมา ตนได้ลาออกจากงานราชการเพื่อมายึดอาชีพเป็นชาวสวนทุเรียนแทน เพราะเห็นว่า ทุเรียนราคาดี โดยครอบครัวได้ลงทุนดูแลบำรุงรักษาต้นทุเรียนอย่างดีงติดตั้งระบบให้น้ำใหม่ เนื่องจากเจอปัญหาภัยแล้ง อากาศร้อนสูงกว่า 40 องศา ส่งผลให้ลูกทุเรียนแตกร่วงหล่น อีกทั้งยังเจอกับปัญหาพายุฤดูร้อนพัดถล่ม ทำให้ต้นทุเรียนหักโค่น ซึ่งเกษตรกรหลายสวนในอำเภอเสิงสาง ก็ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติดังกล่าว ครอบครัวตนก็ต้องลงทุนป้องกันทั้งใช้ลวดสลิงและเชือกมัดต้นและลูกทุเรียนป้องกันความเสียหายจากพายุที่อาจจะพัดถล่มอีก แต่ที่ชอกช้ำใจมากสุด คือ ถูกแก๊งหัวขโมยมาตระเวนขโมยทุเรียนในสวนไป ถือว่า ปีนี้เจอ 3 เด้งเลย

หลังเกิดเหตุ ตนได้แจ้งให้ผู้ใหญ่บ้าน ช่วยประกาศเสียงตามสาย เพื่อแจ้งเตือนเกษตรกรรายอื่นๆ ให้เฝ้าระวังโจรขโมยทุเรียนและผลผลิตทางการเกษตรชนิดอื่นๆ

นอกจากนี้ ครอบครัวจะได้ลงทุนจ้างช่างมาทำรั้วรอบสวนและติดตั้งกล้องวงจรปิด ตลอดจน เฝ้าระวังการลักลอบเข้ามาโจรกรรมทุเรียนของแก๊งโจรอีกตลอด 24 ชั่วโมง