“60 ปี แห่งความสำเร็จ รุ่งเจริญ จิวเวลรี่” ช่างทองไทย สู่แฟชั่นเหนือยุค ดีไซน์เวทีโลก

“รุ่งเจริญ จิวเวลรี่” ครองใจคนไทยมากว่า 60 ปี ด้วยความเชี่ยวชาญในการออกแบบและรังสรรค์เครื่องประดับและวัตถุมงคลที่ผสานศรัทธาในฝีมือดั้งเดิมเข้ากับดีไซน์ทันสมัย ทุกชิ้นงานสะท้อนความงดงาม ศักดิ์สิทธิ์ และสร้างมูลค่าเพิ่ม พร้อมรังสรรค์แฟชั่นไทยให้โดดเด่นเหนือระดับ เตรียมขยายตลาดสู่สายตาชาวโลกด้วยแนวคิด “พลังศรัทธาสู่แฟชั่นที่ทันสมัย” ผสานนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ และคุณภาพระดับลักชัวรี ทำให้ “รุ่งเจริญ” เป็นแบรนด์เครื่องประดับไทยที่ทั้งสวยงาม ทรงคุณค่า และพร้อมสร้างแรงดึงดูดในตลาดระดับโลก

นางสาวน้ำฝน บ่อแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ และนักออกแบบจิวเวลรี่ กล่าวว่า “รุ่งเจริญ จิวเวลรี่ คือเรื่องราวของความมุ่งมั่น ความคิดสร้างสรรค์ และความเชื่อมั่นที่สืบต่อมากว่า 60 ปี เริ่มต้นจากครอบครัวช่างฝีมือผู้บุกเบิกที่อพยพจากประเทศจีนมาสู่ประเทศไทย ภายใต้ชื่อแรกว่า ‘โอ้วเซ่งฮวด’ โดยเริ่มต้นจากการทำนาค (Pink Gold) ผลิตเข็มขัดนาคส่งให้ร้านทองทั่วไป เมื่อเวลาผ่านไปและความนิยมของนาคลดลง ครอบครัวจึงปรับตัวสู่การทำทองแท้ทั้งทอง 90% และทอง 100% โดยอาศัยความรู้ดั้งเดิมในการผสมและรีดทอง การเปลี่ยนผ่านครั้งนั้นถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ธุรกิจสามารถอยู่รอดและเติบโตอย่างมั่นคง”

“กว่า 6 ทศวรรษที่ผ่านมา รุ่งเจริญได้พิสูจน์ให้เห็นว่าการผสานศรัทธาเข้ากับแฟชั่นและนวัตกรรมการออกแบบคือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ เราเริ่มจากครอบครัวช่างฝีมือผู้บุกเบิก และสร้างชื่อเสียงด้วยการผลิตเข็มขัดนาค ก่อนพัฒนาสู่ทองแท้และเครื่องประดับคุณภาพสูง จนเกิดเป็นแบรนด์รุ่งเจริญที่มีเอกลักษณ์และความโดดเด่นในตลาด เป็นที่ยอมรับของทั้งชาวไทยและต่างชาติ”

นางสาวน้ำฝน กล่าวต่อว่า “สิ่งที่ทำให้รุ่งเจริญแตกต่าง คือความสามารถในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับวัตถุมงคล เราเริ่มต้นด้วยกลยุทธ์การร่วมมือกับวัด เพื่อนำวัตถุมงคลชื่อดังมาเลี่ยมกรอบทองและส่งต่อให้นักท่องเที่ยว ซึ่งกลายเป็นจุดขายที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ หรือ ‘Grand Core’ ที่เรายึดถือมาจนถึงทุกวันนี้ ผลิตภัณฑ์ของเราไม่ใช่เพียงกรอบพระธรรมดา แต่ถูกออกแบบให้สวยงาม เหมาะกับคนยุคใหม่ และบางชิ้นยังผ่านพิธีปลุกเสกเพื่อเพิ่มความศักดิ์สิทธิ์ เชื่อมโยงพลังศรัทธาสู่ดีไซน์ที่สร้างมูลค่าให้ผู้สวมใส่ เช่น ชุดพระ 12 นักษัตร ซึ่งถือเป็นสินค้าซิกเนเจอร์ของแบรนด์ สิ่งเหล่านี้ทำให้วัตถุมงคลดั้งเดิมของไทยมีชีวิตชีวาและสามารถเข้าถึงตลาดสากลได้อย่างลงตัว”

รุ่งเจริญดำเนินงานในฐานะโรงงานผลิตโดยตรง สามารถผลิตได้สูงสุดถึง 10,000 ชิ้นต่อวัน และรับงานสั่งทำพิเศษ (Make to Order/OEM) ตามความต้องการของลูกค้า ทั้งงานฝังเพชรหรือวัตถุมงคลเฉพาะทาง โรงงานของรุ่งเจริญช่วยให้สามารถควบคุมคุณภาพทองและราคาขายส่งได้อย่างเต็มที่ ผลิตโดยใช้ทองคำคุณภาพสูงในระดับ 75%, 80% และ 90% ซึ่งเทียบตามมาตรฐานทองคำไทย 96.5% รับประกันทองแท้ พร้อมนโยบายรับซื้อคืนตามราคาสมาคม และได้รับใบประกาศ “Buy with Confidence” จากกระทรวงพาณิชย์ สร้างความมั่นใจแก่ลูกค้าอย่างแท้จริง

ผลิตภัณฑ์ของรุ่งเจริญครอบคลุมตั้งแต่กรอบพระทองคำหลากหลายรูปแบบ พระเลี่ยมทองสำเร็จรูปผ่านพิธีปลุกเสก วัตถุมงคลดีไซน์เฉพาะ เช่น ชุดพระ 12 นักษัตร บริการสั่งทำพิเศษ (OEM) ขั้นต่ำ 50 ชิ้น รวมถึงเครื่องประดับแฟชั่น เช่น ต่างหูและสร้อยคอที่ออกแบบทันสมัย โดยสามารถปรับน้ำหนักทองเพื่อควบคุมราคาให้เหมาะสมได้ตามต้องการ

นางสาวน้ำฝน กล่าวปิดท้ายว่า “โมเดลธุรกิจของรุ่งเจริญเน้นการขายแบบ B2B มีทีมขาย 12 คน ครอบคลุมทุกภูมิภาคของไทย สัดส่วนการตลาดลูกค้าไทย 50% โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นร้านทองกว่า 300 แห่ง และต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วน 50% ครอบคลุมจีน ไต้หวัน ฮ่องกง เวียดนาม และสิงคโปร์ นอกจากนี้ เรายังใช้ช่องทางออนไลน์และโซเชียลมีเดีย เช่น LINE, Instagram และ Facebook เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าในการสั่งซื้อและติดตามข่าวสาร ทำให้แบรนด์สามารถเข้าถึงลูกค้าไทยและต่างประเทศได้อย่างทั่วถึง

ในอนาคต รุ่งเจริญตั้งใจรักษาฐานลูกค้าเดิมควบคู่กับการสร้างช่องทางจัดจำหน่ายใหม่ในตลาดต่างประเทศ การออกแบบที่ทันสมัยจะเป็นหัวหอกสร้างเอกลักษณ์ให้แบรนด์รุ่งเจริญเป็นที่รู้จักในฐานะผู้นำที่ผสานศรัทธาและแฟชั่นได้อย่างลงตัว อีกหนึ่งก้าวสำคัญของเรา คือการเข้าร่วมงาน JGAB 2026 ซึ่งเป็นโอกาสที่จะได้พบลูกค้าต่างชาติรายใหม่ เปิดตลาดยุโรปและเอเชีย และสร้างการรับรู้แบรนด์ของเราสู่สายตาชาวโลก งาน JGAB 2026 ไม่เพียงเป็นเวทีทางธุรกิจ แต่ยังเป็นโอกาสให้โลกได้เห็นศักยภาพและเอกลักษณ์ของวัตถุมงคลไทยที่ผสานศรัทธาและแฟชั่นได้อย่างลงตัว”

“รุ่งเจริญ จิวเวลรี่” คือมากกว่าร้านทองทั่วไป แต่คือสัญลักษณ์ของศรัทธา คุณภาพ และนวัตกรรม ทุกชิ้นงานสะท้อนประวัติศาสตร์กว่า 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น ความคิดสร้างสรรค์ และความเชื่อมั่น ที่แบรนด์ส่งต่อให้ผู้บริโภคทั้งไทยและต่างประเทศอย่างแท้จริง

ตรังฝนตกชุกแหล่งปลูกดอกไม้เสียหายหนักดันราคาพุ่ง

นายอมร โชติช่วง เกษตรกรปลูกดอกดาวเรือง ที่หมู่ที่ 9 ตำบลโคกหล่อ อำเภอเมือง จังหวัดตรัง  กำลังเร่งเก็บดอกดาวเรือง และคัดแยกขนาดดอกดาวเรือง เพื่อส่งขายให้กับพ่อค้าแม่ค้าในตลาด สำหรับนำไปจำหน่ายในวันนี้ (5 พ.ย.) ซึ่งตรงกับวันพระใหญ่ และวันลอยกระทง โดยเกษตรกร บอกว่า ปลูกเอาไว้ทั้งหมด 1,500 ต้น ตัดดอกได้ประมาณ 7,000-8,000 ดอก ราคาขายส่งดอกละ 1-2 บาท

ซึ่งดอกใหญ่หากนำไปขายเอง จากดอกละราคา 2 บาท จะได้เป็นดอกละ 5 บาท แต่ลอยกระทงปีนี้ดอกไม้มีไม่พอขาย โดยพ่อค้าแม่ค้าต้องสั่งเข้ามารวมๆ ประมาณ 6,000-7,000 ดอก แต่ตนมีให้แค่ประมาณ 4,000 ดอก เพราะต้องเก็บไว้ขายเองด้วย และดอกไม้ส่วนหนึ่งเสียหายจากฝนตกบ่อยด้วย ซึ่งราคาที่ได้ก็พอใจ เพราะเป็นราคาที่อยู่ได้ ไม่ได้มีการปรับราคาขึ้นแต่อย่างใด

 ส่วนทางด้านพ่อค้าแม่ค้าขายดอกไม้ และขายกระทง ทั้งกระทงสด และกระทงขนมปังในปีนี้ ต่างก็บอกว่า บรรยากาศซบเซา จึงสั่งมาจำหน่ายน้อยมาก เหลือประมาณ 3 ใน 4 ส่วนเท่านั้น โดยโรงเรียนต่างๆ รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเกือบทั้งหมด ก็งดการจัดกิจกรรม แม้ทางจังหวัดไม่ได้สั่งงดก็ตาม

  นางสุพร เทพทอง แม่ค้าขายกระทงขนมปัง บอกว่า ปีที่แล้วครึกครื้นมาก ขนมปังสั่งมา 17 ถุงใหญ่ ขายหมด แต่ปีนี้ลดเหลือ 11 ถุง แต่ก็ยังขายยาก ราคามีตั้งแต่ชิ้นละ 30-80 บาท โดยลดราคาลงทุกชิ้นๆ ละประมาณ 10-20 บาท เช่น จากชิ้นละ 40 บาท เหลือ 30 บาท, ชิ้นละ 50 บาท เหลือ 40 บาท, ชิ้น 100 บาท เหลือ 80 บาท เป็นต้น แต่ก็ยังห่วงว่าจะได้สักครึ่งหรือไม่ เพราะโรงเรียนต่างๆ ก็งดการจัด หรือจัดก็น้อย ไม่กี่โรง ทำแบบเล็กๆ

  ด้าน นายวรชาติ พุทธรักษา แม่ค้าขายกระทงขนมปังอีกราย บอกว่า ตนเองได้ไปเช่าพื้นที่ขายกระทงไว้แล้ว บริเวณสะพานคลองน้ำเจ็ด เพื่อจะขายกระทงขนมปัง แต่ปีนี้เขาลดงานริ่นเริง ไม่มีวงดนตรี ไม่มีรำวง จึงเตรียมกระทงไว้น้อยมาก ขณะที่ปีก่อนเตรียมดอกดาวเรืองไว้ประมาณ 2-3 พันดอก หรือกว่า 30 ถุง แต่ปีนี้สั่งมาน้อย

  เช่นเดียวกับ นายสุนทร เอี่ยมละม่อม พ่อค้าขายดอกไม้ และทำกระทงสดขาย บอกว่า ปีที่แล้วเตรียมกระทงเปล่าไว้ 200 กระทง ไว้รองรับนักเรียน ส่วนกระทงใส่ดอกไม้ เตรียมไว้ประมาณ 100 กระทง แต่ปีนี้เตรียมไว้น้อย ทั้งนี้ ปกติก่อนถึงวันลอยกระทง 2 วัน บรรยากาศก็คึกคักแล้ว แต่ปีนี้เงียบมาก ดอกไม้ในพื้นที่ก็มีน้อย เช่น ดอกดาวเรือง เพราะฝนตกหนักทำดอกไม้เสียหาย จึงต้องสั่งซื้อดอกไม้มาจากปากคลองตลาด กรุงเทพฯ แต่มีราคาแพงมาก 2-4 เท่าตัว

 เช่น ดอกบานไม่รู้โรย เมื่อประมาณ 5-6 วันก่อน ราคาอยู่ที่ กก.ละ 100 บาท มาวันนี้สั่งมาใหม่ราคาเป็น กก.ละ 500 บาทแล้ว หรือขึ้นถึง 5 เท่า ขณะที่ลอยกระทงปีที่แล้ว มีราคา กก.ละ 250 บาทเท่านั้น ส่วนดอกรัก วันนี้มีราคา กก.ละ 650 บาทแล้ว ขณะที่ปีที่แล้วมีราคาแค่ กก.ละ 150 บาทเท่านั้น และดอกมะลิ วันนี้มีราคา กก.ละ 1,800 บาท

ขณะที่ปีที่แล้วมีราคาแค่ กก.ละ 500 บาทเท่านั้น แต่ยังไงปีนี้ก็ขอขายไปตามนี้ก่อน ไม่เป็นไร ทุกคนเข้าใจสถานการณ์ จึงแค่ให้ได้ขายเท่านั้น ไม่ต้องมีกำไรมาก ประชาชนอยู่ได้ ตนก็อยู่ได้

โดย….คนิตา สีตอง

ชุมชนริมแม่น้ำสะแกกรังอุทัยธานีอ่วมน้ำเอ่อล้นจมรอบ 4

อุทัยธานี- ฝนตกน้ำเอ่อล้นทะลักท่วมชุมชน วัดโบราณสถานริมแม่น้ำสะแกกรัง อ.เมือง รอบปีนี้วัดถูกน้ำเอ่อเข้าท่วมมาแล้ว 4 ครั้ง เดือดร้อนหนัก

เมื่อวันที่  5 พ.ย  68 ผู้สื่อข่าวรายงาน สภาพอากาศแปรปรวนจนทำให้ฝนตกติดต่อในพื้นที่จังหวัดอุทัยธานีช่วงหลายวันที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดน้ำป่าในหลายพื้นที่อำเภอและส่งผลให้น้ำในแม่น้ำสะแกกรัง แม่น้ำสายหลักของจังหวัดเพิ่มสูงขึ้น ได้เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมวัดอุโปสถาราม โบราณสถานสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดอุทัยธานี ถูกน้ำท่วมสูง

รวมถึงพื้นที่ด้านหน้าวัดซึ่งติดกับแม่น้ำสะแกกรังถูกน้ำท่วม ส่งผลให้กิจในวัด กิจกรรมการท่องเที่ยว รวมถึงร้านค้าที่ค้าขายในพื้นที่วัดอุโบสถารามทั้งหมดต้องหยุดชะงัก ชาวบ้านระบุว่า ในรอบปีนี้วัดถูกน้ำเอ่อเข้าท่วมมาแล้ว 4 ครั้ง แต่ครั้งนี้นับว่าเอ่อท่วมระดับสูงกว่าก่อนหน้า โดยเฉพาะช่วงที่ผ่านมาน้ำท่วมสูงกว่า 20 เซนติเมตร

นอกจากนี้ชุมชนที่ตั้งริมแม่น้ำสะแกกรัง บ้านเรือนราษฎร ในพื้นที่ตำบลสะแกกรัง ตำบลท่าซุง และชุมชนพื้นที่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาในพื้นที่ตำบลหาดทนง ตำบลเกาเทโพ ก็ถูกน้ำเอ่อท่วมเป็นบริเวณกว้าง ประชาชนได้รับผลกระทบนับร้อยครัวเรือน เช่นกัน

ทั้งนี้  นายกฯ ปานัดฌา ไทยเศรษฐ์  นายกเทศบาลเมืองอุทัยธานี ได้แจ้งเตือนผ่านเฟสบุ๊ค ประชาสัมพันธ์เทศบาลเมืองอุทัยธานี  และทุกช่องทางให้พี่น้องประชาชนทุกท่าน ที้อยู่ริมแม่น้ำสะแกกรัง  เตรียมตัวเคลื่อนย้ายสิ่งของ  ยานพาหนะ ผู้ป่วยและคนชรา ไปยังที่ปลอดภัย

 หากต้องการขอความช่วยเหลือ สามารถแจ้งได้ที่  ศูนย์เฉพาะกิจช่วยเหลือน้ำท่วม ณ สนามบาสเทศบาลเมืองอุทัยธานีเบอร์ศูนย์ฯ  098-8006200

หากต้องการขอความช่วยเหลือ ขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง กระสอบทรายสามารถติดต่อได้ที่อาคารป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองอุทัยธานี โทร 056-511222 หรือ 199

ด้าน  จังหวัดอุทัยธานี ได้แจ้งเตือนสถานการณ์น้ำแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำสะแกกรัง  ขอให้ประชาชนที่อาศัยใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา ในพื้นที่ตำบลหาดทนง เกาะเทโพ น้ำซึม ท่าซุง และพื้นที่ติดแม่น้ำสะแกกรัง ในพื้นที่ตำบลสะแกกรัง พื้นที่เขตเทศบาลเมืองอุทัยธานี เตรียมรับมือกับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำสะแกกรัง อาจเอ่อล้นตลิ่งและน้ำยกตัวสูงขึ้นอีกโดยยกของขึ้นที่สูง รวมทั้ง นำสิ่งของมีค่าจัดเก็บไว้ในที่ปลอดภัย ระวังอันตรายจากกระแสไฟฟ้ารั่ว และดูแลกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง

 ทั้งนี้ ขอให้ติดตามข่าวสารทางราชการในพื้นที่อย่างใกล้ชิด

“เสธ.หมึก” มั่นใจสองล้อไทยคว้าอย่างน้อย 6 เหรียญทองศึกซีเกมส์

“เสธ.หมึก” เดินสายให้กำลังใจนักปั่นทีมชาติไทยทุกประเภท ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนลงสู้ศึกกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่นักกีฬา และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างน้อย 6 เหรียญทอง 

“เสธ.หมึก” พลเอกเดชา เหมกระศรี รองประธานสมาพันธ์จักรยานแห่งเอเชีย (ACC), ประธานสหพันธ์จักรยานแห่งอาเซียน (ACF) และนายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า จากการที่สมาคมกีฬาจักรยานฯ ได้ดำเนินการเก็บตัวฝึกซ้อมนักกีฬาทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ ครั้งที่ 33 มาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2567 ทั้งประเภทถนน, ลู่, เสือภูเขา และบีเอ็มเอ็กซ์ ซึ่งมีการนำวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาใช้อย่างเต็มรูปแบบ โดยมี พลตรี นายแพทย์ภูษิต เฟื่องฟู อุปนายกสมาคมกีฬาจักรยานฯ ฝ่ายแพทย์ เป็นหัวหน้าคณะในการนำทีมแพทย์และนักวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาดูแลนักกีฬาจักรยานทีมชาติไทยอย่างใกล้ชิด โดยนักกีฬาทุกประเภทจะต้องเข้ารับการทดสอบสมรรถภาพร่างกายตามระยะเวลาที่กำหนด มีการติดตามและประเมินผลอย่างละเอียด

พลเอกเดชา กล่าวว่า ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ตนเองได้ตระเวนเดินทางไปให้กำลังใจนักกีฬาทุกประเภทเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจ โดยก่อนหน้านี้ก็ได้ไปเยี่ยมนักกีฬาประเภทเสือภูเขา (ดาวน์ฮิล และอิลิมิเนเตอร์) ที่เก็บตัวฝึกซ้อมอยู่ที่สวนสัตว์เปิดเขาเขียว จังหวัดชลบุรี และในวันที่ 6 พฤศจิกายนนี้ ตนจะเดินทางไปเยี่ยมและให้กำลังใจนักกีฬาประเภทถนนซึ่งเก็บตัวฝึกซ้อมอยู่ที่จังหวัดนครนายก สำหรับการแข่งขันจักรยานประเภทถนนในกีฬาซีเกมส์ครั้งนี้มีชิงทั้งหมด 7 เหรียญทองจาก ทีมไทม์ไทรอัลชาย, ไทม์ไทรอัลบุคคลชาย, ไทม์ไทรอัลบุคคลหญิง, ไครทีเรียมหญิง, โรดเรซทีมชาย, โรดเรซบุคคลชาย และโรดเรซบุคคลหญิง ซึ่งสมาคมกีฬาจักรยานฯ ตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าประเภทถนนน่าจะคว้ามาได้อย่างน้อย 1-2 เหรียญทอง, ประเภทเสือภูเขา 2 เหรียญทอง, ประเภทบีเอ็มเอ็กซ์ 2 เหรียญทอง และประเภทลู่ 1 เหรียญทอง รวมแล้ว 6-7 เหรียญทอง

“สมาคมกีฬาจักรยานฯ ดูแลความเป็นอยู่นักกีฬาอย่างใกล้ชิด ทั้งเรื่องอาหารการกินต้องอุดมสมบูรณ์ถูกต้องตามหลักโภชนาการ เรื่องที่พักต้องมีความสะดวกสบาย เพื่อที่พวกเขาจะได้มีสมาธิในการฝึกซ้อม และต้องขอชื่นชมนักกีฬาจักรยานทีมชาติไทยทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นประเภทถนน ประเภทเสือภูเขา ประเภทบีเอ็มเอ็กซ์ และประเภทลู่ ทั้งทีมชาย และทีมหญิง ต่างก็มุ่งมั่นฝึกซ้อมอย่างหนักและจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งนี้ เพื่อสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทย ผมต้องขอแรงใจจากพี่น้องชาวไทยช่วยส่งกำลังใจให้แก่ทัพนักปั่นไทยทุกคนด้วยครับ” พลเอกเดชา กล่าว

ด้าน “โค้ชตั้ม” พ.อ.อ.วิสุทธิ์ กสิยะพัท รองประธานฝ่ายเทคนิคสมาคมกีฬาจักรยานฯ กล่าวว่า โอกาสที่นักปั่นประเภทถนนจะคว้าเหรียญทองน่าจะได้ลุ้นจาก 2 รายการแรกมากที่สุด คือ รายการทีมไทม์ไทรอัลชาย, ไทม์ไทรอัลบุคคลชาย นอกจากนั้นก็อาจจะได้เพิ่มจากโรดเรซทีมชาย รวมไปถึงไครทีเรียมหญิง ซึ่ง “บีซ” ร.อ.หญิง จุฑาธิป มณีพันธุ์ จะต้องสู้กับคู่ปรับเก่าคือ เหงียน ทิ ทัต จากเวียดนาม อยู่ที่ใครจะชิงจังหวะได้ดีกว่า สำหรับรายการโรดเรซทั้งชายและหญิงตนวางแผนว่าจะให้นักปั่นทั้งหมดปั่นเส้นทางแข่งขันจริงโดยเริ่มต้นจากสวนกีฬากมล ถนนสุวินทวงศ์ ผู้หญิงจะไปเข้าเส้นชัยที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า จังหวัดนครนายก ส่วนผู้ชายจะไปเข้าเส้นชัยที่สถานีรายงานเขาเขียว ของกองทัพอากาศ บริเวณผาตรอมใจ ภายในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เพื่อให้นักกีฬามีความคุ้นชินกับเส้นทาง

ขณะที่ “โค้ชบาส” พ.อ.อ.ภุชงค์ ซ้ายอุดมศิลป์ ผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย กล่าวว่า สำหรับแผนการฝึกซ้อมในช่วงนี้ก็จะเพิ่มความเข้มข้นการฝึกซ้อมให้กับนักกีฬาทีละนิดและจะไปหนักสุดในช่วงต้นเดือนธันวาคม จากนั้นก็จะเบาลงเพื่อให้นักกีฬามีความสดพอดีกับช่วงที่ลงแข่งขัน ตอนนี้ก็ให้นักกีฬาปั่นขึ้นเขาใหญ่ 6 วันต่อหนึ่งสัปดาห์ นอกจากนี้ก็ให้เล่นเวตเบา ๆ แต่ได้เน้นย้ำนักกีฬาว่าขอให้รักษาสุขภาพให้ดีเนื่องจากต้องเจอกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ใน 1 วันอาจจะต้องทั้งฝนทั้งแดดและสภาพอากาศหนาวที่บนเขาใหญ่อีก

“ส่วนความหวังในการคว้าเหรียญทองผมมั่นใจว่าเราน่าจะได้ลุ้นจากรายการทีมไทม์ไทรอัลชาย กับ ไทม์ไทรอัลบุคคลชาย ซึ่งมีโอกาสสูงสุด เพราะนักกีฬาทำเวลาได้ดีมาก นอกจากนี้ก็หวังลุ้นเพิ่มจากโรดเรซทีมชาย, โรดเรซบุคคลชาย และไครทีเรียมหญิง ที่มี ร.อ.หญิง จุฑาธิป เป็นตัวสปรินท์หลักของทีมไทย หากไม่มีเหตุสุดวิสัย ไม่เจ็บไม่ป่วย ผมเชื่อว่าจุฑาธิปก็มีโอกาสสูงถึง 90% ในการคว้าเหรียญทอง” โค้ชภุชงค์กล่าว

สำหรับนักกีฬาทีมชาติไทยประเภทถนน ทีมชายจำนวน 9 คน ประกอบด้วย พ.อ.อ.พีระพล ชาวเชียงขวาง, ส.อ.ธนาคาร ไชยยาสมบัติ, ร.ต.ท.นวุติ ลี้พงษ์อยู่, จ.ต.นพชัย กล้าหาญ, จ.ต.รัชชานนท์ เยาวรัตน์, จ.ต.ตุลธร โสสลาม, จ.ส.อ.ณัฐพล จำชาติ, นายติณพัฒน์ เมืองเดช และ ส.ท.สราวุฒิ ศิริรณชัย / ทีมหญิงจำนวน 7 คน ประกอบด้วย ร.อ.หญิง จุฑาธิป มณีพันธุ์, ส.อ.หญิง เพชรดารินทร์ สมราช, ส.ท.หญิง ชนิภรณ์ บัตริยะ, ส.อ.หญิง ศุภักษร นันตะนะ, พ.ท.หญิง จันทร์เพ็ง นนทะสิน, น.ส.กมลรดา ขาวปลอด, น.ส.รุ่งนภา กุศล.

ภ.1 รวบ 8 ผู้ต้องหาเครือข่ายฟอกเงินแก๊งสแกมเมอร์ข้ามชาติ โยกฐานจากกัมพูชามาไทย

ภ.1 รวบ 8 ผู้ต้องหาเครือข่ายฟอกเงินแก๊งสแกมเมอร์ข้ามชาติ พร้อมยึดเงินสดกว่า 8 แสนบาท พบโยกฐานปฏิบัติการจากกัมพูชามาไทย

พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง แถลงผลการจับกุม 8 ชาวไทยเครือข่ายฟอกเงินให้แก๊งสแกมเมอร์ ซึ่งมีทั้งผู้ทำหน้าที่ควบคุมและสั่งการ , ผู้จัดหาและควบคุมบัญชีม้า และเจ้าของบัญชีม้า พร้อมตรวจยึดของกลางได้หลายรายการ ประกอบด้วย เงินสดจำนวน 846,800 บาท , บัญชีธนาคาร 13 บัญชี , บัตรกดเงินเงินสด 14 ใบ , โทรศัพท์มือถือ 18 เครื่อง , ซิมโทรศัพท์มือถือ 23 ซิมและเครื่องนับธนบัตร 1 เครื่อง

สืบเนื่องจากตำรวจสืบสวนทราบว่า มีกลุ่มบุคคลรวมตัวกันจัดหาบัญชีมา เพื่อรับเงินจากกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ระหว่างประเทศ โดยมีหัวหน้าชาวจีนคอยสั่งการหญิงชาวไทยให้จัดหากลุ่มบุคคลที่จะรับโอนเงินจากการหลอกลวง ก่อนนำเงินสดไปเปลี่ยนเป็นสกุลเงินคริปโตเคอเรนซี่แล้วโอนให้หัวหน้าชาวจีน

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ย้ายฐานสแกนหน้าจากประเทศกัมพูชามาดำเนินการในประเทศไทยตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2568 ที่ผ่านมาเนื่องจากปัญหาชายแดน ซึ่งจะคอยถอนเงินสดส่งให้ผู้จ้างวานเฉลี่ยวันละ 1-2 ล้านบาท และได้ค่าตอบแทนเหมารวมร้อยละ 4 ของยอดถอนเงิน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่ามีผู้เสียหายโอนเงินให้ผู้ต้องหากลุ่มนี้ 6 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 300,000 บาท โดยจะมีการติดตามเงินคืนให้แก่ผู้เสียหายตามโครงการ Money cash back  ให้ผู้เสียหายต่อไป

พ่อค้าแม่ค้ายิ้มร่าลูกค้าแห่สแกนจ่าย “คนละครึ่งพลัส”ดันยอดขายคึกคัก เงินสะพัดสงขลา

บรรยากาศที่ตลาดเกษตรกรจังหวัดสงขลา ซึ่งเปิดจำหน่ายทุกวันอังคารและวันศุกร์ ยังคงได้รับความนิยมอย่างสูงจากประชาชน โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก เนื่องจากตลาดแห่งนี้สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคมายาวนาน ด้วยการจำหน่ายสินค้าจาก ‘เกษตรกรตัวจริง’ ที่นำพืชผักผลไม้สดจากสวนมาขายโดยตรง

ลูกค้าส่วนใหญ่แห่มาจับจ่ายเพราะมั่นใจว่าผลผลิตที่นำมาขายเป็นสินค้าปลอดสารพิษ และได้รับการรับรองคุณภาพ จากสำนักงานเกษตรจังหวัดสงขลา นอกจากนี้การขายตรงถึงมือผู้บริโภคโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ยังส่งผลให้ราคาสินค้าถูกกว่าในท้องตลาดทั่วไป ร้านค้าทุกร้านในตลาดเกษตรกรจังหวัดสงขลาได้เข้าร่วมโครงการ ‘คนละครึ่งพลัส’ อย่างพร้อมเพรียง

นายอารีย์ วงศ์อริราช อายุ 69 ปี พ่อค้าในตลาดเกษตรกร กล่าวว่า โครงการคนละครึ่งส่งผลดีอย่างมาก ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 50% จาก 100% เป็น 150% ตนอยากให้มีโครงการนี้ต่อไป เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มยอดขายให้กับพ่อค้าแม่ค้าเกือบทุกร้าน

ด้านลูกค้าที่มาใช้บริการต่างชื่นชมโครงการนี้ว่า ‘โครงการคนละครึ่งดีมากสำหรับประชาชนทั่วไป ทำให้เงินสะพัดดีมาก ร้านค้าทุกร้านขายดีมาก ได้ซื้อของมาใช้จ่ายอย่างมีความสุข เป็นนโยบายที่เห็นด้วย เพราะทุกคนมีสิทธิ์ใช้จ่ายเงินในชีวิตประจำวัน… ข้าวต้มปลาถ้วยละ 100 บาท ก็เหลือ 50 บาท รัฐบาลช่วย อันนี้ดี’

ตลาดเกษตรกรจังหวัดสงขลา ภายใต้แนวคิด ‘เกษตรกรจริงๆ ทุกสิ่งปลอดภัย’ เปิดจำหน่ายทุกวันอังคารและวันศุกร์ เวลา 06.30 น. ถึง 11.00 น. ณ บริเวณด้านข้างสำนักงานเกษตรจังหวัดสงขลา เขตเทศบาลนครสงขลา

เกาหลีใต้ทุ่มงบ7พันล.เหรียญฯตั้งเป้ามหาอำนาจอับ3ของโลกรองจากสหรัฐฯ-จีน

เกาหลีใต้ประกาศเพิ่มงบ 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯหรือ 3 เท่าตัวงบประมาณรายจ่ายด้านเอไอ เพื่อผลักดันประเทศสู่สถานะมหาอำนาจปัญญาประดิษฐ์อันดับ 3 ของโลก รวมทั้งยังเล็งเพิ่มงบประมาณกลาโหมสูงสุดในรอบ 6 ปีตามแผนปรับปรุงระบบอาวุธและกองทัพสู่ความทันสมัยและลดการพึ่งพิงอเมริกา

ประธานาธิบดีอี แจ-มยองของเกาหลีใต้ แถลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2026 ต่อรัฐสภา โดยระบุว่า ยอดใช้จ่ายโดยรวมจะเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณปัจจุบัน 8.1% เป็น 728 ล้านล้านวอน (506,000 ล้านดอลลาร์) ซึ่งถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์

อี แจ-มยอง กล่าวว่า เวลานี้เกาหลีใต้ยังคงเผชิญช่วงเวลาสำคัญสำหรับ “ความอยู่รอดของประเทศชาติ” ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของระเบียบการค้าโลกและคลื่นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ)

ผู้นำเกาหลีใต้เสริมว่า รัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณ 10.1 ล้านล้านวอน (7,000 ล้านดอลลาร์) สำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เพื่อส่งเสริมการประมวลผลด้วยเอไอและศักยภาพการผลิต โดยมุ่งเน้นอุตสาหกรรม เช่น เซมิคอนดักเตอร์ รถยนต์ การต่อเรือ และหุ่นยนต์ ภายใต้เป้าหมายในการนำพาเกาหลีใต้สู่ตำแหน่งมหาอำนาจเอไออันดับ 3 ของโลก รองจากอเมริกาและจีน

ทั้งนี้ งบประมาณในส่วนนี้ 2.6 ล้านล้านวอนจะลงทุนในการนำเอไอเข้าสู่ชีวิตประจำวันของผู้คนและภาคอุตสาหกรรม ขณะที่อีก 7.5 ล้านล้านวอนจะนำไปใช้ในการพัฒนาทักษะและการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน โดยที่ อี ยังตั้งข้อสังเกตว่า งบประมาณเอไอสำหรับปีหน้าสูงเป็น 3 เท่าตัวของปีนี้

เกาหลีใต้เป็นบ้านเกิดของบริษัทผู้ผลิตชิปหน่วยความจำชั้นนำของโลก 2 แห่งคือ ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ และ เอสเค ไฮนิกซ์ โดยชิปเหล่านี้ก็ครอบคลุมถึงพวกเซมิคอนดักเตอร์ซึ่งมีความสำคัญสำหรับผลิตภัณฑ์เอไอและศูนย์ข้อมูล

ก่อนหน้านี้ เจนเซน หวง ซีอีโอ ของอินวิเดีย บริษัทชิปเอไอรายยักษ์ของอเมริกา เพิ่งประกาศแผนจัดหาชิปหน่วยประมวลผลกราฟิก (จีพียู) 260,000 ชุดให้พวกบริษัทใหญ่ของแดนโสมขาวอย่าง ซัมซุง, เอสเค กรุ๊ป, ฮุนได มอเตอร์ กรุ๊ป และ เนเวอร์ พร้อมแสดงความเห็นว่า เป้าหมายในการขึ้นเป็นมหาอำนาจเอไอโลกอันดับ 3 ของเกาหลีใต้ไม่ใช่เรื่องไกลเกินจริง เนื่องจากประเทศนี้มีทั้งเทคโนโลยี ความเชี่ยวชาญด้านซอฟต์แวร์ และความสามารถในการสร้างโรงงานผลิต

สำหรับร่างงบประมาณประจำปีใหม่ของเกาหลีใต้ ยังมีการจัดสรรเงินเพิ่มให้แก่การใช้จ่ายด้านการทหารขึ้นอีก 8.2% จากปีนี้ เป็น 66.3 ล้านล้านวอน ซึ่งหากผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาจะถือเป็นการเพิ่มงบประมาณกลาโหมสูงที่สุดนับจากปี 2019 โดย อี ตั้งข้อสังเกตว่า งบประมาณการทหารของเกาหลีใต้สูงกว่ามูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของเกาหลีเหนือถึง 1.4 เท่า และกองทัพเกาหลีใต้ถือเป็นกองทัพที่แข็งแกร่งอันดับ 5 ของโลก

รัฐบาลเกาหลีใต้ต้องการปฏิรูปจากระบบอาวุธดั้งเดิมให้เป็นระบบอาวุธล้ำสมัย ที่รวมถึงการนำเทคโนโลยีเอไอมาใช้ เพื่อปรับเปลี่ยนกองทัพเป็นกองกำลังอัจฉริยะที่พึ่งพิงตัวเองได้มากขึ้น และลดการพึ่งพิงอเมริกา

ฝนถล่มเหมืองแม่เมาะดินสไลด์ อาคาร-ทรัพย์สิน 4 บริษัทเสียหายยับนับร้อยล้าน

ลำปาง – ราบพนาสูร..เผยสภาพความเสียหายหลังที่ทิ้งดินเหมืองแม่เมาะทรุดสไลด์ตัว ทำอาคารสำนักงาน-ทรัพย์สิน บริษัทสหกลอิควิปเม้นท์-เครือข่าย ผู้รับจ้างขุด-ขนดิน พังถล่มแทบราพนาสูร แถมสายพานลำเลียงอิตัลไทยเสียหายด้วย คาดรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 100 ล้าน ล่าสุดผู้บริหาร กฟผ.แม่เมาะ-หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังเข้าจุดเกิดเหตุไม่ได้

ความคืบหน้ากรณีที่ทิ้งดินด้านตะวันตกของเหมืองแม่เมาะ ในพื้นที่หมู่ที่ 6 ต.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง เกิดการสไลด์ตัวลงมา ทำให้อาคารสำนักงานบริษัท สหกลอิควิปเม้นท์ จำกัด ผู้รับจ้างขุด-ขนดินและถ่านหินเหมืองแม่เมาะ ซึ่งก่อสร้างอยู่บนเนินที่ทิ้งดิน ความสูงกว่าระดับน้ำทะเล 500 เมตร พังถล่มทั้งหมด ทรัพย์สินต่างๆ รถยนต์ รถลำเลียงดิน รถตู้ หม้อแปลงขนาดใหญ่ของบริษัท ประมาณ 3 ตัว ระเบิดจนเกิดไฟไหม้ ตั้งแต่ 04.10 น.เศษวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา

ล่าสุด กฟผ.แม่เมาะได้มีแถลงการณ์ฉบับที่ 1 ระบุว่า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง ตรวจพบการเคลื่อนตัวของมวลดินและเกิดดินสไลด์บริเวณที่ทิ้งดิงฝั่งตะวันตกด้านใต้ (SW Dump) ส่งผลให้อาคารสำนักงาน บริษัท สหกลอิควิปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) และทรัพย์สินบางส่วนได้รับความเสียหาย แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต และไม่ส่งผลกระทบต่อการจ่ายไฟในพื้นที่ภาคเหนือแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ผู้บริหาร กฟผ.แม่เมาะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง นายอำเภอแม่เมาะ ป้องกันจังหวัดลำปาง ผู้บริหารท้องถิ่นในพื้นที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ควบคุมพื้นที่ และลงพื้นที่ตรวจสอบโดยละเอียด แต่ไม่สามารถเข้าใกล้จุดสไลด์ได้เนื่องจากเกรงอันตราย เพราะดินจากที่ทิ้งดินยังคงสไลด์ลงมาต่อเนื่อง ซึ่งความเสียหายต่างๆ อยู่ระหว่างการสำรวจ

อย่างไรก็ตาม นายสมชาติ รักษ์สองพู ผู้ใหญ่บ้านบ้านกลาง ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า..ดินสไลด์ที่แม่เมาะ นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ชาวบ้านที่อยู่ใกล้ที่ทิ้งดิน่ขออพยพออกจากพื้นที่ เพราะมาตรฐานความปลอดภัยไม่มี ขออนุญาตเจ้าของภาพด้วยนะครับ..คุณสายทอง วงค์แก้วมูล พร้อมภาพเผยพื้นที่ที่เกิดดินสไลด์ที่ทำให้เกิดความเสียหายยับเยินเป็นบริเวณกว้าง

จากการสอบถามพนักงานของบริษัทฯ รายหนึ่งเมื่อเห็นภาพความเสียหาย ระบุว่า จุดที่เกิดเหตุมีทั้งอาคารและทรัพย์สินของบริษัท สหกลอิควิปเม้นท์ จำกัด หจก.วัลกาญจน์ฯ บริษัทพรประสิทธิ์ฯ และสายพานลำเลียงของบริษัทอิตาเลียนฯ เสียหาย ซึ่งเมื่อดูความเสียหายแล้วคาดว่าน่าจะเกินกว่า 100 ล้านบาท

‘เจอร์ไฮ – จินนี่’ ชูนวัตกรรมและคุณภาพอาหารเลี้ยงระดับพรีเมียมขับเคลื่อนแบรนด์ไทยสู่เวทีโลก

บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เพ็ทฟู้ด จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยงแบรนด์ ‘เจอร์ไฮ’ (JerHigh) และ ‘จินนี่’ (Jinny) คว้าอันดับ 1 ขนมสัตว์เลี้ยงในอาเซียน ติด Top 10 เอเชีย และ Top 20 ของโลก* ร่วมแสดงศักยภาพความเป็นผู้นำตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงระดับสากล ภายในงาน Pet Fair South East Asia 2025 งานแสดงสินค้าธุรกิจสัตว์เลี้ยงที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ ‘เจอร์ไฮ ไทย เทสต์’ สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นไทย และ ‘จินนี่ นูริช’ อาหารแมวเปียกเกรดซูเปอร์พรีเมียมแบบซอง

การเข้าร่วมงานครั้งนี้สะท้อนถึง ความมุ่งมั่นของบริษัทในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่ตอบโจทย์ทั้งโภชนาการและความสุขของสัตว์เลี้ยง พร้อมยกระดับมาตรฐานสากลและเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลสัตว์เลี้ยงทั่วโลกให้มีสุขภาพแข็งแรงและชีวิตที่มีความสุขในทุกวัน นอกจากนี้ ยังต่อยอดด้วยกลยุทธ์ “Premiumization + Localization” ที่ผสมผสานอาหารสัตว์เลี้ยงคุณภาพพรีเมียมระดับโลกเข้ากับเอกลักษณ์ความเป็นไทย เพื่อสร้างความแตกต่างและความแข็งแกร่งให้แบรนด์

ไฮไลท์ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่นำมาจัดแสดง ได้แก่ ‘เจอร์ไฮ ไทย เทสต์’ (JerHigh Thai Taste) ภายใต้แนวคิด “กลิ่นหอม รสชาติไทยแท้ สุนัขชอบ คนจำได้” สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นไทย มุ่งเจาะตลาดพรีเมียมในเอเชียและตะวันออกกลาง เตรียมเปิดตัวเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 1 ปี 2569 และ ‘จินนี่ นูริช’ (Jinny Nourish) อาหารแมวเปียกเกรดซูเปอร์พรีเมียมแบบซองพัฒนาสูตรเฉพาะสำหรับแต่ละช่วงวัยของแมว โดยใช้ส่วนผสมจากปลาทูน่าธรรมชาติและเนื้อไก่สดคุณภาพสูง ปราศจากกลูเตนและข้าวสาลี ตอบสนองเทรนด์ “Functional Nutrition” โภชนาการเพื่อการดูแลสุขภาพเฉพาะด้านที่เติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดโลก

 นายกิติศักดิ์ ลิ้มอำไพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เพ็ทฟู้ด จำกัด กล่าวว่า “เราภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงของไทยสู่ตลาดโลก พร้อมต่อยอดศักยภาพความเป็นผู้นำในอาเซียน ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และมีคุณค่าทางโภชนาการ ควบคู่กับการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา อนาคตของอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงจะขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม และประสบการณ์ใหม่ ทั้งสำหรับสัตว์เลี้ยงและเจ้าของ เราจึงนำเอกลักษณ์ความเป็นไทย โดยเฉพาะอาหารไทยซึ่งเป็น Soft Power ที่ทั่วโลกรู้จัก มาผสานเข้ากับนวัตกรรม เพื่อสร้างความแตกต่าง เสริมความภูมิใจในแบรนด์ไทย และขยายโอกาสสู่ตลาดพรีเมียมทั่วโลกอย่างยั่งยืน”

 ปัจจุบันแบรนด์ เจอร์ไฮ และ จินนี่ มีจำหน่ายในกว่า 31 ประเทศทั่วโลก ครอบคลุมกว่า 4,000 ร้านค้า โดยยังคงยึดมั่นในมาตรฐานคุณภาพระดับโลก ตั้งแต่การคัดสรรเนื้อไก่คุณภาพสูงจาก ซีพีเอฟ (CPF) ที่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยระดับเดียวกับอาหารสำหรับนักบินอวกาศ ผ่านกระบวนการอบแห้งอุณหภูมิต่ำเพื่อคงคุณค่าทางโภชนาการ โดยไม่เติมเกลือและไม่ใส่วัตถุกันเสีย สะท้อนถึงการผสมผสานระหว่าง คุณภาพ ความปลอดภัย และนวัตกรรมด้านอาหารสัตว์เลี้ยง ภายใต้วิสัยทัศน์ของบริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เพ็ทฟู้ด จำกัด ที่มุ่งเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยสู่ตลาดโลก

ชาวปราจีนฯฮิตทำกระทงวัสดุธรรมชาติเน้นรักษ์สิ่งแวดล้อมถวายความอาลัย

ปราจีนบุรี – ก่อนวันลอยลอยกระทงชาวบ้านทำกระทงคึกคักเน้นรักษ์สิ่งแวดล้อมพร้อมๆร่วมพิธีแสดงความอาลัยพร้อมใจกันยืนสงบนิ่ง เพื่อถวายความอาลัยและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงท่ามกลางปรากฏการณ์ดวงจันทร์ใกล้โลกใหญ่ที่สุดในรอบปีพบป้าทำกระทงเตรียมขายโหมทั้งวันเพื่อหารายได้เสริมนำเงินไปรักษาแมวป่วยลูคีเมียและค่าอาหารแมวที่เลี้ยงอีก 20 ตัว

เมื่อเวลา 17.50 น.วันที่ 4 พ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ปราจีนบุรีบรรยากาศก่อนวันลอยกระทงพบหลายพื้นที่ร่วมกันทำกระทงและจัดทำสถานที่เตรียมลอยกระทงตามวัดต่างๆในวนเพ็ญขึ้น15 ค่ำเดือน 12 ที่ดวงจันทร์ใกล้โลกที่สุดในรอบปี

พบว่าส่วนใหญ่เน้นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโดยการทำกระทงจากการนำวัสดุธรรมชาติที่ย่อยสลายง่าย และหันมานิยมทำกระทงอาหารปลาหลากหลายรูปแบบ อาทิ  ในพื้นที่ อ.ศรีมหาโพธิ ย่านที่ตั้งนิคมอุตสาหกรรม 304 หรือย่านโรจนะ(ใหม่) ได้มีการนำอาหารปลามาประดิษฐ์เป็นรูปร่างกระทงทรงต่างๆ ทั้งรูปกระทง  ปลา เต่า จระเข้ ซึ่งนำขนมปังอาหารปลาที่วัตถุดิบทำมาจากข้าวโพดมาประดิษฐ์ทำเป็นรูปกระทง

โดยใช้เวลาทำกระทง3 นาที/ชิ้นก็จะได้ก็คงอาหารป่ารูปร่างต่างๆแล้ว การนำอาหารปลามาทำเป็นกระทงด้วยวิธีการง่ายๆ ซื้ออาหารปลามาจากร้านค้า 2-3 สีให้สีแตกต่างตัดกัน ถุงละราว 50-100 บาท จากนั้นนำมาใส่ภาชนะแล้วนำอาหารปลารูปทรงกลมชุบน้ำหมาดๆ และนำมาวางไว้ใส่ภาชนะวางเรียงเป็นชั้น 2 ถึง 3 ชั้น เพื่อเป็นแบบหรือขึ้นรูปทรงเป็นทรงกลม แล้วทำเป็นรูปร่างทรงกระบอกไว้สำหรับเสียบธูปเทียนแค่นี้ก็สำเร็จแล้ว จะขายกระทงอาหารปลาใบละต่ำสุดเพียง 20บาท และ40 บาท

ขณะที่วัดหาดสูง ต.หาดนางแก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี   ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านในชุมชนร่วมกันออกมาทำกระทงไว้สำหรับสืบสานประเพณีวันลอยกระทงวันพรุ่งนี้(5พ.ย.) ซึ่งเน้นทำกระทงอาหารปลา และมะละกอ ซึ่งหาได้จากตามบ้านเรือน  โดยนำมะละกอกำลังจะแก่มาขวางเป็นชิ้นบางๆ จะมีสีเหลืองอ่อนแล้วนำมาประกอบเป็นกระทง

นายสุวิทย์ ลาเจริญ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ต.หาดนางแก้ว กล่าวว่า ในวันนี้ชาวบ้านหมู่ที่ 3 ร่วมกันออกมาทำกระทงเพื่อที่จะลอยกระทงในวันพรุ่งนี้ในแม่น้ำปราจีนบุรี ทางวัดได้จัดเตรียมสถานที่ให้ประชาชนมาร่วมสืบสานลอยกระทงในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 12 พร้อมเกิดปรากฏการณ์ดวงจันทร์ใกล้โลกที่สุดในรอบปี 

ในวันพิธีลอยกระทง  จะมีพิธีแสดงความอาลัยพร้อมใจกันยืนสงบนิ่ง เพื่อถวายความอาลัยและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และ  แจกโบว์สีดำให้กับประชาชนที่มาร่วมลอยกระทงฟรีทุกคน จากนั้นเจ้าอาวาสจะเป็นประธานในพิธีผู้นำลอยกระทงที่ท่าน้ำวัดหาดสูงถวายเป็นพุทธบูชาและขออภัยต่อพระแม่คงคาตามประเพณีที่สืบทอดกันมาแต่โบราณกาล จึงขอเชิญทุกท่านมาร่วมงานลอยกระทงในวันพรุ่งนี้(5พ.ย.) พร้อมเกิดปรากฏการณ์ดวงจันทร์ใกล้โลกที่สุดในรอบปี นายสุวิทย์กล่าว

ขณะที่ นางณัฐนันท์ อายุ 69 ปี ชาวตำบลดงขี้เหล็ก อำเภอเมืองปราจีนบุรี กล่าวว่า ทั้งคืน-วันนี้ตนเองได้ประดิษฐ์กระทงขนมปัง ซึ่งเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อม นำไปลอยแล้วย่อยสลายง่ายเป็นอาหารสัตว์น้ำได้ เพื่อหารายได้เสริมในช่วงลอยกระทง โดยจะนำไปขายที่หนองปลาแขยง (อุทยานกบินทร์เฉลิมราชย์) เป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ ต.เมืองเก่า อ.กบินทร์บุรี 

ซึ่งเงินกำไรที่ได้จะนำมาเป็นทุนสำหรับค่ารักษาแมวที่เลี้ยงไว้เพศผู้ตัวหนึ่งชื่อ “เจ้าเสือดำ” เกิดล้มป่วยเป็นลูคีเมีย (Leukemia) หรือ มะเร็งเม็ดเลือดขาว  และเป็นค่าอาหารแมวตัวอื่นที่เลี้ยงไว้ รวม 20 ตัว ในการร่วมอนุรักษ์และสืบสานประเพณีที่ดีด้วย นางณัฐนันท์กล่าว

โดย…มานิตย์ สนับบุญ-ข่าว/ทองสุข สิงห์พิมพ์-ภาพ / ปราจีนบุรี###