ต่างชาติแห่ซื้อ!! “จุรินทร์” เปิด Bangkok RHVAC 2022 และ Bangkok E&E 2022 “ขายแอร์-เครื่องใช้ไฟฟ้าไทย” 3 วันได้แล้วกว่า 8,500 ล้าน คนแน่นไบเทคบางนา

วันที่ 9 กันยายน 2565 เวลา 14.00 น.
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในพิธีแถลงความสำเร็จของอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศ เครื่องทำความเย็น และเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ “Thai Industry’s Export Achievement Ceremony” ในงานแสดงสินค้าเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น (Bangkok RHVAC 2022) และงานแสดงสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (Bangkok E&E 2022) ที่บริเวณโถงด้านหน้าอาคาร 103 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค (BITEC)

นายจุรินทร์ กล่าวว่า อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์มีความสำคัญอย่างมากต่อเศรษฐกิจไทยเพราะก่อให้เกิดความสร้างงานในประเทศมากกว่า 640,000 คนสร้างรายได้จากการส่งออกมากกว่า 2 ล้านล้านบาท 7 เดือนแรกของปีนี้ สามารถส่งออกได้แล้วถึง 1.4 ล้านล้านบาท ปัจจุบันประเทศไทยถือว่าเป็นฐานการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก การส่งออกเฉพาะเครื่องปรับอากาศเป็นอันดับ 2 ของโลก และส่งออกเครื่องทำความเย็น ทั้งตู้เย็น ห้องแช่ ห้องเย็น เป็นอันดับ 6 ของโลก เพราะเราสามารถได้ผลิตครบวงจร ทางต้นน้ำและปลายน้ำ รวมถึงการคิดค้นนวัตกรรม สำหรับปีนี้งานแสดงสินค้าเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น (Bangkok RHVAC 2022) และงานแสดงสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (Bangkok E&E 2022) ถือว่ากลับมาจัดในรูปแบบปกติในรอบ 3 ปี ภายใต้แนวคิด “ONE STOP SOLUTIONS – New Innovations for New Global Challenges”
มาที่เดียวจะมีครบทุกผลิตภัณฑ์ ปีนี้ถือว่าเป็นปีที่ประสบความสำเร็จ เพราะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 100 บริษัท 400 คูหา

“คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานทั้งจากในประเทศและต่างประเทศไม่ต่ำกว่า 5,000 ราย และตั้งเป้าหมายว่าจะสามารถสร้างมูลค่าไม่ต่ำกว่า 9,000 ล้านบาทภายในหนึ่งปี แต่แค่จัดงานนี้ 3 วันขายได้ไปแล้ว 8,500 ล้านบาท ซึ่งภายในงานมีการมอบรางวัล THE BEST OF RHVAC AND E&E PRODUCT AWARD 2022 ซึ่งจะช่วยส่งเสริมอุตสากรรมให้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อครองความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมได้ในตลาดโลกต่อไป”รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าว

ข้อมูลจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศระบุว่า โดยผู้ที่ได้รับคัดเลือกเข้ารับรางวัล THE BEST OF RHVAC AND E&E PRODUCT AWARD 2022 ซึ่งเป็นที่สุดของผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสินค้าประเภทต่างๆ 5 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ V-MER Smart Vibration Analyzer เครื่องวัดวิเคราะห์การสั่นสะเทือน จากบริษัท อีควิตี้ เซอร์วิสเซส แอนด์ โซลูชั่นส์ จำกัด รับรางวัล New Innovation Product Award แผ่นฉนวนทนไฟ IXL (IXL FR Panel) จากบริษัท ไอเอ็กซ์แอล จำกัด รับรางวัล Environmentally Friendly Product Award เครื่องปรับอากาศโซล่าเซลล์ จากบริษัท สตาร์ (ประเทศไทย) จำกัด รับรางวัล Energy Saving Product Award เครื่องกรองอากาศประสิทธิภาพสูง (Filtreat Filtration Unit) จากบริษัท 3วี เอ็นจิเนียริ่ง โซลูชั่น จำกัด รับรางวัล New Normal Product Award และ WindFree Premium Plus จากบริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด รับรางวัล IoT System Product Award โดยภายในงานมีพร้อมด้วยนายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประธานและกรรมการกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น ประธานและกรรมการกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เข้าร่วมด้วย

นายอำเภอพุทธมณฑล เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการ ภายใต้การพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ(พชอ.)

ดร.กิตวิชัย ไชยพรศิริ นายอำเภอพุทธมณฑล เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการ การพัฒนาคุณภาพชีวิตอำเภอพุทธมณฑล ภายใต้การพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ(พชอ.)เพื่อเตรียมความพร้อมในการพัฒนาครอบคลุม4ด้าน อาทิ ด้านเศรษฐกิจ ด้านชุมชน_สังคม ด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมโดยได้รับเกียรติจากผศ.ดร. อาภา ภัคภิญโญ ผู้ทรงคุณวุฒิ บรรยายพิเศษให้ความรู้ถึงทิศทางและแนวทางในการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุดทั้งนี้ประธานคณะอนุกรรมการทั้ง4คณะก็ได้นำข้อของกลุ่มเพื่อร่วมการขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เปิดโครงการ “รู้ก่อนผิด คิดก่อนหลงทาง” ครั้งที่ 3 ประจำปี 2565

วันที่ 8 กันยายน 2565 เวลา 09.00 น. นายประกอบ ลีนะเปสนันท์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนแลพครอบครัวกลาง มอบหมายให้ นายปริญญา เชาวลิตถวิล รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการรู้ก่อนผิดคิดก่อนหลงทาง ครั้งที่ 3/2565 ของศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง พร้อมด้วย นายธีระ กิ่งแก้ว ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง นางสุวินิต อุบลเลิศ ผู้พิพากษาสมทบ หัวหน้าโครงการฯ พร้อมคณะผู้พิพากษาสมทบ นำโดย ดร. นิลุบล ลิ่มพงศ์พันธุ์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหารผู้พิพากษาสมทบฯ และคณะวิทยากร ผู้อำนวยการโรงเรียนเสนานิคม และคณะครู โดยมีนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเสนานิคม จำนวน 120 คน เข้าร่วมโครงการ ณ ห้องประชุมโรงเรียนเสนานิคม เขตจตุจักรกรุงเทพมหานคร

ทั้งนี้ โครงการรู้ก่อนผิดคิดก่อนหลงทาง เป็นกิจกรรมในเชิงรุก ของศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง มีวัตถุประสงค์ในการป้องกันการกระทำความผิดของเด็กและเยาวชน ที่อาจกระทำความผิดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อันเนื่องมาจาก ปัจจัยแวดล้อมทางสัมคมและกระแสค่านิยมทางวัตถุเป็นสิ่งเร้าชักจูงให้เกิดการกระทำความผิดได้ ในปี พ.ศ 2565 ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ได้จัดกิจกรรมในรูปแบบการบรรยายให้ความรู้กฎหมายใกล้ตัว เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและจัดกิจกรรมแนะแนวการศึกษาในสถานศึกษา โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร จำนวน 4 โรงเรียน ซึ่งในวันนี้ (8 กย.65) ได้จัดขึ้นที่โรงเรียนเสนานิคม เป็นโรงเรียนที่ 3 กับกิจกรรมแนะแนวการศึกษา เป็นฐานอาชีพต่างๆ ตามความสนใจ ของนักเรียนจำนวน 14 ฐานได้แก่ แพทย์/ พยาบาล/ทหารตำรวจ/ วิศวกร สถาปนิก/โปรแกรมเมอร์/ข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ/ครู/วัดแววศิลป์/สานฝันสู่ศิลปิน/fut fit four five ใจกล้าๆหน่อย/ วิทยาลัยเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์/เจ้าของกิจการ นักธุรกิจ/ผู้ประกาศข่าว พิธีกร/บัญชี การเงินและการตลาด โดยมีคณะวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิในสายอาชีพต่างๆ ร่วมให้คำแนะนำซึ่งได้รับความสนใจจากนักเรียนเป็นอย่างมาก

นักศึกษา วพน. รุ่นที่ 16 ร่วมมือกลุ่มประมงระยองขับเคลื่อนนำพลังงานสะอาด ทางเลือกใหม่วิถีประมงไทย

กลุ่มนักศึกษา สถาบันวิทยาการพลังงาน (วพน.) (Thailand Energy Academy – TEA) รุ่นที่ 16 กลุ่มเบญจมาศ ได้ลงพื้นที่เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้และรับฟังปัญหาของชุมชนชาวประมง ปากน้ำกระแส อ.แกลง จ.ระยอง กับแนวคิด “พลังงานสะอาด ทางเลือกใหม่ในวิถีประมงไทย” และการประยุกต์ใช้พลังสะอาดเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธ์เชิงประจักษ์ สามารถขยายผลต่อได้ ลดการส่งมลภาวะ และประหยัดค่าใช้จ่ายในด้านเชื้อเพลิง และพลังงานให้แก่กลุ่มชาวประมง

เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 2565 นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดการเสวนาระดมความคิดเห็นจากกลุ่มชาวประมง ภาครัฐ ภาคเอกชน และนักวิจัย ในหัวข้อ “พลังงานสะอาด ทางเลือกใหม่ในวิถีประมงไทย” โดยมีทีมนักศึกษา ประกอบด้วย อาจารย์ สันติวิภา พานิชกุล พล.อ.อ ชนัท รัตนอุบล นายยุทธนา เจริญวงศ์ นายกมล คงสกุลวัฒนสุข นายกฤษดา อัครพัทธยากุล นางสิริวิภา สุพรรณธเนศ นางสุเนตร คุณานันทกุล นายชญาน์ จันทวสุ นายจิตชาย มุสิกบุตร นายธนัทเทพ จันทรกานต์ ร่วมรับฟังความเห็นจากกลุ่มชาวประมงพื้นบ้าน พร้อมกับ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 8 นายกเทศมนตรีตำบลปากน้ำประแส ประมงจังหวัดระยอง และ พลังงานจังหวัดระยอง ผู้แทนจากสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 (ระยอง) พร้อมนายกสมาคมชาวประมงปากน้ำประแส ชาวประมงในพื้นที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้แทนภาคประชาชน ภาคเอกชน และนักวิจัยพลังงานสะอาด เข้าร่วมเสวนา

การเสวนาครั้งนี้มีการนำเสนอแนวทางการส่งเสริมการประยุกต์ใช้พลังงานสะอาดในการประกอบอาชีพประมงและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในพื้นที่ปากน้ำประแส พร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็นจากชาวประมงในพื้นที่ และแลกเปลี่ยนข้อมูลกับนักวิจัยและพัฒนาด้านพลังงานสะอาด เพื่อขับเคลื่อนการนำพลังงานสะอาด มาใช้ในภาคการประมง ทดแทนการใช้น้ำมันเพียงอย่างเดียว รวมถึงช่วยลดการปล่อยมลพิษต่างๆ ที่จะเป็นเงื่อนไขในการควบคุมการส่งออกผลิตภัณฑ์ประมงไปยังต่างประเทศในอนาคต การเสวนาเห็นควรเสนอจัดตั้งคณะทำงาน และนำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมประชุมหารือร่วมกัน โดยจะนำงานวิจัยและนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาสนับสนุน เพื่อเป็นการลดต้นทุนและลดปัญหามลพิษไปพร้อมกัน โดยมุ่งหวังให้โมเดลนี้เป็นต้นแบบแก่ชุมชนประมงในพื้นที่อื่นๆ ในประเทศต่อไป

“เฉลิมชัย”สั่งเดินหน้าแผนพัฒนาเกลือทะเลไทยปี2566ดีเดย์1ตุลาคม

อลงกรณ์”นำทัพบอร์ดเกลือเร่งเครื่องพัฒนายุ้งฉาง ยกระดับการผลิตขยายตลาดต่างประเทศ เพิ่มกลไกรักษาเสถียรภาพราคาเป็นครั้งแรก

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาเกลือทะเลไทย เปิดเผยวันนี้ ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 4/2565 โดยผ่านระบบการประชุมออนไลน์ และห้องประชุมกรมส่งเสริมการเกษตร พร้อมด้วย นายโอภาส ทองยงค์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางกุลฤดี พัฒนะอิ่ม ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายนวนิตย์ พลเคน รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร นายชาญยุทธ์ ภาณุทัต ที่ปรึกษากรมส่งเสริมการเกษตร ดร.จุฑามาศ ทะแกล้วพันธุ์ ผู้อำนวยการสถาบันเกลือทะเลไทย (Salt Academy) ภายใต้ศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมเพชรบุรี (AICเพชรบุรี) ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ ผู้แทนกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้แทนจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หน่วยงานส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และผู้แทนสหกรณ์นาเกลือ เข้าร่วม โดยนายอลงกรณ์ กล่าวในวาระประธานแจ้งต่อที่ประชุมว่า ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีนโยบายให้เดินหน้าแผนพัฒนาเกลือทะเลไทยปี2566 ซึ่งเริ่มตั้งแต่ 1ตุลาคม พร้อมกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่13 นอกจากนี้ได้มอบหมายฝ่ายเลขาฯ ประสานสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ (ทูตเกษตร) เข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมการพัฒนาเกลือทะเลไทยในการประชุมครั้งหน้า เพื่อให้ข้อมูลด้านเกลือ ผลิตภัณฑ์เกลือและตลาดเกลือในต่างประเทศ รวมทั้งข้อเสนอแนะจากทูตเกษตร ในด้านการขยายความร่วมมือด้านวิชาการระหว่างประเทศ นอกจากนี้ได้กำหนดการลงพื้นที่ตรวจราชการที่เพชรบุรีเป็นจังหวัดแรกในวันที่ 9 กันยายน 2565 เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานนโยบายของดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยขอให้สถาบันพัฒนาเกลือทะเลไทยเป็นผู้นำเสนอผลงานด้วย
ประธานที่ประชุมยังแจ้งถึงการลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานส่งเสริมและพัฒนาแบรนด์จังหวัดเพชรบุรี และการคิกออฟโครงการส่งเสริมสาหร่ายเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ ตามนโยบายอาหารแห่งอนาคต ในจังหวัดเพชรบุรี มีศูนย์วิจัยทรัพยากรประมงชายฝั่งและศูนย์เพาะเลี้ยงน้ำจืด กรมประมง เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงาน ตั้งแต่การวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ การแปรรูป และการตลาด โดยสามารถเพาะเลี้ยงสาหร่ายหรือทำนาสาหร่ายประกบคู่กับนาเกลือ นากุ้งเป็นรายเสริมแบบเกษตรไฮบริดจ์
สำหรับในการประชุมครั้งนี้ ที่ประชุมยังได้รับทราบ

(1) รายงานผลการขึ้นทะเบียนเกษตรกรนาเกลือทะเล พื้นที่การผลิตเกลือทะเลและปริมาณเกลือทะเล ปีการผลิต 2564/2565 มีเกษตรกรขึ้นทะเบียน 723 ครัวเรือน จำนวน 1,211แปลง พื้นที่ 13,408 ไร่ มีปริมาณผลผลิตคงค้างในยุ้งฉาง จำนวน 13,408 ตัน
(2) ผลการขับเคลื่อนการดำเนินงานของคณะกรรมการพัฒนาเกลือทะเลไทย ปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ก่อให้เกิดผลงานที่เป็นรูปธรรมหลายประการได้แก่ การทำแผนปฏิบัติการพัฒนาเกลือทะเลไทย ปีงบประมาณ 2566-2570 การแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกร การฟื้นฟูพิธีแรกนาเกลือและพิธีทำขวัญเกลือ การขับเคลื่อนและผลักดันให้มีการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) สำหรับการทำนาเกลือทะเล (มกษ.9055-2562) มีเกษตรกรผ่านการรับรองแล้ว จำนวน 11 ราย พื้นที่ 809.39 ไร่ การแต่งตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาเกลือทะเลไทย การแก้ไขปัญหาเกลือทะเลค้างสต็อก โดยกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชดเชยส่วนต่างราคาขายเกลือทะเลให้กับเกษตรกร จำนวน 111 ราย ปริมาณเกลือทะเล 39,841.167 ตัน ค่าชดเชยส่วนต่างราคาเกลือทะเลเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการเป็นเงิน จำนวน 9,960,291.75 บาท การจัดทำแนวทางการปฏิบัติงานและเกณฑ์การพิจารณาความเสียหายสำหรับบรรจุในคู่มือการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตร ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เกิดความรวดเร็ว ถูกต้อง ตามระเบียบและหลักเกณฑ์ โดยการช่วยเหลือตามจำนวนพื้นที่เสียหายจริง ในอัตราไร่ละ 1,220 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 30 ไร่ ในปี 2565 มีเกษตรกรจังหวัดเพชรบุรี ได้รับการช่วยเหลือ 80 ราย พื้นที่ 719.50 ไร่ เป็นเงินรวม 877,790 บาท การส่งเสริมและพัฒนาเกลือทะเลให้เป็นมรดกทางการเกษตรของโลก การกำหนดแนวทางการส่งออกเกลือทะเลไปต่างประเทศ เพื่อใช้งานด้านต่าง ๆ เช่น เกลือสำหรับละลายหิมะบนถนนหรือรันเวย์สนามบิน การตรวจเยี่ยมหน่วยงานและภาคีเกษตรกร จังหวัดสมุทรสงคราม สมุทรสาคร และจังหวัดจันทบุรี โดยเน้นติดตามและขับเคลื่อนการดำเนินงานการพัฒนาเกลือทะเลไทยภายใต้ยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิตให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เชื่อมโยงการผลิตเกลือกับผู้ประกอบการที่ใช้เกลือเป็นวัตถุดิบและผู้ค้าส่งเกลือทะเล และสนับสนุนการนำวัสดุเหลือใช้จากนาเกลือทะเลมาในการปลูกไม้ผล
(3) แผนปฏิบัติการพัฒนาเกลือทะเลไทย ปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ซึ่งมีกิจกรรมในการพัฒนาเกลือทะเลภายใต้ 5 กิจกรรม ดังนี้ กิจกรรมการขับเคลื่อนการบริหารจัดการเกลือทะเลไทย กิจกรรมส่งเสริมการพัฒนาเกลือทะเลเพื่อลดต้นทุนการผลิต กิจกรรมการพัฒนาศักยภาพวิสาหกิจชุมชนเกลือทะเล กิจกรรพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านการผลิตเกลือทะเล และกิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาเกลือทะเลเป็นมรดกทางการเกษตรโลก (GIAHS) ทั้งนี้ ฝ่ายเลขาฯ ขอให้หน่วยงานที่มีแผนปฏิบัติการพัฒนาเกลือทะเลไทย ปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ส่งให้ฝ่ายเลขาฯ รวบรวมและจัดทำแผนการบูรณาการดำเนินการ ภายในวันที่ 15 กันยายน 2565 ต่อไป
ที่ประชุมได้นำเสนอปัญหาหนี้สินของเกษตรกร โดยกลุ่มเกษตรกรทำนาเกลือบ้านแหลม ซึ่งเป็นเรื่องสืบเนื่องจากการประชุมในครั้งที่แล้ว ในการขอขยายระยะเวลาการชำระหนี้กู้เงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร โครงสร้างระบบการผลิตและการตลาดเกลือของสถาบันเกษตรกร ด้วยวิธีการยกระดับราคาให้ยั่งยืน ของจังหวัดเพชบุรี จากเดิม ซึ่งครบกำหนดชำระภายใน วันที่ 31สิงหาคม 2565 เป็น ครบกำหนดชำระภายใน วันที่ 31 สิงหาคม 2568 โดยไม่คิดดอกเบี้ยและค่าปรับ เป็นระยะเวลา 3 ปี จังหวัดสมุทรสาคร ขอขยายระยะเวลา 2 ปี และจังหวัดสมุทรสงคราม ขอขยายระยะเวลา 6 เดือน ซึ่งกรมส่งเสริมสหกรณ์ จะนำเสนอเรื่องการขอขยายระยะเวลาการชำระหนี้ของเกษตรกรดังกล่าวให้ทางกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรพิจารณาต่อไป
ที่ประชุมยังได้พิจารณาให้ความเห็นชอบ (1)โครงการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตเกลือทะเลเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นเรื่องสืบเนื่องจากการประชุมในครั้งที่แล้ว โดยการสนับสนุนสินเชื่อให้แก่เกษตรกรผู้ทำนาเกลือทะเล จำนวน 110 ราย รายละไม่เกิน 1 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับขนาดของฟาร์ม แผนปรับปรุงกระบวนการผลิต และความสามารถในการชำระเงินกู้ โดยให้ใช้หลักประกันตามวิธีปฏิบัติปกติของ ธ.ก.ส. และอื่นๆ ที่ ธกส. กำหนด กรณีผู้กู้ที่เป็นรายบุคคล คิดดอกเบี้ยในอัตรา MRR ต่อปี ผู้กู้ที่เป็นนิติบุคคล คิดดอกเบี้ยในอัตรา MLR ต่อปี โดยเรียกเก็บจากผู้กู้รายบุคคลอในอัตรา MRR-3 ผู้กู้ที่เป็นนิติบุคคลในอัตรา MLR-3 และกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชดเชยดอกเบี้ยให้ ธ.ก.ส. ในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี ระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันกู้ หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาการชดเชยคิดดอกเบี้ยในอัตราปกติ ธ.ก.ส. กรณีที่ผู้กู้ไม่สามารถชำระคืนเงินกู้ได้ตามกำหนด ธนาคารคิดดอกเบี้ยสำหรับต้นเงินส่วนที่ไม่ได้ชำระตามกำหนดเพิ่มขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยปกติสูงสุดที่เรียกเก็บจริงตามที่ระบุในสัญญา อีกร้อยร้อยละ 3 ต่อปี กำหนดชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยเงินกู้ โดยให้ชำระเสร็จสิ้นไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันกู้ ระยะเวลาจ่ายเงินกู้ตั้งแต่คณะกรรมการบริหารกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร (คบท.) มีมติอนุมัติ ถึงวันที่ 30 กันยายน 2566 ทั้งนี้ได้มอบหมายให้ฝ่ายเลขาฯ ธ.ก.ส. กองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการศึกษาข้อมูลต้นทุนการปรับปรุงยุ้งฉางแต่ละขนาด และงบประมาณวงเงินในการปรับปรุงยุ้งฉางสำหรับเก็บเกลือของเกษตรกรด้วย
(2) โครงการสินเชื่อชะลอการขายเกลือทะเล ปีการผลิต 2565/66 โดยชุมนุมสหกรณ์เกลือทะเลไทย เพื่อชะลอการขายเกลือทะเล ราคาคงที่ ในราคา 1.50 บาท ต่อกิโลกรัม บรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรนาเกลือด้านค่าใช้จ่ายในครอบครัวและหนี้สิน และยกระดับราคาเกลือให้สูงขึ้น รักษาราคาให้มีเสถียรภาพ ซึ่งที่ประชุม ให้ความเห็นชอบในหลักเกณฑ์ วิธีการ และแนวทางการดำเนินงานโครงการฯ ดังกล่าว และมอบหมายให้ฝ่ายเลขาฯ ธ.ก.ส. กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากโครงการสินเชื่อชะลอการขายสินค้าเกษตรอื่น เช่น ข้าว ผลไม้ (ลำไย) ยางพารา และควรให้มีโครงการเสริมสร้างสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการในการรวบรวมและรับซื้อผลผลิตด้วย
นอกจากนี้ที่ประชุมพิจารณาได้เห็นชอบในการปรับแผนการดำเนินงานของคณะกรรมการพัฒนาเกลือทะเลไทย ในปี พ.ศ.2565-2566 เพื่อให้มีความยืดหยุ่นและมีความคล่องตัวมากขึ้นด้วย และในการจัดงานพิธีแรกนาเกลือ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาเกลือทะเลเป็นมรดกทางการเกษตรของโลก เชื่อมโยงประวัติศาสตร์ ประเพณี สู่การท่องเที่ยว ให้ประสานทาง ททท. ร่วมด้วย ทั้งนี้อาจจะจัดให้มีการจัดกิจกรรมอื่นเสริมในงาน เช่น การเดินวิ่งเพื่อสุขภาพ การปั่นจักรยาน เป็นต้น
ในส่วนวาะการประชุมอื่น ๆ ผู้แทนจากกรมการค้าต่างประเทศ รายงานการนำเข้าเกลือจากต่างประเทศ ทั่วโลกปี 2565 ในช่วงเดือน ม.ค.-ก.ค. มีปริมาณการนำเข้าเกลือ 98,985 ตัน มูลค่า 164,399,917 บาท มีพบว่าปริมาณเพิ่มสูงขึ้นจากปี 2564 ในช่วงเวลาเดียวกัน ม.ค.-ก.ค. มีปริมาณการนำเข้า 80,750 ตัน มูลค่า 151,481,437 บาท
ทั้งนี้ นายอลงกรณ์ ได้เสนอถึงแนวทางในการยกระดับการผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้าและให้ทางสถาบันเกลือทะเลไทยศึกษาในรายละเอียดต่อไป.

รฟฟท. เผยตัวเลขผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายสีแดงรวมมากกว่า 3 ล้านคน ตั้งแต่เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์

รฟฟท. เผยตัวเลขผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายสีแดงรวมมากกว่า 3 ล้านคน ตั้งแต่เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์

บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง เผยตัวเลขยอดผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องรวมมากกว่า 3 ล้านคน นับตั้งแต่เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2564

นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงเปิดเผยว่า นับตั้งแต่รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 จนถึงปัจจุบัน มีปริมาณผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลากว่า 10 เดือนที่ผ่านมา มีปริมาณผู้โดยสารรวมสูงถึง 3,277,824 คน และมีผลการสำรวจความพึงพอใจจากผู้ใช้บริการในด้านต่างๆ อยู่ในระดับพึงพอใจมาก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้โดยสารมีความเชื่อมั่นต่อการให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงมากยิ่งขึ้น บริษัทฯได้ดำเนินนโยบาย มาตรการต่างๆที่เป็นการยกระดับการให้บริการ โดยมีสถิติความตรงต่อเวลา ความน่าเชื่อถือ และความพร้อมของขบวนรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงตั้งแต่เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์อยู่ที่ 99.45% , 99.52% และ 100% ตามลำดับ รวมถึงมีการรักษาความปลอดภัยในทุกพื้นที่ อีกทั้งล่าสุดเมื่อเดือนเมษายน 2565 ที่ผ่านมา บริษัทได้ผ่านการรับรองมาตรฐาน ISO 9001 : 2015 ในขอบเขตการปฏิบัติการเดินรถไฟฟ้า ความปลอดภัย และวิศวกรรมซ่อมบำรุง จากหน่วยรับรอง Bureau Veritas (BV) ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้บริการด้านการตรวจประเมินและออกใบรับรองในด้านคุณภาพ อาชีวอนามัยและความปลอดภัยในระดับโลก

ทั้งนี้เชื่อมั่นว่าด้วยมาตรฐานระดับสากลที่บริษัทนำมาใช้ขับเคลื่อนองค์กรในทุกมิติ จะส่งผลให้สามารถยกระดับการให้บริการแก่ผู้โดยสารได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงบริษัทยังคงมุ่งมั่นพัฒนาองค์กรให้มีคุณภาพ เพื่อตอบแทนความเชื่อมั่นที่ผู้โดยสารได้ให้ความไว้วางใจด้วยดีเสมอมา

หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ส่วนบริการลูกค้า 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง รถไฟฟ้าสายสีแดง ยกระดับคุณภาพชีวิตชานเมือง

เกิดเหตุพายุฝนตกหนักและลมแรง ในเขตอำเภอเมืองนครปฐม

เมื่อวันเสาร์ที่ 4 กันยายน เวลา 17.30 น. เกิดเหตุพายุฝนตกหนักและลมแรง ในเขตอำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม ส่งผลให้โรงเรียนสิรินธรราชวิทยาลัยได้รับความเสียหาย กระเบื้องอาคารเรียนหล่นร่วงน้ำรั่วจนไม่สามารถใช้เรียนได้ อาคารหอพักนักเรียนประจำสตรี จำนวน 2 หลัง หลังคาดาดฟ้าถูกลมพัดยกทั้งโครง ระบบน้ำ และไฟฟ้าใช้ไม่ได้ ขอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดสรรงบประมาณช่วยด้วย!

“มา 4 จ่าย 3 กับบุฟเฟต์นานาชาติ”

ดิเอมเมอรัลด์ ค็อฟฟี่ช็อพ โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ เชิญชวนคุณมาทานบุฟเฟต์นานาชาติมื้อเย็นที่รวมซีฟู้ดแบบอิ่มไม่อั้นทั้ง กั้งกระดาน หอยนางรม กุ้งแม่น้ำ หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ หอยหวาน และซูชิ พรีเมียม อาทิ วากิว ฮามาจิ ปลาไหลญี่ปุ่น แซลมอน ฯลฯ พร้อมจานเด่นอื่นๆ อีกมากมาย รวมขนม ของหวาน เครื่องดื่มชา-กาแฟ-น้ำอัดลม บุฟเฟต์ท่านละ 999 บาทถ้วน (จากปกติ 1,400 บาท) วันจันทร์ – พฤหัสบดี และ 1,299 บาทถ้วน (จากปกติ 1,700 บาท) วันศุกร์ – อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ และวันหยุดชดเชยพิเศษ
พิเศษ!! ทุกท่านจะได้รับ “กุ้งล็อบสเตอร์ย่างซอสคาเฟ่ เดอ ปารีส 1 ตัว”
โปรโมชั่นพิเศษ!! “มา 4 จ่าย 3” เฉพาะวันอาทิตย์ ตลอดเดือนกันยายนนี้เท่านั้น
เปิดบริการเฉพาะมื้อเย็นเวลา 18.00-22.00 น. สำรองที่นั่งโทร.0-2276-4567 ไลน์ @theemeraldhotel หรือ www.facebook.com/theemeraldcoffeeshop

“อลงกรณ์” เร่งเครื่อง “เพชรบุรีโมเดล-เมืองสร้างสรรค์อาหาร” ทุกมิติ เดินหน้าเร็วโครงการเกษตรปลอดภัย

อาหารปลอดภัยมอบ “เกษตรฯ” ส่งเสริมทุกอำเภอ “มกอช.” ทำไวได้จริง เปิดตัวร้านอาหาร Q ที่เพชรบุรีแห่งแรก ผู้ประกอบการแฮปปี้ ผู้บริโภคพอใจ พร้อมหนุนเกษตรปลอดภัย ใช้สินค้า Q

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยวันนี้ว่า การขับเคลื่อน “เพชรบุรี โมเดล” เป็นต้นแบบการปฏิรูปเมืองในทุกมิติมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะมิติการยกระดับศักยภาพจังหวัดในฐานะที่องค์การยูเนสโก (UNESCO) ขององค์การสหประชาชาติคัดเลือกให้เป็น “เมืองสร้างสรรค์ด้านอาหาร” (City of Gastronomy) และเพชรบุรีเป็นเมืองท่องเที่ยวและเมืองเกษตร จำเป็นต้องเชื่อมโยงการพัฒนาภาคเกษตรภาคอาหารและผู้ประกอบการภายใต้นโยบาย “มาตรฐานเกษตรปลอดภัย อาหารปลอดภัย” ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยส่งเสริมให้ร้านอาหารใช้มาตรฐานเกษตรปลอดภัยหรือตรา Q (Quality) เพื่อสร้างความมั่นใจของลูกค้าและความปลอดภัยของผู้บริโภค ล่าสุดทางสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ได้ดำเนินการคิกออฟโครงการร้านอาหาร Q ที่เพชรบุรีเป็นแห่งแรก และมอบหมายให้ขยายโครงการให้ครบทุกอำเภอ ๆ ละ 1 แห่ง เป็นอย่างน้อย โดยร่วมมือกับจังหวัดเพชรบุรี หอการค้าจังหวัด สมาคมท่องเที่ยวและสถาบันเกษตรกรแบบบูรณาการทำงานเขิงรุกทุกภาคส่วนภายใต้ 5 ยุทธศาสตร์ของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 

ทางด้านนายพิศาล พงศาพิชณ์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันเทรนด์อาหารสุขภาพกำลังเป็นที่นิยมทั่วโลก เพราะผู้คนใส่ใจกับสุขภาพเพิ่มมากขึ้น ทำให้ความต้องการสินค้าปลอดภัยเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ร้านอาหารเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการจำหน่ายสินค้าเกษตรปลอดภัย (สินค้า Q) เพื่อเป็นวัตถุดิบในการปรุงอาหาร และเพื่อให้ผู้บริโภคจำนวนมากที่อาจไม่มั่นใจว่าร้านอาหารที่รู้จักและมีรสชาติอร่อยนั้น มีร้านใดบ้างที่ใช้วัตถุดิบที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัยต่อผู้บริโภค จึงเป็นที่มาของโครงการร้านอาหารวัตถุดิบปลอดภัย เลือกใช้สินค้า Q หรือ Q Restaurant ซึ่งที่ผ่านมา มกอช. ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่งจากผู้ประกอบการร้านอาหารหลายๆ ร้านจากทั่วประเทศ ที่สมัครเข้าร่วมโครงการ Q Restaurant และจากสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัด ที่เป็นเจ้าภาพหลักในการขับเคลื่อนโครงการ Q Restaurant ในระดับภูมิภาค ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญที่จะส่งเสริมและสนับสนุนให้มีแหล่งผลิตสินค้าเกษตรที่ปลอดภัย ได้มาตรฐาน และสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภค
สำหรับร้านอาหารที่จะเข้าร่วมโครงการ Q Restaurant ต้องมีคุณสมบัติหลักๆ คือ มีสุขลักษณะเบื้องต้นที่ดี วัตถุดิบหลักที่ใช้ประกอบอาหารต้องเป็นสินค้า Q หรือเป็นสินค้าที่ผ่านการตรวจรับรอง หรือเป็นสินค้าที่ผู้ผลิตรับรองตนเอง โดยผ่านการตรวจสอบสารพิษตกค้างจากเจ้าหน้าที่ และต้องมีเมนูอาหารที่ใช้วัตถุดิบหลักที่ปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ หรือเป็นสินค้าที่ผ่านการตรวจรับรองไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ของแต่ละวัตถุดิบที่ขอการรับรอง โดยปัจจุบันมีร้าน Q Restaurant ที่คงสถานะการรับรอง 3,022 แห่ง/สาขา ทั่วประเทศ

นอกจากนี้ มกอช. ยังได้ร่วมกับสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัด ยกระดับร้าน Q Restaurant ให้เป็นร้านอาหาร Q Restaurant ระดับพรีเมี่ยม (Q Restaurant Premium) ซึ่งร้านที่จะได้รับการรับรองให้เป็นระดับพรีเมี่ยม ต้องมีคุณสมบัติ คือ 1) เป็นร้านที่คงสถานะเป็น Q Restaurant ไม่น้อยกว่า 1 ปีงบประมาณ 2) มีผลการประเมินคะแนนตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขการตรวจรับรอง Q restaurant ในทุกหมวด ไม่น้อยกว่า 90% และ 3) ร้านต้องใช้วัตถุดิบสินค้า Q โดยร้านอาหารหลายเมนู จะต้องใช้วัตถุดิบสินค้า Q ในร้านไม่น้อยกว่า 10 ชนิดขึ้นไป และใช้วัตถุดิบอื่นๆ ในร้านที่เป็นวัตถุดิบปลอดภัย ส่วนร้านอาหารจานเดียว จะต้องใช้วัตถุดิบหลักในเมนูนั้นๆ เป็นสินค้า Q จำนวน 1 ชนิดขึ้นไป และใช้วัตถุดิบอื่นๆ ที่เป็นส่วนประกอบในเมนูนั้นๆ เป็นวัตถุดิบปลอดภัย โดยปัจจุบันได้ให้การรับรอง Q Restaurant Premium รวมทั้งสิ้น ๓2 ร้าน ในพื้นที่ 10 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ชัยภูมิ เพชรบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา พิษณุโลก นครสวรรค์ พัทลุง และกรุงเทพมหานคร

ทั้งนี้ จังหวัดเพชรบุรีถือเป็นหนึ่งในจังหวัดเป้าหมายที่ มกอช. ได้ให้ความสำคัญในการยกระดับร้านอาหารเข้าสู่โครงการ Q Restaurant เนื่องจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้ประกาศให้จังหวัดเพชรบุรี เป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหาร ประจำปี 2564 ซึ่งนับเป็นเมืองที่ 5 ในประเทศไทย ที่ได้รับการประกาศเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ โดย มกอช. ได้เข้าไปตรวจสอบรับรองและยกระดับร้านอาหาร “สวนเพชรริเวอร์วิว รีสอร์ท” จังหวัดเพชรบุรี ให้เป็นร้านอาหาร Q Restaurant ระดับพรีเมี่ยม ซึ่งทางร้านมีการใช้วัตถุดิบที่ได้รับการรับรองเป็นสินค้า Q ในร้าน จำนวนกว่า 40 ชนิด โดยมีเมนูอาหารตามสั่งที่ใช้วัตถุดิบที่ได้รับการรับรองเป็นส่วนประกอบหลัก เช่น ยำผักกูดกุ้งสด ส้มตำผักหวาน ผัดคะน้าแม็กซิโก ต้มจืดจิงจูฉ่ายหมูสับ สลัดกุ้งทอด ยำใบชะพลู ผัดวอเตอร์เครสน้ำมันหอย เป็นต้น
นายสายยัณต์ สิทธิโชคธรรม เจ้าของร้านสวนเพชรริเวอร์วิว รีสอร์ท เปิดเผยว่า ตนมีความสนใจในเรื่องของเกษตรปลอดภัยและเกษตรอินทรีย์ ซึ่งโครงการ Q Restaurant ตอบโจทย์ถึงแหล่งกำเนิดของอาหารปลอดภัย จึงสนใจเข้าร่วมโครงการและพัฒนาร้านจนได้เป็นร้าน Q Restaurant ระดับพรีเมี่ยม โดยทางร้านมีการใช้วัตถุดิบในการประกอบอาหารที่ได้รับการรับรองมาตรฐานและใช้ผักที่เป็น Organic ปลอดสารพิษจากสวนเกษตรอินทรีย์ ที่รับรองโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ถึงเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยของอาหาร และนอกจากมีความโดดเด่นด้านอาหารแล้ว ที่ร้านยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรครบวงจร ที่มีสวนเกษตรอินทรีย์และสวนผสมผสานมากกว่า 100 ไร่ อีกด้วย
“ในสถานการณ์ปัจจุบันที่ประชาชนมีการปรับรูปแบบการดำเนินชีวิตแบบ New Normal ที่มีการดูแลและใส่ใจสุขภาพทั้งของตนเองและคนรอบข้าง รวมถึงการเลือกรับประทานอาหารนอกบ้านที่ต้องมีความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น ดังนั้น Q Restaurant จึงเป็นตัวเลือกหนึ่งที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในเรื่องความปลอดภัยอาหาร นอกจากนี้ยังเป็นการประชาสัมพันธ์การใช้วัตถุดิบปลอดภัยในร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งสามารถใช้เป็นจุดขายของร้าน ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้บริโภค ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจในคุณภาพอาหาร รวมทั้งยังเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรในการยกระดับการผลิตสินค้าเกษตรโดยนำส่งวัตถุดิบปลอดภัยให้แก่ร้านอาหาร ซึ่งนับเป็นการส่งเสริมและผลักดันการนำมาตรฐานไปสู่การปฏิบัติตลอดห่วงโซ่การผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ” เลขาธิการ มกอช. กล่าว

เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ผอ.อำภา ชาญรบ มีการจัดงาน “The Best International​ Business And Personnel Of World-Class Awards 2022”

เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ผอ.อำภา ชาญรบ ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาการแพทย์แผนไทยสุธาทิพย์(สมาคมแพทย์แผนไทยแห่งประเทศไทย

ศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานสุธาทิพย์
และคุณณิชาผู้อำนวยการศูนย์นิชาอะคาเดมี่ศาสตร์เพื่อความงามได้เข้าร่วมเป็นกรรมการตัดสินและกรรมการและ ส่งผู้เข้าแข่งขันจากทางสถาบัน ที่ ศูนย์ประชุมวายุภักษ์ ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ มีการจัดงาน “The Best International​ Business And Personnel Of World-Class Awards 2022” และงานการแข่งขันมืออาชีพด้านสุขภาพและความงามระดับนานาชาติ ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี Health & Beauty World Champianship 2022 จัดโดย Mr.Jung Jae Moon ประธานภูมิภาคเอเซีย สมาพันธ์ความงามประเทศเกาหลีใต้ และประเทศพันธมิตรทั่วโลก อาทิ ประเทศไทย, เกาหลีใต้, สหรัฐอเมริกา, แคนนาดา, ออสเตรเลีย, เวียดนาม, กัมพูชา, มาเลเซีย, ฝรั่งเศส และรัสเชีย

โดยผู้อำนวยการศูนย์ พัฒนาการแพทย์แผนไทยสุธาทิพย์ได้มีมติให้เป็นคณะกรรมการรับเชิญเป็นตัวแทนของประเทศไทย เพียงหนึ่งเดียวตัดสินร่วมกันกับคณะบอร์ดผู้บริหารประเทศไทยและคณ ะกรรมการจากนานาชาติจากประเทศต่างให้เข้าทำการตัดสินในสาขานวดหน้าแ massage Oil นวดอโรม่า และในงานนี้ยังส่งวิทยากรประจำศูนย์สังกัดสมาคมแพทย์แผนไทยแห่งประเทศไทยเข้าร่วมแข่งขันและได้รับรางวัลในสาขานวดหน้ารองชนะเลิศอันดับ 1 รองชนะเลิศอันดับ 2 และสาขาต่อขนตาเส้นต่อเส้นรองชนะเลิศอันดับ 2 และยังได้รับเหรียญทองประเภทยอดเยี่ยมแห่งปีจากสมาพันธ์ความงาม โดยทางศูนย์พัฒนาการแพทย์แผนไทยสุธาทิพย์ศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานสุธาทิพย์ ได้รับเหรียญทอง ถือเป็นทีมยอดเยี่ยม แห่งของเอเชียสำหรับ งานดังกล่าว จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการด้านความสวยความงามในประเทศไทยและต่างประเทศให้เกิดการพัฒนาฝีมือสร้างเป็นอาชีพที่ได้รับการยอมรับในประเทศและในภูมิภาค สำหรับ งาน World Class Awards ปีนี้เข้าปีที่ 5 มีผู้ร่วมจัดงานหลักจากสมาพันธ์ความงามประเทศเกาหลีใต้ Cloud Nine College, Canada Concordia University, USA