ดีอีเอส เตือนมุกใหม่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ ”แอปควบคุมโทรศัพท์ทางไกล”

ดีอีเอส เตือนมุกใหม่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ ”แอปควบคุมโทรศัพท์ทางไกล” พร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเเอปเถื่อน

“ชัยวุฒิ” ร่วมกับตำรวจไซเบอร์ เตือนภัยกรณีมุกใหม่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้แอปพลิเคชั่นควบคุมโทรศัพท์ทางไกล มัดรวมรายชื่อตัวอย่างแอปเสี่ยง ห้ามหลงเชื่อมิจฉาชีพทางโทรศัพท์ ดาวน์โหลดลงมือถือ-บอกรหัส เปิดช่องโหว่ให้เข้ามาเห็นทุกข้อมูลและควบคุมทุกกิจกรรมบนมือ รวมถึงดูดเงินจากบัญชี พร้อมตั้งคณะกรรมการควบคุมตรวจสอบเเอปพิเคชั่นปลอมด้วย

วันนี้ (5 พ.ค. 65) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) แถลงข่าวร่วมกับ พ.ต.อ.ทำนุรัฐ คงมั่น รอง ผบก.สอท.1 เพื่อเตือนประชาชนเกี่ยวกับมุกใหม่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ล่อลวงให้เหยื่อหลงเชื่อ ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นที่มีการทำงานในลักษณะการควบคุมจากระยะไกล (Remote Desktop) หรือแอปแชร์หน้าจอมือถือ พร้อมหลอกขอรหัส ทำให้มิจฉาชีพเห็นทุกข้อมูลที่ปรากฎบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของเหยื่อ เข้าไปทำการเปลี่ยนแปลง รวมถึงดูดเงินจากบัญชีเหยื่อ

นายชัยวุฒิ กล่าวว่าวันนี้ทางแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่โทรมาหลอกลวงให้เราโอนเงินได้เปลี่ยนรูปแบบแล้วเพราะประชาชนได้รู้ทัน
ก็ไม่โอนเงินให้แล้ว แต่เค้าจะเปลี่ยนรูปแบบเป็นมาหลอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐว่า มีความจำเป็นให้ท่านมาโหลดแอปพลิเคชันเข้าไปลิ้งก์ในเว็บไซต์อะไรบางอย่างเพื่อให้ท่านกรอกข้อมูลส่วนบุคคลให้ username password
อะไรบางอย่างไป ทำให้เค้าสามารถเข้ามายึดมือถือขอท่านเค้าเรียก Remote Destop ถ้ามือถือคอนโทรลของท่านผ่านระบบแอปพลิเคชั่นต่างๆ ที่ใช้ Team Viewer, Airdroid, Chrome Remote Destop เป็นต้น เค้าก็จะเหมือนเจ้าของโทรศัพท์เครื่องนั้นเลย แล้วก็สามารถสั่งให้มือถือของท่านโอนเงินไปเข้าบัญชีของเค้าเองโดยที่ท่านไม่รู้ตัว อันนี้เป็นเรื่องใหม่ที่เกิดขึ้นเพราะอันนี้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้มีการปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานมาแล้ว ก็ขอเตือนพี่น้องประชาชนว่าวันนี้ไม่มีเจ้าหน้ารัฐ
ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อไปหาประชาชน เพื่อให้ประชาชนดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน หรือกรอกข้อมูลใดๆ ลงไปในเว็บไซต์ เพราะถ้าท่านดาวน์โหลดและกรอกข้อมูลลงไปในแอปเนี่ยท่านอาจถูกคนร้ายเข้ามาหลอกลวงเอาเงินของท่านไปได้ ถึงท่านจะไม่ได้โอนเงินเองเค้าสามารถเข้ามาควบคุมมือถือของท่านและสั่งการให้มีการโอนเงินให้ท่านด้วยผ่านระบบออนไลน์เลย

ตอนนี้ทางกระทรวงดิจิทัลก็ได้มีคณะทำงานปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ เเละดูเเลตรวจสอบเเอปพิเคชั่น ซึ่งมีการทำงานร่วมกันกับกระทรวงดิจิทัล และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ดูแลเรื่องไซเบอร์ทุกหน่วยงาน ประชุมกัน แล้วก็หาทางแก้ไขอยู่ แล้วก็พยายามดำเนินคดีอย่างถึงที่สุดทุกกรณี โดยเฉพาะที่เป็นลักษณะของการฉ้อโกงประชาชนเป็นกลุ่ม ขบวนการมิจฉาชีพ เราติดตามตรวจสอบแล้วก็ดำเนินคดีทุกกรณี แล้วก็เร่งแจ้งเตือนประชาชน แล้วก็ปิดกั้นด้วย อย่างเช่นเรื่องแอป ที่มารีบพูดวันนี้เพราะรีบเตือนประชาชนก่อนว่าตอนนี้ยังไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐโทรให้ท่านโหลดแอปพลิเคชัน กรอกข้อมูล ขอ username password เพื่อให้เข้ามาในมือถือท่าน ซึ่งทางตำรวจไม่ทำ มีแต่มิจฉาชีพ มีแต่คนร้าย และให้ประชาชนต้องระวังด้วย
ขณะเดียวกัน ยังระบุ ด้วยว่าจากการตรวจสอบข้อมูล พบว่า แอปพลิเคชั่นที่คนร้ายนำมาหลอกให้ผู้เสียหายโหลดใช้งานนั้น มีลักษณะเป็น Remote Desktop เป็นแอปที่ส่วนใหญ่ผู้บริหารระบบสารสนเทศใช้ประโยชน์ ในการบริหารจัดการระบบ ช่วยให้เข้าไปควบคุมคอมพิวเตอร์อีกเครื่องได้ เสมือนไปนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เครื่องนั้น ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ จากระยะไกล แต่ถ้ามิจฉาชีพนำไปใช้ในทางที่ผิด ในการเข้าถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ของเหยื่อ ก็อาจก่อความเสียหายกับเราได้อย่างมหันต์ ดังเช่น กรณีที่กล่าวมาข้างต้น

สำหรับตัวอย่างแอปพลิเคชั่น ที่มีการทำงานในลักษณะ Remote Desktop หรือการควบคุมจากระยะทางไกลได้ เช่น Team Viewer, Airdroid, Chrome Remote Destop, Inkwire, Anydesk, logmein, vnc, parsec เป็นต้น

ดังนั้น อยากฝากเตือนประชาชนว่า สำนักตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐ ไม่มีนโยบายให้ติดต่อผู้เสียหายทางไลน์ หรือให้โหลดแอป หรือให้โอนเงินเพื่อตรวจสอบ เพราะฉะนั้นอย่าหลงเชื่อบอกข้อมูลส่วนตัวให้ใครง่ายๆ โดยเฉพาะรหัส OTP หรือรหัสควบคุมเครื่อง

อีกทั้ง ไม่ควรจดรหัสที่ใช้ในระบบหรือแอปพลิเคชั่นที่สำคัญ เช่น mobile banking หรือแอปเทรดหุ้นต่างๆ ที่เกี่ยวกับการเงินและข้อมูลสำคัญไว้ในเครื่อง หรือใช้ระบบจดจำรหัสต่างๆ ไว้ตลอดเวลา ซึ่งแม้จะเป็นความสะดวกในการใช้งาน แต่หากพลาดพลั้งอาจทำให้ผู้ร้ายสามารถเข้าถึงแอปหรือข้อมูลที่สำคัญเหล่านั้นได้

พ.ต.อ.ทำนุรัฐ คงมั่น รอง ผบก.สอท.1 กล่าวว่า นอกจากนี้ แอปอีกประเภทที่ต้องระวังไม่ดาวน์โหลดตามคำล่อลวงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก็คือ แอปประเภทแชร์หน้าจอ ซึ่งวิธีการใช้เหมือนแอปควบคุมมือถือ โดยคนร้ายจะหลอกให้เหยื่อเปิดแอป หรือเปิดข้อมูลต่างๆ ตามที่คนร้ายพูด เพราะคนร้ายก็จะเห็นหน้าจอทั้งหมด เมื่อได้ข้อมูลแล้ว คนร้ายก็อาจนำข้อมูลไปใช้งานต่อ ไม่ว่าเปิดบัญชีม้า หรือนำไปโอนเงินผ่านวิธีการอื่นๆ ต่อไปได้

“สำหรับกรณีที่มีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความไว้ข้างต้น ตอนคว่ำหน้าโทรศัพท์ 15 นาที น่าจะเป็นช่วงที่คนร้ายอยู่ระหว่างดำเนินการโอนเงิน โดยเกรงว่าเราจะเห็นหน้าจอตัวเองผิดปกติ เลยหลอกให้คว่ำหน้าจอเพื่อตรวจสอบข้อมูล เมื่อเปิดหน้าจอมา เงินหายหมด เชื่อว่าคนร้ายขอเปลี่ยนรหัสเข้าบัญชีเอง เพราะมีเลข OTP ส่งจากธนาคารมาที่โทรศัพท์ผู้เสียหาย แต่คนร้ายสามารถเห็นได้ที่หน้าจอคนร้ายเอง แล้วทำรายการโอนเงินที่เครื่องคนร้ายทุกบัญชีที่มีอยู่ในโทรศัพท์ เปรียบเสมือนผู้เสียหายโอนเงินเอง” พ.ต.อ.ทำนุรัฐกล่าว

ทั้งนี้ อยากเน้นย้ำให้ประชาชนมีความรอบคอบและตระหนักว่า หากหลงเชื่อดาวน์โหลดแอปต่างๆ ตามคำล่อลวงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก็เปรียบเสมือนการยื่นโทรศัพท์ให้กับมิจฉาชีพ อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ได้หมายความว่า เงินในบัญชีเจ้าของเครื่องจะหายได้ทันทีทันใด เพราะคนร้ายก็ยังไม่รู้รหัสการทำธุรกรรม กับ e-banking ดังนั้น ถ้ามีสติ ไม่บอกรหัส ก็ยากที่คนร้ายจะโอนเงินได้

ขณะเดียวกัน ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลฯ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ เพื่อเร่งกำจัดอาชญากรรมออนไลน์ แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน และติดตามผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี ทั้งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

รวมทั้ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 5 ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 7 ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 9 ผู้ใดทําให้เสียหาย ทําลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับ ไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

มาตรา 14 (1) โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้ ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเปิดช่องทางสอบถามข้อมูล และแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับภัยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ดังนี้ โทรสายด่วน 1212 (24 ชม.), บช.สอท. โทร.1441 หรือ 191 ผู้เสียหายสามารถแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ได้ที่ www.thaipoliceonline.com

ศูนย์ ‘Blue House’ ร่วมกับ คณะนักศึกษา ปปร.24 มอบบ้านใหม่ให้ยายลาด ชาวสุพรรณฯ

ศูนย์ ‘Blue House’ ร่วมกับ คณะนักศึกษา ปปร.24 มอบบ้านใหม่ให้ยายลาด ชาวสุพรรณฯ หลังบ้านเดิมเป็นเพียงไม้ – มุงหลังคาสังกะสีเก่าๆ พร้อมมอบสิ่งของสำหรับการดำรงชีวิต
เมฆินทร์’ ย้ำช่วยเหลือผู้สูงอายุให้มีความสุขและก้าวทันนวัตกรรมใหม่ๆ ในยุคนิวนอร์มัล

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเมฆินทร์ เอี่ยมสอาด ผู้อำนวยการศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ และช่วยเหลือประชาชน พรรคประชาธิปัตย์  (BLUE HOUSE) พร้อมด้วย คณะนักศึกษาหลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสำหรับนักบริหารระดับสูง รุ่นที่ 24 (ปปร.24) นำโดย นางเกศี จันทราประภาวัฒน์  น.ส. จิราพร เจริญกิตติยาภรณ์  นาย เพชรพงษ์ กำจรกิจการ และคณะนักศึกษา ปปร. 24 สท. รัชนันท์ ชื่นสุขอุรากุล อดีตรองนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสองพี่น้อง และคณะเดินทางลงพื้นที่ ชุมชนอำเภอเก่า เขตเทศบาลเมืองสองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี เพื่อมอบบ้านใหม่ให้กับ คุณยายลาด ชูแก้ว อายุ 89 ปี ซึ่งอาศัยมาเป็นระยะเวลายาวนาน โดยตัวบ้านแต่เดิมเป็นเพียงไม้เก่าๆ มุงด้วยหลังคาสังกะสีเก่าๆ ซึ่งไม่เหมาะสมกับการอยู่อาศัย และอาจเกิดอันตรายจากภัยธรรมชาติและสัตว์ที่มีพิษด้วย
      ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นายเมฆินทร์และนางเกศี พร้อมด้วยคณะผู้ติดตามของศูนย์ Blue House และ ปปร. 24 ได้ร่วมพิธีขึ้นบ้านใหม่ โดยชาวบ้านได้นิมนต์พระสงฆ์จำนวน 5 รูป มาเจริญพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้นในการอยู่อาศัย โดยมีเพื่อนบ้านมาร่วมงานและจัดเลี้ยงฉลองบ้านใหม่ โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างมีความสุขถ้วนหน้า ทั้งนี้ ทางศูนย์ฯ ได้มีการมอบเครื่องอุปโภคบริโภคขั้นพื้นฐานที่จำเป็น และมอบอุปกรณ์ในการป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด – 19 ซึ่งภายหลังจากการมอบบ้านฯ คุณยายลาดมีความซาบซึ้งใจจนน้ำตาไหล และได้อวยพรให้ทุกคนๆ ที่มาร่วมมอบบ้าน มีความสุขความเจริญ ปราศจากทุกข์ภัยโดยถ้วนหน้าด้วย

     โดยนายเมฆินทร์ กล่าวว่า เนื่องจากทางศูนย์ฯ ได้ตระหนักถึง”สังคมสูงวัย” (Ageing Society) โดยขณะนี้ประเทศไทยเป็น “สังคมสูงวัย” โดยสมบูรณ์ (Complete Aged Society) ในปี พ.ศ. 2564 และคาดการณ์กันว่า ในอีกราวๆ 15 – 20 ปีข้างหน้า จะเป็น “สังคมสูงวัยระดับสุดยอด” (Super Aged Society)  ดังนั้น ทุกภาคส่วนจึงได้มีการดำเนินการเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเรื่องที่อยู่อาศัย ซึ่งมีผู้สูงอายุเป็นจำนวนมากไม่ได้อยู่บ้านแบบถูกสุขลักษณะ  รวมทั้ง จากการลงพื้นที่ใน อ.สองพี่น้อง ที่ผ่านๆ มา ได้มีชาวบ้านมาบอกกับตนว่า คุณยายลาด อยู่อาศัยภายในชุมชนอำเภอเก่า มีบ้านที่ชำรุดทรุดโทรม ซึ่งเกรงว่า อาจจะมีอันตรายในการอยู่อาศัย ดังนั้น ตนและทางศูนย์ฯ จึงได้ร่วมกับทางคณะนักศึกษา ปปร. 24 จัดสร้างบ้านหลังใหม่ที่มีความมั่นคงแข็งแรง และเหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุในการอยู่อาศัย ซึ่งทางศูนย์ฯ ก็ได้มีการช่วยเหลือผู้สูงอายุมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการต่อยอดจากแนวคิดเดิมที่เกิดผลสัมฤทธิ์แล้วและเสริมด้วยแนวคิดใหม่ๆ เพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ ให้สามารถดูแลตนเองได้อย่างมีความสุขตามวิถีชีวิตแบบปกติใหม่ (New Normal) และก้าวทันนวัตกรรมใหม่ๆ ในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างสม่ำเสมอด้วย
       ทางด้านนางเกศี กล่าวด้วยว่า วันนี้ถือเป็นวันที่มีความสุขที่ทางคณะนักศึกษา ปปร. 24 ได้ช่วยกันสร้างบ้านให้กับคุณยายลาด เพราะถือว่า บ้านที่ดีและปลอดภัย เป็นสิ่งสำคัญในการดำรงชีวิต ทั้งนี้ คุณยายก็ได้ขอบคุณในน้ำใจของทุกๆ คน และอวยพรให้มีสุขภาพแข็งแรง และมีความสุขความเจริญโดยถ้วนหน้ากัน

.

Assure Technology เปิดตัวยิ่งใหญ่ หวังเสริมทัพธุรกิจ Blockchain

ศิวนัส ยามดี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บจ. แอสชัวร์ เทคโนโลยี ประกาศความพร้อมครั้งยิ่งใหญ่ ของการเป็นผู้ให้บริการพัฒนา ด้านบล็อกเชน (Blockchain) อย่างเป็นทางการ โดยได้จัดงานเปิดตัวบริษัท Assure Technology แนะนำผลิตภัณฑ์หลากหลายที่มีพร้อมตอบสนองความต้องการของตลาดครบวงจร เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2565 โรงแรม Avani Riverside Bangkok โดยมีผู้สนใจและนักลงทุนร่วมงานมากมาย

นายศิวนัส ยามดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสชัวร์ เทคโนโลยี จำกัด (Assure Technology Co., Ltd.) บริษัทผู้พัฒนาระบบซอฟต์แวร์เกี่ยวกับบล็อกเชน (Blockchain), คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) และฟินเทค (FinTech) หนึ่งในอดีตผู้ก่อตั้งกระดานเทรดสินทรัพย์ “Coin Asset” เปิดเผย ประกาศความร่วมมือครั้งยิ่งใหญ่อย่างเป็นทางการร่วมกับกลุ่ม บริษัท บอสเวลล์ ดิจิทัล โฮลดิ้ง จำกัด (Boswell Digital Holding Co., Ltd.) เนื่องจากมองว่าธุรกิจ Blockchain ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก และการร่วมมือกันจะช่วยเสริมทัพที่มั่นคงและยั่งยืน ประกอบกับทำให้การบริการและแพลตฟอร์มต่าง ๆ ครบวงจรมากยิ่งขึ้น จะช่วยตอบโจทย์การวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจ การวางเเผนด้านการตลาด และรวมไปถึงการพัฒนาระบบต่าง ๆ

เพื่อต่อยอดและสร้างสรรค์ไอเดียให้กับนักลงทุนหรือผู้ที่กำลังจะเข้าสู่ธุรกิจทางด้านบล็อกเชน (Blockchain) หรือสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ให้มีความรู้ความเข้าใจและสามารถยืนหยัดอยู่บนโลกของ Blockchain Technology นอกจากนี้ ข้อดีของการร่วมมือครั้งนี้ คือ พาร์ทเนอร์ที่โดดเด่นในวงการ
“เราเป็นผู้พัฒนาวางแผนระบบบล็อกเชน และเรามองว่าโครงสร้างของไทยยังมีโอกาสอีกมาก ซึ่งเราเน้นเป็นผู้ให้บริการที่ครบวงจร นำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาต่อยอด โดยไม่ได้จำกัดเฉพาะในประเทศ แต่เป็นการก้าวไปยังต่างประเทศได้อีกด้วย” นายศิวนัส กล่าว

นายศิวนัส กล่าวเสริมว่า ผลิตภัณฑ์ของเรามีจุดเด่นที่หลากหลายและครอบคลุมทุกความต้องการของตลาด โดยมีผลิตภัณฑ์หลัก ๆ ดังนี้ 1. PEER จะดำเนินธุรกิจในแพลตฟอร์มแอปพลิเคชัน ภายใต้ชื่อว่า “PEER.Money” (เพียร์ดอทมันนี่) “แพลตฟอร์มรับจำนำคริปโทเคอร์เรนซี” ด้วยสินเชื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน ผ่านแอปพลิเคชัน PEER.Money โดยเป็นแพลทฟอร์ม Non-bank ที่นำเอาเทคโนโลยีและคริปโทเคอร์เรนซี มาเป็นเครื่องมือหลักในการทำธุรกิจสินเชื่อ โดยเราเป็นเจ้าแรกที่สามารถทำให้ผู้ที่ถือสินทรัพย์ดิจิทัลสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำรองได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงเดือนตุลาคม 2565 นี้
สำหรับ 2. Neko นั้น เรามุ่งเน้นที่การพัฒนาแนวคิดธุรกิจสตาร์ทอัพในอุตสาหกรรมบล็อกเชน โดยการให้เงินทุนและการเข้าถึงแก่นักลงทุน เกณฑ์ในการเลือกธุรกิจที่จะทำการร่วมงานของเรานั้นเรียบง่าย เราเลือกธุรกิจที่มีศักยภาพสูง หรือโปรเจกต์ที่มีความเป็นไปได้ที่น่าสนใจ และมีความเป็นไปได้สูงที่จะนำสิ่งใหม่ ๆ ที่จะมาแทนที่เทคโนโลยีดั้งเดิมโดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ในขณะที่ยังคงอัตราความสำเร็จให้สูงที่สุดในอุตสาหกรรมนี้เช่น ในโปรเจกต์ Metaverse, Gamefi, Defi, NFT เป็นต้น

และ 3. VCEX ดำเนินธุรกิจกระดานแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Exchange) ที่ทางเราให้คำปรึกษาและร่วมพัฒนา และอนาคตเรามีแผนจับมือกับพันธมิตร ร่วมกันพัฒนากระดานแลกเปลี่ยน รวมถึงการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจจากสำนักงาน ก.ล.ต และองค์กรในต่างประเทศ4.เรามีทีมที่ปรึกษาด้านธุรกิจบล็อคเชน และที่ปรึกษาทางกฎหมายในการยื่นขอใบอนุญาติและธุรกิจที่เกี่ยวกับบล็อกเชน ซึ่งจะมีผลิตภัณฑ์ที่คิดค้นออกมาอีกมากมาย

ข้อมูลสำหรับสื่อมวลชน กรุณาติดต่อ บริษัท บียอนด์ โซลูชันส์ จำกัด
ดวงกมล คล่องบุญจิต (นัตตี้)
Tel: 065-164-5399
Email : duangkamol@beyondsolutions.co.th, pr@beyondsolutions.co.th

About Us : Assure Technology บริษัท Start up น้องใหม่ นำทีมโดย “โก ศิวนัส ยามดี” CEO หนุ่มไฟเเรง ผู้มีประสบการณ์ทางด้านการทำ Blockchain Exchange เเละ Fintech ที่ได้หวนกลับเข้าสู่วงการ Blockchain Technology อีกครั้งเพื่อเริ่มสร้างธุรกิจ Start Up ที่เกี่ยวข้องกับ Blockchain Consulting ด้วยทุนจดทะเบียนกว่า 200 ล้านบาท โดยทาง Assure Technology เรามุ่งเน้นให้บริการด้านคำปรึกษาในการทำธุรกิจทางด้าน Blockchain ตั้งแต่เริ่มต้น ทั้งในส่วนของการวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจ, การวางเเผนด้านการตลาด รวมไปถึงการพัฒนาระบบต่าง ๆ เพื่อต่อยอดและสร้างสรรค์ไอเดียให้กับนักลงทุนหรือผู้ที่กำลังจะเข้าสู่ธุรกิจทางด้าน Blockchain หรือ Digital Asset ให้มีความรู้ความเข้าใจเเละสามารถยืนหยัดอยู่บนโลกของ Blockchain Technology ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ เรายังได้มีการพัฒนาแพลตฟอร์มด้านการเงิน ที่จะช่วยให้ทุกคน เข้าถึงโลกดิจิทัลได้ง่ายยิ่งขึ้นอีกด้วย

บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด เผยแพร่ภาพยนต์โฆษณาเรื่องแรก นำแสดงโดย 13 คนขับรถไฟ ตัวจริงเสียงจริง ตัวแทนคนรุ่นใหม่

บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด เผยแพร่ภาพยนต์โฆษณาเรื่องแรกของรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง … นำแสดงโดย 13 คนขับรถไฟ ตัวจริงเสียงจริง ตัวแทนคนรุ่นใหม่ ที่ร่วมกันนำเสนอภาพของการวิ่งตามความฝัน … พร้อมเพลงประกอบโฆษณาแสนไพเราะที่ได้ บี พีระพัฒน์ ทั้งแต่งและร้อง ติดตามชมได้ทาง Social Media ทุกช่องทาง แค่พิมพ์ red_line_srtet

36ปี สนท. “เราจะกลับมาไปด้วยกัน”

วันศุกร์ที่ 29เมษายน 2565
เวลา 09.00 – 13.00 น. ณ ห้องบุหงา ชั้น 2
โรงแรม โกลเด้น ทิวลิป
ซอฟเฟอริน กรุงเทพ-พระราม 9

ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564 และเลือกตั้งคณะกรรม การบริหารสมาคมฯ วาระปี 2565-2567

36ปี สนท. “เราจะกลับมาไปด้วยกัน”
คุณ กรณรงค์ ทองหนู ได้รับฉันทามติเป็นเอกฉันท์ เป็น
นายกสมาคมนำเที่ยวไทย(สนท.)
อีกหนึ่งสมัย รวมทั้งทีมกรรมการ
ผู้ทรงเกียรติทุกท่าน
และ ทีมที่ปรึกษา ผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านการท่องเที่ยวพร้อมจะให้การสนับสนุนในทุกภาคส่วน

พร้อมทั้งพันธมิตร จากหลากหลายสมาคม อาทิเช่น
สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ
สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว
AGEN CLUB
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
สมาคมช่างภาพ สื่มวลชนดิจิทัล

และสมาชิกใหม่ เข้าสู่ครอบครัว สนท.อันอบอุ่น ดีวารี จอมเทียน
ทัชสตาร์ ฮันนีฮิลล์ วีโซทัวร์ บัตรกรุงไทย เคทีซี สมายด์ ริเวอร์ไซด์ และอีกหลากหลาย ธุรกิจท่องเที่ยว ร่วมแสดงความยินดีกันอย่าหนาแน่น

“เดินหน้าพัฒนาการท่องเที่ยว
ภายในประเทศให้ยั่งยืน
เปิดมุมมองรับการท่องเที่ยวใหม่ๆจากต่างประเทศ
จับมือร่วมกันระหว่างองค์กรและสมาคมต่างๆ เพื่อส่งเสริมความรู้ใหม่ๆให้กับสมาชิก
มอบสิทธิพิเศษต่างๆจากภาครัฐให้กับสมาชิกอย่างทั่วถึง

วิสัยทัศน์ และควาททุ่งมั่น ของ
ท่านนายก กรณ์ ทองหนู นายกสมาคมนำเที่ยวไทย(สนท.)และทีมกรรมการ ที่จะนำพา สนท
ก้าวผ่านวิกฤตไป อย่างแข็งแรงแข็งแกร่ง สู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน

“ชัยวุฒิ” ร่อน หนังสือ คกก.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฯ ทบทวนมติห้ามนำเข้า/ขายบุหรี่ไฟฟ้า ชี้เปิดเสรีนำเข้าถูกกฏหมายเก็บภาษีเข้ารัฐ

รมว.ดีอีเอส ส่งหนังสือ ถึงคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ (คผยช.) เรียกร้อง ทบทวนมติแบนบุหรี่ไฟฟ้า เผยไม่สอดคล้องกับบริบทปัญหา เเนะเรียกร้องเปิดนำเข้าเสรี เก็บภาษีให้ถูกกฏหมาย สกัดเส้นทางการลักลอบขายออนไลน์

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า จากที่คณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติในการประชุมเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมาได้มีมติห้ามนำเข้าและขายบุหรี่ไฟฟ้าทุกรูปแบบในประเทศไทย ซึ่งจริงๆก็มีกฎหมายห้ามอยู่แล้ว ขณะนี้คณะกรรมการก็มีมติแบนบุหรี่ไฟฟ้า ห้ามนำเข้าห้ามจำหน่ายในประเทศด้วยเหตุผลที่ป้องกันไม่ให้เยาวชนหรือพี่น้องประชาชนไม่ให้เข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งทางกระทรวงดิจิทัลเศรษฐกิจและสังคมได้ติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอดเราก็มีหน้าที่ในการส่งเสริมให้ประชาชนได้ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่และดิจิทัลในการใช้ชีวิตในการทำธุรกิจ
และเราก็พบว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีการขายออนไลน์จำนวนมาก

เราได้มีการตั้งคณะทำงานเพื่อแก้ปัญหาการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์ พบว่ามีการใช้อย่างแพร่หลายมากเพราะประชาชนที่เค้ามีความเชื่อว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าการสูบบุหรี่มวนหรือบุหรี่จริงและมีการผลการศึกษาจากต่างประเทศซึ่งก็มีสหรัฐอเมริกา หรือประเทศอังกฤษ ในยุโรปหลายประเทศเป็นประเทศที่เจริญแล้วกว่า 70 ประเทศ
ศึกษาและยอมรับให้มีการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในประเทศนั้นได้ ซึ่งก็กลายเป็นสร้างปัญหา สร้างเงื่อนไขที่ทำให้การลักลอบการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ผ่านระบบออนไลน์อย่างแพร่หลายซึ่งเราก็ไม่สามารถปิดกั้นได้
มีการลักลอบมีการเรียกร้องเงินใต้โต๊ะเป็นผลประโยชน์มหาศาลซึ่งผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
เราทำให้ถูกกฎหมายและเก็บภาษีให้ถูกต้องนี่ก็เป็นประเด็นแรกที่ผมได้ทำหนังสือคัดค้านไป
อีกประเด็นผมคิดว่าคณะกรรมการยาสูบแบนบุหรี่ไฟฟ้าโดยอาจไม่ได้ฟังความเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้องหรือข้อมูลทางวิชาการเป็นมติที่ไม่ชอบ ควรจะมีการศึกษาอย่างรอบด้านรับฟังความเห็นของผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย นำข้อมูลวิชาการของประเทศที่เปิดให้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าได้เอามาร่วมพิจารณาด้วยในการศึกษา ไปห้าม 100 % มันไม่ใช่ทางออกของบริบทในสังคม
แล้วก็ทำให้ประชาชนที่เค้าอยากจะมีทางเลือกในการใช้บุหรี่ไฟฟ้า ที่มีอันตรายน้อยกว่าบุหรี่มวนก็ไปจำกัดสิทธิ์ของเค้าด้วย เพราะวันนี้หลายประเทศยอมรับแล้วว่าการสูบบุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัยกว่าการสูบบุหรี่จริงมีสารพิษน้อยกว่า ซึ่งอันนี้ท่านก็ไปจำกัดสิทธิ์จำกัดทางเลือกของพี่น้องประชาชนที่ไม่สามารถหยุดสูบบุหรี่ได้ แล้วที่สำคัญจะไปอ้างว่าป้องกันเยาวชนและคนรุ่นใหม่เข้ามาสุบบุหรี่ ผมคิดว่าไม่ถูกต้อง เพราะปัจจุบันเยาวชนคนรุ่นใหม่ ถ้าเค้าอยากสูบบุหรี่เค้าก็ไปซื้อบุหรี่จริงอยู่แล้วซึ่งท่านก็ไม่ได้ห้ามอะไรอยู่ดี ผมคิดว่าจริงๆท่านควรจะทำให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกต้องและก็เข้าอยู่ในระบบอยู่ในเกณฑ์เดียวกับบุหรี่จริง มีการควบคุมการโฆษณา ห้ามโฆษณา
ห้ามจำหน่ายออนไลน์ อาจจะดีกว่าการที่ผลักให้ไปอยู่ใต้ดินที่ผิดกฎหมายและก็ลักลอบขายกันออนไลน์กันทั่วไปในปัจจุบัน ซึ่งอันนี้ผมเรียนเลยว่าโดยระบบของเราไม่สามารถปิดกั้นหรือเทคดาวน์ได้ทั้งหมด วิธีเดียวที่ดีที่สุดก็คือรับฟังความคิดเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้อง
เปิดโอกาสให้บุหรี่ไฟฟ้าได้เข้ามามีความส่วนแสดงความคิดเห็นให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับคณะกรรมการ หาทางออกร่วมกันที่ทำให้บุหรี่ไฟฟ้าสามารถ
มีที่ยืนในสังคมไทยเพื่อเราจะได้ควบคุมและใช้ประโยชน์ ดีกว่าเราไปผลักไปๆสร้างปัญหาอื่นๆตามมา ผมได้ทำหนังสือไปถึงคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติเพื่อให้ทบทวนมติการห้ามจำหน่าย และห้ามนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าทั้งหมด

“จากข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดของกระทรวงฯ ในปี 64 พบว่า ประเทศไทยมีผู้บริโภคยาสูบกว่า 10 ล้านคน และมากกว่าร้อยละ 52 ไม่มีความคิดที่จะเลิกบุหรี่ ซึ่งคนกลุ่มนี้ก็ควรที่จะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องเป็นกลางเรื่องผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้า เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจในการบริโภค และสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งซึ่งเด็กและเยาวชนก็ควรได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์สำหรับพวกเขา” นายชัยวุฒิกล่าว

พร้อมทั้งเสนอแนะเพิ่มเติมว่า ควรมีกฎหมายที่กำหนดอายุขั้นต่ำในการซื้อขาย และกฎหมายที่ควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์ยาสูบอื่นๆ เพื่อให้ผู้บริโภคที่ยังไม่มีความคิดจะเลิกบริโภคยาสูบสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์เหล่านี้ และอาจลดปริมาณสารพิษที่เกิดขึ้นในอากาศ รวมทั้งบุหรี่ไฟฟ้าจะมีมาตรฐานที่ควบคุมได้เช่นเดียวกันกับประเทศทั่วโลก

นอกจากนี้ นโยบายการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าที่เหมาะสม จำเป็นต้องพิจารณาผลประโยชน์ในภาพรวม ได้แก่ ประโยชน์ที่ผู้สูบบุหรี่ที่จะเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่อันตรายน้อยกว่า ประโยชน์ในการปกป้องผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ รวมไปถึงการป้องกันการเข้าถึงของเด็กและเยาวชน และประโยชน์ของผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ ที่ไม่ต้องรับสารพิษต่างๆ จากการเผาไหม้

นายชัยวุฒิ กล่าวย้ำว่า การพิจารณานโยบายเรื่องการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า อย่างเหมาะสมกับบริบทและความเป็นจริง ซึ่งตั้งอยู่บนหลักฐานการศึกษาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งนวัตกรรมสมัยใหม่ มีความสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยลดอันตรายในด้านสุขภาพ ให้กับผู้บริโภคยาสูบ และประชาชนโดยทั่วไป ขณะเดียวกันก็ยังสามารถปกป้องคุ้มครองเยาวชนไม่ให้เข้าถึงสินค้าเหล่านี้ ผ่านช่องทางดิจิทัลโดยปราศจากการตรวจสอบควบคุม

ฉลองครบรอบ 10 ปี เอเชียทีค มีของดีมาแจกกติกา ง่าย ๆ

ฉลองครบรอบ 10 ปี เอเชียทีค มีของดีมาแจกกติกา ง่าย ๆ
  1. เพียงโพสต์โมเมนต์ วันวานที่ชวนคิดถึง ที่เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์
  2. กด Like กดติดตาม Facebook Fanpage Asiatique.Thailand

โมเมนต์ไหน ประทับใจกรรมการ รับไปเลย ของรางวัลพิเศษมากมาย !!

บัตรที่พักสุดหรู จากโรงแรม 𝐁𝐚𝐧𝐠𝐤𝐨𝐤 𝐌𝐚𝐫𝐫𝐢𝐨𝐭𝐭 𝐇𝐨𝐭𝐞𝐥 𝐓𝐡𝐞 𝐒𝐮𝐫𝐚𝐰𝐨𝐧𝐠𝐬𝐞 ( มูลค่า 6,600 บาท ) จำนวน 2 รางวัล / รางวัลละ 1 ใบ

บัตรล่องเรือดินเดอร์ 𝗖𝗵𝗮𝗼𝗽𝗵𝗿𝗮𝘆𝗮 𝗖𝗿𝘂𝗶𝘀𝗲 ( มูลค่า 1,700 บาท ) จำนวน 2 รางวัล / รางวัลละ 2 ใบ

บัตร 𝗔𝘀𝗶𝗮𝘁𝗶𝗾𝘂𝗲 𝗦𝗸𝘆 ( มูลค่า 250 บาท ) จำนวน 5 รางวัล / รางวัลละ 2 ใบ

ชุดของที่ระลึก จากเอเชียทีค จำนวน 2 รางวัล

ร่วมกิจกรรม ได้ตั้งแต่ วันนี้ – 05.05.2565 ( ประกาศผลรางวัลวันที่ 06.05.2565 )

.

อย่าลืม! กดติดตาม Line & IG

รับสิทธิพิเศษ และข่าวสารดีๆ ก่อนใคร

Facebook : https://bit.ly/35MOCDa

Line@ : https://bit.ly/3HCV7GC

Instagram : https://bit.ly/3sigsPa

สอบถามรายละเอียดร้านค้าและเวลาให้บริการเพิ่มเติมได้ที : 092-246-0812

นายธวัชชัย เงยเจริญ ประธานชมรมธุรกิจท่องเที่ยวไทย( TTBC) จัดกิจกรรมการเดินทางเฟรนด์ทริปฯเพื่อประสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว

นายธวัชชัย เงยเจริญ ประธานชมรมธุรกิจท่องเที่ยวไทย( TTBC) และคณะกรรมการ เจ้าหน้าที่ชมรมฯ นำคณะผู้ประกอบการ คณะมัคคุเทศ เชฟอาหารไทย จัดกิจกรรมการเดินทางเฟรนด์ทริปฯเพื่อประสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว จังหวัดสมุทรสงคราม

ชมรมธุรกิจท่องเที่ยวไทย(TTBC) นำโดย นายธวัชชัย เงยเจริญ ประธานชมรมธุรกิจฯ พร้อมด้วยคณะกรรมการและเจ้าหน้าที่ของชมรมธุรกิจฯ ได้จัดให้มีกิจกรรมการเดินทางเฟรนด์ทริป “ไหว้พระอิ่มบุญ ตลาดบกอิ่มตา ตลาดน้ำอิ่มท้อง” นำพาคณะผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย, คณะมัคคุเทศก์, คณะเชฟอาหารไทย และคณะสื่อมวลชนส่วนกลาง ร่วมกันเดินทางลงพื้นที่ในจังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อการเตรียมทริปการเดินทางและประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว นำพานักท่องเที่ยวทั่วไทยให้ได้มารู้จักแหล่งท่องเที่ยว ที่น่าสนใจภายในจังหวัดสมุทรสงคราม อย่างเช่น ตลาดน้ำท่าคา หรือ วัดบางกุ้ง เป็นต้น

เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ ฟร้อนท์ – ศูนย์อาหารฮาลาลนานาชาติ

เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ ฟร้อนท์ – ศูนย์อาหารฮาลาลนานาชาติ – ล่องเรือดินเนอร์เดอะแกรนด์เจ้าพระยา ครุยส์

เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ ฟร้อนท์ แหล่งท่องเที่ยวและ Shopping Street ยามค่ำคืนริมแม่น้ำเจ้าพระยา ใจกลางกรุงเทพมหานคร ถนนเจริญกรุง (ระหว่างซอยเจริญกรุง 74-76) ไม่ไกลจาก BTS สถานีตากสิน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีกลิ่นอายของโกดังท่าเรือที่นักท่องเที่ยวนิยมมาชม ชิม ช้อป ถ่ายรูปสวย ๆ และเดินหาร้านอาหารอร่อย ๆ รับประทานกัน มีชิงช้าสวรรค์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งแรกของไทย ม้าหมุน และ รถไฟบ้านผีสิงบริการสำหรับคนที่ชอบความสนุกสนาน

ที่นี่แบ่งออกเป็น 4 ย่านด้วยกันคือ ย่านเจริญกรุง ย่านกลางเมือง ย่านโรงงาน และ ย่านริมน้ำ ซึ่งแต่ละย่านก็จะมีจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ในตัว ในย่านเจริญกรุงและย่านโรงงานจะเป็นสินค้า ของที่ระลึก เสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องประดับ ของตกแต่งบ้าน กิ๊ฟช้อป และรองเท้า ส่วนในย่านกลางเมืองก็จะเป็นแหล่งรวมอาหารอร่อยหลากหลายสไตล์ ทั้งไทย จีน ญี่ปุ่น อินเดีย และอาหารซีฟู้ดสดๆ ส่วนย่านริมน้ำ จะมีร้านค้ามากมายให้ได้เดินช้อปแบบชิล ๆ

ส่วนที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่คือ ศูนย์อาหารฮาลาลนานาชาติ ที่รวมร้านอาหารฮาลาล กว่า 35 ร้านค้าไว้บริการ เช่นข้าวหมกไก่ ข้าวมันไก่ อาหารนานาชาติ ทั้ง อาหรับ ไทย จีน เกาหลี และ อิตาเลียน ตลอดจนก๋วยเตี๊ยว ผัดไทย เย็นตาโฟว์หม้อไฟ โจ๊กทะเลเดือด ขนมหลากหลาย เช่น ขนมบิงซู ข้าวเหนียวมะม่วงและเครื่องดื่มอร่อย ๆ เช่นมะพร้าวน้ำหอม โดยเฉพาะกาแฟตุรกีชงบนทรายร้อน ๆ แห่งเดียวในไทยที่มีรสชาติเข้มข้นไม่เหมือนใคร พร้อมขนมตุรกีรสชาติดี โดยคุณมีมี่ รัศมีเดือน มูฮำหมัด เจ้าของร้านจะคอยดูแลเอาใจใส่ให้อาหารฮาลาลและการบริการได้มาตรฐานสากลสร้างความประทับใจแก่ลูกค้า

เดินช้อปปิ้งและชิมอาหารอร่อย ๆ กันแล้ว ก็ถึงเวลาไปล่องเรือสำราญ THE GRAND CHAOPHRAYA CRUISE โดยมีนางรำมารำต้อนรับก่อนที่จะลงเรือ
เรือสำราญ เดอะแกรนด์เจ้าพระยาครุยส์ บริหารงานโดยคุณภูวดี คุนผลิน เจ้าของและกรรมการผู้จัดการ โดยเส้นทางการล่องเรือจะเริ่มต้นจากท่าเรือเอเชียทีค ล่องไปถึงสะพานพระราม 8 โดยสองข้างทางนั้นจะมีสถานที่สวยงามมากมายให้ได้ชื่นชม เช่น โบสถ์ซางตาครู้ส วัดอรุณ วัดพระแก้ว ไอคอนสยาม เป็นต้น

บนเรือลำนี้มีพื้นที่กว้างขวางโดยแบ่งเป็น 2 ชั้น ชั้นล่างจะเป็นห้องแอร์ ส่วนชั้นบนเป็นดาดฟ้าลมพัดเย็นสบาย อาหารที่เสิร์ฟนั้นก็เป็นอาหารแบบบุฟเฟต์นานาชาติไม่ว่าจะเป็นของปิ้งย่าง เมนูซีฟู้ด กุ้งเผา หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ ปลาดิบ ซูชิ ตลอดจนของหวาน ขนมเค้ก ขนมไทยนานาชนิด และผลไม้ รวมถึงเครื่องดื่มที่เสิร์ฟคกันตลอดเส้นทางกันเลยค่า ท่ามกลางเสียงเพลงเสียงดนตรีสดจากนักร้องนักดนตรีบรรเลงขับกล่อมแสนโรแมนติก สลับไปกับการแสดงรำไทยอีกด้วย

ช่องทางติดต่อ เจ้าพระยาครุยส์ :-

-Line : @ChaophrayaCruise

-Facebook : ChaophrayaCruise

-Email : sales@chaophrayacruise.com

-Website : http://www.chaophrayacruise.com

-เวลาทำการ 19.00 น. – 21.00 น. ทุกวัน
โทรศัพท์: 098 562 4244
(คุณภูวดี คุนผลิน กรรมการผู้จัดการ)

ข้อมูล เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ ฟร้อนต์ (Asiatique The Riverfront)

ที่อยู่ : 2194 ถนนเจริญกรุง แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ

พิกัด : https://goo.gl/maps/FN3kHvNxdTWoGS8y9

เปิดให้เข้าชม : 16.00-22.00 น.

โทร : 09-2246-0812

เว็บไซต์ : https://www.facebook.com/Asiatique.Thailand

ผบ.ทร.ตรวจเยี่ยมฝึกสนธิกำลังด้วยกระสุนจริง หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง

ผบ.ทร.ตรวจเยี่ยมฝึกสนธิกำลังด้วยกระสุนจริง
หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง

พลเรือเอก สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือเดินทางไปตรวจเยี่ยมการฝึกยิงอาวุธทางยุทธวิธีของ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) และการฝึกสนธิกำลังดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง ในการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2565 ณ สนามฝึกยิงอาวุธหาดยาวทุ่งโปรง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี และสนามฝึกกองทัพเรือหมายเลข 16 บ้านจันทเขลม อ.เขาคิชกูฏ จ.จันทบุรี โดยมี พลเรือเอก ธีรกุล กาญจนะ รองผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะ ผู้อำนวยการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2565 พลเรือโท รณรงค์ สิทธินันท์

โดยมีผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน พลเรือตรี สรวุท ชวนะ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ตลอดจนข้าราชการระดับสูงในพื้นที่ให้การต้อนรับ
การตรวจเยี่ยมการฝึกของผู้บัญชาการทหารเรือและคณะ มีจุดประสงค์สำคัญเพื่อการรับทราบรายละเอียดการปฏิบัติในการฝึก ขีดความสามารถและความพร้อมในการปฏิบัติการของหน่วยต่าง ๆ ที่เข้ารับการฝึก เพื่อนำสู่การพัฒนาความพร้อมของหน่วยต่าง ๆ ในการป้องกันประเทศตามภารกิจของกองทัพเรือ รวมถึงเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจแก่กำลังพลที่เข้ารับการฝึกอีกด้วย
สำหรับการฝึกยิงอาวุธทางยุทธวิธีของ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) เป็นการฝึกยิงอาวุธต่อเป้าหมายในทะเล ซึ่งในปีนี้ได้จัดให้มีการสนธิกำลังระหว่างยุทโธปกรณ์ของ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) และ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (นย.) มีวัตถุประสงค์เพื่อทดสอบ
ความพร้อมรบและขีดความสามารถขององค์วัตถุและองค์ยุทธวิธีในการใช้อาวุธประจำหน่วย เพื่อเพิ่มความชำนาญให้กับกำลังพลในการใช้อาวุธ และสามารถแก้ไขข้อขัดข้องต่าง ๆ ในขณะปฏิบัติภารกิจได้ อีกทั้งเพื่อทดสอบ

การปฏิบัติการร่วมระหว่าง สอ.รฝ. และ นย. ในการใช้อาวุธต่อเป้าหมายในทะเลโดยจัดกำลังเข้ารับการฝึก ประกอบด้วย กองพันต่อสู้อากาศยานที่ 1 กองพันต่อสู้อากาศยานที่ 2 กองพันรักษาฝั่ง ศูนย์ต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งประจำพื้นที่ ยุทโธปกรณ์ที่ใช้ในการฝึกครั้งนี้ ได้แก่ ปืนต่อสู้อากาศยานขนาด 37 มม. ปืนต่อสู้อากาศยานขนาด 40/70 มม. ปืนใหญ่กระสุนวิถีโค้งขนาด 155 มม. ปืนใหญ่กระสุนวิถีราบขนาด 130 มม.
ในส่วนของการสนธิกำลังดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความรู้ความสามารถของกำลังพลส่วนต่าง ๆ ทางยุทธวิธีในสงครามตามแบบ และเพื่อเป็นการทดสอบความพร้อมรบของหน่วยระดับกรม กองพัน หน่วยขึ้นตรง กองพลนาวิกโยธิน ให้เกิดความคุ้นเคย รวมทั้งเพิ่มประสบการณ์ในการจัดทำแผนการฝึกปัญหาที่บังคับการ การดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง การควบคุมบังคับบัญชา การประสานการยิงสนับสนุนอากาศ – พื้นดิน การติดต่อสื่อสาร การต่อต้านข่าวกรองของข้าศึก และการประสานการปฏิบัติระหว่างหน่วย ในโอกาสนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้ชมการตีโต้ตอบและการส่งกลับสายแพทย์ ก่อนทำการยิงอาวุธด้วยกระสุนจริง (ปืนต่อสู้อากาศยานขนาด 40/60, เครื่องยิงลูกระเบิดอัตโนมัติ 40 มม., MK 19, ปืนกลหนักขนาด .50 นิ้ว, และ ปืนกล เอ็ม 60) ร่วมกับผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพเรือ รวมถึง

การฝึกการยิงฉากป้องกันที่มั่นขั้นสุดท้าย โดยกำลังที่เข้าร่วมการฝึกในครั้งนี้จัดจากหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง อาทิ ยานเกราะล้อยางแบบ BTR – 3E1 รถฮัมวี่ติดจรวดต่อสู้รถถัง แบบ TOW 2A RF ปืนต่อสู้อากาศยานขนาด 40/60 มม. ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีโค้ง ขนาด 105 มม. ปืนใหญ่กลางกระสุนวิถีโค้ง ขนาด 155 มม. และ ปืนใหญ่สนาม ขนาด 155 มม.
กองทัพเรือได้กำหนดให้หน่วยกำลังรบในทุกระดับ ดำเนินการเตรียมความพร้อมในระดับหน่วยตามความเชี่ยวชาญเฉพาะของกิจที่ได้รับ จนถึงการบูรณาการกำลังขนาดใหญ่เข้าด้วยกัน เพื่อฝึกการปฏิบัติการภายใต้สถานการณ์การฝึกตามแผนป้องกันประเทศในแต่ละด้าน โดยกำหนดแนวคิดหลักอ้างอิงจากสถานการณ์ที่มีโอกาสเกิดขึ้นมากที่สุดไว้ในการฝึกกองทัพเรือประจำปี ซึ่งนอกจากจะเป็นการเตรียมความพร้อมของกำลังรบในการป้องกันประเทศตามภารกิจของกองทัพเรือแล้วยังเป็นการทดสอบแผนการปฏิบัติ ระบบการควบคุมการบังคับบัญชา ระบบการสื่อสารและระบบการส่งกำลังบำรุงในภาพรวม ตลอดจนเป็นการทดสอบการปฏิบัติการร่วมระหว่างเหล่าทัพ ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติการในสถานการณ์จริงอีกด้วย
สำหรับการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2565 (การฝึก ทร.65) ในปีนี้ ทำการฝึกในขั้นสถานการณ์ปกติ – ความขัดแย้งระดับต่ำ ดำเนินการฝึกในกระบวนการวางแผนทางทหารเพื่อการจัดทำคำสั่งยุทธการ

รวมถึงการฝึกด้านการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล การฝึกปฏิบัติการช่วยเหลือและบรรเทาภัยพิบัติ ตลอดจนการฝึกภาคสนาม/ภาคทะเล (FTX) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทดสอบแผนป้องกันประเทศ ตลอดจนทดสอบกระบวนการวางแผนทางทหารและแนวทางการใช้กำลัง การอำนวยการยุทธ์ตามแผนที่ใช้ในการฝึก รวมถึงเพื่อทดสอบขีดความสามารถปฏิบัติการทางเรือสาขาต่าง ๆ โดยใช้โครงสร้างจริงของหน่วยทุกระดับของกองทัพเรือเพื่อให้สอดคล้องกับแนวความคิดการจัดฝึก “รบอย่างไร ฝึกอย่างนั้น” การฝึกภาคสนาม/ภาคทะเล ของหน่วยกำลังรบและหน่วยที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนการปฏิบัติการ ซึ่งการฝึกในส่วนของหน่วยกำลังรบทางบกของกองทัพเรือ ประกอบไปด้วย การฝึกสนธิกำลังดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง ของหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (นย.) และการฝึกยิงอาวุธทางยุทธวิธีต่อเรือผิวน้ำของหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) ในปีนี้ เน้นรูปแบบการฝึกปฏิบัติการร่วมของกองกำลังน.ย.และ สอ.รฝ. ในการสนับสนุนระหว่างหน่วยทั้งในเชิงข้อมูลและทรัพยากร โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติการจริงกรณีเกิดสถานการณ์พิพาทโดยใช้อาวุธ