“ปลดกระดุมทุกเม็ดแล้วกลัดใหม่” “อลงกรณ์”เปิดวิสัยทัศน์“ปฏิรูปเกษตรไทย อนาคตประเทศไทย”

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ.รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์ อดีตส.ส.6สมัยและอดีตรัฐมนตรี เขียนบทความใน
เฟสบุ้ควันนี้
เรื่อง “ปฏิรูปเกษตรไทย อนาคตประเทศไทย”
“ปลดกระดุมทุกเม็ดแล้วกลัดใหม่”
เป็นตอนที่2ของซีรี่ย์”ก้าวใหม่ประเทศไทย”อย่างน่าสนใจ…….

ก้าวใหม่ประเทศไทย (ตอนที่2)
เรื่อง“ปฏิรูปเกษตรไทย อนาคตประเทศไทย”
“ปลดกระดุมทุกเม็ดแล้วกลัดใหม่”
โดย อลงกรณ์ พลบุตร
4 มกราคม 2564
องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ(FAO) โครงการอาหารโลก(World Food Program) องค์การสหประชาชาติ(UN) และองค์การอนามัยโลก(WHO)รายงานผลการประชุมสุดยอดระบบอาหารโลก(UN Food System Summit 2021)โดยสรุปว่า โลกกำลังเผขิญภาวะขาดแคลนอาหารจากประชากรโลกที่เพิ่มขึ้นและการ
แพร่ระบาดของโควิด19 ทำให้ประชากรโลกประสบปัญหาการเข้าถึงอาหารและราคาอาหารจะแพงขึ้น
เป็นวิกฤติของโลกแต่ก็เป็นโอกาสของไทยในฐานะประเทศผู้ผลิตและส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารชั้นนำของโลก
ประเทศไทยของเรามีศักยภาพการผลิตและการตลาดด้านเกษตรและอาหารสูงมาก
ปี2560 เราเป็นประเทศผู้ส่งออกอาหารอันดับ14ของโลก
ปี2561 ขึ้นเป็นอันดับ 12ของโลกซึ่งมีเพียง2ประเทศเท่านั้นที่ปีเดียวขึ้น2อันดับและเป็นครั้งแรกที่ขึ้นเป็นที่2ของเอเซียรองจากประเทศจีนเท่านั้น
ปี2562 ขยับต่อเนื่องขึ้นเป็นอันดับ11ของโลกและยังครองอันดับ2ของเอเซีย
นับเป็นประเทศ “หนึ่งเดียวในโลก” ที่2ปีขึ้น3อันดับ
ไทยแลนด์ โอนลี่ครับ
หลังโควิดคลี่คลาย เราจะสานฝัน”ครัวไทย ครัวโลก”สู่อันดับท็อปเทนของโลกตามนโยบายของรัฐบาล
วันนี้สินค้าเกษตรสินค้าอาหารและสินค้าเกษตรอุตสาหกรรมของไทยติดท็อปเทนของโลกจำนวนไม่น้อย เช่น ยางพารา ยางรถยนต์ ถุงมือยาง น้ำตาล ทุเรียน ข้าว สัปปะรดกระป๋อง อาหารทะเล ทูน่ากระป๋อง อาหารสัตว์เลี้ยง เอทานอล มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ฯลฯ.
ส่วนใหญ่ส่งออกในรูปวัตถุดิบและสินค้าแปรรูปขั้นต้นมูลค่าต่ำแบบที่เรียกว่า”ทำมากได้น้อย(More for Less)” ประเทศและเกษตรกรจึงมีรายได้น้อยมาอย่างยาวนาน เรา จึงต้องเปลี่ยนใหม่สู่การ”ทำน้อยได้มาก(Less for More)”
ถ้าทำแบบเดิมๆจะไม่สามารถยกระดับอัพเกรดภาคเกษตรเทคออฟสู่เพดานใหม่ได้
อย่างไรก็ตามแม้โจทย์จะชัดเจนในตัวเอง แต่คำถามคือ แล้วเราจะทำอย่างไร
ผมจะยกตัวอย่างการถอดสมการนำมาสู่การออกแบบโมเดลการปฏิรูปภาคเกษตรไทย
ถ้าเราย้อนมองบริษัทเช่น Amazon Alibaba Google Apple Teslaจะได้คำตอบว่าทำไมบริษัทเหล่านี้จึงสามารถทะยานขึ้นสู่บริษัทแนวหน้าของโลกภายในเวลา20ปีโดยเฉพาะAppleเป็นบริษัทแรกของโลกที่มีมูลค่าตลาดทะลุ3ล้านล้านดอลลาร์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา(มากกว่างบประมาณไทย30ล้านเท่า)
คำตอบคือ วิสัยทัศน์ เทคโนโลยีและการบริหารจัดการใหม่ๆ
อีกตัวอย่างเช่น ประเทศจีนที่พัฒนาตัวเองจากประเทศยากจนด้อยพัฒนาสู่ประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับ2และมหาอำนาจด้านเทคโนโลยีภายใน30ปี
คำตอบก็เหมือนกัน
การถอดบทเรียนจากตัวอย่างเหล่านี้ช่วยให้การดีไซน์การปฏิรูปง่ายขึ้น
การปลดกระดุมแล้วกลัดใหม่จึงเกิดขึ้นที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เป็นกระบวนการปฏิรูปการบริหารจัดการเชิงโครงสร้างและระบบ โดยใช้เทคโนโลยีเป็นแก่นกลาง
2ปีที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เร่งรัดการปฏิรูปภาคเกษตรเดินหน้าภายใต้5ยุทธศาสตร์ของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ.(จบปริญญาเอกด้านยุทธศาสตร์โดยตรง)และนโยบายของรองนายกรัฐมนตรี จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีพาณิชย์(เจ้าของสโลแกน”ทำได้ไวทำได้จริง”)ด้วยการสร้างกลไก4แกนหลักคือภาครัฐภาคเอกชนภาควิชาการและภาคเกษตรกรเป็น4เครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต ยุทธศาสตร์เทคโนโลยีเกษตร4.0 ยุทธศาสตร์3S(Safety-Security-Sustainability)เกษตรปลอดภัยเกษตรมั่นคงเกษตรยั่งยืน ยุทธศาสตร์เกษตรกรรมยั่งยืนและยุทธศาสตร์บูรณาการทำงานเชิงรุก นโยบายโลจิสติกส์เกษตร นโยบายอาหารแห่งอนาคต รวมทั้งการปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดินและการบริการ22หน่วยงานเพื่อยกระดับศักยภาพองค์กรและพัฒนาต้นน้ำการผลิตด้วยการเพิ่มผลิตภาพ(productivity)ลดต้นทุน การพัฒนาคนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน(Competitiveness)ของประเทศ
ผมจะเล่าให้ฟังโดยสังเขปว่า 2ปีมานี้ เราทำอะไรไปบ้าง ขอยกตัวอย่างเพียง 10 เรื่อง
1.เราจัดตั้งศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม(Agritech and Innovation Center)เรียกสั้นๆว่า ศูนย์AIC 77 จังหวัดเป็นฐานเทคโนโลยีของทุกจังหวัดและยังมีศูนย์AICประเภทศูนย์ความเป็นเลิศเฉพาะด้าน(Center of Excellence:COE)อีกกว่า20ศูนย์ทำหน้าที่วิจัยและพัฒนา(R&D)และเป็นศูนย์อบรมบ่มเพาะเกษตรกรผู้ประกอบการและถ่ายทอดนวัตกรรมเน้นเมดอินไทยแลนด์(Made In Thailand)เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีของเราเองโดยคิกออฟพร้อมกันทุกศูนย์ทุกจังหวัดทั่วประเทศเมื่อ1มิถุนายน2563 วันนี้มีเทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมกว่า624ชิ้นงานพร้อมถ่ายทอดต่อยอดสู่แปลงนาแปลงสวนแปลงไร่และอุตสาหกรรมต่อเนื่องกว่า7,000ราย
เราจัดตั้งศูนย์ข้อมูลเกษตรแห่งชาติ(National Agriculture Big Data Center:NABC)ภายใต้แพลตฟอร์มดิจิตอลใหม่ๆที่สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร(สศก.)เริ่มตั้งแต่มีนาคม2563 เพราะเทคโนโลยีข้อมูล(Information Technology)คือเครื่องมือเอนกประสงค์ของทุกภารกิจและทุกหน่วยงานโดยกำลังเชื่อมต่อกับBig Dataของหน่วยงานรัฐ เอกชนและศูนย์AICทุกจังหวัด
เราปฏิรูปกระทรวงเกษตรฯ.ภายใต้คอนเซ็ปท์GovTechให้เป็นกระทรวงที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี(TechMinistry)
22หน่วยงานในสังกัดกำลังพัฒนาตัวเองโดยโครงการดิจิตอล ทรานสฟอร์เมชั่น(Digital Transformation)เพื่อ เปลี่ยนบริการอนาล็อคเป็นบริการออนไลน์ เปลี่ยนการลงนามอนุมัติด้วยมือเป็นลายเซ็นดิจิตอล(Digital Signature) การเชื่อมโยงตามโครงการNational Single Window การบริการออนไลน์และแพลตฟอร์มแผนที่เกษตร(Agrimap)แบบmobile users
2.เราขับเคลื่อนฟาร์มอัจฉริยะ(smart farming)ตามแผนปฏิบัติการเกษตรอัจฉริยะโดยใช้เทคโนโลยีใหม่ๆเช่น ระบบเซนเซอร์ตรวจวัดดินน้ำอากาศและการอารักขาพืช การปรับระดับพื้นแปลงเกษตร(Land Leveling) ระบบเทคโนโลยีเมล็ดพันธุ์(Sead Technology) ระบบชลประทานอัจฉริยะรวมทั้งการใช้โดรนการใช้เทคโนโลยีดาวเทียมและแพลตฟอร์มแผนที่เกษตรดิจิตอล(Agrimap platform)
3.เราริเริ่มโครงการใหม่ๆเช่นการส่งเสริมเกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง(urban Farming)อย่างเป็นระบบเป็นครั้งแรกตอบโจทย์Urbanization(ประชากรไทยในเมืองมากกว่าในชนบทตั้งแต่ปี2562) การจัดตั้งสภาเกษตรอินทรีย์PGSแห่งประเทศไทย การขยายพื้นที่เกษตรอินทรีย์1.3ล้านไร่ การวางหมุดหมายแปลงเกษตรทฤษฎีใหม่บนฐานศาสตร์พระราชาทุกตำบล การจัดตั้งองค์กรชุมขนประมงท้องถิ่น2พันองค์กร การฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพประมงไทย การพัฒนาเกลือทะเลไทย การพัฒนาวัคซีนจากโปรตีนพืชสำหรับสัตว์ โครงการเกษตรแม่นยำ(Recision Agriculture)2ล้านไร่ โครงการพลังงานทดแทนโซล่ารถเซลล์ในฟาร์มกุ้งฟาร์มปลา โครงการธนาคารสีเขียว(Green Bank)ตอบโจทย์Climate Changeโดยเพิ่มต้นไม้ลดก๊าซเรือนกระจกโครงการCold Chainตลอดห่วงโซ่อุปทานและระบบแช่แข็งด้วยไนโตรเจนเหลวแบบNitrogen Freezer เป็นตัวอย่าง
4.เราริเริ่มและขับเคลื่อนนโยบายอาหารแห่งอนาคต พืชแห่งอนาคต(Future Food Future Crop)เช่นการส่งเสริมโปรตีนทางเลือกจากพืช(Plant base Protein) มีบริษัทstartupเกิดขึ้นจำนวนมาก การสนับสนุนโปรตีนทางเลือกจากแมลง(Edible Inseat base Protein)ปัจจุบันมีกว่า2หมื่นฟาร์ม(FAOประกาศเมื่อ3ปีที่แล้วว่าแมลงกินได้Edible Insectคืออนาคตใหม่ของโปรตีนโลก)
เราเปลี่ยนวิสัยทัศน์และแนวทางใหม่โดยโฟกัสการผลิตและการตลาดใหม่แบบคลัสเตอร์เช่น คลัสเตอร์อาหารเจอาหารVeganและอาหารFleximiliamอาหารใหม่(Novel food) คลัสเตอร์อาหารฮาลาลซึ่งมีลูกค้ากลุ่มประชากรมุสลิมและไม่ใช่มุสลิมกว่า2พันล้านคน มูลค่าตลาด48พันล้านบาท และการส่งเสริมการตลาดแบบไฮบริดแพลตฟอร์ม(hybrid marketing platform)ทั้งตลาดในและต่างประเทศ ทั้งออนไลน์ (on-line)ออฟไลน์(off-line)และออนไซต์(on-site)ด้วยโครงการLocal HeroทุกจังหวัดมีทีมE-Commerceรับผิดชอบเป็นต้น
5.เราได้วางโรดแม็ปเส้นทางโลจิสติกส์เกษตรเชื่อมไทยเชื่อมโลกในระบบการขนส่งหลายรูปแบบ(Multimodal Transportation)ทั้งทางรถทางรางทางน้ำและทางอากาศ(Low Cost Air Cargo)เพื่อลดต้นทุนโลจิสติกส์และเพิ่มความรวดเร็วในการเข้าถึงตลาดทั่วโลกและตลาดเป้าหมายใหม่เช่น
โครงการดูไบคอริดอร์-ไทยแลนด์ คอริดอร์ (Dubai Coridor- Thailand Corridor),เส้นทางรถไฟอีต้าอีลู่(BRI)เชื่อมไทย-ลาว-จีนสู่จีนทุกมณฑล-เอเซียใต้-เอเซียตะวันออก-เอเซียกลาง-ตะวันออกกลาง-รัสเซียและยุโรป และกำลังเปิดประตูใหม่จากอีสานสู่แปซิฟิกไปทวีปอเมริกาเหนืออเมริกาใต้และเปิดประตูตะวันตกประตูใต้สู่ทะเลอันดามัน-อ่าวเบงกอลและมหาสมุทรอินเดียสู่เอเซียใต้ อัฟริกา ตะวันออกกลางและยุโรป
6.เรากำลังปรับเปลี่ยนเกษตรแปลงย่อยเป็นเกษตรแปลงใหญ่(Big Farm)ซึ่งขณะนี้ขยายเพิ่มเป็นกว่า8,000แปลงเป็นพื้นที่รวมกว่า7ล้านไร่แล้วโดยมีการสนับสนุนเครื่องจักรกลเกษตรและระบบเกษตรอัจฉริยะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
7.เราพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่เป็นyoung smart farmerได้กว่า 20,000คนและส่งเสริมพัฒนาศูนย์ศพก.เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ระดับอำเภอพร้อมกับยกระดับเกษตรกรที่มีประสบการณ์สู่ระบบคุณวุฒิวิชาชีพโดยร่วมมือกับสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ
8.เรานำระบบทรัพย์สินทางปัญญา(Intellectual property)มาใช้ในการสร้างเกษตรมูลค่าสูงสร้างผลิตภัณฑ์สร้างแบรนด์ภายใต้แนวทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์(Creative Economy)โดยมีทีมงานรับผิดชอบโดยตรง
9.เราบริหารการพัฒนาเชิงพื้นที่(Area base)ควบคู่กับการบริหารการพัฒนาเชิงคลัสเตอร์เช่น โครงการ1กลุ่มจังหวัด1นิคมอุตสาหกรรมเกษตรอาหารทั้งหมด18กลุ่มจังหวัดเป็นศูนย์การแปรรูปผลผลิตเกษตรเพื่อกระจายการพัฒนาทุกภาคทุกจังหวัดไม่ให้เจริญแบบกระจุกตัวซึ่งก่อให้เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำของการพัฒนาโดยปี2565 รัฐมนตรีเกษตรฯ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อนได้แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาการเกษตรระดับอำเภอ878อำเภอทั่วประเทศและคณะทำงานเกษตรกรรมยั่งยืนระดับตำบล7,255ตำบลเพื่อสร้างจุดเปลี่ยนระดับพื้นที่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด
10.ความก้าวหน้าของงานแต่ละด้านเกิดจากการบริหารแบบเปิดกว้างสร้างหุ้นส่วน(Partnership platform)ในการทำงานกับทุกภาคีภาคส่วนเช่นสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้าไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมต่างๆ สถาบันอาหาร มหาวิทยาลัยและวิทยาลัย สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย สมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทย เครือข่ายองค์กรเอกชน ทุกกระทรวงและทุกพรรคการเมืองไม่ว่าฝ่ายค้านหรือรัฐบาล การยึดประโยชน์บ้านเมืองมาก่อนประโยชน์ทางการเมืองได้สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจนำมาซึ่งความร่วมมืออย่างจริงจังและจริงใจ ประการสำคัญคือการทำงานอย่างทุ่มเทของคนกระทรวงเกษตรฯ.
งานหนักและอุปสรรครออยู่ข้างหน้าอีกมาก แต่ด้วยก้าวใหม่ๆตามโรดแม็ปที่วางไว้ เราเดินเข้าใกล้เป้าหมายในทุกก้าวที่กล้าเดิน
การปฏิรูปรากฐานใหม่ของภาคเกษตรกรรมเพื่อสร้างศักยภาพใหม่ให้กับเศรษฐกิจฐานรากและสร้างความพร้อมของประเทศในการเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆของวันนี้และวันหน้าเป็นอนาคตที่ต้องรีบสร้างโดยมีเป้าหมายให้เกษตรกรไทยต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดีมีรายได้สูงพ้นจากความยากจนและหนี้สินที่เสมือนเป็นโคลนติดล้อของชีวิตมาอย่างยาวนานและประเทศไทยของเราต้องเข้มแข็งและมั่งคั่งขึ้นเพื่อประโยชน์ของคนไทยทุกคนครับ
ยังมีเรื่องกระดุมอีกหลายเม็ดที่กลัดใหม่ไว้จะเล่าในโอกาสต่อๆไปครับ.

เกี่ยวกับผู้เขียน:
นายอลงกรณ์ พลบุตร
รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์
ที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ.
อดีตรมช.พาณิชย์ อดีต ส.ส.6สมัย
ที่ปรึกษาสันนิบาตสหกรณ์ฯ.

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ ทรงประทานไฟพระฤกษ์หลวงพ่อใหญ่วัดม่วง

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ
สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก
ทรงประทานไฟพระฤกษ์ หน้าพระประธาน
หลวงพ่อใหญ่วัดม่วง จังหวัดอ่างทอง

โดยมี "อาจารย์มังกร พันเศียร"และคุณ วรัชยา วงษ์ธัญญะ พร้อมครอบครัว ประธานในพิธีอัญเชิญไฟพระฤกษ์ในครั้งนี้…สาธุ🙏🏻🙏🏻
และยังได้รับเกียรติจากอาจารย์ คฑา ชินบัญชร อาจารย์ โอ๊ก นายอำเภอ วิเศษชัยชาญ นายไพบูลย์ ศุภบุญ หน่วยงานราชการต่างๆ เข้าร่วมพิธีในครั้งนี้ด้วย….สาธุ cr.พี่บอล์ ว่าที่ ร.ต.ธนัท ชัชวาลย์ 

เตรียมงานนิทรรศการ “พระเครื่องพระบูชา”ตรวจมวลสารแบบดิจิทัตโลกอนาคต

เตรียมงานจัดนิทรรศการ “การประกวดพระเครื่องครั้งแรกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย” การตรวจมวลสารหน้าพระผ่านเครื่อง ที่ทันสมัยแบบดิจิทัลทันโลกอนาคต จากประเทศ สหรัฐฯ ทัต เมืองชล จัดเต็ม ให้เซียนพระได้รู้แจ้งเห็นจริง บนจอภาพแยกมวลสารชัดๆอย่างละเอียด ในองค์พระทุกยุคสมัยมาพิสูจน์หาพระแท้ได้ที่ตลาดนินจา จ.ชลบุรี เร็วๆนี้

รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ส่งมอบความสุขต้อนรับปีเสือ เสิร์ฟอาหารเช้ามื้อแรกของปีให้แก่ผู้โดยสารทั้ง 13 สถานี

วันที่ 1 มกราคม 2565 บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง จัดกิจกรรมสุดพิเศษ ส่งมอบความสุขต้อนรับปีใหม่ให้แก่ผู้โดยสาร โดยคุณสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด พร้อมทีมอินฟลูเอนเซอร์ นำโดย

เกรซ นรินทร มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2019 ทูตกรมสุขภาพจิต , โจ-โจ้ คู่แฝดคนขับรถไฟฟ้าโปรไฟล์พรีเมี่ยมสุดฮอตที่ได้รับการพูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์ และเน็ตไอดอลรวม 13 คน ออกเสิร์ฟอาหารเช้ามื้อแรกของปี ให้แก่ผู้โดยสารทั้ง 13 สถานี ตั้งแต่เวลา 06.30 น. ทั้งนี้กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

รถไฟฟ้าสายสีแดง ยกระดับคุณภาพชีวิตชานเมือง

องค์การสวนสัตว์ฯ จับมือ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ วางเป้าเพิ่มมาตรการด้านการแพทย์ฉุกเฉินในสวนสัตว์

องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (อสส.) ร่วมลงนามความร่วมมือกับ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) วางเป้าหมายเพิ่มมาตรการจัดระบบการแพทย์ฉุกเฉินเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว
(27 ธ.ค. 64) นายอรรถพร ศรีเหรัญ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย และ เรืออากาศเอก อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ได้ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือเพื่อการดำเนินงานการแพทย์ฉุกเฉินในองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ณ สวนสัตว์เปิดเขาเขียว จังหวัดชลบุรี โดยมี นางจงกลนี แก้วสด รองผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย และ ดร.พิเชษฐ์ หนองช้าง ผู้ช่วยเลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ

เป็นพยานในการร่วมลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ ทั้งสองหน่วยงานได้ให้ความสำคัญด้านความปลอดภัย ส่งเสริมสนับสนุนและประสานการจัดระบบการแพทย์ฉุกเฉิน พัฒนา แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางวิชาการ การจัดทำหลักสูตรการปฐมพยาบาลฉุกเฉินและการกู้ชีพขั้นพื้นฐาน การฝึกอบรม ศึกษาวิจัย การศึกษา ดูงาน และการประชุมทางวิชาการ รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมเกี่ยวข้องกับงานการแพทย์ฉุกเฉินให้กับองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย

นายอรรถพร ศรีเหรัญ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย กล่าวขอบคุณ สพฉ. ที่ทำให้เกิดความร่วมมือในวันนี้ เพราะถือเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือด้านการแพทย์ฉุกเฉิน ซึ่งจะทำให้บุคลากรขององค์การสวนสัตว์ฯ ได้ตระหนักถึงการเตรียมพร้อมในการป้องกันกรณีเกิดเหตุเจ็บป่วยฉุกเฉินอย่างถูกต้อง และทันท่วงที เพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานการให้บริการด้านความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชม สวนสัตว์มากยิ่งขึ้น

ทางด้าน เรืออากาศเอก อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ กล่าวว่า สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ เป็นหน่วยงานที่มีบทบาทในการดูแลเรื่องการจัดระบบการแพทย์ฉุกเฉิน ส่งเสริมสนับสนุน จัดทำหลักสูตรการอบรมการแพทย์ฉุกเฉิน การปฐมพยาบาลฉุกเฉิน และการกู้ชีพขั้นพื้นฐาน อันจะเป็นการเพิ่มมาตรการด้านความปลอดภัย ด้วยการพัฒนาศักยภาพบุคลากร ให้มีความรู้และทักษะในการดูแลผู้เจ็บป่วยฉุกเฉินเบื้องต้น กรณีเกิดเหตุการณ์ขึ้นภายในสวนสัตว์

กรมเจ้าท่า ส่งมอบพื้นที่ชายหาดจอมเทียน 800 เมตร ให้กับเทศบาลตำบลนาจอมเทียน

กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม เผย ได้ทำการส่งมอบพื้นที่ชายหาดจอมเทียนที่เสริมทรายแล้ว ความยาว 800 เมตร ความกว้างเฉลี่ย 51 เมตร ให้กับเทศบาลตำบลนาจอมเทียน เป็นของขวัญปีใหม่ พร้อมเตรียมการเดินหน้าเสริมทรายชายหาดที่เหลือ ในพื้นที่เขตเมืองพัทยา ความยาว 2.5 กิโลเมตร ความกว้างเฉลี่ย 50 เมตร เป็นระยะต่อไป 

นายสมพงษ์ จิรศิริเลิศ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า เปิดเผยว่า กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ความรับผิดชอบโดยตรงต่อการพัฒนาการขนส่งทางน้ำ และดูแลรักษาร่องน้ำและชายหาดของประเทศ ได้ส่งมอบพื้นที่ชายหาดจอมเทียนอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี

ที่เสริมทรายในเขตเทศบาลตำบลนาจอมเทียนคืนให้กับเทศบาลแล้ว หลังจากได้มีการจัดทำโครงการเสริมทรายชายหาดจอมเทียน มาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว โดยกรมเจ้าท่า ได้ว่าจ้าง บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ในวงเงินงบประมาณจำนวน 586,047,000 บาท ทำการก่อสร้างเสริมทรายชายหาดจอมเทียน โดยใช้แหล่งทรายบริเวณทิศตะวันตกของเกาะรางเกวียน ซึ่งอยู่ห่างจากชายหาดจอมเทียนออกไปประมาณ 15 กิโลเมตร มาถมหน้าชายหาด เพื่อฟื้นฟูบูรณะชายหาด

ให้มีขนาดหน้าหาดทรายกว้างเฉลี่ย 51 เมตร สำหรับทำกิจกรรมสันทนาการต่างๆ มีการก่อสร้างแหล่งสำรองทราย ระบบป้องกันน้ำท่วมชายหาด ระบบท่อระบายน้ำที่เชื่อมต่อกับท่อระบายน้ำเดิม ตลอดจนบันไดคอนกรีตสำหรับขึ้นลงชายหาด เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบธุรกิจริมชายหาดจอมเทียน ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากปัญหาชายหาดที่สูญหายไป และเพื่อเป็นการปรับทัศนียภาพชายฝั่งให้น่าท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น

“ กรมเจ้าท่า” ได้ให้ความสำคัญกับชายหาดท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ เพื่อทำการดูแลรักษา ฟื้นฟู ให้เป็นสมบัติของลูกหลานต่อไป ซึ่งจะมีการเข้าไปศึกษา และหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละพื้นที่ ในกรณีของชายหาดจอมเทียน กรมเจ้าท่า เลือกใช้วิธีการถมทรายเสริมชายหาด เช่นเดียวกับชายหาดพัทยา เนื่องจากผลการวิจัยศึกษาชี้ชัดว่า วิธีการนี้เป็นการแก้ไขปัญหาที่เหมาะสม และใช้งบประมาณได้คุ้มค่าที่สุด กรมเจ้าท่า คาดหวังว่าชายหาดจอมเทียนโฉมใหม่นี้ จะมีส่วนในการกระตุ้นการท่องเที่ยววิถีใหม่ให้กลับมาคึกคัก และยั่งยืนอีกครั้ง หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ได้ทำให้การท่องเที่ยวสะดุดลง ประกอบกับรัฐบาลได้มีนโยบายเปิดประเทศแล้ว ชายหาดจอมเทียนโฉมใหม่นี้ จะนำประโยชน์มาสู่ประชาชนในท้องถิ่น และประเทศชาติต่อไป โดยกรมเจ้าท่ามุ่งหวังให้เกิดการบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานส่วนกลางคือกรมเจ้าท่าในการเสริมทรายฟื้นฟูชายหาด กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการบริหารจัดการชายหาด การจัดระเบียบใช้ประโยชน์ชายหาด การดูแลรักษาความสะอาดและความปลอดภัย อีกทั้งเป็นหูเป็นตาคอยแจ้งเหตุปัญหาการกัดเซาะชายหาดเพื่อแจ้งกรมเจ้าท่าเข้ามาดำเนินการปรับปรุงแก้ไขตามความเหมาะสมต่อไป ” รองอธิบดีกรมเจ้าท่า กล่าว

ด้าน นายสมพงษ์ สายนภา นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลนาจอมเทียน ในฐานะเจ้าของพื้นที่ กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการเสริมทรายชายหาดจอมเทียนของกรมเจ้าท่านี้ นับเป็นโครงการที่จะทำให้การท่องเที่ยวของจอมเทียนกลับมาคึกคักอีกครั้ง ด้วยขนาดของชายหาดที่กว้างถึง 51 เมตร จะทำให้เกิดกิจกรรมหน้าชายหาดตามมาอีกมากมาย สามารถใช้ประโยชน์ในธุรกิจการท่องเที่ยว ก่อให้เกิดรายได้ต่อประชาชน และภาคธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
“ เทศบาลตำบลนาจอมเทียน มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้รับมอบพื้นที่ชายหาดโฉมใหม่ ในส่วนของเทศบาล ถือเป็นของขวัญปีใหม่ที่มีค่าสำหรับชาวตำบลนาจอมเทียน และจังหวัดชลบุรีทุกคน โครงการเสริมทรายชายหาดจอมเทียน จังหวัดชลบุรี ระยะที่ 1 มีพื้นที่ของชายหาดที่คาบเกี่ยวอยู่ในความรับผิดชอบของเทศบาลตำบลนาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี อยู่ประมาณ 1.05 กิโลเมตร ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 2.5 กิโลเมตร อยู่ในพื้นที่เขตเมืองพัทยา ทำให้ทั้งสองหน่วยงาน คือ เมืองพัทยา และเทศบาลตำบลนาจอมเทียน ได้ให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี จนการทำงานในส่วนแรกคือ เขตเทศบาลตำบลนาจอมเทียน

สำเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์ของโครงการที่ได้ตั้งใจไว้ คือ การคืนความสวยงามของชายหาดจอมเทียนให้กลับมาดังเดิม มีทรายเต็มพื้นที่หน้าชายหาด เหมาะสมต่อการท่องเที่ยวในรูปแบบวิถีใหม่ สำหรับรองรับกิจกรรมกลางแจ้งต่าง ๆ อีกมากมาย ที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต ” นายสมพงษ์ กล่าว
ทั้งนี้ โครงการเสริมทรายชายหาดจอมเทียน เกิดขึ้นเพราะสภาพชายหาดจอมเทียนซึ่งเป็นจุดขายสำคัญจุดหนึ่งด้านการท่องเที่ยวของ จังหวัดชลบุรี กำลังประสบปัญหาชายหาดมีสภาพเสื่อมโทรมอย่างหนัก เนื่องจากถูกน้ำทะเลกัดเซาะอย่างรุนแรง และหากปล่อยทิ้งไว้ อาจส่งผลให้ชายหาดบางช่วงขาดหายไปภายในระยะเวลาไม่ถึง 10 ปี ดังนั้นจึงได้มีนโยบายเร่งด่วน จัดทำโครงการเสริมทรายชายหาดจอมเทียน ในระยะที่ 1 ตั้งแต่ครัวลุงไสว ในเขตเทศบาลตำบลนาจอมเทียน ไปจนถึง ธนาคารไทยพาณิชย์ ซอยนาจอมเทียน

14 ซึ่งอยู่ในเขตเมืองพัทยา รวมระยะทางประมาณ 3.5 กิโลเมตร โดยกรมเจ้าท่า ได้ร่วมมือกับ สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณะสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศึกษาถึงสาเหตุและแนวทางการแก้ไขปัญหาของชายหาดจอมเทียน ซึ่งที่ผ่านมาได้ประชุมสัมมนาเพื่อนำเสนอข้อมูล ผลการศึกษาให้ประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบ พร้อมทั้งนำข้อคิดเห็นต่างๆมาปรับปรุงรูปแบบโครงการ จนได้แนวทางและรูปแบบการการเสริมทรายในการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะของชายหาดจอมเทียน จึงเป็นที่มาของโครงการเสริมทรายชายหาดจอมเทียนในครั้งนี้
หากประชาชนท่านใดต้องการข่าวสารโครงการ มีข้อสงสัย ปัญหา หรือข้อเสนอแนะเกี่ยวกับโครงการ สามารถติดต่อได้ที่ศูนย์ประสานงานในพื้นที่โครงการ ซอยนาจอมเทียน 14 โทรศัพท์ 096 115 5835 หรือติดต่อผ่านสายด่วนกรมเจ้าท่า 1199 และ www.jomtienbeachnourishment.com

โพล มธ. “เฉลิมชัย ศรีอ่อน”และ”กระทรวงเกษตรฯ.” ขึ้นแท่นรัฐมนตรีและกระทรวงที่ประชาชนชื่นชอบมากที่สุดปี2564

วันนี้( 28 ธ.ค.64 )ศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.)เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อผลงานของรัฐบาล ประจำปี 2564 ระหว่างวันที่ 21-25 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา โดยสอบถามกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ประชาชนในกรุงเทพมหานคร ประชาชนต่างจังหวัดในเขต อ.เมือง และประชาชนต่างจังหวัดในเขตต่างอำเภอ ปรากฎผลดังนี้
  1. ความพอใจภาพรวมผลงานและการทำงานของรัฐบาล พบว่า ประชาชนในกรุงเทพมหานคร พอใจ 49.47% ประชาชนต่างจังหวัดในเขต อ.เมือง พอใจ 51.08% และประชาชนต่างจังหวัดในเขตต่างอำเภอ พอใจ 65.60% 
  2. ภาพรวมผลงานและการทำงานของแต่ละกระทรวงที่ประชาชนพอใจมากที่สุด อันดับ 1 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 58.58% อันดับ 2 กระทรวงสาธารณสุข 57.17% อันดับ 3 กระทรวงพาณิชย์ 56.83% และอันดับ 4 กระทรวงแรงงาน,กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา 54.65%
  3. ภาพรวมรัฐมนตรีที่ประชาชนชื่นชอบผลงานมากที่สุด อันดับ 1 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน 40.92% อันดับ 2 นายอนุทิน ชาญวีรกูล 39.91% อันดับ 3 จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ 35.41% และอันดับ 4 นายสุชาติ ชมกลิ่น,พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ 34.13% 
  4. ผลงานของรัฐบาลที่ประชาชนชื่นชอบและรับรู้มากที่สุด อันดับ 1 โครงการประกันรายได้เกษตรกร 40.16% อันดับ 2 โครงการ “คนละครึ่ง” 38.54% อันดับที่ 3 โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” 34.23% อันดับที่ 4 ผลงานตัวเลขการส่งออกสินค้า 33.42% อันดับที่ 5 โครงการจัดสรรที่ดินทำกินให้เกษตรกร 32.61% อันดับ 6 การแก้ไขปัยหาการแพร่ระบาดของ COVID-19 30.73% อันดับ 7 โครงการ “มง33 เรารักกัน” 30.51% อันดับ 8 โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14.56% อันดับ 9 โครงการเปิดประเทศเพื่อการท่องเที่ยว 11.32% และอันดับ 10 โครงการขึ้นทะเบียนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ 8.09%
  5. ประชาชนให้ความสำคัญกับนโยบายด้านใดของรัฐบาลมากที่สุด อันดับ 1 ด้านเศรษฐกิจ 52.20% อันดับ 2 ด้านสาธารณสุข 39.20% อันดับ 3 ด้านการศึกษา 39.01% อันดับ 4 ด้านคมนาคม 34.42% และอันดับ 5 ด้านการท่องเที่ยว 33.27%

ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสคนใหม่ เป้าหมายยุทธศาสตร์ จ.นราธิวาส พี่น้องประชาชนมีความสุข

นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสคนใหม่ เดินทางจากจังหวัดกาฬสินธุ์ เริ่มทำงานวันแรกห่วงสถานการณ์น้ำท่วม รณรงค์ฉีดวัคซีนโควิด-19 ช่วยเหลือคนจน เพื่อเป้าหมายยุทธศาสตร์จังหวัดนราธิวาส พี่น้องประชาชนมีความสุข
นายอับดุลนัสเซอร์ หะมิ พัฒนาการอำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส เปิดเผยว่า นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วยนางสิริวิมล พงษ์อักษร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาส, จากรองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ มาจากภาคอีสาน มารับราชการครั้งแรกที่จังหวัดนราธิวาส แต่เป็นคนที่เข้าใจและรู้พื้นที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นอย่างดี ที่มีพี่น้องประชาชนนับถือศาสนาอิสลามเป็นส่วนใหญ่ เพราะเกิดที่อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา และได้เรียนหนังสือในพื้นที่ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษา มัธยมศึกษาจบจากโรงเรียนมหาวชิราวุธ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา และเดินทางไปเรียนมหาวิทยาลัยรามคำแหง จบรัฐศาสตร์บัณฑิต คุณนายเป็นคนอำเภอเมือง จัดหวัดสงขลา บรรจุรับราชการครั้งแรกเป็นปลัดอำเภอบันนังสตา ปี 2531 เป็นปลัดอำเภอยะหา ทำงานศอ.บต.ยะลา ปลัดอาวุโสอำเภอเบตง อยู่จังหวัดยะลา 15 ปี และเป็นป้องกันจังหวัดปัตตานี เป็นนายอำเภอนำร่อง

เพื่อแก้ปัญหาในพื้นที่พิเศษ ซึ่งอาสาสมัครโดยไม่ต้องเรียงตามลำดับรุ่น ครั้งแรกที่อำเภอแม่ลาน แล้วมาเป็นนายอำเภอหนองจิก นายอำเภอโคกโพธิ์ นายอำเภอเมืองปัตตานี อยู่จังหวัดปัตตานี 12 ปี รวม 2 จังหวัด 27 ปี ช่วงปี 2547 เหตุการณ์ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้กำลังมีปัญหาเกิดความไม่สงบพอดี จากนั้นไปเป็นปลัดจังหวัดเพชรบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ และได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2564 เดินทางรับตำแหน่งเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2564 โดยมีนายไพโรจน์ จริตงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส, นายบุญพาศ รักนุ้ย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส, นายปรีชา นวลน้อย ปลัดจังหวัดนราธิวาส, นายกฤษณนันท์ กำไร หัวหน้า สำนักงานจังหวัดนราธิวาส, พล.ต.ต.แวสาแม สาและ ผบก.ภ.นราธิวาส, นายซาฟีอี เจ๊ะเล๊าะ ประธานกรรมการอิสลามจังหวัดนราธิวาส, นายอับดุลอาซิซ เจ๊ะมามะ กรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย, นายรุ่งเรือง ธิมาบุตร นายอำเภอสุไหงโกลก, นายวิชาญ ชัยเศรษฐสัมพันธ์ นายอำเภอรือเสาะ, นายสังคม เกิดก่อ นายอำเภอตากใบ, ว่าที่ร.ต.จิรัสย์ ศิริวัลลภ นายอำเภอระแงะ, นายอนิรุทธ บัวอ่อน นายอำเภอสุไหงปาดี, นายรุสดี ปูรียา นายอำเภอแว้ง, นายดำรงศักดิ์ แก้วดวง นายอำเภอยี่งอ, นายวิจัย เพ็ญพัฒนากุล นายอำเภอบาเจาะ, นายอรุณ ศรีใส นายอำเภอสุคิริน, ว่าที่ร.ต.สมบัติ สิงห์คาร นายอำเภอจะแนะ, นายมามะยากี หะยีมะ นายอำเภอเจาะไอร้อง, นายสุวิทย์ นาคเป้า ปลัดอำเภอรักษาราชการแทนนายอำเภอเมือง, นายหฤษฎ์ มาหามะ ปลัดอำเภอรักษาราชการแทนนายอำเภอศรีสาคร, หัวหน้าส่วนราชการ, ข้าราชการ, กำนัน, ผู้ใหญ่บ้าน, ประชาชน, เพื่อนร่วมรุ่นนักศึกษาปริญญาโทนิด้ายะลา รุ่นที่ 1 ปี 2538 (ผู้ว่าสนั่นคนดีน่ารักที่สุดของรุ่น) และนายอับดุลนัสเซอร์ หะมิ พัฒนาการอำเภอรือเสาะ นำคณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัดนราธิวาส ร่วมให้การต้อนรับ
นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า มีความตั้งใจว่าคงจะมีโอกาสมาทำงานจังหวัดนราธิวาส เพราะไม่เคยทำงานที่นราธิวาสมาก่อน เมื่อได้รับโปรดเกล้าฯจึงมีความยินดีและดีใจมาก ที่มาทำงานนราธิวาสตามที่มีความตั้งใจไว้ ในโอกาสนี้อันดับแรกต้องขอขอบคุณ ผู้บังคับบัญชาที่ให้การสนับสนุน พณฯ พลากร สุวรรณรัตน์ องคมนตรี ซึ่งเป็นผอ.ศอ.บต.สมัยนั้น, ท่านสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายธีระ มินทราศักดิ์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา,นครศรีธรรมราชและปัตตานี,นายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี,นายขวัญชาติ วงศ์ศุภรานันท์ อดีตผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทยและรองเลขาธิการศอ.บต. 2.เต็มที่จะทำงานตามบทบาทหน้าที่อย่างเต็มที่ทุกอย่างสมกับที่ได้รับความไว้วางใจ 3.เต็มใจจะเอาใจเข้าไปทำงานให้เข้าถึงความรู้สึกของประชาชนจริงๆ จะนำรูปแบบเมืองท่องเที่ยวจังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ มาเชื่อมโยงเมืองท่องเที่ยวจังหวัดนราธิวาส ซึ่งอยู่กาฬสินธุ์ผมทำโครงการคนกาฬสินธุ์ไม่ทิ้งไว้ข้างหลัง เป็นการช่วยคนจนในพื้นที่ ต่อไปนี้ ถือโอกาสขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน กอดคอกันทำงาน เพราะผมจะทำงานคนเดียวไม่ได้ เพื่อสู่เป้าหมายยุทธศาสตร์ของจังหวัดนราธิวาสให้ประชาชนมีสุข สำหรับสถาณการณ์น้ำท่วมวันที่ 20 ธันวาคม 2564 ลุ่มน้ำสายบุรี บ้านท่าเรือ อำเภอรือเสาะ ระดับน้ำ+19.28 ม. ต่ำกว่าตะลิ่ง 5.22 ม. ลดลงจากเมื่อวาน 0.67 ม. ปกติ,ลุ่มน้ำบางนรา บ้านตันหยงมัส อำเภอะระแงะ ระดับน้ำ+14.21 ม. ต่ำกว่าตะลิ่ง 1.37ม. ลดลงจากเมื่อวาน 1.00 ม. ปกติ , ลุ่มน้ำสุไหงโกลก สะพานลันตู อำเภอสุไหงโกลก ระดับน้ำ+9.95 ม. สูงกว่าตะลิ่ง 0.65 ม. เพิ่มขึ้นจากเมื่อ .20 ม. ล้นตะลิ่ง ทำให้เกิดน้ำท่วมที่อำเภอสุไหงโกลก บางหมู่บ้าน ซึ่งไม่เคยเกิดเหตุการณ์อย่างนี้มากว่า 10ปีแล้ว จะได้ไปเยี่ยมให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพต่อไป

สมาคมช่างภาพสื่อมวลชนดิจิทัล (DMPA) ได้เข้าร่วมประชุมหารือเกี่ยวกับโครงการ Safty Taxi 4.0

เมื่อเร็วๆนี้ สมาคมช่างภาพสื่อมวลชนดิจิทัล (DMPA) ได้เข้าร่วมประชุมหารือเกี่ยวกับโครงการ Safty Taxi 4.0 ที่ร่วมกับ สวพ.91, TKC และ ตัวแทน Taxi ตามคำรับเชิญของ พล.ต.ต.อธิศวิส กมลรัตน์ ผบก.สส. ประธานโครงการ โดยมีตัวแทนสมาคมฯเข้าร่วมประชุม 2 ท่านคือ นายกิตติพันธ์ ขันติศีลชัย นายกสมาคม และนายอธิวัฒน์ อมรวีระวัฒน์ อุปนายกสมาคม (ตัวแทนกลุ่มแท็กซี่) ณ ห้องประชุม พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 8 ตร.

ร้าน “โก๋++” Grand Openning ได้ฤกษ์เปิดตัวอย่างเป็นทางการ

Grand Openning โก๋++

เมื่อวันเสาร์ที่ 18 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา มีบรรดาเพื่อนๆ ยุค 60 และสื่อมวลชนร่วมงานกันอย่างคับคั่ง อาทิ พันธ์เลิศ ใบหยก,ต้อย เมืองนนท์,สุชาติ บรรดาศักดิ์,เสรี สุวรรณภานนท์ และกิตติพันธ์ ขันติศีลชัย นายกสมาคมช่างภาพสื่อมวลชนดิจิทัล โดยมี คมเพ็ชร อิสริยะ และ 2 โก๋ เจ้าของร้านให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น

ร้าน “โก๋++” เป็นร้านอาหารไทย-อิตาเลี่ยนฟิวชั่น ที่โดดเด่นด้วยบรรยากาศร้านอันร่มรื่น ของสวนไม้นานาพันธุ์ ตกแต่งสไตล์โมเดิร์นหรูหรา ผนวกด้วยเมนูรสเลิศรังสรรค์ โดยเชฟมากประสบการณ์ บริหารโดยมืออาชีพพี่โก๋ รุ่นเก๋า

พี่โก๋ หรือ อาจารย์โก๋ ริเวอร์ เล่าให้ฟังว่า ก่อนที่จะเป็นร้าน โก๋++ เดิมชื่อ Trees O’Clock ซึ่งมีคุณโก๋เป็นผู้บริหาร และหลังจากการมาตรการผ่อนคลายให้สถานบันเทิงเปิดบริการได้ จึงเข้ามาร่วมหุ้น เพื่อเป็นสถานที่นัดหมายพบปะเพื่อนฝูงรุ่นเก่าๆ กัน และเห็นว่าผู้ร่วมทุนมีชื่อเดียวกันจึงตั้งชื่อร้านว่า “โก๋++” (โก๋พลัสพลัส)

“เราได้รีโนเวทใหม่ มีทั้งโต๊ะนั่งด้านนอกบรรยากาศซิลๆ มีน้ำพุอยู่ตรงกลาง ตกแต่งไฟแสงสี พร้อมมีเสียงเพลง (ดนตรีสด) ย้อนยุคเคล้าคลอเบาๆ ภายใต้บรรยากาศเทศกาลแห่งความสุข เมอรี่คริสต์มาส และฉลองปีใหม่ 2022 ส่วนด้านในจะมีดนตรีเต็มวงบรรเลงจากวงดนตรีชั้นนำ “พิมพ์รภัสร์ ” ทุกวันเสาร์”

ร้าน โก๋++ ตั้งอยู่ถนนเลี่ยงเมืองปากเกร็ด 46 สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียด หรือจองโต๊ะได้ที่เบอร์โทรศัพท์
082-3067998
081-3196868
065-7879569