เปิดใจ”แอนโธนี ฮัดสัน” กุนซือทีมชาติไทยคนใหม่ลั่นพาช้างศึกเข้ารอบเอเซียนคัพ

เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2568  ณ ห้องประชุม ชั้น 2 อาคาร FA Thailand สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดงานแถลงข่าวเปิดตัว “แอนโธนี ฮัดสัน” หัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลชายทีมชาติไทย ชุดใหญ่ อย่างเป็นทางการ

ภายในงานแถลงข่าว แอนโธนี ฮัดสัน กล่าวว่า “ก่อนอื่นสวัสดีทุกคนและขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานแถลงข่าวในวันนี้ กราบขอบคุณ มาดามแป้ง นายกสมาคมฯ ผู้บริหาร ที่มอบโอกาสตรงนี้ ผมจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อให้ทีมชาติไทย พัฒนาและบรรลุเป้าหมายต่อไป”

“ขออนุญาตแนะนำตัวที่เข้าวงการฟุตบอลผ่านทางคุณพ่อ ที่เคยเป็นอดีตนักฟุตบอลพรีเมียร์ลีก และเป็นผู้มีอิทธิพลทางด้านความคิดและการพัฒนาฟุตบอล ในส่วนเส้นทางอาชีพ ผมก็มีโอกาสทำงานในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทั้ง บาห์เรน, นิวซีแลนด์ รวมถึง ที่กาตาร์ รวมถึงประเทศไทยด้วยที่ได้โอกาสมากมาย”

“ผมโชคดีที่มีโอกาสทำงานในหลายประเทศ แต่ต้องกล่าวถึงประเทศไทยเป็นพิเศษ ผมโชคดีมากที่ได้โอกาสทำงานในประเทศนี้ เพราะได้เจอผู้คนมากมาย และได้เรียนรู้ประสบการณ์ต่างๆมากมาย ผมมีความสุขมาก ในส่วนของประเทศไทย ที่เป็นทีที่พิเศษ ก็เพราะเป็นเรื่องวัฒนธรรมและผู้คน ที่ทุกคนยิ้มแย้มให้กัน ให้เกียรติซึ่งกันและกัน และทุกคนมีพาสชั่นในเกมฟุตบอล และมีศักยภาพที่ไปได้ไกลมาก ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นและสัมผัสได้ถึงความรักในกีฬาฟุตบอลของทุกคน”

“ในการทำหน้าที่ในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค ก็ได้ตั้งคำถาม การวิเคราะห์ หรือได้รับคำแนะนำมากมาย ที่ทำให้ผมได้คิดและตกผลึก สำหรับบทบาทผู้อำนวยการเทคนิค แต่ละที่ ก็มีความแตกต่างกัน บางที่ก็โฟกัสในส่วนทีมชาติ บางที่ก็โฟกัสในส่วนของเยาวชน บางที่ก็โฟกัสที่ฟุตบอลหญิง ก็อยู่ที่การได้รับคำมอบหมาย และการให้ความสำคัญในแต่ละบทบาท ในส่วนที่ผมรับผิดชอบหลักในช่วงที่ผ่านมา ก็คือการดูภาพรวม ในชุดเยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ลงไป ก็เป็นช่วงเวลาที่ผมได้เรียนรู้ ศึกษาสิ่งต่างๆ ทั้งตัวผมเองและวงการฟุตบอล ก็ได้เห็นสิ่งต่างๆที่ทำให้ฟุตบอลไทยเติบโตและพัฒนาได้อีก”

“ก่อนจะพูดถึงเรื่องต่อไปก็อยากจะเล่าถึงจุดไหนบ้างที่เราได้พัฒนาแล้ว เพื่อช่วยต่อยอดฟุตบอลไทยมากขึ้น อย่างแรกที่ผมได้ลงมือทำคือการได้ลงพื้นที่ทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการคัดตัวผู้เล่นเยาวชนในโครงการ ทาเลนต์ ไอดี ทั้งฟุตบอลชาย ฟุตบอลหญิง, การเก็บตัวของเยาวชนทีมชาติ ในรายการต่างๆก่อนหน้านี้ รวมถึงการแข่งขันฟุตบอลของภาครัฐ อย่างกรมพลศึกษา เพื่อให้รู้ที่มาที่ไป รวมถึงพื้นหลังของฟุตบอล ว่ากว่าที่เราจะได้ฟุตบอลทีมชาติชุดหนึ่ง ทำให้ผมได้เห็นภาพรวม สิ่งที่ผมพูดถึงจุดต่างๆ เป็นจุดที่ผมรู้สึกว่า มันเป็นงานที่ต่อยอดนอกจากฝั่งทีมชาติ เราต้องทำโครงสร้างให้ดีขึ้นด้วย

 ข้อแรกก็คือแนวทางที่สอดคล้องของทีมชาติทุดชุด การสร้างวัฒนธรรม หรือมาตรฐานให้เหมือนกันทุกๆชุด เพื่อให้นักกีฬาเยาวชนเติบโตขึ้นมาตามเส้นทาง สิ่งที่ผมเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละรุ่นก็คือเลขอายุ แต่ว่าวัฒนธรรมความเข้าใจต่างๆ เขาจะเติบโตมาได้ตามเส้นทางที่ถูกต้อง เพื่อให้เกิดความสอดคล้อง ข้อที่สองคืออัตลักษณ์ฟุตบอล ที่ผมเคยมีโอกาสได้พูดไป ซึ่งพอได้พูดไปก็ได้มีการพูดคุยในเหล่าแฟนบอล คิดว่าเป็นหัวข้อที่ได้สื่อสารกันมากขึ้น สำหรับฟุตบอล สิ่งสำคัญถ้าปัจจุบันเราไม่มีกลุ่มผู้เล่นจำนวนมาก สิ่งที่เราทำได้คือทำกระบวนการต่างๆให้ชัดเจน กระชับ เด็กที่เริ่มเข้ามาสู่ทีมชาติชุดเล็กสุด ก็มีกระบวนการเติบโตเรื่อยๆ บทบาทแต่ละชุดต้องดูว่าเขาเล่นอย่างไร เติบโตไปเรื่อยๆ ไม่ต้องปรับตัวอะไรมาก

ปัจจุบันที่ผมเห็นทีมชาติชุดต่างๆ อาจจะมีสไตล์การเล่นที่หลากหลาย เราจะทำอย่างไรให้ใกล้เคียงกันหรือไปในแนวทางเดียวกัน เพื่อให้ผู้เล่นมีการเติบโตที่ง่ายขึ้น สิ่งที่กล่าวมาคือการให้เกียรติทีมชาติชุดต่างๆ เพราะผมเชื่อว่าเฮดโค้ชของทีมชาติแต่ละชุด ก็พยายามทำผลงานของทีมให้ออกมาดีที่สุด และสิ่งที่ต้องการสื่อสารเพื่อให้เด็กมีความพร้อมในการเติบโต เพื่อให้การคัดสรรมาเล่นในทีมชาติชุดใหญ่ จะเกิดอะไรขึ้น และได้เจอกับทีมชาติชุดเยาวชนมาก่อนหน้านี้”

“สิ่งที่เราทำเวย์นี้ ไม่ใช่ แอนโธนี ฮัดสัน เวย์ เพราะเป็นการทำงานร่วมกัน ของโค้ชที่ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ในฟุตบอลไทย พูดคุยกัน ตกผลึกกัน และหาจุดแข็งของทีมชาติไทย วิเคราะห์ออกมา ว่าจุดแข็งของนักกีฬาไทยคืออะไรและยึดสไตล์การเล่นที่เหมาะสม และใส่ไปในทีมชาติไทยในแต่ละชุด ความท้าทายของเราในช่วงที่ผ่านมาคือจำนวนการแข่งขันของเยาวชน อย่างที่เราทราบกันว่า นักกีฬาเยาวชนของเราหลายคนมีความสามารถ คำถามคือจะทำอย่างไรให้เขามีเกณฑ์การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อย่างที่ทราบกัน ต้องชื่นชมและขอบคุณ มาดามแป้ง นายกสมาคมฯ อย่างฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ โค้กคัพ ที่จะเปิดโอกาสให้กับเยาวชนมากขึ้น 

อีกอย่างคือความท้าทายคือการสเกาท์ สร้างฐานข้อมูลนักกีฬา อาจจะไม่ได้น่าฟังสักเท่าไหร่แต่คือความจริง ต้องขอบคุณนายกสมาคมฯ ที่เห็นในจุดนี้ และได้ลงทุนในการซื้อระบบนี้เพื่อให้ทีมชาติไทยได้ใช้ต่อไปในอนาคต ต่อมาก็คือเรืองระบบ ลองจินตนาการภาพ ว่าถ้าเรามีโค้ชคนหนึ่ง พอเปลี่ยนแปลง ข้อมูลต่างๆที่วิเคราะห์มา ก็จะไปกับโค้ช โค้ชคนต่อไปมาก็ต้องเริ่มต้นใหม่ แต่หลังจากนี้เราจะมีระบบเก็บรวบรวมฐานข้อมูลของนักกีฬา รวมถึงนักกีฬาต่างชาติ หรืออย่างลูกครึ่ง เพื่อรวมอยู่ในฐานข้อมูลของสมาคมฯ ส่วนตัวผมอยากพูดแทนในส่วนของเจ้าหน้าที่และผู้บริหารทุกคน จากการทำงานกับสมาคมฯประเทศต่างๆ สิ่งที่ได้ทำเป็นพิเศษที่นี่ก็คือ ทุกคนทุ่มเททำงานหนัก และรักฟุตบอลจริงๆ อยากให้ฟุตบอลพัฒนาจริงๆ เหมือนแฟนบอลทุกท่าน ทำให้ผมรู้สึกว่าที่นี่วิเศษกว่าที่อื่นๆ”

“(เรื่องสัญญา,เป้าหมายและทีมงาน) สถานะของสัญญาก็อย่างที่ทราบข่าว ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ตัวผมก็รับทราบพร้อมๆกับทุกท่าน เมื่อวานก็ได้มีการพูดคุยเรื่องของสถานะต่างๆ ก็ยังอยู่ในการพูดคุยและทำการเซ็นกันในปัจจุบัน สำหรับสองเกมต่อไปที่อยู่ในความกดดัน ตัวผมก็เคยมีประสบการณ์ในสถานการณ์แบบนี้มาก่อน ในช่วงที่รับงานคุมทีมชาติบาห์เรน และ สหรัฐอเมริกา สถานการณ์ก็ใกล้เคียงกัน ที่บังคับว่าต้องชนะเพื่อเข้ารอบต่อไปให้ได้ สองเกมต่อไป ในเรื่องของความคาดหวัง ก็ให้เกียรติคู่ต่อสู้ทั้งสองทีมที่เราจะพบ ทั้งศรีลังกา และเติร์กเมนิสถาน แต่ผมมั่นใจว่าเราสามารถเอาชนะและเข้ารอบต่อไปตามเป้าหมายได้แน่นอน สิ่งที่ทำให้ผมมั่นใจ คือศักยภาพของนักกีฬาระดับสูงทุกคน สถานการณ์ต่างๆ ของเราเช่นกัน รวมถึง ถ้าเรามีทัศนคติที่ถูกต้อง อยู่ในฟอร์มการเล่นที่ดี ผมเองก็พร้อมจะผลักดันให้ทีมโขว์ฟอร์มได้ดี และอยู่ในจุดนั้นได้ ตัวผมมีความมั่นใจ”

“(การเรียกนักเตะประสบการณ์สูงกลับมาติดทีมชาติ) สิ่งที่ผมเชื่อมั่นและมั่นใจ ผมเชื่อมั่นในตัวของนักกีฬาเยาวชน ถ้านักกีฬาความสามารถ ความดุดัน ความคิดถูกต้องทุกคนมีโอกาสลงเล่นทั้งหมด แต่ถ้าเราพูดถึงเยาวชนอย่างเดียว และต้องเลือกขุมกำลัง นอกจากนักกีฬาเยาวชน นักเตะประสบการณ์สูง ก็มีความสำคัญและบทบาทเช่นกัน เพราะไม่ใช่แค่ฟอร์มการเล่นในสนาม แต่รวมถึงการเป็นตัวอย่าง การประพฤติตัว จะทำให้เยาวชนเหล่านี้ ที่เข้ามา ได้เรียนรู้ การเตรียมตัว การควบคุมตัวเอง การดูแลตัวเองนอกสนาม นอกจากนักกีฬาเยาวชน นักกีฬาประสบการณ์สูงก็มีความสำคัญเช่นกัน ฟุตบอลทีมชาติกับสโมสร มีความแตกต่างกัน อย่างทีมชาติเกมเยือน ในต่างแดน สิ่งที่แตกต่างตั้งแต่เดินทางถึง ก็คือวัฒนธรรม ความเป็นอยู่ อาหารการกิน สิ่งที่มีผลมากสำหรับเยาวชน เพราะมีความเปราะบางในการปรับตัว ก็จะส่งผลถึงฟอร์มการเล่นด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นบทบาทของนักเตะประสบการณ์ก็คือเป็นผู้ที่ช่วยให้คำแนะนำ ในการรักษามาตรฐาน และลงสนามไปแล้วคว้าผลการแข่งขันตามที่เราตั้งเป้าหมายเอาไว้”

“(ประเด็นโควตาต่างชาติในไทยลีก) ประเด็นนี้ที่ผ่านมาก็แตกออกเป็นสองเสียง ในเรื่องแรกก็คือการยกระดับของลีกและสโมสรให้มีมากขึ้น ตัวอย่างที่ชัดเจนก็คือทีมที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอล เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก อย่าง บุรีรัมย์ ที่มีนักกีฬาต่างชาติจำนวนมาก ก็ได้เห็นระดับที่สูสีกับทีมในต่างประเทศมากขึ้น ก็มองว่าเป็นข้อดีในการยกระดับสโมสรให้ดีขึ้น และช่วยให้ผู้เล่นในสโมสรนั้นดีขึ้นด้วย อีกส่วนหนึ่งในทางเทคนิคก็เป็นความท้าทาย ของการพัฒนาจุดนี้ ซึ่งผมก็เคยมีประสบการณ์ในตอนคุมทีมชาติสหรัฐอเมริกา ที่ในการแข่งขันฟุตบอล เมเจอร์ลีก ที่ตำแหน่งสำคัญๆ ก็จะเป็นนักกีฬาต่างชาติทั้งหมด ในเชิงเทคนิคก็ต้องหาวิธีแก้หรือพัฒนาทักษะนักกีฬา ในตำแหน่งนี้ อย่างไรให้มาตรฐานสูงขึ้นและทัดเทียมกับต่างชาติ ในอีกด้านก็คือการสรรหานักฟุตบอลลูกครึ่ง ที่มีศักยภาพมากเพียงพอในระดับนานาชาติ”

“(ความกดดันในการนำทีมคว้าชัยชนะที่สำคัญกับอนาคต) ผมขอแชร์เรื่องความกระหายและความท้าทายส่วนตัว การที่ผมรับงานเพราะผมรักประเทศไทยจริงๆ รักในวัฒนธรรม และผู้คน ผมไม่ได้พูดเพราะมีคนไทยอยู่เต็มห้อง แต่เป็นสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกว่าทุกคนมีพาสชั่น เกี่ยวกับเกมฟุตบอล สิ่งที่ผมจะแชร์ต่อ สิ่งที่ผมได้เรียนรู้มาเรื่อยๆในฐานะเฮดโค้ช ถึงสิ่งที่สำคัญเกี่ยวกับฟุตบอล เป็นเรื่องของผู้คน แฟนบอล และนักฟุตบอลไมได้อยู่ที่ตัวผมเอง สิ่งที่ผมอยากทำก็คือเป้าหมายระยะสั้น คือการไปเอเชียน คัพ สิ่งต่อไป คือทำให้นักฟุตบอลได้เล่นฟุตบอลทีมชาติอย่างภาคภูมิใจ เช่นเดียวกับแฟนบอลไทย ได้ภูมิใจ ถ้าในอนาคตระหว่างทางจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะทำอย่างเต็มที่ที่สุด เมื่อถึงวันที่ผมต้องกลับไป ก็อยากให้เป้าหมายที่วางไว้เกิดขึ้นจริง”

“(การประสานงานกับฝ่ายเทคนิค) ในหน้าที่ของผมในฐานะผู้อำนวยการเทคนิค ผมทำงานกับทีมชาติไทย ในชุด U23 ลงไปเป็นหลัก เพื่อให้เกียรติในส่วนนี้เหมือนกัน ที่ผ่านมาผมก็ได้ติดตามข่าวสาร คอมเมนต์ต่างๆจากแฟนบอล ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ผมเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งก็อาจจะเป็นจุดที่ต้องหารือการทำงานร่วมกันอีกครั้ง”

“(คำวิจารณ์จากแฟนบอล) ที่ผมรักแฟนบอลไทยเพราะว่า ตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีเรื่องราวมากมาย แต่แสดงให้เห็นว่าทุกคนรักฟุตบอลไทย และอยากให้ฟุตบอลไทยมีผลงานดีเสมอ ไม่ว่าจะกระแส หรือปฏิกิริยาของแฟนบอล ผมเองก็เป็นคนที่แคร์แฟนบอล เช่นเดียวกับนายกสมาคมฯ ก็อยากแสดงให้เห็นว่าทุกคนแคร์ฟุตบอลไทยจริงๆ อีกสิ่งผมเคารพทุกคอมเมนต์ ที่แสดงเข้ามาจากแฟนบอล หวังว่าวันหนึ่งผมจะทำให้ได้ ในการพาทีมชาติไทยเข้ารอบเอเชียน คัพ ทำให้แฟนบอลทุกคนภูมิใจกับฟอร์มการเล่น และผลการแข่งขันที่ทีมชาติไทยแสดงออกมา”

“(ทีมงานสตาฟโค้ช) สำหรับเรื่องทีมงานสตาฟโค้ช อย่างที่บอกทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก เรื่องของทีมงาน ก็มีไอเดียไว้บ้าง ก็คงจะมีทีมงานโค้ชชาวไทยร่วมทำงานด้วย และสรรหาโค้ชที่ดีที่สุดในประเทศไทย มาร่วมงานด้วย อีกด้านเพื่อให้โค้ชไทยได้เรียนรู้ และช่วยในการสื่อสารทางด้านภาษา และวัฒนธรรม ซึ่งตอนนี้ก็ยังเป็นแค่ไอเดียอยู่”

“(เป้าหมายกับการไปฟุตบอลโลก) ถ้าพูดถึงโอกาสในการไปฟุตบอลโลก ผมเชื่อว่าเราสามารถไปได้ แต่สิ่งที่ต้องทำต่อไป ก็คือสิ่งที่ผมได้อธิบายไปก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเพิ่มจำนวนแมตช์ การพัฒนาเยาวชน รวมถึงการพัฒนาโค้ชในส่วนต่างๆ สิ่งเหล่านี้ จะทำให้เราพัฒนาและมีโอกาสมากขึ้นในการไปฟุตบอลโลก ในความคิดเห็นของผมเราไปได้”

“ผมเคารพและนับถือโค้ชอิชิอิ ในสิ่งที่โค้ชอิชิอิ ได้ทำมา สิ่งที่จะต้องสานต่อ มันคงผิดพลาดมาก หากผมจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในทีมในช่วงที่ผ่านมาถือว่าดูดีแล้ว ทุกคนก็กำลังโอเค หน้าที่ของผม แคแรคเตอร์อาจจะแตกต่าง ผมก็ต้องค่อยๆ ถ่ายทอดให้ทีมงาน ซึมซับ ไปทีละระดับ เราจะพยายามวิวัฒนาการ มากกว่าจะปฏิวัติทุกอย่างครับ”

สำหรับ ฟุตบอลชายทีมชาติไทย ชุดใหญ่ จะมีโปรแกรมในช่วงฟีฟ่า เดย์ เดือนพฤศจิกายน 2568 โดยเริ่มต้นด้วยการ อุ่นเครื่องตามปฏิทิน ฟีฟ่า เดย์ กับ ทีมชาติสิงคโปร์ ทีมอันดับ 155 ของโลก ที่ สนามกีฬาธรรมศาสตร์ รังสิต ในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 เวลา 19.30 น. ต่อด้วย  บุกไปเยือน ทีมชาติศรีลังกา ทีมอันดับ 193 ของโลก ในการแข่งขันฟุตบอล เอเชียน คัพ 2027 รอบค

เคสแรกในไทยชายหนองบัวลำภุวัย 47 ปี เสียชีวิตจาก “บุหรี่ไฟฟ้า”ระเบิด

เกิดเหตุสลดพบชายหนองบัวลำภูวัย 47 ปีเสียชีวิตจากแรงระเบิดของบุหรี่ไฟฟ้า แพทย์ยืนยันมีเศษแบตเตอรี่ฝังในทรวงอก ปอดและหัวใจเสียหายรุนแรง ตำรวจเผยเป็นกรณีแรกในไทย เตือนผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าอย่าประมาท อุปกรณ์อาจระเบิดได้ทุกเมื่อถึงขั้นเสียชีวิต

เพจ “สภ.เมืองหนองบัวลำภู” ได้โพสต์ระบุข้อความว่า เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2568 เวลาประมาณ 09.20 น. สภ.เมืองหนองบัวลำภูได้รับแจ้งเหตุพบผู้เสียชีวิต เป็นชาย อายุ 47 ปี ราษฎรตำบลนาคำไฮ ที่บริเวณฝายน้ำล้น บ้านกุดฉิม ตำบลนาคำไฮ อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู เมื่อได้รับแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมด้วยแพทย์เวรและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจึงเข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุ

จากการตรวจสอบสภาพศพและชันสูตรอย่างละเอียดของแพทย์นิติเวชพบผู้เสียชีวิตมีบาดแผลฉกรรจ์หลายแห่ง ทั้งที่บริเวณใบหน้า มือ และหน้าอก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีการพบชิ้นส่วนของบุหรี่ไฟฟ้าปะปนอยู่ในบาดแผลและร่างกายของผู้เสียชีวิต ผลการตรวจพิสูจน์ยืนยันชัดเจนว่าสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากการระเบิดของตัวแบตเตอรี่ในบุหรี่ไฟฟ้า

มีรายละเอียดดังนี้
-สาเหตุการตาย คือปอดและหัวใจได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง และมีหลักฐานในร่างกาย พบเศษวัสดุโลหะจำนวน 3 ชิ้นในทรวงอก ซึ่งเป็นชิ้นส่วนจากการระเบิด
-​บาดแผล ช่องปากด้านใน-ด้านนอกฉีกขาดอย่างรุนแรง และมีรอยเขม่าที่เกิดจากการเผาไหม้ในช่องปากและมือซ้าย

ทั้งนี้ สภ.เมืองหนองบัวลำภูขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต และขอใช้กรณีอันน่าสลดใจนี้ฝากเตือนภัยไปยังผู้ที่ยังใช้บุหรี่ไฟฟ้าทุกท่าน ให้ตระหนักถึงอันตรายร้ายแรงที่ซ่อนอยู่จากความผิดพลาดของอุปกรณ์ โดยเฉพาะแบตเตอรี่ ที่สามารถระเบิดได้ตลอดเวลาและถึงแก่ชีวิต ชีวิตมีค่า อย่าเสี่ยงกับภัยเงียบที่มองไม่เห็น เลิกใช้บุหรี่ไฟฟ้าเถอะครับ เพื่อตัวคุณเองและคนที่คุณรัก

ด้านเพจ “Drama-addict” ได้ให้ความรู้เพิ่มเติมว่า “เคสนี้น่าสนใจมาก น่าจะเป็นเคสแรกในไทย ตอนแรกญาติๆ ของผู้ตายกับตำรวจก็สงสัยว่าสาเหตุการตายคืออะไร แต่ผลชันสูตรมันออกมาชัดเจนมากจากการตรวจสอบสภาพศพและชันสูตรอย่างละเอียดของแพทย์นิติเวช พบผู้เสียชีวิตมีบาดแผลฉกรรจ์หลายแห่ง ทั้งที่บริเวณใบหน้า มือ และหน้าอก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการพบชิ้นส่วนของบุหรี่ไฟฟ้าปะปนอยู่ในบาดแผลและร่างกายของผู้เสียชีวิต ผลการตรวจพิสูจน์ยืนยันชัดเจนว่าสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากการระเบิดของตัวแบตเตอรี่ในบุหรี่ไฟฟ้า โดยมีรายละเอียดดังนี้ สาเหตุการตาย ปอดและหัวใจได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง

หลักฐานในร่างกาย พบเศษวัสดุโลหะจำนวน 3 ชิ้นในทรวงอก ซึ่งเป็นชิ้นส่วนจากการระเบิดบาดแผลช่องปากด้านใน-ด้านนอกฉีกขาดอย่างรุนแรง และมีรอยเขม่าที่เกิดจากการเผาไหม้ในช่องปากและมือซ้าย”

ตร.ตามรวบ 1 ใน 3 แก๊งคนร้ายอ้างเป็นตำรวจฉกเงินนักท่องเที่ยวจีน

ตำรวจตามรวบ 1 ใน 3 แก๊งคนร้ายอ้างเป็นตำรวจ ลวงตรวจค้นนักท่องเที่ยวจีน ใต้สะพานลอยย่านห้วยขวาง ฉกเงินกว่า 4.6 หมื่นบาท หนีกบดานชลบุรี

เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2568  เกิดเหตุอุกอาจกลางกรุง เมื่อกลุ่มคนร้าย 3 คน ขับรถเก๋งสีเทา ก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์นักท่องเที่ยวชาวจีน ใต้สะพานลอยหน้าโรงแรมดัง ถนนรัชดาภิเษก โดยทำทีอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ลวงตรวจค้นกระเป๋าเงิน ก่อนฉกเงินสกุลฮ่องกงไปคิดเป็นเงินไทยกว่า 46,494 บาท

โดยผู้เสียหาย นาย LYU WANYUAN สัญชาติจีน ได้เดินทางเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ให้การว่า ขณะที่ตนเองและเพื่อนอีก 2 คน กำลังเดินอยู่บริเวณใต้สะพานลอยหน้าโรงแรมดิแอมเมอรัล ได้มีรถยนต์เก๋งสีเทา (ไม่ทราบยี่ห้อและทะเบียนแน่ชัด) จอดเทียบข้าง มีชาย 3 คน อยู่ภายในรถ

หนึ่งในผู้ก่อเหตุ ซึ่งมีลักษณะคล้ายชาวต่างชาติ (แขกขาว) อายุประมาณ 40 ปี นั่งอยู่ด้านหน้า ได้แสดงตัวว่าเป็นตำรวจ พร้อมชูบัตร จากนั้นผู้ก่อเหตุได้เรียกร้องให้นาย LYU WANYUAN ยื่นกระเป๋าเงินเข้าไปในรถเพื่อทำการตรวจค้น โดยมีชายไทยที่พูดภาษาจีนได้นั่งอยู่เบาะหลังทำหน้าที่เป็นล่ามแปลภาษา

ระหว่างการตรวจค้น ชายที่อ้างเป็นตำรวจได้ฉวยโอกาสล้วงเอาเงินสดจำนวน 11,000 ดอลลาร์ฮ่องกง (คิดเป็นเงินไทย 46,494.37 บาท) ออกจากกระเป๋าเงินของผู้เสียหาย ก่อนจะขับรถหลบหนีไปทันที หลังเกิดเหตุ นาย LYU WANYUAN ได้เข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ทันที

พ.ต.อ. ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผกก.สน.ห้วยขวาง ได้สั่งการให้ ฝ่ายสืบสวนเร่งดำเนินการตรวจสอบหลักฐานและติดตามรถยนต์คันที่ใช้ก่อเหตุ ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเป็นรถเช่าและมีระบบ GPS ติดตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ประสานแจ้งสกัดจับรถยนต์และกลุ่มคนร้ายดังกล่าว โดยคาดว่าคนร้ายกำลังมุ่งหน้าไปยังพื้นที่จังหวัดชลบุรี เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

มีรายงานข่าวแจ้งว่า ล่าสุดชุดสืบสวนสามารถติดตามไปจนพบรถยนต์คันที่ใช้ก่อเหตุแล้ว อยู่บริเวณปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์ ต.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พร้อมกับหนึ่งในผู้ก่อเหตุ ซึ่งตอนนี้ อยู่ระหว่างขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการ ก่อนนำตัวไปสอบปากคำเพิ่มเติม 

เข็มขัดต้องกลับมา! “รถถัง” โชว์ฟิต ก่อนชิงบัลลังก์เดือด “น้องโอ๋” ศึก ONE 173 โตเกียว

“รถถัง จิตรเมืองนนท์” อดีตเจ้าบัลลังก์ ONE มวยไทย รุ่นฟลายเวต  (125–135 ป.) เปิดประตูค่ายต้อนรับกองทัพสื่อมวลชนที่มาร่วมกิจกรรมเช็กฟิตนักกีฬา (Open Workout) ก่อนมีคิวจะชิงเข็มขัดมวยไทย รุ่นฟลายเวต ที่ว่าง กับ “น้องโอ๋ ฮาม่ามวยไทย” อดีตแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต (135–145 ป.) วัย 38 ปี จากสกลนคร ในศึกยิ่งใหญ่ครั้งประวัติศาสตร์ ONE 173 ที่จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 16 พ.ย. 68 ณ สนาม อาริอาเกะ อารีนา กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

โดย “รถถัง” ใช้ค่ายลูกทรายกองดินเป็นสถานที่ซ้อมโชว์ พร้อมกับอวดเนื้อตัวล่าสุดให้พี่น้องสื่อมวลชนได้เห็น และเปิดเผยถึงความพร้อมก่อนขึ้นเวทีไฟต์สำคัญที่กำลังจะมาถึง

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา “รถถัง” ให้ความเคารพ “น้องโอ๋” ในฐานะนักชกรุ่นพี่ที่คู่ควรเอาเป็นแบบอย่าง แต่เมื่อต่างมีตำแหน่งแชมป์โลกเป็นเป้าหมายเดียวกัน “รถถัง” ยืนยันบนเวทีไม่มีออมมือ

“ผมเคารพ น้องโอ๋ มาก เขาคือตัวอย่างที่นักมวยทุกคนควรทำตาม วินัยดีมาก เขาคืออาจารย์สำหรับผมเสมอ แต่เมื่อต้องชกกัน ก็ต้องทำให้เต็มที่”

“ไม่รู้ว่าเกมไฟต์นี้จะออกมาในรูปแบบไหน แต่เราต่างมีความตั้งใจเหมือนกัน ฝากถึงพี่โอ๋ เต็มที่นะครับ บนสังเวียนพี่ไม่ยอมผม ผมก็ไม่ยอมพี่แน่นอน ถ้ารักเคารพกันแล้วสู้ไม่เต็มที่ ไม่ใช่สไตล์เราแน่นอนครับ”

ย้อนกลับไปในศึก ONE 169 เมื่อเดือน พ.ย. 67 “รถถัง” ทำน้ำหนักไม่ผ่าน จนทำให้ต้องเสียเข็มขัด ONE มวยไทย รุ่นฟลายเวต ที่ถือครองมานานบนตาชั่งอย่างน่าเสียดาย ในไฟต์ล่าสุด เขากลับมาเรียกความมั่นใจคืน ด้วยการปิดเกมน็อก “ทาเครุ เซกาวา” ซูเปอร์สตาร์ญี่ปุ่น ต่อหน้าแฟนมวยเจ้าถิ่น ในศึก ONE 172 เมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา

แน่นอนว่าไฟต์นี้ “รถถัง” เตรียมตัวมาอย่างดี ทั้งเรื่องการศึกษาคู่ต่อสู้และการทำน้ำหนัก โดยมุ่งมั่นจะกลับเมืองไทยพร้อมเข็มขัดที่เคยเป็นของเขาอีกครั้ง

“ไฟต์นี้ผมซ้อมหนักมาก หนึ่งเดือนเต็ม ๆ แต่ถ้าย้อนไปหลังไฟต์กับ ทาเครุ ผมก็ไม่ได้ปล่อยร่างกาย คุมน้ำหนัก เล่นกีฬา และออกกำลังกายอยู่ตลอด ตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ระหว่างการฝึกซ้อมผมศึกษาและทำการบ้านตลอดเพื่อหามุมมองที่เราจะสามารถได้เปรียบคู่ต่อสู้ และนำมาซ้อมกับทีมงาน” 

“เข็มขัดแชมป์โลก ONE คือเป้าหมายสูงสุดของนักมวยทุกคน ใคร ๆ ก็อยากได้มาประดับบนบ่าเป็นเกียรติประวัติกับชีวิต ชัยชนะครั้งนี้มีความหมายกับผมมาก ผมจะต้องเอาเข็มขัดกลับมาให้ได้ครับ”

ไทยงานเข้า!สื่อตีข่าวปี’68 ชาวเกาหลีใต้ 11 รายถูกลักพาตัวในไทย

ตั้งแต่ต้นปี 2568 จนถึงเดือนกันยายน มีเหตุการณ์ชาวเกาหลีใต้ถูกลักพาตัวในไทย 11 คดี หนึ่งในนั้นเกิดขึ้นในจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวยอดนิยม

โคเรียเฮรัลด์ รายงานอ้างข้อมูลจากโคเรีย อีโคโนมิก เดลี ระบุว่า จำนวนเหตุลักพาตัวชาวเกาหลีใต้ในไทย เพิ่มขึ้นจาก 0 ในปี 2021 เป็น 1 รายในปี 2022 ขณะที่ปี 2023 และ 2024 มีพลเมืองโสมขาวถูกลักพาตัวในไทยปีละ 5 คน โดยรายงานนี้อ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ ที่ยื่นต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร คิม กอน จากพรรคฝ่ายค้าน “พีเพิล พาวเวอร์ ปาร์ตี”

ขณะเดียวกัน ไทย มีข้อมูลอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องเหยื่อชาวเกาหลีใต้หรือผู้กระทำผิดชาวเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้นเช่นกัน ในนั้นรวมถึงกรณีที่นักท่องเที่ยวชาวเกาหลีวัย 34 ปีคนหนึ่ง ถูกลักพาตัวและสังหารในไทยโดยชายชาวเกาหลีใต้ 3 คน ก่อนแต่ละคนจะถูกจับในเกาหลีใต้ เวียดนามและกัมพูชา

ทั้งนี้เมื่อเดือนมกราคม เจ้าหน้าที่ไทยได้ทลายแก๊งอาชญากรรมที่ประกอบด้วยชาวเกาหลี 20 คนและชาวจีน 1 คน ในจังหวัดชลบุรี รายงานข่าวระบุว่าผลของปฏิบัติการดังกล่าว ชายชาวเกาหลีใต้รายหนึ่งที่ถูกลักพาตัวและโดนบังคับทำงานให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้รับความช่วยเหลือออกมา

“รัฐบาลต้องสถาปนาระบบความร่วมมือไม่ใช่แค่กับกัมพูชา แต่ควรรวมไปถึงไทยและประเทศหลักอื่นๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อปกป้องประชาชนของเรา ทางรัฐจำเป็นต้องยกกระดับเฝ้าระวังประกาศจ้างงานผิดกฎหมาย ที่ล่อลวงเหยื่อไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” คิม กล่าว

ทางการกรุงโซลร่วมกับกัมพูชาช่วยเหลือชาวเกาหลีใต้ หลังข่าวนักศึกษามหาวิทยาลัยชาวเกาหลีใต้รายหนึ่งถูกทรมานและสังหารในกัมพูชา ชาวเกาหลีใต้หลายคนมีความกังวลมากขึ้นเรื่อยๆเกี่ยวกับความปลอดภัยในบางชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลายชาติเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดเยี่ยม ทั้งนี้ในปี 2024 มีนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้เดินทางเยือนไทย 1.86 ล้านคน เป็นรองเพียงแค่ จีน, มาเลเซีย และ อินเดีย

สืบสานวัฒนธรรมอีสาน “เทศกาลจุดไฟตูมกา”อันซีนไทยสู่สากล

“ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ “รมว.วัฒนธรรม เปิดงานเทศกาลจุดไฟตูมกา หนึ่งเดียวในโลก ประจำปี 2568 เพื่อส่งเสริมให้ประเพณีจุดไฟตูมกาเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายและคงอยู่อย่างยั่งยืน ชูวัฒนธรรมอีสานอันซีนไทยสู่สากล

นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานเปิดงาน เทศกาลจุดไฟตูมกา หนึ่งเดียวในโลก ประจำปี 2568 ที่บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร โดยมี นายชาญชัย ศรศรีวิชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร กล่าวรายงาน มีนางโชติกา อัครกิจโสภากุล รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นางสาวลิปิการ์ กำลังชัย รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม นายชัชวาล เบญจสิริวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด นายพิกิฏ ศรีชนะ อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการและประชาชนชาวจังหวัดยโสธรร่วมงานอย่างคับคั่ง ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันนี้ – 26 ตุลาคม 2568 นี้

เพื่อเป็นการตอบสนองเป้าหมายการพัฒนาจังหวัด ด้านเมืองแห่งวิถีอีสานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 จังหวัดยโสธรได้อนุมัติโครงการ ส่งเสริมวัฒนธรรมประเพณีตามวิถีอีสานเพื่อส่งเสริมให้ประเพณี “จุดไฟตูมกา”เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย และคงอยู่อย่างยั่งยืน รวมถึงเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศให้มาเที่ยวชมงาน ก่อให้เกิดรายได้ผ่านการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจภายในพื้นที่ สร้างโอกาสสร้างรายได้ให้กับประชาชนในท้องถิ่น และเพิ่มขีดความสามารถและศักยภาพในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยว ตลอดจนเป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดยโสธร และประเทศไทย

นางสาวซาบีดา กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรมให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริมอัตลักษณ์ความเป็นไทยในแต่ละท้องถิ่น เพื่อสืบสานมรดกภูมิปัญญาให้คงอยู่ พร้อมทั้งผลักดันให้วัฒนธรรมกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ซึ่งงานเทศกาลจุดไฟตูมกา ถือเป็นตัวอย่างอันดีเยี่ยมของการเชื่อมโยงมรดกทางวัฒนธรรมเข้ากับการท่องเที่ยว เป็นอันซีนไทย ๆ ที่ต้องส่งเสริมให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เพื่อสร้างรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ และดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติให้มาเยือนจังหวัดยโสธร ซึ่งทราบว่าการจุดไฟตูมกาเป็นประเพณีเก่าแก่ของชาวบ้านทุ่งแต้ อำเภอเมืองยโสธร ที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาอย่างยาวนานพร้อมกับการตั้งหมู่บ้าน

โดยชาวบ้านจะนำผลตูมกาที่เป็นผลไม้ป่ามาคว้านเอาเมล็ดข้างในออก แล้วแกะสลักฉลุลวดลายอย่างวิจิตรบรรจงสวยงาม จากนั้นนำเทียนไขจุดไว้ข้างในลูกตูมกา แล้วนำไปถวายเป็นพุทธบูชาที่วัดในคืนวันออกพรรษา อันเป็นวิถีชีวิตของชาวบ้านในอดีตต่อมาวิถีชีวิตนี้ได้เลือนหายไปเนื่องจากมีไฟฟ้าใช้และความเจริญด้านต่างๆเข้ามาแทนที่ก่อนจะได้รับการฟื้นฟูอีกครั้ง โดยพระครูปริยัติพลากร เจ้าอาวาสวัดบูรพา บ้านทุ่งแต้ และได้รับการยกระดับเป็นงานเทศกาลระดับจังหวัดตั้งแต่ปี 2560 โดยในปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 8 ภายใต้ชื่อเทศกาลจุดไฟตูมกา หนึ่งเดียวในโลก และในปี 2568 นี้ จังหวัดยโสธรได้มุ่งมั่นผลักดันให้ประเพณีนี้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เพื่อตอบสนองเป้าหมายการพัฒนาจังหวัดสู่การเป็นเมืองแห่งวิถีอีสาน เพื่อสร้างโอกาสและรายได้ให้พี่น้องประชาชนในท้องถิ่น ผ่านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

สำหรับกิจกรรมภายในงานตลอด 5 วัน ประกอบด้วย การจัดแสดงต้นไฟตูมกาจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การจัดแสดงต้นไฟตูมกาแฟนชีจากชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอเมืองยโสธรการแสดงศิลปวัฒนธรรมรำไฟตูมกาในชุดการฟ้อนรำไฟตูมกา “เพลินใจ ไฟตูมกา”และตูมกาตราตรึง จากนางรำกว่า 400 คน การจัดกิจกรรมสาธิตการทำไฟตูมกา และการแกะสลักไฟตูมกา การเปิดลานวัฒนธรรมกิจกรรมของชุมชน และพื้นที่จำหน่ายสินค้าชุมชน การ “จุดเทียนตูมกา เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา” หลวงพ่อตูมกา ชมขบวนแห่นางรำไฟตูมกา/ต้นตูมกา การออกร้านของผู้ประกอบการ ร้านอาหาร ในพื้นที่จังหวัดยโสธรการประกวดร้องเพลงไทยลูกทุ่งท้องถิ่นและการประกวดธิดาตูมกา

จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจได้มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประเพณีอันงดงามและเปี่ยมด้วยมนต์ขลังนี้ ระหว่างวันนี้ – 26 ตุลาคม 2568 ซึ่งมีเพียงปีละครั้งที่จังหวัดยโสธร บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองยโสธร

ปลานิลผงาดโลก! มีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าแซลมอน

ปลานิล ผงาดระดับโลก ผู้เชี่ยวชาญในสหรัฐฯ ยืนยัน คุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าแซลมอนที่เคยถูกยกให้เป็นปลาสุขภาพอันดับต้นๆของโลก

ปลานิล โปรตีนสูง ไขมันต่ำ

ข้อมูลจากกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) ระบุว่า ปลานิล 100 กรัม มีโปรตีนสูงถึง 26 กรัม มากกว่าปลาแซลมอน แถมยังให้พลังงานเพียง 128 แคลอรี และมีไขมันต่ำเพียง 3 กรัม โดยส่วนใหญ่เป็นไขมันดีที่ช่วยบำรุงหัวใจ

นอกจากนี้ ปลานิล ยังเต็มไปด้วยสารอาหารสำคัญ เช่น

-ซีลีเนียม สูงถึง 78% ของปริมาณที่แนะนำให้ทานต่อวัน ช่วยต้านอนุมูลอิสระและลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง

-วิตามิน B12, B3, วิตามิน D และโคลีน ช่วยบำรุงสมองและระบบประสาท

-ฟอสฟอรัส แคลเซียม และแมกนีเซียม เสริมสร้างกระดูกและระบบภูมิคุ้มกัน

ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการแนะนำว่า การบริโภคปลานิลอย่างสม่ำเสมอสามารถช่วย

-ควบคุมน้ำหนัก เพราะให้โปรตีนสูงแต่อิ่มนาน

-บำรุงหัวใจ ลดคอเลสเตอรอล LDL และควบคุมความดันโลหิต

-เสริมสร้างกระดูก ป้องกันโรคกระดูกพรุน

-ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง ด้วยสารซีลีเนียมที่มีมากในเนื้อปลา

หนาวอย่างเป็นทางการ!ยอดภูเรือ 15 องศา แห่สัมผัสลมหนาวคึกคัก

เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้เป็นวันที่ประเทศไทยหนาวเป็นวันแรกอย่างเป็นทางการ อากาศหนาวเริ่มสัมผัสได้ชัดทุกพื้นที่ของจังหวัดเลย โดยเฉพาะพื้นที่ท่องเที่ยวอย่างภูเรือ ลมหนาวรอบแรก มาแล้ว 15 องศา ยอดภูเรือ จังหวัดเลย คึกคักตั้งแต่เช้าตรู่

นางสาวเนตรนภา งามเนตร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูเรือ เปิดเผยว่า เช้านี้อากาศหนาวยังคงมีในพื้นที่ภูเรืออย่างต่อเนื่อง ยอดภูเรือนักท่องเที่ยวได้สัมผัสหนาว เสื้อหนาวหลากสีเริ่มมาอย่างเห็นได้ชัดยอดภูเรือมีทะเลหมอกยามเช้า” และ “แสงแรกของวัน” ให้เห็นเกือบทุกวันในช่วงนี้ ขณะนี้สภาพอากาศบนภูเรือเหมาะแก่การท่องเที่ยวอย่างยิ่ง โดยเฉพาะช่วงเช้าอากาศหนาวกำลังดี และมีทะเลหมอกปกคลุมทั่วทั้งยอดเขาและร่องหุบเขา นักท่องเที่ยวสามารถชมความงดงามของธรรมชาติได้ต่อเนื่องไปจนสิ้นฤดูหนาว

สำหรับการจองที่พัก พื้นที่กางเต็นท์ ในช่วงวันหยุดที่จะถึงจะมีนักท่องเที่ยวทยอยจอง มาอย่างต่อเนื่อง คาดว่าปีนี้จะหนาวนานทำให้นักท่องเที่ยวนั้นมีการวางแผนการท่องเที่ยวไว้ หากต้องการจองที่พัก กางเตนท์ที่อุทยานแห่งชาติภูเรือสามารถจองได้ที่ โทรศัพท์ 0 4281 0965, 088 509 5299

รายงานอุณหภูมิต่ำสุดตามอำเภอต่างๆ เมื่อเช้าวันนี้ (หน่วยวัดเป็นองศาเซลเซียส) ดังนี้ อ.เมืองเลย 19.1 , อ.วังสะพุง 21.0 , อ.ด่านซ้าย 21.0 , อ.เชียงคาน 21.0 , อ.ท่าลี่ 20.0 , อ.ภูกระดึง 19.0 , อ.ภูเรือ 19.0 , อ.นาแห้ว 17.0 , อ.ปากชม 21.0 , อ.นาด้วง – , อ.ภูหลวง 21.0 , อ.ผาขาว 21.0 , อ.เอราวัณ 21.0 , อ.หนองหิน 20.0 ซํ อุทยานแห่งชาติภูกระดึง 15.5 , อุทยานแห่งชาติภูเรือ 15.0 , เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง(ภูเรือ) 13.0 , ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรที่สูงเลย (อ.ภูเรือ) 17.0 , อุทยานแห่งชาติภูสวนทราย(อ.นาแห้ว) 15.0 ซํ.

นักศึกษาหญิงม.ดังย่านรังสิตเครียดเรื่องเรียนดิ่งโรงแรมย่านพญาไทดับ

พ.ต.ต.ปภาวิน ดอนมูลไพร สว.(สอบสวน)สน.พญาไท รับแจ้งเหตุเมื่อเวลา 14.33 น.วันที่ 22 ต.ค.2568 หญิงตกจากที่สูงเสียชีวิตภายใน ไอดิโอ คิว วิคตอรี่ เลขที่9 ถนนพญาไท แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบก่อนไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.ธนพล กลิ่นเกสร ผกก.สน.พญาไท พ.ต.ท.โชติพิสิฐ ณรงค์ศักดิ์ รอง ผกก.ป.สน.พญาไท เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวชโรงพยาบาลรามาฯและอาสาฯมูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุเป็นคอนโดฯหรูสูง39 ชั้น บริเวณด้านข้างอาคาร ซึ่งเป็นลานจอดรถพบศพ นศพ.พัชรนันท์ หรือ ฟ้อนด์ สุทธิจินตทิพย์ อายุ23 ปี นักศึกษาวิชาแพทย์ วิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ชั้นปีที่5 ผู้สมัครนายกสโมสรนักศึกษาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิตปี68 นอนคว่ำจมกองเลือดในชุดนักศึกษา สภาพร่างกายแหลกเหลว

 จาการสอบสวนทราบว่าผู้ตายพักอยู่ที่ห้องเลขที่9/185 ชั้น23 เพียงลำพัง ยังไม่มีแฟน เมื่อขึ้นไปตรวจสอบภายในห้อง ไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือรื้อค้น ภายในห้องยังพบจดหมายลาตาย มีเนื้อความรวมว่า มีความเครียดเรื่องการเรียนที่หนักหนามากไม่สามารถเรียนไหว จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

 หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้เจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้ญาติทราบ ซึ่งทุกคนเดินทางมาที่เกิดเหตุต่างร่ำไห้ปริ่มจะขาดใจไม่สามารถให้รายละเอียดได้ ต้องรอให้เหตุการณ์สงบจะเรียกญาติมาสอบสวนเพื่อหาสาเหตุการคิดสั้นที่แท้จริงครั้งนี้ต่อไป

เปิดฉากยิ่งใหญ่!”นครตรัง สืบสานศรัทธา มหาบุญ”ถือศีลกินเจปี’68

เปิดฉากแล้ว“นครตรัง สืบสานศรัทธา มหาบุญ” เทศบาลนครตรังเปิดงานประเพณีถือศีลกินผัก ประจำปี 2568 อย่างยิ่งใหญ่

เมื่อค่ำคืนวันที่ 22 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา บริเวณลานจัตุรัสนครตรัง เต็มไปด้วยแสงแห่งศรัทธาและพลังแห่งบุญ เมื่อ นายทรงกลด สว่างวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานเปิดงานประเพณีถือศีลกินผัก (กินเจ) ภายใต้แนวคิด “นครตรัง สืบสานศรัทธา มหาบุญ” โดยมี นายแพทย์รักษ์ บุญเจริญ นายกเทศมนตรีนครตรัง กล่าวรายงาน พร้อมด้วยผู้บริหาร หน่วยงานราชการ ตัวแทนศาลเจ้า และประชาชนชาวตรังเข้าร่วมอย่างคับคั่ง

ประเพณีถือศีลกินผักของชาวตรังถือเป็นประเพณีเก่าแก่ที่สืบทอดมากว่า 150 ปี สะท้อนความศรัทธา ความเมตตา และการบำเพ็ญบุญผ่านการละเว้นจากการเบียดเบียนสิ่งมีชีวิต รักษาศีล ทำจิตใจให้ผ่องใส นำมาซึ่งความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและสังคม

 สำหรับปีนี้ เทศบาลนครตรังได้จัดกิจกรรมมากมายตลอดเทศกาล 9 วัน (22 – 29 ตุลาคม 2568) อาทิ พิธี “999 พลังศรัทธา” เดินธูปเวียนเทียนในคืนเปิดงานการแสดงสิงโตและมังกรจากคณะเกาฟงไทย (23-24 ต.ค.)

จุดประทัด 5 ล้านนัด ณ หอนาฬิกาตรัง วันที่ 24 ตุลาคม การแสดงไฟ GOBO ลวดลายสัญลักษณ์กินผักบริเวณหอนาฬิกา ทุกคืนเวลา 19.00–22.00 น.

นิทรรศการภาพถ่าย “สีสันศรัทธาผ่านเลนส์” และ “เจโภชนาการ” รถนิทรรศการเคลื่อนที่ และจุดเช็คอินสวยๆ สำหรับนักท่องเที่ยวสายบุญ

ปีนี้ เทศบาลนครตรังร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และศาลเจ้าทั้ง 9 แห่งในเขตเทศบาล พร้อมใจกันจัดโต๊ะรับองค์ศักดิ์สิทธิ์ออกโปรดสาธุชน เพื่อหลอมรวมความเชื่อและศรัทธาของชาวตรังให้เป็นหนึ่งเดียว

ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมสัมผัส “งานบุญที่ยิ่งใหญ่แห่งศรัทธาเมืองตรัง”พบแสง สี เสียง และพลังแห่งความดีงาม ตลอด 22–29 ตุลาคม 2568 ณ ลานจัตุรัสนครตรัง และหอนาฬิกาตรัง — แลนด์มาร์คแห่งความศรัทธา