เจ้าของคลินิก1บาท​ รักษา​ฟรี​ มหาเศรษฐี​ใจบุญ​ มอบรถเข็นวีลแชร์ ให้​ โรงพยาบาล​ค่ายกฤษณ์สีวะรา สกลนคร​ เพื่อผู้ป่วยยากไร้ฯ

เมื่อวันอังคารที่ 16​ มีนาคม​ พุทธศักราช​ 2564​ ณ​ คลินิก​ 1 บาท​ รักษา​ฟรี​ บางลำพู​ (ใกล้วัดชนะสงคราม)​

พลตำรวจตรี ทวีโรจน์ ศิริสวัสดิบุตร และ คุณ ชยุต เมธาวิชิตชัย เป็นผู้แทน​ คุณสุทิน บัวตูม ประธานชมรม ผู้ปิดทองหลังพระ รับมอบรถเข็นวีลแชร์ จำนวน 2 คัน มอบโดยคุณ สุรัตน์ วงศ์ชาญศิลป์ (เจ้าของ คลินิก 1 บาท รักษาฟรี บางลำพู) เพื่อนำไปมอบให้​ ศูนย์ฟอกไต เพื่อ​ช่วยเหลือ​ ผู้ยากไร้ฯ โรงพยาบาล ค่ายกฤษณ์สีวะรา​ อำเภอ​เมือง​ จังหวัดสกลนคร โดยมีผู้สื่อข่าวและกัลยาณมิตรฯ ร่วมอนุโมทนาบุญด้วยมากมาย

คุณชยุต เมธา​วิชิต​ชัย​ ประธาน​คณะกรรมการ​ฝ่าย​ประชา​สัมพันธ์​ ชมรมผู​้ปิดทอง​หลัง​พระ​ / ประธาน​ชมรม​ ผู้​สื่อข่าว​ ​และ​กัลยาณมิตร​กลุ่ม​จริงใจ​สา​ยบุญ​ กล่าวว่า ทาง​ท่าน​ ประธาน​ชมรมผู้ปิดทองหลังพระ​ (คุณ​สุทิน​ บัวตูม)​ และคณะกรรมการ​ฯ​ (พลตำรวจ​ตรี ​ทวี​โรจน์​ ศิริสวัสดิบุตร)​ พร้อมด้วยกัลยาณมิตร​ กลุ่มจริงใจสายบุญ​ รู้สึก​ชื่นชมและขออนุโมทนาบุญกับ คุณสุรัตน์​ วงศ์​ชาญ​ศิลป์
เจ้าของ​คลินิก​1​บาท​รักษา​ฟรี
ที่มีน้ำใจ มีความจริงใจ ที่มุ่งมั่นช่วยเหลือสังคมและทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา​ มาอย่างต่อเนื่อง (รถเข็น​วีลแชร์​รวมแล้วได้มอบช่วยเหลือสังคมและผู้ยากไร้ฯทั่วประเทศ​ ไปแล้วกว่า 200​ คัน)​ และท่านเหมาะสมแล้วที่ ได้รับรางวัล
ผู้ปิดทอง​หลัง​พระ​ ประจ​ำ​ปี​พุทธศักราช​2562
วันนี้​ทางชมรมผู้ปิดทองหลังพระ/กลุ่ม​ผู้สื่อข่าว​และกัลยา​ณมิตรกลุ่ม​จร​ิงใจสายบุญ​ขอร่วมอนุโมทนาบุญ
กับทุกท่านที่มีส่วนร่วม​ ในการสร้างสมบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ในครั้งนี้​ และตลอดไป

สาธุ​สาธุ​สาธุ​ อนุโม​ทา​มิ
นิพพา​นะ​ป​ั​จ​จะ​โย​โ​หตุ

ประสานงาน​โดย
คุณปู​นักข่าว
ช​ยุต​ เมธา​วิชิต​ชัย
ประธาน​ ​ชมรม​ผู้​สื่อข่าว
และ​กัลยาณมิตร​กลุ่ม​จริงใจ​สา​ยบุญ

555 PRESS​&ORGANIZER
TEL
0994926996

มั่นใจไทยเที่ยวได้ ททท. ขับเคลื่อนการท่องเที่ยวหลังวิกฤต COVID 19

มั่นใจไทยเที่ยวได้
ททท. ขับเคลื่อนการท่องเที่ยวหลังวิกฤต COVID 19 !!! สร้างความเชื่อมั่นในการเดินทางให้นักท่องเที่ยวชาวไทยในฤดูกาลการท่องเที่ยว ภายใต้แนวคิด “มั่นใจไทยเที่ยวได้”

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดตัวโครงการสร้างความมั่นใจในการท่องเที่ยว และการเดินทางภายในประเทศ หลังวิกฤต COVID-19 ระลอกใหม่ ภายใต้แนวคิด “ไทยพร้อมเที่ยว…มั่นใจไทยเที่ยวได้” ระหว่างเดือนธันวาคม – เมษายน 2564 นี้ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางด้วยความรู้สึกมั่นใจในผู้ประกอบการไทยที่พร้อมดูแล รับผิดชอบ และให้ความปลอดภัยด้านสุขอนามัยได้เป็นอย่างดี เพื่อเตรียมพร้อมต้อนรับฤดูกาลการท่องเที่ยวที่กำลังจะมาถึงนี้

นาย อภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัย และพัฒนา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เผยว่า วิกฤต COVID-19 ที่ทุกประเทศทั่วโลกต่างเผชิญกันอยู่นี้ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และความเป็นอยู่ของประชาชนทั่วทุกมุมโลกเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะประเทศไทยที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยวมากถึง 17.64% ตามรายงานภาวะเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ปี 2562 โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา วิกฤต COVID-19 ครั้งนี้ ทำให้การท่องเที่ยวภายในประเทศต้องหยุดชะงัก อัตราการเข้าพักโรงแรมเหลือเพียง 0-5% จากนักท่องเที่ยวภายในประเทศเอง และนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ Special Tourism Visa (STV) เท่านั้น ส่งผลให้ธุรกิจสายการบิน และโรงแรมประสบปัญหารุนแรงที่สุดตั้งแต่เคยมีมา

เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ ให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทย และสร้างความเข้าใจในกระบวนการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ Special Tourism Visa (STV) พร้อมทั้ง สร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการคัดกรอง และการกักตัวของนักท่องเที่ยวกลุ่ม STV นี้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกระแสที่สร้างความกังวลใจเรื่องความปลอดภัยด้านสุขอนามัยของการท่องเที่ยว การเข้าพักโรงแรม และการเดินทางโดยเครื่องบินเป็นอย่างมาก

ททท. จึงเร่งดำเนินการสร้างความเชื่อมั่นในการเดินทางให้นักท่องเที่ยวชาวไทย ในช่วงก่อนฤดูกาลการท่องเที่ยวที่จะมาถึงนี้ ผ่านกิจกรรมที่น่าสนใจโดยใช้ช่องทาง Online และ Social Media ต่าง ๆ รวมถึงผนึกกำลังกับพันธมิตรธุรกิจท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ โรงแรม ร้านอาหาร ทั่วประเทศจัดกิจกรรม เพื่อประชาสัมพันธ์และกระตุ้นให้ตลาดท่องเที่ยวกลับมาขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกครั้ง อาทิ สายการบิน Thaismile ร่วมสร้างความเชื่อมั่นในการเดินทางและสนับสนุนตั๋วเครื่องบิน ไป – กลับ ในประเทศ, บัตรเครดิต KTC ร่วมประชาสัมพันธ์พร้อมมอบส่วนลดพิเศษให้แก่ลูกค้า ทั้งตั๋วเครื่องบิน รถเช่า และที่พัก ผ่านช่องทาง KTC World Travel Service, บริษัทเทเวศประกันภัย มอบประกันโควิดผ่านกิจกรรมของโครงการ, Chic Car Rent ร่วมสร้างความมั่นใจในการเดินทาง พร้อมโปรโมชั่นรถเช่าราคาสุดพิเศษ, แคมเปญแจกที่พักในกิจกรรม Free Gift ผ่านแอพพลิเคชั่น TrueYou รวมถึงโรงแรมสุดหรูในเครือ Cape & Kantary Hotels และ Baba Beach Club ที่ร่วมเป็นพันธมิตร ทั้งนี้ยังมีการประชาสัมพันธ์ผ่านการทำ Influencer Marketing โดย KOLs Bloggers Influencers และ Nano Influencers จำนวนมาก เพื่อให้เกิดกระแสความต้องการเดินทางภายในประเทศ ทั้งท่องเที่ยวเมืองหลักและเมืองรอง

สามารถติดตาม www.facebook.com/munjaithaitiewdai เพจที่จะให้ความรู้กับให้นักท่องเที่ยวชาวไทย เรื่องการดูแล และป้องกันตนเองให้ห่างไกลจาก COVID-19 สร้างความเข้าใจในมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยเพื่อนักท่องเที่ยว หรือ SHA ตอกย้ำความมั่นใจในกระบวนการการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ Special Tourism Visa (STV) และเตรียมความพร้อมสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวครั้งต่อไป ผ่านคอนเท้นต์ และกิจกรรมออนไลน์มากมาย

ส.ช่างภาพสื่อฯขอจัด 3 งานใหญ่ปี’64 “มอบทุนฯ – ทำหนังสือ – หาอาชีพเสริมให้สื่อ”

ข่าวประชาสัมพันธ์ – สมาคมช่างภาพข่าวสื่อมวลชน

ส.ช่างภาพสื่อฯขอจัด 3 งานใหญ่ปี’64
“มอบทุนฯ – ทำหนังสือ – หาอาชีพเสริมให้สื่อ”

สมาคมช่างภาพสื่อฯ นักถกเตรียมจัดงาน “มอบทุนการศึกษา – จัดทำหนังสือประจำปี’64” ด้าน นายกฯสุรชัย เผย! ปีนี้ จัดพิเศษ “หาอาชีพเสริม” ให้เพื่อนสื่อ พร้อมดึง “เฟรนไชส์ – เงินกู้” มาเสิร์ฟถึงที่ ขณะที่ เจ้าของร้านยกยอฯ พร้อมหนุนสุดๆ แนะ! ชวน “สธ.และออมสิน” อบรมทั้งกัญชาและเทคนิคกู้เงินให้ผ่าน

วันที่ 15 มีนาคม 2564 ที่ห้องอาหารยกยอ ท่าดินแดง 20 คลองสาน กรุงเทพฯ สมาคมช่างภาพข่าวสื่อมวลชน (ประเทศไทย) จัดประชุมคณะกรรมการบริหาร คณะที่ปรึกษาฯ และสมาชิกสมาคมฯ ภายใต้การนำของ นายสุรชัย วิเศษโสภา นายกสมาคมฯ เพื่อเตรียมการจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564 ที่จะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 10 เมษายน 2564 ณ โรงแรมเอเชีย สี่แยกราชเทวี กรุงเทพฯ
นายสุรชัย กล่าวว่า กิจกรรมที่สมาคมฯจะดำเนินการในปีนี้ นอกจากการมอบทุนการศึกษาให้กับบุตร-ธิดาของสมาชิกฯ ในวันเดียวกับการจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี และจัดทำหนังสือประจำปี 2564 ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม 2564 แล้ว สมาคมฯยังมีแผนจัดกิจกรรมพิเศษ ด้วยการจัดอบรมสัมมนาให้ความรู้ในการสร้างอาชีพเสริมให้กับสื่อมวลชน ทั้งที่เป็นและไม่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ
โดยเฉพาะคำแนะนำในการสร้างอาชีพเสริมที่น่าสนใจจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิทั้งจากภาครัฐและเอกชน รวมถึงจัดหาธุรกิจเฟรนไชส์ ซึ่งเป็นที่รู้จักและยอมรับของคนทั่วไป รวมถึงมีอนาคตการทำธุรกิจที่สดใส นอกจากนี้ ยังจัดหาสถาบันการเงินที่พร้อมจะปล่อยสินเชื่อให้กับการเข้าร่วมธุรกิจเฟรนไชส์และอาชีพเสริม โดยทั้งหมดจะมาร่วมเปิดบูธร่วมกันภายในการจัดอบรมสัมมนาในครั้งนี้
“สถานการณ์ของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนยามนี้ ดูไม่ดีนัก ส่วนหนึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลายคนถูกจ้างให้ออกจากงานและกลายเป็นคนว่างงาน ขณะที่ บางคนยังมีงานทำแต่จำเป็นจะต้องอาชีพเสริม สมาคมฯจึงร่วมกับพันธมิตรในหลายวงการ จัดกิจกรรมฝึกอบรมให้ความรู้ในการสร้างอาชีพเสริมขึ้นมา” นายสุรชัย ระบุและว่า
สำหรับสถานที่จัดงานฯนั้น เบื้องต้นอาจใช้ห้องจัดเลี้ยงของห้องอาหารยกยอ ท่าดินแดง 20 คลองสาน กรุงเทพฯ ที่สามารถรองรับผู้เข้าอบรมฯคราวๆ ละ 80-100 คน โดยการจัดอบรมฯในครั้งนี้ จะใช้เวลาประมาณ 2 วัน และจะเรียนเชิญวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายองค์กรมาร่วมให้ความรู้ เช่น ตัวแทนจากเครือเจริญโภคภัณฑ์, ธนาคารออมสิน เป็นต้น
ด้าน นายมนูญ พุฒทอง กรรมการผู้จัดการ ห้องอาหารยกยอ มารีน่าฯ ในฐานะที่ปรึกษาสมาคมฯ กล่าวเสริมว่า ตนพร้อมให้การสนับสนุนการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ส่วนตัวขอเสนอให้สมาคมฯพิจารณาจัดหาวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการปลูกกัญชาในมิติต่างๆ เนื่องจากกระแสสังคมไทยและสังคมโลก ต่างตื่นตัวและมีความต้องการกัญชาเพื่อใช้ในทางการแพทย์และประกอบอาหารอย่างมาก
ขณะเดียวกัน ก็ควรเรียนเชิญวิทยากรจากสถาบันการเงิน โดยเฉพาะสถาบันการเงินของรัฐ อย่าง…ธนาคารออมสิน มาเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการกู้เงินให้ผ่านการพิจารณา ซึ่งตนเชื่อว่าทั้ง 2 หัวข้อนี้จะอยู่ในความสนใจของสื่อมวลชนที่ต้องการเปลี่ยนอาชีพ และ/หรือ มีอาชีพเสริมใหม่ๆ อย่างแน่นอน.
////////////////////////////

9 มีนาคม วันคณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.) กลไกของหมู่บ้านที่ใกล้ชิดประชาชน

9 มีนาคม วันคณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.) กลไกของหมู่บ้านที่ใกล้ชิดประชาชน ซึ่งเป็นรากฐานและพลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ

9 มีนาคม ของทุกปี ถือเป็นวันคณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.) ที่จัดให้มีขึ้นเพื่อสืบสานเกียรติภูมิความภาคภูมิใจในความเสียสละของคณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.) โดยคณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.) เป็นกลไกของหมู่บ้านที่ใกล้ชิดกับประชาชน รู้ และเข้าถึงข้อมูล สภาพพื้นที่ ปัญหาและความต้องการของประชาชนในหมู่บ้านดีที่สุด

คณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.) ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2486 ประกอบด้วย ผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน มีหน้าที่เสนอข้อแนะนำและให้คำปรึกษาแก่ผู้ใหญ่บ้านเกี่ยวกับภารกิจที่จะต้องปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ ต่อมาเพื่อให้การบริหารจัดการในหมู่บ้านสอดคล้องกับสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงของสังคม กระทรวงมหาดไทย จึงได้ปรับปรุงโครงสร้างและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.) ให้มีโครงสร้างที่เปิดโอกาสให้ผู้แทนจากกลุ่ม องค์กรในหมู่บ้านเข้ามามีส่วนร่วมและกำหนดให้มีหน้าที่ช่วยเหลือแนะนำและให้คำปรึกษาแก่ผู้ใหญ่บ้านเกี่ยวกับกิจกรรมอันเป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่บ้านและทำหน้าที่บูรณาการการแก้ไขปัญหาและพัฒนาหมู่บ้านให้มีเอกภาพ หมู่บ้านมีความเข้มแข็ง ก่อประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน เหมือนดังคำที่ว่า “ประเทศต้องมีรัฐบาล หมู่บ้านต้องมี กม.”

เนื่องในวันคณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.) ประจำในปี พ.ศ. 2564 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงความสำคัญของคณะกรรมการหมู่บ้าน ดังนี้ “การพัฒนาสังคมและประเทศให้มีความมั่นคง มั่งคั่งอย่างยั่งยืนตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เป็นเป้าหมายสำคัญของรัฐบาลในการสร้างความเข้มแข็งในระดับฐานรากของประเทศ และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่พี่น้องประชาชน คณะกรรมการหมู่บ้านถือเป็นกลไกหลักในระดับพื้นที่ ที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนาหมู่บ้าน และขับเคลื่อนแผนงาน โครงการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อสร้างความอยู่ดีมีสุขให้แก่พี่น้องประชาชน ผมขอขอบคุณคณะกรรมการหมู่บ้านทุกท่านที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่น ทุ่มเท เสียสละ ทำงานด้วยจิตสาธารณะ เพื่อการเข้าถึงและเข้าใจบริบทของการพัฒนาหมู่บ้านและขอให้น้อมนำศาสตร์พระราชามาเป็นแนวทางในการบูรณาการการทำงานและดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ กับทุกภาคส่วน ซึ่งจะขับเคลื่อนนโยบายของภาครัฐให้เกิดผลสัมฤทธิ์แก่พี่น้องประชาชนทุกคนและสร้างความเจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคงให้แก่หมู่บ้านตลอดไป”

ด้าน นายธนาคม จงจิระ อธิบดีกรมการปกครอง ได้เสริมถึงบทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการหมู่บ้าน ที่เกี่ยวเนื่องกับนโยบายของกรมการปกครองซึ่งมุ่งประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ “ในปี 2564 กรมการปกครอง ได้กำหนด “10 โครงการสำคัญสู่การเป็นกรมการปกครองวิถีใหม่” (10 Flagships to DOPA New Normal 2021) ในการบริหารพัฒนาองค์กรเพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุขประชาชนในพื้นที่ ภายใต้แนวคิด”หน้าที่ของฝ่ายปกครอง คือ ทำให้ประชาชนทุกข์น้อยลง สุขมากขึ้น”ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล นโยบายของกระทรวงมหาดไทยและมีเป้าหมายในการพัฒนาหมู่บ้านโดยการขับเคลื่อนการดำเนินงานของคณะกรรมการหมู่บ้าน ให้เกิดความเข้มแข็ง สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงพัฒนาศักยภาพ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านและคณะกรรมการหมู่บ้าน ให้เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนภารกิจในระดับพื้นที่ ซึ่งจะนำไปสู่หมู่บ้านอยู่เย็นตามแนวทางแผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง ผ่านหลักการ “บวร” หรือ “บรม” เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนของหมู่บ้าน โดยน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางในการขับเคลื่อนการดำเนินงาน”

กรมการปกครองได้จัดทำโครงการคัดเลือกหมู่บ้านเข้มแข็งตามแนวทาง “แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง” (หมู่บ้านอยู่เย็น) ประจำปี 2563 เพื่อสร้างแรงจูงใจ และให้รางวัลแก่คณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.) ที่มีผลงานโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์ สามารถเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติงานให้แก่หมู่บ้านอื่น ๆ โดยการดำเนินการดังกล่าว แบ่งออกเป็น 5 ระดับ คือ ระดับตำบล ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด ระดับเขต และระดับภาค

โดยผลการคัดเลือกหมู่บ้านเข้มแข็งตามแนวทาง “แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง” (หมู่บ้านอยู่เย็น) ประจำปี 2563 ระดับภาค ได้แก่

ภาคเหนือ

  • รางวัลชนะเลิศ บ้านฝั่งแวน หมู่ที่ 11 ตำบลเชียงบาน อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา
  • รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 บ้านวังร่อง หมู่ที่ 5 ตำบลห้วยไร่ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์
  • รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 บ้านปางต้นฆ้อง หมู่ที่ 1 ตำบลมะลิกา อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่
  • รางวัลชมเชย บ้านท่ากระดังงา หมู่ที่ 3 ตำบลมหาโพธิ อำเภอเก้าเลี้ยว จังหวัดนครสวรรค์

ภาคกลาง

  • รางวัลชนะเลิศ บ้านหนองอ้อล่าง หมู่ที่ 9 ตำบลมะขาม อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี
  • รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 บ้านม้าร้อง หมู่ที่ 4 ตำบลพงศ์ประศาสน์ อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
  • รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 บ้านหนองชุมเห็ด หมู่ที่ 2 ตำบลเกาะจันทร์ อำเภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี
  • รางวัลชมเชย บ้านไผ่สี หมู่ที่ 2 ตำบลสระลงเรือ อำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี
  • รางวัลชมเชย บ้านทหารเรือ หมู่ที่ 2 ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ
  • รางวัลชมเชย บ้านท่าสำโรง หมู่ที่ 1 ตำบลบางขุด อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท

ภาคใต้

  • รางวัลชนะเลิศ บ้านนากลาง หมู่ที่ ๙ ตำบลโคกกลอย อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา
  • รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 บ้านตะปัง หมู่ที่ 2 ตำบลศาลาใหม่ อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส
  • รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 บ้านห้วยทราย หมู่ที่ 3 ตำบลทรัพย์ทวี อำเภอบ้านนาเดิม จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

  • รางวัลชนะเลิศ บ้านเทนมีย์ หมู่ที่ 1 ตำบลเทนมีย์ อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์
  • รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 บ้านส้มป่อย หมู่ที่ 11 ตำบลส้มป่อย อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ
  • รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 บ้านนางาม หมู่ที่ 5 ตำบลศรีสำราญ อำเภอพรเจริญ จังหวัดบึงกาฬ
  • รางวัลชมเชย บ้านท่าแร่ หมู่ที่ 1 ตำบลท่าแร่ อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร
  • รางวัลชมเชย บ้านห้วยหิน หมู่ที่ 3 ตำบลนาเชือก อำเภอนาเชือก จังหวัดมหาสารคาม

บทบาทหน้าที่คณะกรรมการหมู่บ้าน

วันคณะกรรมการหมู่บ้าน

กม.

9มีนาคม

“โลตัส” เปิดช่องทางผู้ประกอบการเช่าพื้นที่โลตัส พร้อมมีทีมที่ปรึกษามืออาชีพช่วยเพิ่มโอกาสขายสินค้า

 นางสาวเบญจวรรณ อ่องศรี ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายศูนย์การค้าและพื้นที่เช่า โลตัส บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด กล่าวว่า โลตัสเป็นศูนย์รวมของชุมชนด้วยเครือข่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ เพราะมีสาขามากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง พร้อมเปิดโอกาสและช่องทางในการทำธุรกิจอย่างเท่าเทียมและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายจากทุกสาขาทั่วประเทศ 

  ‘โลตัส’ มีที่ปรึกษามืออาชีพหนุนสร้างโอกาสขายรายย่อย เพื่อเพิ่มโอกาสในการค้าขาย  นอกเหนือจากช่องทางการทำธุรกิจในศูนย์การค้า เช่น ช่องทางต่อยอดธุรกิจออนไลน์, กิจกรรมทางการตลาดและสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ เป็นต้น เพื่อร่วมกันพัฒนากิจการของท่านในฐานะคู่ค้าพันธมิตร ผู้สนใจเช่าพื้นที่ติดต่อสอบถามได้ที่  02-7979000 กด “3” สำหรับเช่าพื้นที่ /ศูนย์อาหารและ  กด “4” สำหรับเช่าพื้นที่หน้าโลตัส ขนาดเล็ก หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://fb.watch/46Tls2qFN9/
      “โลตัสวางยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนคู่กับสังคมไทย ซึ่งหนึ่งในเป้าหมายสำคัญที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง คือการเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนให้ผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอี โอทอป มีโอกาสสร้างรายได้ เพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าและขยายฐานลูกค้า”
ที่ผ่านมาโลตัส ให้การสนับสนุนผู้ประกอบการ SME ผ่านโครงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โครงการถุงคืนชีพ สร้างอาชีพ , โครงการ Food Paradise เปิดพื้นที่ภายในศูนย์การค้าฟรีเพื่อให้เกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อย, โครงการตลาดนัด SME ไทย ถูกใจมหาชน ร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์คัดเลือกผู้ประกอบการ SME ผู้ประกอบการ OTOP Select    รวมไปถึงผู้ประกอบการรายย่อยในชุมชนกว่า 300 ราย นำสินค้ามาวางจำหน่ายบริเวณด้านหน้าสาขาโดยไม่มีค่าใช้จ่าย, โครงการตลาดสุขใจวัยเก๋า เปิดพื้นที่ให้ผู้สูงอายุนอกระบบ มาจำหน่ายสินค้าในห้าง โลตัส  และ โครงการศูนย์ฝึกอาชีพจตุจักร สนับสนุนพื้นที่กว่า 300 ตารางเมตรและสาธารณูปโภคให้เป็นเวลา 3 ปีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เปิดให้บริการจัดฝึกอบรมหลักสูตรวิชาชีพให้แก่ประชาชนที่สนใจ เป็นต้น

โลตัส #เทสโก้โลตัส #ธุรกิจSME #สนใจเช่าพื้นที่ #ติดต่อเช่าพื้นที่ #หาที่ขายของ #ทำเลขายของ #Lotus #SME

วช. หนุนจัดการภัยแล้งผันน้ำตามความต้องการเกษตรไม่ปล่อยเกินจำเป็น

              สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สนับสนุนงานวิจัยจัดการภัยแล้ง ผันน้ำตามความต้องการเกษตรไม่ปล่อยน้ำเกินจำเป็น คาดการณ์ด้วยแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ ควบคู่กับข้อมูลจากวัดความชื้นในดินของพื้นที่เกษตรกร และระดับน้ำของแม่น้ำต่างๆ พร้อมระบบควบคุมการปล่อยน้ำแบบเรียลไทม์ได้ทันสถานการณ์ในพื้นที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาท่อทองแดง
          ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภาณุวัฒน์ ปิ่นทอง ศูนย์วิจัยวิศวกรรมน้ำและโครงสร้างพื้นฐาน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) ได้รับทุนวิจัยจาก วช. ทำวิจัยโครงการเพิ่มประสิทธิภาพระบบบริหารจัดการน้ำเกษตรกรรมเพื่อลดปริมาณการใช้น้ำเกษตรกรรมและการใช้น้ำต้นทุนที่เหมาะสม ซึ่งเป็นงานวิจัยที่จะช่วยการบริหารจัดการน้ำและการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรมให้แก่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาท่อทองแดง 
        โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาท่อทองแดงเป็นโครงการชลประทานรับน้ำนองจากแม่น้ำปิงเข้าพื้นที่เพาะปลูกในเขต จ.สุโขทัย จ.พิษณุโลก และ จ.กำแพงเพชร ใช้ระบบส่งน้ำโดยคลองธรรมชาติ มีอาคารบังคับน้ำและอาคารอัดน้ำตามคลองธรรมชาติ ส่งน้ำให้พื้นที่ชลประทานรวม 552,403.93 ไร่ และปัจจุบันขยายพื้นที่ชลประทานในเขต อ.วชิรบารมี จ.พิจิตร และ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ซึ่งแผนการส่งน้ำเข้าโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาท่อทองแดง จะกำหนดตามปริมาณน้ำที่ขึ้นอยู่กับน้ำต้นทุนของเขื่อนภูมิพลในพื้นที่ต้นน้ำ 
        ทว่า จากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาท่อทองแดงประสบปัญหาการบริหารจัดน้ำและการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม เนื่องจากมีความไม่แน่นอนของปริมาณฝนและปริมาณน้ำต้นทุนจากเขื่อนภูมิพล ส่งให้มีความผันแปรสูงต่อปริมาณการระบายน้ำเขื่อนภูมิพล และการควบคุมปริมาณน้ำในพื้นที่ท้ายน้ำ จึงมีความท้าทายสำหรับผู้ปฏิบัติงานในการส่งน้ำเข้าพื้นที่ให้เพียงพอและเหมาะสมที่สุด อีกทั้งยังยากต่อการวางแผนรับมือให้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา 
      นอกจากนี้ การควบคุมประตูส่งน้ำเข้าคลองส่งสายหลักและคลองส่งสายซอยให้สามารถส่งน้ำได้ตามแผนที่วางไว้นั้น อาศัยกำลังคนปฏิบัติงานจัดสรรน้ำตามแผนที่วางไว้เป็นฤดูกาล ซึ่งทำให้เกิดความซ้ำซ้อนมากขึ้นในช่วงวิกฤติน้ำแล้งและน้ำท่วม และโครงการฯ ยังมีคลองส่งน้ำที่เป็นคลองธรรมชาติประมาณ 200 กิโลเมตร จึงพัฒนาประสิทธิภาพของระบบชลประทานได้น้อยมาก ส่งผลให้เกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างกลุ่มผู้ใช้น้ำและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ และมีความขัดแย้งระหว่างผู้ทำเกษตรอยู่ต้นน้ำกับปลายน้ำที่มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงภาวะขาดแคลนน้ำ  

      ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภาณุวัฒน์ ปิ่นทอง จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ เช่น ช่วยให้เจ้าหน้าที่ควบคุมประตูน้ำได้ทันต่อสถานการณ์ทั้งภาวะแล้งและน้ำท่วม อีกทั้งให้ข้อมูลพื้นฐานแก่เกษตรกรที่อยู่ต้นน้ำในการตัดสินใจผันน้ำเข้าพื้นที่ทำเกษตรตามจำเป็นโดยอ้างอิงจากความชื้นดิน ทำให้เกษตรกรไม่ผันน้ำเกินความจำเป็น และส่งน้ำไม่ตรงกับเวลาที่พืชต้องการได้รับ ซึ่งนอกจากช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการผันน้ำแล้ว ยังทำให้มีน้ำเหลือเพียงพอไปถึงพื้นที่ปลายน้ำ ซึ่งช่วยลดความขัดแย้งระหว่างคนต้นน้ำและคนปลายน้ำได้
         งานวิจัยนี้พัฒนาเครื่องมือเพื่อช่วยใช้ตัดสินใจระบายน้ำที่เหมาะสมโดยเชื่อมโยงกับแบบจำลองการประเมินความต้องการน้ำของพืชในระบบแปลงนาที่ติดตั้งเซนเซอร์ตรวจวัดความชื้นในดินแบบอัตโนมัติ ลดการสูญเสียจากการส่งน้ำเกินความจำเป็นและไม่ต้องการของพืช อีกทั้งพัฒนาแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่จำลองการไหลในลำน้ำตั้งแต่ท้ายเขื่อนภูมิพลสู่แม่น้ำปิง คลองส่งน้ำสายหลักและสายซอยสู่พื้นที่เกษตรกรรม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำจากแหล่งน้ำต้นทุน ให้สามารถเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกหรือลดการสูญเสียน้ำในระบบชลประทานได้เฉลี่ย 15% ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงการขาดแคลนน้ำของพื้นที่เกษตรกรรม “ปัญหาการใช้น้ำมากกว่าความต้องการจะหมดไป” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภาณุวัฒน์ ปิ่นทอง กล่าว 
           ทีมวิจัยยังได้พัฒนาระบบติดตามรายงานสภาพการเปลี่ยนแปลงทางอุทกวิทยาของพื้นที่เกษตรกรรมต้นแบบโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาท่อทองแดง ที่ใช้สนับสนุนการตัดสินใจบริหารจัดการน้ำแบบทันต่อเวลา สามารถสั่งการหรือควบคุมและประเมินสถานการณ์น้ำในระบบส่งน้ำโครงการชลประทานไปยังพื้นที่ต้นแบบที่ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีหรือเครื่องมือบริหารจัดการเกษตรกรรม ระบบดังกล่าวสามารถใช้งานในรูปแอปพลิเคชันที่สามารถดาวน์โหลดเพื่อใช้งานผ่านสมาร์ทโฟนในชื่อ SWOM 
          ทั้งนี้ ทีมวิจัยได้นำแบบจำลองที่พัฒนาขึ้นไปใช้งานจริงในพื้นที่ต้นแบบ โดยประมวลผลเชื่อมโยงกับเทคโนโลยีการตรวจความชื้นดิน วัดระดับน้ำ และอุปกรณ์ควบคุมการเปิด-ปิดบานประตูที่มีการทำงานแบบอัตโนมัติและทันต่อเวลา พร้อมทั้งสร้างองค์ความรู้ให้เกิดความเข้าใจต่อเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ได้จากการวิจัยแก่บุคลากรกรมชลประทาน เกษตรกรผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ เพื่อการประยุกต์ใช้และปฏิบัติได้อย่างถูกต้องเหมาะสม เพื่อประเมินประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องมือให้สำเร็จตามเป้าหมายของงานวิจัย
            โดย วช. ได้นำคณะสื่อมวลชน เยี่ยมชมโครงการวิจัยการเพิ่มประสิทธิภาพระบบปฏิบัติการบริหารจัดการน้ำเกษตรกรรมเพื่อลดปริมาณการใช้น้ำต้นทุนที่เหมาะสม เมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม ๑๕๖๔ ณ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาท่อทองแดง ตำบลหนองปลิง อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร

ครั้งแรก สวทช. – วช. ผนึกกำลังเปิด 2 เวทีประลองเยาวชนเก่งโครงงานวิทย์ – เขียนโปรแกรม


ครั้งแรกของสองหน่วยงานสังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) คือ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)ผนึกกำลัง เปิด 2 เวทีประลองความสามารถเยาวชนในการแข่งขันโครงงานวิทยาศาสตร์และการเขียนโปรแกรม พร้อมชู 2 อดีตเยาวชนที่เคยผ่านการแข่งขันทั้งสองเวที ซึ่งเติบโตเป็นนักวิจัยรุ่นใหม่และโปรแกรมเมอร์ดาวรุ่ง
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) แถลงข่าวความร่วมมือในการเปิดเวที “การประกวดผลงานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 1” เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2564 ณ โถงอาคาร สวทช. (โยธี) ถ.พระรามที่ 6 กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นความร่วมมือกันครั้งแรกของทั้งสองหน่วยงาน ที่ร่วมเปิดเวทีการประกวดเยาวชนคนเก่ง
สำหรับการประกวดผลงานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 1 ประกอบด้วยโครงการการประกวดโครงงานของนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ (Young Scientist Competition : YSC) และโครงการการแข่งขันพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์แห่งประเทศไทย (The National Software Contest : NSC) ซึ่งทั้งสองโครงการมีการแข่งขันในรอบตัดสินเมื่อวันที่ 4 – 5 มีนาคม 2564 และจะประกาศผลรางวัลในวันที่ 19 มีนาคม 2564
โครงการการประกวดโครงงานของนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ หรือ YSC เป็นโครงการเพื่อกระตุ้นและสนับสนุนเยาวชนในระดับมัธยมศึกษาให้มีโอกาสแสดงความสามารถและทักษะที่เป็นนวัตกรรม และความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับประเทศ และคัดเลือกผู้ชิงชนะเลิศและคัดเลือกตัวแทนประเทศไทยสำหรับเข้าประกวดในงาน Intel International Science and Engineering Fair : Intel ISEF ที่ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Regeneron ISEF เมื่อปี พ.ศ. 2563 ซึ่งการประกวดดังกล่าวจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี มาตั้งแต่
ปี พ.ศ.2493 โดย Society for Science & the Public
ส่วนโครงการการแข่งขันพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์แห่งประเทศไทย หรือ NSC จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์หรือซอฟท์แวร์สำหรับเยาวชนทั่วประเทศ รวมทั้งพัฒนาทักษะ ความคิดริเริ่มในการพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมด้านซอฟท์แวร์ของประเทศ ซึ่งผู้ชนะเลิศในประเภทนักเรียน นิสิตและนักศึกษา จะได้รับถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และถือเป็นเวทีประกวดซอฟท์แวร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
ในระหว่างการแถลงข่าว ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ได้เสวนาในหัวข้อ “ความร่วมมือในการพัฒนากำลังคน และความสำเร็จจากวันวาน…สู่วันนี้” ร่วมกับ ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ พร้อมด้วยศิษย์เก่าในโครงการ YSC และ NSC และเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าประกวดโครงงานในงาน Intel ISEF ณ สหรัฐอเมริกา ได้แก่ รศ.ดร.
ทวีธรรม ลิมปานุภาพ จากวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล และนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ประจำปี
พ.ศ.2563 และนายณัฎฐ์ ปิยะปราโมทย์ วิศวกรซอฟท์แวร์อาวุโส บริษัท อโกด้า เซอร์วิสเซส จำกัด
ทางด้าน ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล กล่าวว่า นอกเหนือจาก สวทช.จะมีภารกิจสำคัญในการวิจัยและพัฒนาแล้ว ก็ยังมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมสนับสนุนเยาวชนที่มีความสามารถทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้วย และ สวทช. เข้าสู่ปีที่ 30 ในปี พ.ศ. 2564 นี้ ซึ่งที่ผ่านมาได้จัดกิจกรรมการประกวดที่สำคัญหลายกิจกรรม สำหรับผลงานโครงงานทั้งหมดของเยาวชนในโครงการ YSC มีทั้งสิ้น 12,026 โครงงาน และได้ส่งเข้าประกวดในเวที Intel ISEF จำนวน 79 โครงงานและได้รับรางวัลจากเวทีดังกล่าว 22 รางวัล และยังได้ส่งผลงานจากโครงการ YSC เข้าประกวดในเวทีประกวดระดับนานาชาติอื่นๆ รวม 99 ผลงานและได้รับรางวัลรวม 44 รางวัล เช่น I-SWEEP ที่ได้ส่งผลงาน 7 โครงงาน และได้รับรางวัล 8 รางวัล, Genius Olympiad ที่ได้ส่งผลงาน 1 โครงงานและได้รับ 1 รางวัล ขณะที่โครงการ NSC สามารถผลิตและสร้างนักเขียนโปรแกรมที่มีทักษะความสามารถสูงให้แก่วงการอุตสาหกรรมซอฟท์แวร์จำนวนไม่น้อย
ส่วน ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ระบุว่า วช. ได้ให้ทุนสนับสนุนแก่เยาวชนผ่านเครือข่ายศูนย์ประสานงานภูมิภาค YSC ได้แก่ มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ และมหาวิทยาลัยศิลปากร เพื่อพัฒนาผลงานเข้าประกวดในโครงการ YSC และให้ทุนสนับสนุนแก่เยาวชนผ่านเครือข่ายมหาวิทยาลัยภูมิภาค 6 แห่ง ได้แก่
คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สำนักงานอุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ คณะวิทยาการสารสนเทศ มหาวิทยาลัยบูรพา สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ เพื่อพัฒนาผลงานสำหรับแข่งขันในโครงการ NSC อีกทั้งสนับสนุนทุนแก่ สวทช. ในการจัดการประกวดผลงานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติครั้งนี้

สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว หรือ ทีทีเอเอ จัดโครงการ TTAA รีบูตท่องเที่ยวทั่วไทย


สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว หรือ ทีทีเอเอ จัดโครงการ TTAA รีบูตท่องเที่ยวทั่วไทย “สร้างความมั่นใจเที่ยวเมืองพัทยา” และจัดประชุมสัญจรสมาชิกครั้งที่ 1/2564

เมื่อวันที่ 25 – 26 กุมภาพันธ์ 2564 สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว หรือ ทีทีเอเอ จัดโครงการ TTAA รีบูตท่องเที่ยวทั่วไทย “สร้างความมั่นใจเที่ยวเมืองพัทยา” และจัดประชุมสัญจรสมาชิกครั้งที่ 1/2564 โดยนำสมาชิก เยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในเมืองพัทยา ที่เตรียมความพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวหลังสถานการณ์โควิด 19

ทาง TTAA ได้นัดสมาชิกสมาคมกว่า 70 ท่านพร้อมกันที่ โรงแรมเดอะบาซาร์ ออกเดินทางโดยรถบัสปรับอากาศ 3 คัน มุ่งหน้าเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี สถานที่แรกที่เข้าเยี่ยมชมคือ โรงแรม แกรนด์ เซ็นเตอร์พ้อยท์ เพื่อเข้าอินสเป็คห้องพัก ซึ่งเป็นโรงแรมระดับห้าดาว มีห้องอาหารบรรยากาศลอยฟ้า สามารถชมวิวเมืองพัทยาได้รอบทิศ 360 องศา

จากนั้น เข้าเยี่ยมชมศาลาว่าการเมืองพัทยา พร้อมเปิดตัว โครงการ TTAA รีบูตท่องเที่ยวทั่วไทย “สร้างความมั่นใจเที่ยวเมืองพัทยา” โดยมีนายรณกิจ เอกะสิงห์ รองนายกเมืองพัทยา มาให้การต้อนรับและบรรยายภาพรวมท่องเที่ยวพัทยา การเตรียมความพร้อมด้านการจัดการท่องเที่ยวแบบ New Normal หลังการระบาดของโควิด 19

คณะเข้าชมการแสดงของปลาโลมาที่ พัทยาดอลฟินาเรี่ยม ซึ่งถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของเมืองพัทยา เพราะมีการแสดงปลาโลมาแสนรู้ที่ไม่เหมือนใคร สร้างความสนุกสนาน ตื่นเต้นเร้าใจแก่ผู้ชม
ในช่วงเย็น ทางคณะได้เข้าร่วมงานเลี้ยงดินเนอร์ ประกอบด้วยเมนูอาหารหลายหลาย กับกลิ่นไอของชายหาด ก่อนที่จะมีงานพบปะผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวของพัทยา โดยมีคุณขจรเดช อภิชาตตรากูล ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพัทยา มากล่าวเปิดงานต้อนรับ พร้อมกับแนะนำนายกสมาคมท่องเที่ยวเมืองพัทยา ผู้ประกอบการในท้องถิ่น และ ชมรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ท่ามกลางบรรยากาศสบาย ๆ การแต่งกายสไตล์ออนเดอะบีช ก่อนที่จะเดินทางกลับเข้าที่พัก โรงแรม เรเนซองส์ พัทยา รีสอร์ท แอนด์สปา

วันรุ่งขึ้น หลังจากรับประทานอาหารเช้า คณะเช็คเอ๊าท์ออกจากโรงแรมที่พักเดินทางไปสวนนงนุช ฟังการบรรยายพิเศษ “มองมุมกลับ ปรับมุมคิด พลิกโอกาสท่องเที่ยวไทย” จากคุณกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุช โดยคุณกัมพล ได้พูดถึงโครงไทยเที่ยวไทย เที่ยวสวนนงนุชฟรี สำหรับผู้ที่อยู่ใน 3 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี และนครนายก ตลอดเดือนมีนาคมนี้ โดยยื่นบัตรประชาชนเป็นหลักฐานเพื่อรับสิทธิ์เข้าฟรี
พาชมการแสดงของช้างแสนรู้ และสนุกกับการเลี้ยงช้างด้วยกล้วยน้ำว้า ก่อนที่จะนั่งรถรางชมบรรยากาศโดยรอบสวนนงนุช ที่ขึ้นชื่อว่าติด 1 ใน 10 ของสวนที่สวยที่สุดในโลก มีสวนมากกว่า 20 โซน ประกอบด้วยพันธุ์ไม้แปลกตากว่า 10,000 ชนิด

ก่อนกลับกรุงเทพฯ ทางคณะได้แวะชมปราสาทสัจธรรม เป็นปราสาทที่ทำด้วยไม้ทั้งหลังที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นปราสาทไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ที่ แหลมราชเวช ตำบลนาเกลือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสุดอันซีน ภายในปราสาทได้แฝงเนื้อหาทางปรัชญา และศิลปวัฒนธรรมอันเป็นมรดกของมนุษย์ สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของศาสนา

Godzilla VS Kong


ศึกครั้งใหญ่ที่ระหว่างสองยักษ์ใหญ่ “Godzilla vs. Kong – ก็อดซิลล่า ปะทะ คอง” มหากาพย์การผจญภัยครั้งใหม่ในจักรวาลภาพยนตร์มอนสเตอร์เวิร์สของเลเจนดารี่ โดยการกำกับของ อดัม วินการ์ด

8 ประโยชน์ล้ำเลิศของ “กีวี” หน้าใส-ต้านมะเร็ง


ช่วงนี้หากเดินตามตลาด ซุปเปอร์มาร์เก็ต หลายคนอาจจะเห็นผลไม้หน้าตาน่าทานอยู่ชนิดหนึ่ง หลายคนน่าจะรู้จักกันดีว่ามันคือ กีวี ที่มีเปลือกบางๆ สีน้ำตาล และเนื้อข้างในเป็นสีเขียว หรือสีเหลือง (แล้วแต่พันธุ์) เจ้ากีวีที่ดูเหมือนเป็นผลไม้เมืองนอกอาจไม่ค่อยได้รับความนิยมนักหากเป็นเมื่อก่อน เพราะราคาค่อนข้างสูง แต่ตอนนี้ราคาเอื้อมถึงกันได้ง่ายๆ แล้ว ทำให้คนไทยได้ลองลิ้มชิมรสเจ้ากีวีแสนอร่อยนี้กันได้มากขึ้น Sanook! Health อยากเชียร์ให้ทานกันเยอะๆ ค่ะ เพราะประโยชน์มีมากจนน่าตกใจเลยล่ะ

8 ประโยชน์ล้ำเลิศของ “กีวี”

1. เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ช่วยต่อสู้กับเชื้อโรค และแบคทีเรียต่างๆ ได้ดีขึ้น

2. กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวหนังเต่งตึง เปล่งปลั่ง

3. มีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่นอกจากจะช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดใสแล้ว ยังต้านมะเร็งได้อีกด้วย

4. ผิวดีขึ้นแบบ X3 เมื่อกีวีเต็มไปด้วยมิตามินอี ที่ช่วยบำรุงให้ผิวนุ่มชุ่มชื่น ไม่แห้งกร้าน

5. ป้องกันไขมันอุดตันเส้นเลือด

6. มีใยอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหาร และระบบขับถ่าย

7. ชะลอวัย และป้องกันโรคสมองเสื่อม

8. ช่วยให้อาการหอบหืดดีขึ้น