“เฉลิมชัย”โชว์ผลงานเพิ่มพื้นที่เกษตรกรรมยั่งยืน(Sustainable Agriculture)ปี64กว่า1.7ล้านไร่

เร่งเครื่องวางหมุดหมายฟาร์มเกษตรอินทรีย์ทุกตำบล ดึง”พอช.”ลุยชุมชนสีเขียวพร้อม ผนึก”ศธ.”ปั้นกรีนสกูล

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยวันนี้(18พ.ย.)ว่าดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มอบหมายให้เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืน ครั้งที่ 3/2564 ผ่านระบบ ZOOM โดยมีนายปราโมทย์ ยาใจ อธิบดีกรมหม่อนไหม นายสถาพร ใจอารีย์ รองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน นายธีระ วงษ์เจริญ ประธานเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ นายปริญญา พรศิริชัยวัฒนา ประธานชมรมเกษตรอินทรีย์แห่งประเทศไทย ตัวแทนหน่วยงานกระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตัวแทนสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) เครือข่ายของมูลนิธิเกษตรอินทรีย์ไทย ตัวแทนภาคเกษตรกร ร่วมในการประชุม
นายอลงกรณ์กล่าวว่า จากความร่วมมือของทุกภาคีภาคส่วน ทำให้การพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืนในปีนี้มีความก้าวหน้าอย่างมากจากรายงานการดำเนินงานของหลายหน่วยงานสามารถขยายพื้นที่เกษตรกรรมยั่งยืนประจำปีงบประมาณ2564ได้กว่า 1,766,269.15 ไร่ ทั้งในรูปแบบของเกษตรผสมผสาน เกษตรทฤษฎีใหม่ และเกษตรอินทรีย์
นอกจากนี้ที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาโครงการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนระดับตำบล (Tambom Sustainable Agriculture Development Project: TAP) ซึ่งมีเป้าหมาย 7,255 ตำบล ทั่วประเทศ โดยจะเน้นส่งเสริมการทำเกษตรกรรมยั่งยืนทั้งในทุกตำบล และเชื่อมโยงกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้เกิดเกษตรกรรมยั่งยืนกินได้ อยู่ได้ และอยู่ดี ภายใต้แนวคิด “บริหารโดยชุมชน เป็นของชุมชน เพื่อชุมชน” ใน 21 แนวทางได้แก่ (1) 1 ตำบล 1 เกษตรทฤษฎีใหม่ (2) 1 ตำบล 1 ร้านค้าเกษตรตำบล
(3) 1 ตำบล 1 แปลงเกษตรอินทรีย์ (4) 1 ตำบล 1 product champion (5) 1 ตำบล 1 วนเกษตร (6) 1 ตำบล 1 กลุ่ม Young smart (7) 1 ตำบล 1 เกษตรธรรมชาติ (8) 1 ตำบล 1 แปลงสมุนไพร (9) 1 ตำบล 1 เกษตรผสมผสาน (10) 1 ตำบล 1 กลุ่มปศุสัตว์ (11) 1 ตำบล 1 เครือข่ายศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (12) 1 ตำบล 1 กลุ่มประมง (13) 1 ตำบล 1 องค์กรกองทุนฟื้นฟูเกษตรกร (14) 1 ตำบล 1 ท่องเที่ยวเกษตร (15) 1 ตำบล 1 โครงการชลประทานชุมชน (16) 1 ตำบล 1 เครือข่าย ศพก. (17) 1 ตำบล 1 ธนาคารต้นไม้ (ผลิตและจำหน่ายต้นกล้า) (18) 1 ตำบล 1 วิสาหกิจชุมชน (19) 1 ตำบล 1 กลุ่มเครื่องจักรกลเกษตร (20) 1 ตำบล 1 ตลาดออนไลน์ (21) 1 ตำบล 1 กลุ่มเกษตรพลังงาน ซึ่งที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาให้ความเห็นชอบในหลักการของโครงการ ก่อนนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อการขับเคลื่อนต่อไป

ทั้งนี้ นายอลงกรณ์ ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องขับเคลื่อนด้านเกษตรกรรมยั่งยืนในโลกยุคใหม่หลัง COVID-19 เพื่อพัฒนาและเปลี่ยนแปลงภาคการเกษตรไทย ตาม 3. ยุทธศาสตร์”3’s”(Safety-Security-Sustainability-เกษตรปลอดภัย เกษตรมั่นคงและเกษตรยั่งยืน ของดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามยุทธศาสตร์ชาติเป็นเป้าหมายการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ของสหประชาชาติ เพื่อรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกต่อไป

นอกจากนี้ที่ประชุมยังรับทราบความก้าวหน้าในการดำเนินงานโครงการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง (Sustainable Urban Agriculture Development Project : SUAD Project) และโครงการธนาคารสีเขียว (Green Bank) ซึ่งขยายการดำเนินงานไปในระดับชุมชน เมือง จังหวัด และกลุ่มจังหวัด(เขต)ทั่วประเทศพร้อมเพิ่มการขับเคลื่อนในพื้นที่โรงงานอุตสาหกรรมและนิคมอุตสาหกรรมภายใต้คณะทำงานอุตสาหกรรมสีเขียว(Green Industry)
ในส่วนของโครงการในพื้นที่วัด (Green Temple)ที่ดำเนินการภายใต้แนวคิด การปลูกเพื่อเป็นอาหาร ปลูกเป็นยา ปลูกเป็นเงิน ปลูกเป็นสิ่งแวดล้อม และจะเชื่อมโยงกับพื้นที่โรงเรียน พื้นที่บ้านชุมชนและท้องถิ่น (โมเดล บ.ว.ร.)เนื่องจากมีที่ดินของวัดที่เป็นโรงเรียนวัด และที่ดินของวัดที่มีชุมชนอาศัยอยู่โดยรอบ โดยจะใช้ “วัดทรัพย์สโมสรนิกรเกษม” ในเขตหนองจอก และอีกหลายวัดในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลเป็นพื้นที่นำร่องในชุดแรกๆ และกำลังอยู่ในขั้นตอนประสานไปยังมัสยิตถ์ ฮินดู ศาสนาซิกข์ และโบสถ์ของศาสนาคริสต์ เพื่อที่จะดำเนินการและขยายผลต่อไป
สำหรับการดำเนินการโครงการเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองในพื้นที่โรงเรียน และวิทยาลัย (Green College ,Green School) มีแผนงานโครงการน้องเพาะพี่ปลูก โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือโรงเรียนและวิทยาลัยไม่น้อยกว่า 20 แห่ง ภายใต้แผน 4 ระยะ โดยภายในเดือนกันยายน 2565 ที่จะมีการจัด Expo แสดงผลการดำเนินงาน จะขอความอนุเคราะห์ในการสนับสนุนการดำเนินงานจากหน่วยงานภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องร่วมกัน เช่น กรมป่าไม้, กองทัพภาคที่ ๑-๔, หน่วยงานทางการศึกษา, มูลนิธิสถาบันราชพฤกษ์, มูลนิธิโลกสีเขียว, องค์กรก๊าซเรือนกระจก เป็นต้น เพื่อประชาสัมพันธ์และสร้างความตระหนักรู้ให้เกิดการขยายผลต่อเนื่อง

ทางด้านคณะทำงานโครงการระดับชุมชนและท้องถิ่น (Green Community) ได้มีการทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างคณะกรรมการบริหารโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองร่วมกับสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน เพื่อขับเคลื่อนองคาพยพร่วมกันทั่วประเทศ โดยคณะทำงานได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าใน 1 จังหวัด จะมี 1 โครงการต้นแบบ และความร่วมมือกับกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ในการประชาสัมพันธ์แนวคิดของคณะกรรมการชุดนี้ขยายไปทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งในปัจจุบันได้ดำเนินการโครงการแล้วในหลายพื้นที่ เช่น จังหวัดขอนแก่นได้เริ่มต้นโครงการปลูกผักสวนครัวบริเวณชุมชนริมทางรถไฟ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนอาหารในพื้นที่ เป็นต้น

สำหรับในพื้นที่อาคารชุด (Green Condo) ทางสมาคมอาคารชุดไทยซึ่งทางผู้บริหารระดับสูงของบริษัทด้าน Property Developer จำนวน 12 ท่าน ที่โครงการตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ได้กำหนดให้รณรงค์และเชิญชวนประชาชนและผู้พักอาศัยในคอนโดมิเนียมปลูกพืชในพื้นที่ส่วนบุคคล ตลอดจน Developer เจ้าของโครงการ และนิติบุคคลอาคารชุด ให้ความร่วมมือในการเลือกปลูกพันธุ์ไม้ที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมในระดับที่สูงขึ้นจากเดิมในพื้นที่ส่วนกลางของอาคารชุด โดยมีโครงการ The Forestias ของบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด บนพื้นที่กว่า 300 ไร่ และมีพื้นที่สีเขียวมากกว่า 50% เป็นโครงการต้นแบบให้แก่อาคารชุดในเครือข่าย

ด้านการขับเคลื่อนโครงการในพื้นที่การเคหะแห่งประเทศไทย ได้มีการมอบต้นฟ้าทะลายโจรแก่ชุมชนของของการเคหะฯ กว่า 21 ชุมชน ทั้งในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล เพื่อการเพิ่มพืนที่สีเขียว และเป็นแหล่งยารักษาโรคต่อสู้กับ COVID-19

พร้อมกันนั้นที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาโครงการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนระดับตำบล (Tambom Sustainable Agriculture Development Project: TAP) ซึ่งมีเป้าหมาย 7,255 ตำบล ทั่วประเทศ โดยจะเน้นส่งเสริมการทำเกษตรกรรมยั่งยืนทั้งในทุกตำบล และเชื่อมโยงกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้เกิดเกษตรกรรมยั่งยืนกินได้ อยู่ได้ และอยู่ดี ภายใต้แนวคิด “บริหารโดยชุมชน เป็นของชุมชน เพื่อชุมชน” ใน 21 แนวทางได้แก่ (1) 1 ตำบล 1 เกษตรทฤษฎีใหม่ (2) 1 ตำบล 1 ร้านค้าเกษตรตำบล
(3) 1 ตำบล 1 แปลงเกษตรอินทรีย์ (4) 1 ตำบล 1 product champion (5) 1 ตำบล 1 วนเกษตร (6) 1 ตำบล 1 กลุ่ม Young smart (7) 1 ตำบล 1 เกษตรธรรมชาติ (8) 1 ตำบล 1 แปลงสมุนไพร (9) 1 ตำบล 1 เกษตรผสมผสาน (10) 1 ตำบล 1 กลุ่มปศุสัตว์ (11) 1 ตำบล 1 เครือข่ายศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (12) 1 ตำบล 1 กลุ่มประมง (13) 1 ตำบล 1 องค์กรกองทุนฟื้นฟูเกษตรกร (14) 1 ตำบล 1 ท่องเที่ยวเกษตร (15) 1 ตำบล 1 โครงการชลประทานชุมชน (16) 1 ตำบล 1 เครือข่าย ศพก. (17) 1 ตำบล 1 ธนาคารต้นไม้ (ผลิตและจำหน่ายต้นกล้า) (18) 1 ตำบล 1 วิสาหกิจชุมชน (19) 1 ตำบล 1 กลุ่มเครื่องจักรกลเกษตร (20) 1 ตำบล 1 ตลาดออนไลน์ (21) 1 ตำบล 1 กลุ่มเกษตรพลังงาน ซึ่งที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาให้ความเห็นชอบในหลักการของโครงการ ก่อนนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาเพื่อการขับเคลื่อนต่อไป

ทั้งนี้ นายอลงกรณ์ ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องขับเคลื่อนด้านเกษตรกรรมยั่งยืนในโลกยุคใหม่หลัง COVID-19 เพื่อพัฒนาและเปลี่ยนแปลงภาคการเกษตรไทย ตาม 3. ยุทธศาสตร์”3’s”(Safety-Security-Sustainability-เกษตรปลอดภัย เกษตรมั่นคงและเกษตรยั่งยืน ของดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามยุทธศาสตร์ชาติเป็นเป้าหมายการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ของสหประชาชาติ เพื่อรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกต่อไป

กิจกรรมรำลึก 80 ปี สดุดีวีรชนสงครามมหาเอเชียบูรพา 8 ธันวาคม 2484

วันที่ 17 พฤศจิกายน 2564 กองทัพอากาศโดย พลอากาศโท ฐานัตถ์ จันทร์อำไพ รองเสนาธิการทหารอากาศ/รองประธานกรรมการอำนวยการจัดกิจกรรม “รำลึก 80 ปีสดุดีวีรชน สงครามมหาเอเชียบูรพา 8 ธันวาคม 2484” และ นาวาอากาศเอก พรประเสริฐ ผ่านภพ ผู้บังคับการกองบิน 5 ร่วมกับ คุณกิตติพงศ์สุขภาคกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ คุณศราวุธ ลิ้มอรุณรักษ์นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ คุณกัญญา มโนเสงี่ยม รองผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ ได้ร่วมกันแถลงข่าวฯ ณ ห้องดุสิตา อาคารอากาศคำรณ กองบิน 5 นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจาก คุณรัชดา พุ่มสุวรรณ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้สนับสนุนการจัด กิจกรรมฯ ร่วมในงานแถลงข่าวด้วย

เนื่องในปี พุทธศักราช 2564 เป็นโอกาสครบรอบ 80 ปี สดุดีวีรชนสงครามมหาเอเชียบูรพา 8 ธันวาคม 2484 ซึ่งกองทัพอากาศกำหนดจัดกิจกรรม “รำลึก 80 ปีสดุดีวีรชน สงครามมหาเอเชียบูรพา 8 ธันวาคม 2484” ขึ้น เพื่อน้อมรำลึก เทิดเกียรติ และสดุดีวีรชนผู้เสียสละทุกท่าน ได้แก่ ทหารอากาศจำนวน 38 คน ครอบครัวทหารอากาศจำนวน 2 คน ตำรวจจำนวน1 คน และลูกเสือจำนวน 1 คน รวม 42 คน ที่เสียชีวิตในสมรภูมิกองบินน้อยที่ 5 และนักบินจำนวน 3 คน ที่เสียชีวิตที่ฝูงบิน 43 วัฒนานคร รวมถึงทหารข้าราชการ ยุวชนทหารและประชาชน ในทุกๆพื้นที่ทั่วประเทศ ที่ได้ร่วมแรงร่วมใจเสียสละชีวิตรักษาเอกราชอธิปไตยของชาติ ในเหตุการณ์ครั้งนั้น เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทยในสมัยสงครามมหาเอเชียบูรพา และเพื่อเป็นการสืบสานอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย รวมถึงส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้พี่น้องชาวไทยและชาวต่างชาติ ได้ทราบถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาโดยการจัดกิจกรรมฯ

ในครั้งนี้เป็นการจัดที่สามารถดำเนินการได้ภายใต้มาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 อย่างเคร่งครัด ประกอบด้วย

  1. การประกอบพิธีสดุดีวีรชน 8 ธันวาคม 2484 ณ กองบิน 5 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และ ณ กองบิน 3 จังหวัดสระแก้ว ซึ่งจะจัดขึ้นในวันพุธที่ 8 ธันวาคม 2564
  2. การประกวดออกแบบตราสัญลักษณ์การจัดงาน และการประกวดโมเดลเครื่องบินสมัยสงครามมหาเอเชียบูรพาและการประกวดภาพถ่ายประวัติศาสตร์สงครามมหาเอเชียบูรพาซึ่งดำเนินการในห้วงเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม ที่ผ่านมา
  3. การชำระประวัติศาสตร์และจัดทำหนังสือที่ระลึกสงครามมหาเอเชียบูรพา
  4. การจัดทำสารคดีโทรทัศน์ชุด “รำลึก 80 ปี สงครามมหาเอเชียบูรพากองบินน้อยที่ 5” ซึ่งเผยแพร่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ ช่อง 5, NBT และ ไทยพีบีเอส 5. การจัดทำนิทรรศการสงครามมหาเอเชียบูรพาในรูปแบบ Virtual Exhibition
  5. การจัดทำมิวสิควิดีโอเพลง เพื่อสดุดีวีรชนฯจำนวน 1 เพลง โดยจะเผยแพร่พร้อมกันทั่วประเทศ ในวันพุธ ที่ 8 ธันวาคม 2564
  6. การจัดกิจกรรมรำลึก 80 ปีฯ ในรูปแบบออนไลน์ ร่วมกับกิจกรรมเยาวชนไทยเรียนรู้ประวัติศาสตร์ไทย ซึ่งเยาวชนกว่า 3,000 คน จะร่วมเรียนรู้ประวัติศาสตร์ และตอบคำถามชิงทุนการศึกษาพร้อมโล่เกียรติยศ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ทั้งนี้ สามารถติดตามและร่วมรับชมกิจกรรมได้ทาง เฟซบุ๊คแฟนเพจ ของกองทัพอากาศ ในวันพุธที่ 8 ธันวาคม 2564 ช่วงเวลา 09.30 – 11.30 น.
  7. การแข่งขัน “ไตรกีฬาทัพฟ้ารำลึก 80 ปีสงครามมหาเอเชียบูรพากองบินน้อยที่ 5” หรือ RTAF HERO TRIATH LON 2021 ณ กองบิน 5 ในวันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม 2564 โดยการแข่งขันดังกล่าวได้เชิญนักกีฬา ศิลปินดารา และประชาชน จำนวน 100 คน เข้าร่วมการแข่งขันเพื่อให้เป็นไปตามมาตรการควบคุมโรค โควิด -19 ซึ่งการแข่งขันครั้งนี้ได้รับความอนุเคราะห์ จากสถานีโทรทัศน์ ไทยพีบีเอส. ดำเนินการถ่ายทอดสดการแข่งขันด้วย ทั้งนี้ กองทัพอากาศได้จัดกิจกรรมในวันที่ 8 ธันวาคม ของทุกปี เพื่อน้อมรำลึกและสดุดีวีรชนสงครามมหาเอเชียบูรพา 8 ธันวาคม 2484 ทุกท่านที่เสียสละชีวิตเพื่อรักษาเอกราชอธิปไตยของชาติ และปกป้องผืนแผ่นดินไทย

“อลงกรณ์”ชี้ประกันรายได้ชาวนาเป็นธุระไม่ใช่ภาระของรัฐบาล

พร้อมเร่งปฏิรูปข้าวสร้างศักยภาพใหม่ย้ำเป็นนโยบายเรือธงของพรรคประชาธิปัตย์ 2ปี สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนกว่า1ล้านล้านบาท นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคในฐานะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าววันนี้ว่า โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวเป็น1ใน5พืชเศรษฐกิจหลักภายใต้นโยบายประกันรายได้เกษตรกรได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์มน้ำมันและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยืนยันว่าไม่ใช่ภาระแต่เป็นธุระของรัฐบาลในการบริหารนโยบาลให้สำเร็จตามที่แถลงต่อรัฐสภา ซึ่งเป็นโครงการที่เกษตรกรพึงพอใจมากที่สุดโครงการหนึ่งของรัฐบาลเพราะสามารถสร้างหลักประกันรายได้(Universal basic income)จากการประกอบอาชีพเกษตรกรรมในช่วงที่เกิดความผันผวนของราคาผลผลิตทางการเกษตรจากผลกระทบของการแพร่ระบาดโควิด19ที่ทำให้เศรษฐกิจวิกฤตไปทั่วโลก ถือเป็นนโยบายเรือธง(Flagship policy)ของพรรคประชาธิปัตย์และรัฐบาล

โครงการประกันรายได้ชาวนาเป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์แห่งอนาคตในช่วงเปลี่ยนผ่าน(Transition period)ของการปฏิรูปภาคเกษตรเพื่อสร้างศักยภาพใหม่ของประเทศภายใต้ยุทธศาสตร์ข้าว5ปี(2563-2567)ที่เริ่มมาแล้วตั้งแต่ปี2563 ขับเคลื่อนด้วย4ยุทธศาสตร์ตั้งแต่ต้นน้ำการผลิตมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพลดต้นทุนพัฒนาพันธ์ุสร้างมาตรฐานเชื่อมโยง”กลางน้ำ”การแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มและ”ปลายน้ำคือการตลาดแบบออนไลน์และออฟไลน์ทั้งตลาดในและต่างประเทศตามโมเดลเกษตรผลิตพาณิชย์ตลาดภายใต้ยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต นายอลงกรณ์กล่าวต่อไปว่า โครงการนี้ได้ช่วยพัฒนาฐานะและชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรและครอบครัวเกือบ30ล้านคนเป็นภาคเศรษฐกิจที่มีแรงงานและการจ้างงานมากที่สุดซึ่งเป็นฐานรากสำคัญที่สุดของประเทศ ทำให้สามารถรักษาการผลิตสินค้าเกษตรสร้างรายได้ในการส่งออกให้กับประเทศของเราจนเป็นอันดับต้นของสินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า1ล้านล้านบาทต่อปีในช่วง2ปีที่ผ่านมา หากมองในมุมของการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศและการนำรายได้เข้าประเทศในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมส่วนใหญ่และภาคบริการเช่นการท่องเที่ยวมีตัวเลขการส่งออกที่ลดลง
ประการสำคัญคือเงินประกันรายได้ที่เกษตรกรได้รับเกิดจากการทำงานแบบหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินจากหยาดเหงื่อแรงกาย ไม่ใช่การแจกจ่ายแบบให้เปล่า(Free rider)จำนวนหลายแสนล้านบาทเหมือนโครงการอื่นๆของรัฐ

นายอลงกรณ์กล่าวว่า ภาคเกษตรในรัฐบาลปัจจุบันภายใต้การนำของดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์กำลังนำภาคเกษตรกรรมเข้าสู่มิติใหม่โดยเฉพาะเกษตรอัจฉริยะแนวทางเกษตรแม่นยำ(Precision Agriculture)ที่ใช้บิ๊กดาต้า(Big Data)และดิจิตอลเทคโนโลยี(Digital Technology)รวมถึงการทำเกษตรแปลงใหญ่ซึ่งพัฒนาขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นกว่า5,000แปลงรวมพื้นที่กว่า6ล้านไร่ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนการผลิตลดลงและสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรรวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับภาคเกษตรและประเทศในระยะยาวอย่างยั่งยืนเน้นการบูรณาการความร่วมมือทำงานเชิงรุกกับทุกฝ่ายทั้งภาครัฐภาคเอกชนภาควิชาการและภาคเกษตรกรด้วยการสร้างกลไกเชิงโครงสร้างและระบบเพื่อขับเคลื่อนด้วยแนวทางใหม่ๆภายใต้5ยุทธศาสตร์ปฏิรูปภาคเกษตร 1.ยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต 2.ยุทธศาสตร์เทคโนโลยีเกษตร 4.0 เพื่อการบริหารราชการแผ่นดินการบริการประชาชนและการพัฒนาภาคเกษตรกรรมโดยการใช้เทคโนโลยีตลอดห่วงโซ่อุปทานและมูลค่า(Supply-Value Chain)ตั้งแต่การผลิต การแปรรูปจนถึงการตลาด 3.ยุทธศาสตร์3Sเกษตรปลอดภัย เกษตรมั่นคง เกษตรยั่งยืน(Safety-Security-Sustainability)4.ยุทธศาสตร์บูรณาการเชิงรุก 5.ยุทธศาสตร์เกษตรกรรมยั่งยืน(Sustainable Agriculture)ภายใต้แนวทางศาสตร์พระราชา“ในขณะที่เราประกันรายได้ชาวนา อีกด้านหนึ่ง เราก็เร่งปฏิรูปข้าวครบวงจรทั้งระบบ วันนี้นิคมอุตสาหกรรมอาหารที่เป็นอุตสาหกรรมแปรรูปข้าวใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในอาเซียนของเรากำลังสร้างในเขตผลิตข้าวลุ่มเจ้าพระยา เราตั้งศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม(ศูนย์AIC)77จังหวัดคิกออฟพร้อมกันทั่วประเทศมาตั้งแต่1มิถุนายน2563 ทำหน้าที่วิจัยและพัฒนาสร้างนวัตกรรมใหม่ร่วมกับกระทรวงเกษตรฯรวมทั้งการพัฒนา12พันธุ์ข้าวตอบโจทต์ตลาดทั้งในและต่างประเทศ เราจะย่ำเท้าอยู่กับที่ปล่อยให้ปัญหาจมปลักอยู่ที่เดิม ชาวนาต้องติดหล่มความยากจนและหนั้สินเหมือนในอดีตอีกต่อไปไม่ได้ “ นายอลงกรณ์กล่าวในที่สุด

ผู้บัญชาการทหารเรือ นำกำลังพลกองทัพเรือร่วมบริจาคโลหิต เนื่องในวันกองทัพเรือ ประจำปี 2564

วันนี้ 17 พฤศจิกายน 2564 เวลา 09.30 น. พลเรือเอก สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ นำคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ ตลอดจนกำลังพลของกองทัพเรือร่วมบริจาคโลหิต เนื่องในวันกองทัพเรือ ประจำปี 2564 ณ ห้องอรุณอมรินทร์ หอประชุมหองทัพเรือ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ

เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2449 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดโรงเรียนนายเรือพระราชวังเดิมอย่างเป็นทางการ กองทัพเรือจึงได้ถือเอาวันที่ 20 พฤศจิกายนของทุกปีเป็นวันกองทัพเรือตราบจนปัจจุบัน ในโอกาสวันกองทัพเรือ ประจำปี 2564

กองทัพเรือ ได้จัดกิจกรรมบริจาคโลหิต และกิจกรรมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ พร้อมกันทุกพื้นที่ ประกอบกับจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ( COVID – 19 ) ทำให้ประชาชนไม่มีความสะดวกในการเดินทางไปโรงพยาบาลเพื่อบริจาคโลหิต ส่งผลให้ปริมาณโลหิตสำรองของโรงพยาบาลต่างๆมีจำนวนลดลง เพื่อเป็นการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีต่อกองทัพเรือ เป็นอเนกอนันต์ และเพื่อบรรเทาปัญหาขาคแคลนโลหิตสำรองของโรงพยาบาลต่างๆ

ซึ่งผู้ที่ร่วมบริจาคโลหิต ในวันนี้ ประกอบด้วยกำลังพลจากหน่วยต่างๆ ของกองทัพเรือ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครเเละปริมณฑล นอกจากนี้ในส่วนของหน่วยงานในกองทพเรือพื้นที่ต่างๆก็ได้จัดกิจกรรมบริจาคโลหิตและกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ ทำความสะอาด ปรับภูมิทัศน์บริเวณวัดและโรงเรียนต่างๆ เนื่องในวันกองทัพเรือ อาทิ ในพื้นที่สัตหีบ ได้แก่ กองเรือยุทธการ ทัพเรือภาคที่ 1 หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ฐานทัพเรือสัตหีบ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง พื้นที่ทัพเรือภาคที่ 2 และฐานทัพเรือสงขลา จังหวัดสงขลา พื้นที่ทัพเรือภาคที่ 3 จังหวัดภูเก็ต และฐานทัพเรือพังงา พื้นที่หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงเขตต่างๆ และพื้นที่ปริมณฑล โรงเรียนนายเรือ กรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ และกรมยุทธศึกษาทหารเรือ เป็นต้น

“ไร่สลิลทิพย์” ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” พลิกวิกฤติเป็นโอกาส!! สร้างความมั่นคงทางด้านอาหาร ยุคโควิด-19

จากสภาวะการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้หลายๆ ประเทศทั่วโลกต่างได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า ไม่เว้นแต่ประเทศมหาอำนาจยังใหญ่ยังสั่นคอน ประเทศไทยเป็นหนึ่งประเทศที่กำลังเผชิญกับการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบไปในหลายๆ ด้าน รัฐบาลต้องแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนทั้งเรื่องวัคซีนและเรื่องปากท้องของประชาชน โดยกรมการพัฒนาชุมชุนได้ผุด โครงการ “โคก หนอง นา โมเดล” จึงนับว่าเป็นอีกหนึ่งทางรอดที่พลิกวิกฤติเป็นโอกาส !! …สร้างความมั่นคงทางด้านอาหาร ยุคโควิด-19 ในปัจจุบัน
“หนุ่ย” ประมวน กองน้อย อดีตนักสื่อสารมวลชนที่ได้ปรับเปลี่ยนหันเหชีวิตกลับสู่วิถีเกษตรกรรมแบบดังเดิม ทำนาปลูกข้าว ปลูกพืชผักสวนครัวตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง หวังสร้างความมั่นคงทางด้านอาหารให้กับครอบครัว ชุมชน จึงได้สมัครเข้าร่วมโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” ในพื้นอำเภอแกดำ จังหวัดมหาสารคาม จำนวน 1 ไร่ โดยใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์ได้มากที่สุด ‘ปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูก ภายใต้ชื่อ ‘ไร่สลิลทิพย์’
คุณหนุ่ย’ ประมวน กองน้อย เจ้าของไร่สลิลทิพย์ กล่าวว่า ‘อดีตเคยเป็นนักสื่อสารมวลชนมาก่อน ทำงานในสายข่าวกับหลายองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน เก็บสะสมความรู้ประสบการณ์มาบ้าง… เมื่อวงการสื่อสารมวลชนเข้าสู่ยุคดิจิตอล จึงได้ผันตัวเองออกมาหันหลังให้วงการสื่อมวลชนกลับสู่บ้านเกิดที่อำเภอแกดำ จังหวัดมหาสารคาม มาทำธุรกิจร้านสะดวกซื้อในนาม ‘ร้านป๋าหนุ่ย’ จำหน่ายสินค้าเบ็ดเตล็ดในชุม

หลังจากนั้นได้เข้าไปร่วมเป็นหนึ่งใน ‘นักพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ การพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ ‘โคก หนอง นา โมเดล’ หรือ (นพต.) มีโอกาสได้เข้าร่วมอบรมการเป็นนักพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ ที่สำงานพัฒนาจังหวัดมหาสารคามได้จัดขึ้น ณโครงการฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดำริฯ บ้านกำพี้ อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม นำความรู้มาต่อยอดเป็นครูพาทำช่วยเหลือกิจกรรมเรื่องขององค์ความรู้ให้กับครัวเรือนในด้านต่างๆให้สามารถบริหารจัดการพื้นที่แปลงและพึ่งต้นเองได้อย่างยั่งยืนในยุคโควิด-19”
‘ไร่สลิลทิพย์’ ได้รับโอกาสในการเข้าร่วมโครงการ ‘โคก หนอง นา โมเดล’ แบ่งพื้นที่ที่เคยทำนามาก่อน 8 ไร่ ได้ผลผลิตไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย เข้าร่วมโครงการฯ 1 ไร่ได้ทำการขุดตามแบบมาตรฐานของกรมการพัฒนาชุมชน ซึ่งพื้นที่จะต้องมีในส่วนของหนอง นา และคลองไส้ไก่ โดยได้บริหารจัดการดังนี้ คือ 1.โคก ได้ทำการปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ปลูกไม้มรดกให้ลูกหลานได้ใช้ในอนาคต เช่น ยางนา สัก 2.หนอง ได้ทำการเลี้ยงปลานิล ปลาตะเพียน กุ้ง หอยขม และกระจับ 3.นา ได้ทำการปลูกข้าวเหนียว กข6
นอกจากนี้บริเวณรอบพื้นที่ยังได้ทำการปลูกพันธุ์ไม้ต่าง ๆ เช่น มะม่วง ลำไย มะไฟ ขนุน มะนาว ดอกกระเจียวขาว ดอกกระเจียวหวาน ฝรั่ง ผักหวาน และกล้วยสายพันธุ์ต่างๆ รวมทั้งยังมี “คันนาทองคำ” ครัวเรือนต้นแบบสามารถใช้เป็นพื้นที่ในการปลูกพืชผักสวนครัว เช่น หอม ขิง ข่า ตะไคร้ มะกรูด มะเขือ แตงกกว่า บวบ และถั่วฝักยาว เป็นต้น โดยใช้องค์ความรู้ต่างๆ ทั้งการทำน้ำหมัก การห่มดิน การทำแซนวิชปลา การทำปุ๋ยหมักแห้ง การทำหลุมพอเพียง การเลี้ยงแหนแดง เข้ามาช่วยในการลดต้นและรักษาความชุ่มชื้นให้กับพื้นที่แปลงครัวเรือนต้นแบบได้เป็นอย่างดี

‘ปัจจุบันไร่สลิลทิพย์ถือว่าเป็นแหล่งอาหารที่สามารถเลี้ยงชุมชนได้เป็นอย่างดีในยุค โควิด-19 พลิกวิกฤติเป็นโอกาส !!…ในการสร้างความมั่นคงทางด้านอาหารและ ครัวเรือนมีรายได้จากการขายสินค้าเป็นกอบเป็นกำ ถึงแม้จะเพียงแค่หลักร้อย แต่สามารถมีรายได้อย่างต่อเนื่องในทุกๆ วัน โดยจะเน้นปลูกพืชผักที่ชุมชนต้องการ และปลูกพืชผักที่’ คุณหนุ่ย กล่าวทิ้งท้าย
นางปิยะพร สุทธิทาที พัฒนาการอำเภอแกดำ จังหวัดมหาสารคาม กล่าวเพิ่มเติมว่า อำเภอแกดำได้รับจัดสรรงบประมาณตามโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา พัฒนาชุมชน” (งบเงินกู้) จำนวน 17 แปลง งบประมาณตามโครงการพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง กิจกรรม การพัฒนาศูนย์เรียนรู้ทฤษฎีใหม่รูปแบบ “โคก หนอง นา พัฒนาชุมชน” จำนวน 13 แปลง รวมทั้งหมด 30 แปลง โดยเริ่มดำเนินการขุดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-เดือนกันยายน 2564 ครัวเรือนได้มีการปรับปรุงพื้นที่ให้พร้อมปลูกพืชผักสวนครัว เลี้ยงปลา เพื่อการพึ่งพาตัวเอง ช่วยเหลือแบ่งปันในชุมชน เมื่อผลผลิตมีมากเพียงพอก็จะจำหน่ายสร้างรายได้ให้กับครัวเรือน
‘การขุดปรับพื้นที่ตามโครงการ โคก หนอง นา พัฒนาชุมชน เป็นการแก้ไขปัญหาในเรื่องความเป็นอยู่ รวมทั้งช่วยเหลือครัวเรือนพออยู่ พอกิน พอใช้ พอร่มเย็น รวมทั้งเป็นการขับเคลื่อน สืบสาน และต่อยอดพระราชปณิธานพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และถวายแด่ในหลวงรัชกาลที่ 10’

“โคก หนอง นา พัฒนาชุมชน อำเภอแกดำ” มุ่งมั่น พัฒนา เพื่อเปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่อให้รอดจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 พึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน เป็นต้นแบบการขับเคลื่อนกิจกรรม โคก หนอง นา ช่วยเหลือเกื้อกูล เป็นที่พึ่ง สร้างความมั่นคงทางอาหารให้คนในพื้นที่ สนใจเข้าเยี่ยมชมไร่สลิลทิพย์…ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา พัฒนาชุมชน ติดต่อได้ที่ 85 หมู่ 3 บ้านเสือกินวัว ตำบลมิตรภาพ อำเภอแกดำ จังหวัดมหาสารคาม 44190 โทร.08-6218-2199 หรือสนใจเข้าร่วมโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา พัฒนาชุมชน” ติดต่อได้ที่สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอ สำนักงานพัฒนาการจังหวัดทั่วประเทศ !!

“ดร.ซก” ที่ปรึกษาส่วนตัวสมเด็จฮุนเซน ยืนยันข่าวกัมพูชายกเลิกล็อกดาวน์จริง

เผยยอดติดเชื้อลดลงวันไม่ถึง 100 พร้อมแล้วเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ ฉีดวัคซีน 2 เข็ม ทำ PCR Test เข้าได้!

หลังจากสำนักข่าวรอยเตอร์ ราย รายงานข่าวว่า ประเทศกัมพูชามีคำสั่งยกเลิกล็อกดาวน์พร้อมเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าประเทศได้ โดยนายกรัฐมนตรีสมเด็จฮุนเซนได้ประกาศข้อความเสียงผ่านโซเซียลมีเดียไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน ที่ผ่านมานั้น

ทั้งนี้ เพื่อความชัดเจน นักข่าวได้สอบถามไปยัง (ดร.แซม) ดร.ซก ซกกรัดทะยา ที่ปรึกษาส่วนตัวสมเด็จฮุนเซนนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งกำลังทำหน้าที่เชื่อมความสัมพันธ์ ไทย-กัมพูชา อยู่ ณ เวลานี้ โดยไดัรับการยืนยันจากท่านที่ปรึกษาส่วนตัวสมเด็จฮุนเซนว่าข่าวดังกล่าวเป็นความจริงทุกประการ โดยท่านยังได้ยืนยันถึงมาตรการด้านการควบคุมการแพร่ระบาดไของเชื้อไวรัสโคโรน่าที่เข้มข้นของรัฐบาล พร้อมได้เชิญชวนประชาชนชาวไทยให้เดินทางไปท้องเที่ยวประเทศกัมพูชาด้วย

เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2564 (ดร.แซม) ดร. ซก ซกกรัดทะยา เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า สำหรับข่าวยกเลิกล็อกดาวน์เปิดให้นักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนแล้วเข้าประเทศกัมพูชาได้แล้วนั้น ผมขอยืนยันคือข่าวจริงทุกประการ โอกาสนี้ จึงอยากเชิญชวนชาวไทยทุกคนให้เดินทางไปท่องเที่ยวประเทศกัมพูชาได้ตามปกติ ขอยืนยันความปลอดภัย โดยเฉพาะมาตรการคุมเข้มเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ โควิด-19 ตอนนี้กัมพูชาได้ฉีดวัคซีนให้กับประชาชนไปแล้ว 85% หรือกว่า 14 ล้านคน จึงอยากให้คนไทยและชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทยได้มีความมั่นใจในการเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวในกัมพูชา

ดร.ซก กล่าวอีกว่า สำหรับประเทศกัมพูชา ณ เวลานี้  เราขอยืนยันความพร้อมที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวและกัมพูชาไม่ได้มีเพียงเมืองมรดกโลกอย่างเมืองเสียมเรียบที่มีนครวัดนครธมเท่านั้น เรายังมีเมืองสีหนุวิลล์เมืองตากอากาศ และพนมเปญ ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่อยากให้ทุกคนไปเยือน และการเดินทางจากประเทศไทยนั้นสะดวกสามารถเดินทางได้ทั้งทางรถยนต์ ทางเรือ หรือทางเครื่องบิน จึงอยากขอเชิญชวนคนไทยและชาวต่างชาติมาเที่ยวกัมพูชาได้แล้ว   ดร.ซก ที่ปรึกษาส่วนตัวสมเด็จฮุนเซน กล่าว

อนึ่ง สำหรับมาตรการเปิดประเทศกัมพูชาของนายกฮุนเซนมีดังนี้

1.ผู้ที่ฉีดวัคซีน 2 เข็มขึ้นไปจะต้องมีผลตรวจ PCR Test ก่อนบิน 72 ชั่วโมง พอไปถึงแค่ทำ ATK Test สามารถเข้าประเทศกัมพูชาได้เลย

2.ผู้ยังไม่ฉีดวัคซีจะต้องทำ PCR Test แล้วต้องกักตัว 14 วันเหมือนเดิม

วช. แถลงจัดงาน ‘ มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2564’วิจัยและพัฒนาประเทศสู่ความมั่งคั่ง และยั่งยืน

 วันนี้ (16 พฤศจิกายน 2564) สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับหน่วยงานเครือข่ายระบบวิจัยทั่วประเทศ แถลงข่าวจัดงาน “มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2564 (Thailand Research Expo 2021)” ครั้งที่ 16 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 - 26 พฤศจิกายน 2564 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์   

ภายใต้คอนเซ็ปต์หลัก “วิจัยเพื่อพัฒนาประเทศสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน” เพื่อเป็นเวทีสำคัญในการสร้างเครือข่ายการวิจัยของไทยที่มีศักยภาพ ไปสู่กลุ่มผู้ใช้ประโยชน์ทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ กระจายโอกาสในการเข้าถึงฐานข้อมูลความรู้การวิจัยและนวัตกรรม พร้อมเปิดตัวทูตวิจัย “เพื่อน คณิณ” ตัวแทนพลังคนรุ่นใหม่ ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า สำหรับการจัดงานมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ มีวัตถุประสงค์ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ผู้ทรงเป็น “พระบิดาแห่งการวิจัยไทย” และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 และพระบรมวงศานุวงศ์ ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ ต่องานวิจัยไทย

โดยสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินมาเป็นประธานในพิธีเปิดงาน“มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2564 (Thailand Research Expo 2021)” ซึ่งเป็นเวทีระดับชาติ ที่นำเสนอผลงานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่มีคุณภาพ เพื่อเชื่อมโยงบูรณาการองค์ความรู้ไปสู่การใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศ ทั้งในมิติเชิงวิชาการ นโยบาย สังคม/ชุมชน และพาณิชย์/อุตสาหกรรม ภายใต้ความร่วมมืออันดีระหว่างหน่วยงานเครือข่ายในระบบวิจัยทั่วประเทศ ภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) โดยปีนี้ จัดขึ้นเป็นปีที่ 16 โดยปีนี้มีหน่วยงานเข้าร่วมมากกว่า 100 หน่วยงาน ผลงานไม่ต่ำกว่า 500 ผลงาน โดยจะดึงไฮไลท์ผลงานที่โดดเด่นมาพูดคุย และแลกเปลี่ยนกัน ให้เกิดแผนงานและโครงการใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้น สามารถหยิบยกผลงานที่น่าสนใจไปใช้ประโยชน์ต่อได้ในทุกภาคส่วน

มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ หรือ Thailand Research Expo ประกอบด้วย นิทรรศการ อาทิ “นิทรรศการรางวัลแห่งเกียรติยศ Platinum Award” และ “นิทรรศการชุมชนเข้มแข็งในระบบวิจัยและนวัตกรรม” การประชุม/สัมมนาในหัวข้อสำคัญของประเทศ กิจกรรม Highlight Stage นำเสนอผลงานวิจัยและสิ่งประดิษฐ์ที่มีความพร้อมใช้ประโยชน์ ทั้งในระดับชุมชน องค์กร และพาณิชย์ กิจกรรม Thailand Research Symposium 2021 เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนนักวิจัยในสาขาวิชาการต่าง ๆ ให้ได้มีโอกาสนำเสนอผลงานวิจัยที่มีคุณภาพต่อผู้สนใจและผู้ใช้ประโยชน์ พร้อมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้ในศาสตร์สาขาวิชาการในประเด็นสำคัญอื่น ๆ กิจกรรมประกวดผลงานนวัตกรรมสายอุดมศึกษา 2564 การมอบรางวัล Thailand Research Expo 2021 Award และ กิจกรรม Research Clinic

ให้คำปรึกษาเรื่องการวิจัย โดยสำหรับ MASCOT ในปีนี้ ได้แก่ “น้องวิจัย” พร้อมเปิดตัว “ทูตวิจัย” ประจำปี 2564 “เพื่อน คณิน ชอบประดิถ” เพื่อเป็นตัวแทนพลังคนรุ่นใหม่ที่มีความช่างสังเกต เรียบง่าย และสามารถเข้าถึงงานวิจัยใกล้ตัวได้ นอกจากนี้ มีการจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากร้านค้าภาครัฐ เอกชนและโครงการในพระราชดำริ โดยนำเสนอผลงานใน 7 ประเด็น ได้แก่ งานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อพัฒนากำลังคนและสถาบันความรู้ งานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ท้าทายของสังคมและสิ่งแวดล้อม งานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน งานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อพัฒนาเชิงพื้นที่และลดความเหลื่อมล้ำ งานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์โรคอุบัติใหม่ งานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อน BCG Economy Model และงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

ทั้งนี้ผู้สนใจ สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ทั้งรูปแบบ Online และ Onsite ผ่านทางเว็บไซต์ www.researchexpo.nrct.go.th โดยรูปแบบ Onsite วช.ขอจำกัดเฉพาะผู้ลงทะเบียนล่วงหน้า ที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างน้อย 2 เข็ม และผ่านกระบวนการคัดกรองตามตามข้อกำหนดของ

กระทรวงสาธารณสุข สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2579-1370 ต่อ 515,517,518,519 และ 524

“เอนก” ลงพื้นที่ภูเก็ต ชู “โครงการทะเลไทยไร้ขยะ” นำงานวิจัยสู่การปฏิบัติ

ดึงเอกชน-คนพื้นที่มีส่วนร่วม ปลื้ม U2T สร้างงานสร้างรายได้ ทำให้ชาวบ้านพอใจ สั่ง อว. เร่งนำงานวิจัยยกระดับผลิตภัณฑ์เพิ่มช่องทางทำเงิน

วันนี้ (15 พ.ย. 64) ที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ จังหวัดภูเก็ต ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อมด้วย ศ.นพ.ดร.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัด อว. และคณะ เดินทางมาตรวจเยี่ยม “โครงการทะเลไทยไร้ขยะ” ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ภายใต้การสนับสนุนทุนวิจัยจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และโครงการมหาวิทยาลัยสู่ตำบล สร้างรากแก้วให้ประเทศ หรือ U2T ของมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ที่ดำเนินกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์

จากนั้นได้เข้าเยี่ยมชมสถานประกอบการที่ประสบผลสำเร็จในการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมพัฒนาประสิทธิภาพกระบวนการผลิต และเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ : แปรรูปเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ผลิตภัณฑ์สารสกัดโปรตีน และผลิตภัณฑ์สารสกัดคอลลาเจนจากอุตสาหกรรมการเลี้ยงหอยมุก และผลิตภัณฑ์กะเพราแปรรูป ภายใต้แผนงาน “ครัวไทยสู่ตลาดโลก” โดยการสนับสนุนทุนจาก วช. และสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ที่บริษัท เมธีภูเก็ต จำกัด ,อินทรฟาร์ม และ ร้าน Blue Elephant Phuket

ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก กล่าวว่า ตนมาเยี่ยมชมอุทยานสิรินาถในวันนี้ เพื่อติดตามความก้าวหน้าโครงการทะเลไทยไร้ขยะของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ภายใต้การสนับสนุนทุนวิจัยจาก วช. ซึ่งเป็นการเก็บขยะพลาสติกในทะเลและรอบทะเล โดยใช้โดรนสำรวจขยะทะเลและชายหาด เรือเก็บขยะทะเลแบบไร้คนขับ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ทดแทนการใช้พลาสติก โดยปัจจุบันงานวิจัยได้ดำเนินมาถึงขั้นมีความร่วมมือกับภาคเอกชน รวมถึงท้องถิ่นใน 12 ชุมชนแล้ว และกำลังจะขยายไปสู่พื้นที่อื่นๆ ถือเป็นการนำงานวิจัยลงสู่การปฏิบัติได้จริง เพื่อให้คนพื้นที่มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ท้องทะเลไทยและอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน

รมว.อว.กล่าวต่อว่า ในส่วนของโครงการ U2T ตนขอชื่นชมมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ตที่นำเอางานวิจัยและเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาช่วยชาวบ้าน เอาบัณฑิต นักศึกษา และมหาวิทยาลัยไปทำงานกับชุมชนอย่างเป็นระบบ ทำให้ชาวบ้านพึงพอใจมาก เพราะช่วยสร้างงานสร้างรายได้ และยังเรียกร้องให้มีโครงการนี้ต่อในปีต่อไป ซึ่งตนมองว่าชาวบ้านนี่แหละคือตัวบ่งชี้และพิสูจน์ได้ว่าโครงการนี้สามารถทำประโยชน์ให้กับคนในพื้นที่ได้มากน้อยเพียงใด พร้อมกันนี้ ตนได้สั่งการให้นำงานวิจัยของ อว. มาช่วยเกษตรกรยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น งานวิจัยของ วว. ทำสารสกัดมูลค่าสูงจากพืชผลการเกษตร ช่วยให้เกษตรกรมีรายได้สูงขึ้น และมีความมั่นคงทางรายได้มากกว่าการพึ่งพาการแปรรูปผลิตผลทางการเกษตรแบบทั่วไปและการท่องเที่ยวเท่านั้น

ด้าน ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง กล่าวว่า วช. ได้รับมอบหมายให้บริหารจัดการทุนวิจัยและนวัตกรรม ประเด็นด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยใช้ความรู้ การวิจัยและนวัตกรรมเพื่อจัดการกับปัญหาท้าทายเร่งด่วนสำคัญของประเทศ ให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดย “แผนงานวิจัยท้าทายไทย ทะเลไทยไร้ขยะ” “การเพิ่มมูลค่าและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากผลพลอยได้และของเหลือใช้จากอุตสาหกรรมการเลี้ยงหอยมุกสู่การต่อยอดเชิงพาณิชย์ในอุตสาหกรรมเพื่อสุขภาพและความงาม” และ “แผนงานวิจัยครัวไทยสู่ตลาดโลก” พบว่า ได้ถ่ายทอดสู่การนำไปใช้ประโยชน์และต่อยอดเชิงพาณิชย์แล้ว ซึ่งกิจกรรมในวันนี้ จะช่วยให้เกิดการบูรณาการความร่วมมือในการขยายผลผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการเลี้ยงหอยมุกในพื้นที่ รวมทั้งลดปริมาณของเหลือทิ้งทางการเกษตร คือ เปลือกหอยมุก ช่วยสร้างโอกาสการในการต่อยอดงานวิจัยด้านผลิตภัณฑ์แปรรูปจากพืชผักสมุนไพรที่ใช้ในอาหารไทยชนิดอื่น ๆ อีกทั้งประชาชนทั่วไป ยังเกิดการรับรู้ และตระหนักถึงปัญหาขยะพลาสติกในทะเล

เลเจนด์ สยาม พัทยา เตรียมพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว ประเดิมความสุขด้วย ”เทศกาลลอยกระทง”

ค่าเข้าฟรี..เที่ยงวัน ยัน เที่ยงคืน ทั้งสุข สวย ระทึกขวัญ ลัลลา มาครบจบที่เดียว 19 พ.ย.นี้

Legend Siam Pattaya กลับมาอีกครั้งเพื่อฉลองการเปิดประเทศ เอาใจคนอยากเที่ยว
ต้องได้เที่ยว ประเดิมด้วยงานลอยกระทง เที่ยงวันยันเที่ยงคืน ในคืนพระจันทร์เต็มดวงที่ 19 พฤศจิกายนนี้
ฌ โค้งน้ำที่สวยที่สุดในพัทยา
​เลเจนด์ สยาม พัทยา เตรียมกลับมาสร้างตำนานความยิ่งใหญ่ให้กับเมืองพัทยาและประเทศไทยอีกครั้ง โดยทุ่มเงินล้านสวนกระแสโควิดที่ทำให้เศรษฐกิจสะดุดกันทั้งประเทศ เนรมิตเรือนไทยกลางน้ำให้เป็นจุดถ่ายรูป

เอาใจคนที่ชอบ เช็ค แชะ แชร์กันสุดฤทธิ์ โดยจับมือกับนักจัดดอกไม้ชื่อดังระดับประเทศ จัดเทศกาล “รักดอก The Portrait” ที่รังสรรค์ดอกไม้ไทย ตกแต่งเรือนไทยและมุมต่างๆ เนรมิตทั่วบริเวณกว่า 100 มุมที่สวยแปลกตา ให้คุณสามารถถ่ายรูป โพสต์ภาพลงโซเชียลชนิดสวยไม่ซ้ำใคร
​นอกจากนี้ภายในงานยังจัดเต็มไปกับขบวน Food Truck ที่ยกขบวนขนสินค้าและอาหารมาขายตลอด 2 ข้างทาง สร้างสรรค์บรรยากาศให้เป็นลานงานวัด ที่สนุกสนานเต็มไปด้วยแสงสีเสียงในบรรยากาศแบบไทยๆ ทั้งชิงช้าสวรรค์ ม้าหมุน และไวกิ้ง และสุดพิเศษที่พลาดไม่ได้ กับความระทึกสุดขั้วหัวใจ กับ”บ้านแม่นาค” บ้านผีสิงที่หลอนและเฮี้ยนติดอันดับ Top 5 ของเอเชีย ให้คุณได้พิสูจน์กับความใจถึง ใจเด็ด ในบ้านผีสิงนี้


​ใครที่อัดอั้น ไม่ได้เที่ยวมานาน ขอเชิญมาเที่ยวงานนี้กัน พัทยาเปิดเมืองแล้ว ไม่ไกลจากกรุงเทพ
และจังหวัดใกล้เคียง ตอนนี้ชายหาดสวยงาม ร้านค้าและโรงแรมกลับมาคึกคักอีกครั้ง อยากให้คนไทย
พาครอบครัว ชวนเพื่อนๆ ทั้งคนไทยและต่างชาติมาเที่ยวซึมซับบรรยากาศของวัฒนธรรมและประเพณีไทยๆ บ้านเกิดเมืองนอนของเราอีกครั้ง
​ ไม่ว่า วันไหนๆ วันนี้ – พรุ่งนี้ โดยเฉพาะในวันลอยกระทงปีนี้ วันที่ 19 พฤศจิกายน มาพัทยา อย่าลืมแวะมาที่ Legend Siam เลเจนด์ สยาม พัทยา กันให้ได้ ความสนุก ความสุข ที่เริ่มตั้งแต่เที่ยงวัน ยัน เที่ยงคืน กำลังรอพวกคุณอยู่ สุดพิเศษ ค่าเข้าฟรี….สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่โทร. 033 073 333

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ
คุณอุมา จงสิริวิทยา โทร 081-8995395
คุณสุรีรัตน์ ปานพรม โทร.085-0589777

กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี จัดพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ประจำปี ๒๕๖๔

กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี นำโดย คุณอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เป็นประธานในพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ประจำปี ๒๕๖๔ ณ วัดพระธาตุช่อแฮ พระอารามหลวง จ.แพร่ เป็นวัดลำดับแรก จาก วัด ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ

โดยมีคุณวรญาน บุญณราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ร่วมเป็นเกียรติให้การต้อนรับ โอกาสนี้มีคณะผู้บริหาร พนักงานกลุ่มบริษัทบีเจซี บิ๊กซี ข้าราชการชั้นสูง และประชาชนในชุมชนใกล้เคียงต่างพร้อมใจเข้าร่วมในพิธีดังกล่าวด้วยความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา เพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาและพระอารามหลวง รวมถึงเป็นการสืบทอดขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของไทย