วช. จัดประชุม รับฟัง “แผนการพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศกลางด้าน ววน. ของประเทศ ปี 2566 – 2570”

วันที่ 23 ธันวาคม 2564 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดประชุมรับฟังความคิดเห็น (ร่าง) แผนการพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศกลางด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ พ.ศ. 2566 – 2570 ผ่านระบบ ZOOM

โดยมี ศาสตราจารย์กิตติคุณ นายแพทย์สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ ประธานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กสว.) เป็นประธานการประชุม

ศาสตราจารย์กิตติคุณ นายแพทย์สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ ประธาน กสว. กล่าวว่า คณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กสว.) มีมติเห็นชอบให้มีการพัฒนาระบบบริหารจัดการด้านวิจัยและนวัตกรรม หรือ NRIIS เป็นระบบสารสนเทศกลางด้านวิจัยและนวัตกรรมของประเทศเพื่อการบริหารจัดการข้อมูลและฐานข้อมูลด้านวิจัยและนวัตกรรม และให้หน่วยรับงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ทั้งหมด บริหารจัดการโครงการผ่านระบบบริหารจัดการข้อมูลกลางนี้ หรือหากจะใช้ระบบสารสนเทศอื่นต้องสามารถเชื่อมโยงข้อมูลกับระบบข้อมูลกลางได้ระบบนี้จะครอบคลุมตั้งแต่นโยบายการขอรับงบประมาณ การจัดสรรงบประมาณและการติดตามผลของงบประมาณด้าน ววน. ของประเทศ โดยให้สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เป็นผู้ดูแล ที่ผ่านมา กสว. ได้มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศกลางด้าน ววน. มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีความก้าวหน้าอย่างมาก และเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายและให้เป็นไปตามที่ กสว. กำหนดไว้ จึงจำเป็นต้องมีการจัดทำแผนพัฒนาระบบสารสนเทศกลางด้าน ววน. ซึ่งความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะที่เข้ามานั้น มีความสำคัญอย่างมากต่อการพัฒนาระบบให้ดีขึ้นต่อไปในอนาคต

ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า วช. ภายใต้ กระทรวง อว. มีการดำเนินงานพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศกลางด้าน ววน. มาอย่างต่อเนื่อง และจัดให้มีระบบข้อมูลสารสนเทศกลางเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลการวิจัยและนวัตกรรมระดับนานาชาติกับระบบสารสนเทศของหน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรม ด้วยความร่วมมือของหน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรม ในการพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ หรือ ระบบ NRIIS ซึ่งเป็นระบบสารสนเทศกลางด้านวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ เพื่อใช้ในการบริหารจัดการงานวิจัย และเป็นฐานข้อมูลกลางด้านวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ เพื่อให้การดำเนินงานพัฒนาระบบข้อมูลด้าน ววน. มีแนวทางที่ชัดเจน ครอบคลุมและสอดคล้องกับแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รวมทั้งใช้เป็นแนวทางให้หน่วยงานในระบบวิจัย และนวัตกรรม นำไปใช้ในการปฏิบัติ ในการเชื่อมโยงข้อมูลด้าน ววน. เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และมีระบบข้อมูลสารสนเทศกลางด้าน ววน. ที่สมบูรณ์และครบถ้วน ดังนั้น วช. จึงจัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปเป็นข้อมูลและประเด็นสำคัญในการจัดทำแผนการพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศกลางด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ พ.ศ. 2566 – 2570 และพัฒนายกระดับระบบข้อมูลสารสนเทศกลางด้าน ววน. ของประเทศ เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงของระบบการบริหารจัดการข้อมูลและฐานข้อมูลด้าน ววน. ได้อย่างสมบูรณ์ ผู้มีส่วนร่วมทุกภาคส่วนสามารถใช้ประโยชน์จากระบบดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์ต่อไป

สำหรับระบบข้อมูลสารสนเทศวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (National Research and Innovation Information System : NRIIS) เกิดจากความร่วมมือ 3 ฝ่าย ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) และสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ซึ่งระบบ NRIIS มีระบบงานหลัก ประกอบด้วย ระบบสำหรับหน่วยงานกำหนดนโยบาย ระบบบริหารจัดการงบประมาณและแผนงาน ระบบบริหารจัดการโครงการสำหรับหน่วยบริหารจัดการ(ProgramManagement Unit : PMU) ระบบบริหารจัดการโครงการสำหรับหน่วยงานหรือมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นหน่วยงานบริหารจัดการและส่งมอบผลลัพธ์ (Outcome Delivery Unit : ODU) โดยระบบ NRIIS จะสนับสนุนระบบบริหารจัดการโครงการสำหรับนักวิจัย ระบบประเมินสำหรับผู้ทรงคุณวุฒิ ระบบข้อมูลบุคลากรวิจัยและนวัตกรรมระบบเชื่อมโยงข้อมูล ระบบบริการข้อมูล และระบบสนับสนุนการดำเนินงาน ตลอดจนบริหารจัดการและบำรุงรักษาระบบเพื่อสามารถให้บริการตามความต้องการใช้งานของผู้ใช้ระบบแต่ละกลุ่มเป้าหมายได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ

กรมศุลกากร ยึดไอซ์เตรียมส่งออกออสเตรเลีย 193.5 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 116 ล้านบาท

วันนี้ (23 ธันวาคม 2564) เวลา 10.00 น. นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร พร้อมด้วย นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการปราบปรามยาเสพติด ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พล.ต.ต. พรชัย เจริญวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ผู้แทนกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด น.อ.ธนวิทย์ ธีรชาติธำรง ผู้แทนศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย พล.ต.ต. มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการกองปราบปราม ผู้แทนกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นายบัณทิต สาครวิศวะ ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้แทนการท่าเรือแห่งประเทศไทย และ Mr. Joel Carruthers ที่ปรึกษาสำนักงานพิทักษ์เขตแดนออสเตรเลีย (Australian Border Force – ABF) ประจำสถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย ร่วมกันแถลงข่าวตรวจยึดยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 193.5 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 116 ล้านบาท

ณ ศูนย์เอกซเรย์และเทคโนโลยีศุลกากร สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ  

เผยแพร่โดย: ส่วนสื่อองค์กร สลข.

จุดพุล! นำร่อง 7 เมืองท่องเที่ยวโคราช

เริ่มแล้ว เทศกาลปราสาทหินพิมายครั้งที่ 33
เริ่มแล้ว! งานประจำปีอุทยานประวัติศาสตร์โบราณสถานมรดกล้ำค่าของโลก “เทศกาลท่องเที่ยวพิมาย ครั้งที่ 33”งานท่องเที่ยวส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่เ มืองโคราช 22-26 ธันวาคมนี้ ปลุกความคึกคักกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จุดพลุนโยบายโคราชเปิดเมืองนำร่อง 7 อำเภอตั้งแถวจัดงานท่องเที่ยวส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
นายชรินทร์ ทองสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาเปิดเผยถึงความคืบหน้า การจัดงานเทศกาลเที่ยวพิมาย ประจำปี 2564 ว่า วันนี้เป็นวันแรกของการจัดงาน โดยจังหวัดนครราชสีมาได้จัดขึ้นเป็นปีที่ 33 แล้ว ในรูปแบบงานที่เน้น การแสดงแสง สี เสียง และตลาดย้อนยุค ประเพณีวัฒนธรรมพื้นถิ่น ณ บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์พิมาย อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งการจัดงานเทศกาลเที่ยวพิมาย จัดขึ้นเพื่อสนับสนุนกระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างรายได้จากการการท่องเที่ยว ภายใต้มาตรการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวด โดยปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-26 ธันวาคม 2564

สำหรับกิจกรรมภายในงานนั้น มีหลากหลายกิจกรรม ประกอบด้วย การแสดง แสง สี เสียง และสื่อผสม พิมายปุระ The Musical วิมายะนาฏการ ‘‘ยอยศชัยวรมัน น้อมอภิวันท์สดุดี ศรีวิเรนทราศรม’’ ซึ่งจะจัดแสดงทุกวัน เวลา 19.00 น. ภายในงานยังมีกิจกรรมแสดงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น อาทิ ตลาดย้อนยุคแสดงวีถีชีวิตของคนในท้องถิ่น, การจำหน่ายอาหารพื้นบ้าน, การแสดง และจำหน่ายสินค้า OTOP และการออกร้านค้าต่างๆ
“อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย เป็นโบราณสถานมรดกล้ำค่าของโลก และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศไทย การจัดงานเทศกาลเที่ยวพิมายนอกจากจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมประเพณีในท้องถิ่นให้คงอยู่สืบไปอีกด้วย และเป็นการนำร่องเปิดเมืองด้านการท่องเที่ยว 7 อำเภอ ซึ่ง อำเภอพิมาย ก็เป็น 1 ใน 7 อำเภอ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ กระตุ้นการท่องเที่ยวของจังหวัดนครราชสีมา คือ อำเภอเมือง ,ปากช่อง, อำเภอเฉลิมพระเกียรติ, อำเภอโชคชัย, อำเภอสีคิ้ว, อำเภอวังน้ำเขียว, และอำเภอพิมาย ”

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา ทางจังหวัดนครราชสีมา ได้จัดแถลงข่าวไปแล้ว ที่ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช โดยมีผู้ร่วมแถลงข่าว ประกอบด้วย นายชรินทร์ ทองสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา, นายสทิศ สิทธิมณีวรรณ ท่องเที่ยว และกีฬาจังหวัดนครราชสีมา , นายเศรษฐี แพรกนัทที ปลัดอำเภอพิมาย รักษาการแทนนายอำเภอพิมาย , นายทศพร ศรีสมาน ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา , ดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา และนางสาวกรรณิการ์ พัฒนพีระเดช นายกเทศมนตรีตำบลพิมาย
โดยนางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่าในปีนี้ อบจ.ได้รับมอบหมายให้จัดกิจกรรม “ตลาดย้อนยุค” บริเวณถนนจอมสุดาเสด็จ โดยรูปแบบเน้นความเป็นพื้นถิ่น อาหารพื้นถิ่นของพิมายและอาหารพื้นถิ่นของชาวโคราช ที่อาจจะหารับประทานได้ยากในปัจจุบันกว่า 100 ร้านค้า โดยพ่อค้าแม่ค้าจะแต่งกายแบบย้อนยุคของคนสมัยก่อน เพื่อเข้ากับบรรยากาศของการจัดงาน ในช่วงเย็น และช่วงค่ำ จะได้เห็นบรรยากาศความสวยงามของการประดับไฟ เข้ากับช่วงฤดูหนาวในโซนตลาดย้อนยุค ซึ่งจะเพิ่มอรรถรสของการมาเที่ยวชมงาน โดยจัดจุดถ่ายภาพเช็คอิน เพื่อเก็บภาพความประทับใจ

“งานเทศกาลเที่ยวพิมาย” เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับการบรรจุอยู่ในโครงการ “โคราชเที่ยวได้ทุกเดือน” โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมาส่งเสริมให้จังหวัดนครราชสีมาสามารถเที่ยวได้ทุกเดือน ขอเชิญชวนพี่น้องชาวจังหวัดนครราชสีมาและพื้นที่ใกล้เคียงได้มาเที่ยวชมอย่างมีความสุข “มาเที่ยวโคราชบ้านเอ็ง…แล่วจะติ๊ดใจ๋เด้อออออ”

ด้านนายสทิศ สิทธิมณีวรรณ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา กล่าวเพิ่มว่า ปราสาทหินพิมายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักกันดีทั้ง ชาวไทย และ  ชาวต่างประเทศ และด้วยการตระหนักถึงความสำคัญ การสร้างจิตสำนึกให้คนไทยเดินทางมาท่องเที่ยวปราสาทหินพิมาย จังหวัดนครราชสีมา มากยิ่งขึ้น อีกทั้งเป็นการอนุรักษ์ฟื้นฟูวัฒนธรรมประเพณีของท้องถิ่นความภาคภูมิใจในศิลปวัฒนธรรมอันดีงาม และสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นให้ยั่งยืน โดยการจัดงานเทศกาลเที่ยวพิมายครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ในการจัดงานดังนี้

1. เพื่อขยายอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
2. เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยว
3. กระตุ้นเศรษฐกิจพ่อการท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการในท้องถิ่น 4. เพื่อส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวภายใต้มาตรการป้องกันการแพ้ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) 5. ส่งเสริมให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีด้านการท่องเที่ยวและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวภายใต้การท่องเที่ยววิถีใหม่ (New Normal)

นอกจากการจัดกิจกรรมภายในงานแล้ว จังหวัดนครราชสีมา ยังได้เชิญชวนนักท่องเที่ยว ปฏิบัติตามมาตรการท่องเที่ยวปลอดภัย งดดื่ม ลดเสี่ยง เลี่ยงโควิด เทศกาลท่องเที่ยวพิมายครั้งนี้ด้วย โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ จัดกำลังนับร้อย คุมเข้มป้องกันเหตุทะเลาะวิวาท ซึ่งเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา ภายในอุทยานปราสาทหินพิมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พิมาย, หัวหน้าอุทยานประวัติศาสตร์พิมาย, สาธารณสุขอำเภอพิมาย ร่วมกับ ประชาคมงดเหล้าจังหวัดนครราชสีมา

ได้ร่วมกันรณรงค์เชิญชวนให้ประชาชน และนักท่องเที่ยว ที่จะเดินทางมาเที่ยวงานเทศกาลท่องเที่ยวพิมาย  ให้ปฏิบัติตามมาตรการคัดกรองโรค ปฏิบัติตามกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเคร่งครัด

ไม่เพียงเท่านั้นทางประชาคมงดเหล้าจังหวัดนครราชสีมา และเครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง ยังได้เตรียมกิจกรรมรณรงค์ ลด ละ เลิก การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การขับขี่ปลอดภัย ทั้งยังได้มอบกรวยสะท้อนแสง ป้ายรณรงค์เมาไม่ขับ ให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พิมาย เพื่อใช้ในงานด้านการจราจร ช่วงงานเทศกาลเที่ยวพิมาย โดยทางสาธารณสุขอำเภอพิมาย เตรียมเจ้าหน้าที่ “อสม.” ตั้งจุดคัดกรองทุกจุดภายในงานเพื่อคัดกรองผู้ที่จะเดินทางมาเที่ยวงาน เป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พิมาย ได้เตรียมกำลังเจ้าหน้าที่นับร้อยนายป้องกันเหตุทะเลาะวิวาทภายในงานอีกด้วย

คณะอนุกรรมการฝ่ายกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนา เข้าเฝ้ารับพระราชทานไฟพระฤกษ์เพื่ออัญเชิญจุดถวายเป็นพุทธบูชา

คณะอนุกรรมการฝ่ายกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย นำคณะอนุกรรมการฯ เข้าเฝ้ารับพระราชทานไฟพระฤกษ์เพื่ออัญเชิญจุดถวายเป็นพุทธบูชาในโครงการไหว้พระใหญ่ทั่วไทย จำนวน 9 แห่ง ได้แก่

  1. วัดมหาจุฬาลงกรณราชูทิศ อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
  2. วัดพนัญเชิงวรวิหาร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
  3. วัดอินทรวิหาร บางขุนพรหม กรุงเทพมหานคร
  4. วัดธรรมมงคลเถาบุญนนทวิหาร เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร
  5. วัดเจริญราษฎร์บำรุง (หนองพงนก) อำเภอกำแพงแสน นครปฐม
  6. วัดวีระโชติธรรมาราม อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา
  7. วัดม่วง อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง
  8. มูลนิธิพุทธานุสรณ์ หน่วยเผยแพร่ศีลธรรม กรมการศาสนา อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี
  9. อารามวัตรมหายาน อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา

เพื่อนำความศิริมงคลต้อนรับเทศกาลปีใหม่ พุทธศักราช 2565

วช.นำคณะนักประดิษฐ์/นักวิจัยไทยคว้ารางวัลจาด 3 เวที

การประกวดสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมระดับนานาชาติในรูปแบบออนไลน์
เมื่อเร็วๆนี้สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นำนักวิจัยและนักประดิษฐ์เข้าร่วมประกวดในเวทีนานาชาติ 3 ประเทศแบบออนไลน์ โดย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า ทาง วช. ได้ร่วมกับหน่วยงาน/องค์กรทั้งในและต่างประเทศสนับสนุนนักประดิษฐ์/นักวิจัยไทยที่มีศักยภาพในด้านต่างๆส่งผลงานเข้าร่วมการประกวดสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมแบบออนไลน์ จาก 3 เวที ได้แก่ เวที SIIF 2021 ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี , เวที KIDE 2021 ณ เมืองเกาสง ไต้หวัน และเวที ITEX 2021 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ สหพันธรัฐมาเลเซีย เพื่อสนับสนุนให้นักประดิษฐ์และนักวิจัยไทยเข้าสู่เวทีนานาชาติในระดับโลกและได้รับการยอมรับในระดับสากล

เวที “Seoul International Invention Fair 2021” (SIIF 2021) จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 – 4 ธันวาคม 2564 ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี ทาง วช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ส่งผลงานเข้าร่วมการประกวดสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรม โดย รองศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ชาญณรงค์ รอดคำ และคณะ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นนักวิจัย/นักประดิษฐ์ไทยที่คว้ารางวัล Grand Prize จากผลงาน “การทำวัคซีนปลาด้วยนวัตกรรมแบบไร้เข็ม” ทางนักวิจัยเล็งเห็นปัญหาจากการฉีดวัคซีนแบบรายตัว ที่ทำให้เกิดการเสียหายและส่งผลเสียต่อปลา จึงได้คิดค้นนวัตกรรมจากองค์ความรู้ทางนาโนเทคโนโลยีประยุกต์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการห่อหุ้มและนำส่งแอนติเจนของเชื้อก่อโรคในปลา และยังเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมและการเกาะติดเยื่อเมือก ทำให้สามารถใช้วัคซีนในรูปแบบแช่หรือกิน ทั้งยังถูกหลักสวัสดิภาพของสัตว์

เวที “2021 Kaohsiung International Invention & Design Expo” (KIDE 2021) จัดขึ้นระหว่างวันที่ 2 – 4 ธันวาคม 2564 ณ เมืองเกาสง ไต้หวัน ซึ่งนักประดิษฐ์ไทยสามารถคว้ารางวัล WIIPA Special Award จากผู้จัดการ จำนวน 2 รางวัล ได้แก่ นายพิรัชย์ อัศวกาญจน์ และคณะ จากโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิยาลัย ฝ่ายมัธยม ในผลงานเรื่อง “ชุดทดสอบบอแรกซ์และกรดบอริกชนิดเจล” และเภสัชกรหญิง ดร.พรวนิช เจริญพุทธคุณ และคณะ จากบริษัท เซน อินโนเวชั่น กรุ๊ป จำกัด ในผลงานเรื่อง “อิมัลชันเจลฟาร์อินฟราเรดกระท่อมเพื่อบรรเทาปวด”
เวที “The 32nd International Invention , Innovation & Technology Exhibition” (ITEX 2021) จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 – 14 ธันวาคม 2564 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ สหพันธรัฐมาเลเซีย โดยทาง วช. ได้ส่งนักวิจัย/นักประดิษฐ์ไทย เข้าร่วมการประกวด จำนวน 27 ผลงาน จาก 13 หน่วยงาน ทั้งในระดับนักวิจัยและระดับเยาวชนสามารถคว้ารางวัลต่างๆได้มากมาย

“อลงกรณ์”ประกาศเดินหน้าพัฒนากรุงเทพสู่”มหานครสีเขียว”มุ่งยกระดับ”สุขภาพคน-คุณภาพเมือง”

ตอบโจทย์อนาคตกทม. ชูแนวทางเกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง ตั้งกลไก50เขต ดีเดย์ 24ธ.ค.คิกออฟโครงการวัดสีเขียว คลองสามวาสีเขียว

  นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และประธานคณะกรรมการโครงการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองบรรยายพิเศษในงาน Bangkok City Talk 2021  Bangkok Conference on Academic Argument  ผ่านระบบออนไลน์ zoom meeting ในหัวข้อ "เกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง : อนาคตของกรุงเทพมหานคร" ผ่านระบบ Facebook live 

โดยนายอลงกรณ์กล่าวว่าในปี2562 ประเทศไทยมีประชากรในเมืองมากกว่าในชนบทเป็นครั้งแรกสะท้อนถึงการขยายตัวของเมือง(Urbanization)ในประเทศของเราและเป็นเหตุผลสำคัญที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในยุคปัจจุบันต้องเร่งขับเคลื่อนพัฒนาการเกษตรในเมือง(Urban Farming)โดยเฉพาะในสถานการณ์โควิด19และยุคต่อไป(Next normal)ที่ต้องให้ความสำคัญระบบนิเวศน์เมืองเรื่องสุขภาพคนและคุณภาพเมือง
สำหรับกรุงเทพมหานครมีการพัฒนาเมืองอย่างรวดเร็วทำให้พื้นที่เกษตรลดลงเหลือเพียงแสนกว่าไร่เป็นเมืองที่มีความมั่นคงทางอาหาร(Food Safety)น้อยมากและพื้นที่สีเขียวยังไม่ได้สัดส่วนกับจำนวนประชากร คณะกรรมการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงวางโครงสร้างและระบบเป็นกลไกแบบมีส่วนร่วมในการพัฒนาภาคการเกษตรในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ด้วยโครงการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง (Sustainable Urban Agriculture Development Project : SUAD Project) ตามนโยบายของ ดร. เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืนซึ่งได้กำหนดยุทธศาสตร์”3’s”(Safety-Security-Sustainability-เกษตรปลอดภัย เกษตรมั่นคงและเกษตรยั่งยืน โดยโครงการดังกล่าวมุ่งเน้นการการพัฒนากรุงเทพมหานครให้เป็น”มหานครสีเขียวแห่งอนาคต”มีวัตถุประสงค์6ประการได้แก่

1.การพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง
2.การเพิ่มพื้นที่สีเขียว
3.การลดPM2.5และลดก๊าซเรือนกระจก(Green House Gas)
4.การเพิ่มคุณภาพอากาศ
5.การอัพเกรดคุณภาพชีวิตของประชาชน
6.การสร้างเศรษฐกิจสีเขียว
ซึ่งสอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ของสหประชาชาติ ในการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ(Climate Change)ของโลก และเป้าหมายของโครงการกรุงเทพสีเขียว2030(Green Bangkok2030)ในการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในกรุงเทพฯ เป็น 10 ตารางเมตรต่อคนสามารถเข้าถึงพื้นที่สีเขียวได้ในทุกระยะ 400 เมตร และเพิ่มพื้นที่ร่มไม้ต่อพื้นที่เมืองให้เป็น 1.3 แสนไร่ พร้อมทั้งพัฒนาการเกษตรและสร้างความมั่นคงทางอาหารให้แก่เมือง รวมทั้งการสร้างเศรษฐกิจสีเขียวเพิ่มรายได้และอาชีพในระดับชุมชนบนโมเดล BCG Economy (Bio-Circular-Green Economy) ควบคู่ไปด้วยกัน
นายอลงกรณ์ในฐานะประธานโครงการกล่าวต่อไปว่าขณะนี้ได้จัดตั้งกลไกการขับเคลื่อนใน 3 ระดับ ทั้งคณะกรรมการบริหารโครงการระดับประเทศ ระดับจังหวัด และระดับย่อยในพื้นที่ เป็นโครงสร้างและระบบครอบคลุมทั้งประเทศ โดยแบ่งพื้นที่ดำเนินการเป็น2ประเภทคือพื้นที่ของรัฐ(Public Space)เช่นบริเวณริมถนนและทางรถไฟ พื้นที่ใต้ทางด่วน เกาะกลางถนน สวนสาธารณะ สถานศึกษาของรัฐ พื้นที่ส่วนราชการ และพื้นที่สาธารณะว่างปล่า
สำหรับ พื้นที่ส่วนบุคคล (Private space)เช่น บ้าน ชุมชน โครงการจัดสรร คอนโด อาคารสำนักงาน พื้นที่ของการเคหะแห่งชาติ วัด โรงเรียน สถานศึกษา โดยส่งเสริมให้ปลูกไม้ยืนต้นไม้พุ่มไม้เลื้อยหรือไม้ในร่มโดยมีการพัฒนาเมืองสีเขียวได้หลายรูปแบบเช่น ถนนสีเขียว(Green Road) หลักคาสีเขียว(Green Roof) ตึกสีเขียว(Green Building) สวนป่า(Forest Garden) มหาวิทยาลัยสีเขียว (Green Campus) ชุมชนสีเขียว (Green Community วัดสีเขียว(Green Temple) เน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนและการเรียนรู้กับการอยู่ร่วมกันแบบแบ่งปัน

สำหรับการทำเกษตรในเมืองตามแนวทางเกษตรกรรมยั่งยืนมี5ประเภทได้แก่เกษตรอินทรีย์ เกษตรทฤษฎีใหม่ เกษตรผสมผสาน วนเกษตรและเกษตรธรรมชาติ)ทั้งในรูปแบบสวนขนาดเล็กและสวนขนาดใหญ่ สำหรับชุมชนในกรุงเทพมหานครจะได้รับการสนับสนุนในการสร้างอาชีพเกษตรกรรมในเมืองเพื่อสร้างรายได้เสริมและลดค่าครองชีพอีกทางหนึ่ง นอกจากนี้จะมีตลาดเกษตร(Farm Market)เป็นตลาดจำหน่ายสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรขณะนี้ได้จัดตั้งคณะกรรมการระดับชาติ ระดับคลัสเตอร์ และระดับเมืองเช่นได้จัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนกรุงเทพมหานครแล้วมีตนเป็นประธานและจะจัดตั้งคณะทำงานให้ครบทั้ง50เขตเป็นกลไกขับเคลื่อนระดับพื้นที่เช่น กรีนตลิ่งชัน กรีนบางกะปิ กรีนบางนา กรีนห้วยขวาง กรีนบางแค และวันที่24ธ.ค.นี้จะคิดออฟโครงการวัดสีเขียว คลองสามวาสีเขียว ที่วัดพระยาสุเรนทร์ เป็นที่แรกบนความร่วมมือระหว่างวัด บ้านและโรงเรียน(บ.ว.ร.)ในเขตคลองสามวา
ซึ่งโครงการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองจะเป็นทิศทางใหม่ของการปฏิรูปภาคเกษตรกรรมของไทยและเป็นครั้งแรกของประเทศที่จะส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกรรมในเมืองอย่างยั่งยืนในระดับนโยบายคู่ขนานไปกับการพัฒนาภาคเกษตรในชนบท อีกทั้งยังส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากในระดับชุมชนด้วยซึ่งมหานครใหญ่ๆระดับ World Cityเช่น นิวยอร์ก ลอนดอน ปักกิ่ง สิงคโปร์ ปารีส โตเกียว ฯลฯก็กำลังหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาเกษตรกรรมในเมือง

“แอร์มาเวล” ปักหมุดรุกตลาดจ.น่าน ดึงช่างแอร์ในพื้นที่ร่วมสัมมนา “การพัฒนาทักษะการเป็นผู้ประกอบการด้านช่างเครื่องปรับอากาศสู่มืออาชีพ”

ปิดจ็อบวันเดียวขายได้ 50 เครื่อง ปักหมุด “มาเวล” รุกตลาดแอร์ จ.น่าน ” ให้ทุกคนพร้อมเรียนรู้ทักษะปฏิบัติจริงด้านเทคนิคต่างๆกับแอร์มาเวลแต่ละรุ่นแบบเจาะลึก หลังเสร็จงานขายได้ 50 เครื่องภายในวันเดียวพร้อมตั้งเป้ากวาดยอดขายกว่า 5 ล้านบาทในไตรมาสแรกของปี 65

เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2564 ณ สุขไทย โฮม แอนด์ รีสอร์ท จ.น่าน บริษัท มาเวล คอร์ปอเรชั่น จำกัด นำโดยนายปริญญา มานวงค์ กรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วยอ.คณิศร สาจันทึก ที่ปรึกษาด้านเทคนิคและบริการหลังการขาย นายสมมาตร เชยเดช ผู้จัดการฝ่ายเซอร์วิส ได้จัดสัมมนา “การพัฒนาทักษะการเป็นผู้ประกอบการด้านช่างเครื่องปรับอากาศสู่มืออาชีพ” ให้กับช่างเครื่องปรับอากาศในพื้นที่จังหวัดน่านจำนวนกว่า 50 คน

นายปริญญากล่าวเปิดสัมมนามีใจความในตอนหนึ่งว่า เป้าหมายสูงสุดของมาเวลเราต้องการพัฒนาช่างแอร์ให้มีศักยภาพได้รับการรับรองฝีมือตามมาตรฐานสากลให้การยอมรับ มาเวลตั้งใจสนับสนุนองค์ความรู้ในทุกๆด้านเพื่อให้ทุกท่านได้มีการเติบโต และมีโอกาสเป็นผู้ประกอบการที่สำเร็จในอนาคต เพราะมาเวลเชื่อว่าทุกความสำเร็จที่เกิดในบางโอกาสของชีวิตซึ่งไม่แน่ว่าวันนี้อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ยิ่งใหญ่ของหลายๆคน ณ ที่นี้ มาเวลจึงพร้อมสนับสนุนในครั้งนี้ให้ทุกท่านมีโอกาสเติบโตแบบยั่งยืนและมั่นคงตลอดไป คนสำเร็จไม่ใช่คนช่างฝัน แต่เป็นคนขยันที่ฝันและลงมือทำ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านที่เข้ามาร่วมอบรมในวันนี้จะได้รับความรู้อย่างเต็มที่และสามารถนำความรู้ที่ได้รับในวันนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

นอกจากนั้นมาเวลยังได้มีการแต่งตั้งร้านเทพสยามมิวสิค เป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องปรับอากาศมาเวลอย่างเป็นทางการมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 เป็นต้นไปเพื่อรุกตลาดแอร์ในพื้นที่จังหวัดน่านได้อย่างเต็มที่มากขึ้น ล่าสุดพบภายหลังการจัดสัมมนาเสร็จสิ้นมีการจองจากช่างที่สนใจกว่า 50 เครื่องพร้อมตั้งเป้ากวาดยอดขายกว่า 5 ล้านบาทในไตรมาสแรกของปี 65

ด้าน อ.คณิศร สาจันทึก ที่ปรึกษาด้านเทคนิคและบริการหลังการขาย กล่าวว่า ในวันนี้ได้ถ่ายทอดให้ผู้เข้าอบรมได้ทราบถึง การแนะนำผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศมาเวล คุณสมบัติของเครื่องปรับอากาศมาเวล อุปกรณ์แถมต่างๆ เงื่อนไขการรับประกัน ขั้นตอนการแจ้งเคลมผลิตภัณฑ์ เช่นเดียวกับการกล่าวถึง ERROR CODE ที่ใช้ในการดูแลซ่อมบำรุงเครื่องปรับอากาศ เทคนิคการเดินท่อตามมาตรฐาน นอกจากนั้นยังได้โชว์คลิปการถอดล้างแอร์มาเวลที่มีขั้นตอนง่ายๆไม่ยุ่งยากให้ผู้เข้าอบรมสัมมนาได้เห็นว่าไม่ยุ่งยากเลย ใช้ระยะเวลาไม่กี่นาทีเท่านั้น

นายสมมาตร เชยเดช ผู้จัดการฝ่ายเซอร์วิส กล่าวว่า ได้ถ่ายทอดให้ผู้เข้าอบรมทราบถึงความสะดวกรวดเร็วด้านบริการให้ลูกค้ามีความมั่นใจเมื่อเลือกใช้บริการแอร์มาเวล ภายใต้มาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ นอกจากนั้นยังถ่ายทอดเทคนิคการเลือกใช้อุปกรณ์อย่างถูกต้องแล้วยังกล่าวถึงการใช้แอร์ระบบพลังงานโซล่าเซลล์ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ว่ามีผลการทดสอบและการเปรียบเทียบผลการใช้งานกับระบบใช้ไฟฟ้า AC-DC ตลอดจนการประหยัดพลังงานในแอร์ขนาด 12,000 BTU และ 25,000 BTU ว่ามีตัวเลขการประหยัดพลังงานแตกต่างกันอย่างไร

นายวิฤทธิ์ ตั้งมุทาสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการร้านเทพสยามมิวสิค กล่าวว่า น่านเป็นหนึ่งเมืองท่องเที่ยว ปัจจุบันสามารถท่องเที่ยวได้ตลอดปี ดังนั้นนักลงทุนจึงสนใจมาลงทุนสร้างโรงแรม รีสอร์ทให้บริการจำเป็นต้องติดตั้งแอร์รองรับความต้องการของลูกค้า

ทั้งนี้เห็นว่าแอร์ระบบโซล่าเซลล์จะตอบโจทย์ของร้านกาแฟ คอมมูนิตี้มอลล์ที่ใช้งานช่วงกลางวันซึ่งอากาศร้อน ช่วยประหยัดได้ แล้วยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจากพลังงานทางเลือกของแสงอาทิตย์อีกด้วย ซึ่งในวันนี้ช่างกว่า 50 คนที่ผ่านการอบรมไปจะเข้าใจเรื่องของเครื่องปรับอากาศมาเวลมากขึ้น โดยเฉพาะระบบโซล่าเซลล์ จึงสามารถสนับสนุนทางการตลาดให้เทพสยามได้อีกทางหนึ่งด้วย

“ประการสำคัญ “มาเวล” สามารถมีค่าใช้จ่ายบางส่วนให้ช่างจึงเป็นจุดเด่นที่เหนือกว่ารายอื่นในตลาด ปี 2565 จึงเป็นโจทย์ด้านการรุกตลาดที่ท้าทายของเทพสยามว่าจะทำยอดขายได้มากน้อยแค่ไหนอย่างไร ยืนยันว่าจะรุกตลาดให้อย่างเต็มที่เพื่อจะไต่ระดับความสามารถและความสำเร็จที่สูงขึ้นในปีต่อๆไป”

นางจุรีย์พร ทวีรัตนานนท์ หนึ่งในผู้ประกอบการให้บริการด้านการขายและติดตั้งพร้อมซ่อมบำรุงและให้บริการติดตั้งไฟฟ้า-เครื่องปรับอากาศในพื้นที่อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน กล่าวว่า ได้ประโยชน์อย่างมากในการเข้าร่วมสัมมนาครั้งนี้โดยเฉพาะรายละเอียดสินค้า การรับประกัน การเคลมสินค้า เนื่องจากตนจะนำไปเป็นข้อมูลอธิบายให้กับลูกค้าผู้สนใจซื้อแอร์ได้ตัดสินใจรวดเร็วขึ้น

“แม้ผู้หญิงจะเป็นช่างไม่ได้เต็มร้อย 100% แต่สามารถเรียนรู้รายละเอียดต่างๆที่เกี่ยวข้องกับแอร์เพื่อนำไปอธิบายลูกค้าได้ด้วย ดังนั้นการจะขายเราจะต้องรู้รายละเอียดผลิตภัณฑ์นั้นๆให้มากที่สุด สามีเป็นช่างติดตั้งไฟฟ้า เป็นอดีตข้าราชการศาล แต่การขายและบริการตนจะทำหน้าที่นี้ทั้งหมดโดยจะมีทีมช่างเข้าไปบริการพื้นที่ให้บริการในอำเภอภูเพียงและใกล้เคียง ดังนั้นส่วนใหญ่แล้วจึงให้บริการขายพร้อมติดตั้งลูกค้าจะสะดวกและพึงพอใจมากกว่า”

องค์การสวนสัตว์ ฯ เชิญชวนเที่ยวสวนสัตว์ทั่วไทย ร่วมกิจกรรมอนุรักษ์วันคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ

องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (อสส.) จัดกิจกรรมวันคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ 26 ธันวาคม ภายในสวนสัตว์ทั่วประเทศ หวังสร้างจิตสำนึกด้านอนุรักษ์ และการมีส่วนร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ในโครงการอุปถัมภ์สัตว์ เพื่อสัตว์ป่าของไทย

นายอรรถพร ศรีเหรัญ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงการจัดกิจกรรมวันคุ้มครอง สัตว์ป่าในสวนสัตว์ 6 แห่ง โดยหวังให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติ สัตว์ป่า สิ่งแวดล้อม และสร้างจิตสำนึกการมีส่วนร่วมให้กับประชาชนได้เห็นถึงความสำคัญของสัตว์ป่า และยังเป็นนโยบายของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ได้ขับเคลื่อนและรณรงค์ให้ร่วมกันฟื้นฟู อนุรักษ์สัตว์ป่ามาอย่างต่อเนื่อง จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนมาเที่ยวชมสวนสัตว์ โดยแต่ละแห่งมีกำหนดจัดกิจกรรมตามกำหนดดังนี้

สวนสัตว์เปิดเขาเขียว พบกิจกรรมส่งเสริมองค์ความรู้ D.I.Y สร้างการมีส่วนร่วม เกมส์มหาสนุก ส่งความสุขให้สัตว์ป่า และ โครงการอุปถัมภ์จัดนิทรรศการ กำหนดจัดกิจกรรมระหว่างวันที่ 25-26 ธันวาคม 2564
สวนสัตว์เชียงใหม่ พบกิจกรรมไลฟ์สด เล่นเกมส์ แจกของรางวัล และกิจกรรมสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับผลกระทบจากไฟป่าที่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และสัตว์ป่า กำหนดจัดกิจกรรมวันที่ 26 ธันวาคม 2564
สวนสัตว์นครราชีมา พบกิจกรรมวันคุ้มครองสัตว์ป่า ฐานการเรียนรู้ห้องสมุดมีชีวิต สร้างความตระหนักด้านอนุรักษ์สัตว์ป่า และ กิจกรรทำความดีด้วยหัวใจ ลดใช้พลาสติก กำหนดจัดกิจกรรมวันที่ 26 ธันวาคม 2564
สวนสัตว์สงขลา พบกิจกรรมยิ่งใหญ่ ทำบุญตักบาตรผลไม้ โดยมีช้างพัง “ป้ามาลี” อายุ 75 ปี เป็นตัวแทนสัตว์ป่า เพื่อสวดมนต์ต่ออายุ ทำขวัญ และให้อาหารสัตว์ กำหนดจัดกิจกรรม 24-26 ธันวาคม 2564
สวนสัตว์อุบลราชธานี จัดกิจกรรมสร้างฐานองค์ความรู้สัตว์ป่าสงวน กำหนดจัดกิจกรรมวันที่ 26 ธันวาคม 2564
สวนสัตว์ขอนแก่น จัดกิจกรรมไลฟ์สด สร้างความตระหนักในการรักษ์สัตว์ป่า กำหนดจัดกิจกรรมวันที่ 26 ธันวาคม 2564

องค์การสวนสัตว์ ฯ จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนมาเที่ยวชมสวนสัตว์ในวันคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการอุปถัมภ์สัตว์ เพื่อสนับสนุนการส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่าอย่างยั่งยืนตลอดไป โดยสามารถดูรายละเอียดได้ตาม QR Code ด้านล่างนี้

พระครูบาอริยชาติ อริยจิตโต วัดแสงแก้วโพธิญาอนุญาตให้อาจารย์ มังกร พันเศียร จัดสร้างวัตถุมงคล ล็อกเก็ต

พระครูบาอริยชาติ อริยจิตโต วัดแสงแก้วโพธิญา อำเภอ.แม่สรวย จังหวัด.เชียงราย
อนุญาตให้อาจารย์ มังกร พันเศียร จัดสร้างวัตถุมงคล ล็อกเก็ต
( รุ่นรวยตลอด ) ๒๕๖๕ เพื่อเสริมสร้างสิริมงคล ให้กับผู้ที่ได้ครอบครอง และข้างในล็อกเก็ต ยังได้บรรจุแร่พุทธคุณต่างๆ อันศักดิ์สิทธิ์ยิ่งเช่น
๑.เหล็กไหลดำ
๒.เหล็กไหลเงินยวงขาว
๓.เหล็กไหลตาควาย
๔.แร่บางไผ่
๕.ตะปูสังฆวานรวัดระฆัง
๖.ฉนวนหล่อพระวัดพนัญเชิง
๗.สมเด็จวัดเกศไชโย
๘.พญาสมิงเหล็ก แร่หลายชนิด
๙.พญาว่าน ๑๐๘ ชนิด
และรอการปลุกเสก จากเกจิหลายท่าน พุทธคุณ เสริมสิริมงคล เสริมความขลัง กันภูตผีปีศาจ อำนาจมืดมนดำ และสิ่งที่ชั่วร้ายทั้งปวง เพื่อให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง เพิ่มพูน ร่ำรวย สำเร็จ มากยิ่งๆขึ้นไป
ครั้งนี้จัดสร้างเพียง ๒๒๗ ชิ้นเท่านั้น และทุกชิ้นมีโค้ดตัวเลขอย่างชัดเจน หมดแล้วหมดเลยต้องรอรุ่นต่อไปสาธุ

นายกสมาคมช่างภาพสื่อมวลชนดิจิทัล มอบกระเช้า

นายกิตติพันธ์ ขันติศีลชัย นายกสมาคมช่างภาพสื่อมวลดิจิทัล มอบกระเช้าผลไม้ให้ นายสุกษม อามระดิษ นายกสมาคมแพทย์แผนไทยแห่งประเทศไทย เนื่องในโอกาสวันครบรอบพิธีไหวัครูประจำปีของสมาคมฯ โดยมี ผู้อำนวยการศูนย์สาขาต่างๆของสมาคมฯทั่วประเทศ มาร่วมงานอย่างคับคั่ง ที่สมาคมแพทย์แผนไทยแห่งประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุข วันก่อน